ศัลยกรรม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 13 Jun 2023 13:53:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คุยกับ “หมอต้น AF” ผันตัวจากหมอความงามฟรีแลนซ์ ปั้น APi Clinic ด้วยอุดมการณ์ https://positioningmag.com/1405452 Tue, 25 Oct 2022 07:49:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405452 รีวิวประสบการณ์ตรง

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ทำตา 2 ชั้นที่ APi Clinic เนื่องจากเป็นคนชั้นตาไม่เท่ากัน เลยตัดสินใจทำ แต่ว่าพอทำออกมาแล้วก็ยังชั้นตาไม่เท่ากันอยู่ดี จึงปรึกษาหมอเบนซ์อีกครั้ง คุณหมอบอกว่าเมื่อมาดูรูปก่อนทำอีกครั้งก็พบว่าเรา “คิ้วไม่เท่ากัน” คิ้วข้างขวาตกกว่าข้างซ้ายเล็กน้อย จึงทำให้หนังตาข้างขวาหลบใน เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาไม่เท่ากัน พอเรามาย้อนดูรูปเก่าๆ ก็พบว่าตาคิ้วเราไม่เท่ากันจริงๆ ก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน

จริงๆ ไม่ได้จะโทษหมอเลย ก็เข้าใจในโครงสร้างหน้าของเราว่ามันไม่เท่ากัน แต่แค่แปลกใจว่าทำไมหมอไม่ได้ดูให้ละเอียดก่อนหรือ ว่าคนไข้มีองค์ประกอบหน้าอย่างไร คิ้ว กับตาเท่ากันหรือไม่ จะได้รู้ข้อจำกัดว่า ถ้ากรีดตาแล้วมันก็ยังไม่เท่ากันอยู่ดีนะ หรือว่าควรแก้ด้วยวิธีอื่น แต่ทำไปแล้วถึงมารู้

หมอจึงแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว เพราะถ้าแก้ใหม่ก็คงเหมือนเดิม แต่พอหลังจาฉีดไปได้ 3 สัปดาห์ ก็ยังไม่ยกขึ้นเท่าไหร่ คือมันทำได้ไม่มากหรอก ก็ไม่รู้หมอจะแนะนำแต่แรกทำไม

ตอนแรกหมอเข้าใจคิดว่าเราหาว่าเราไปทำตาแล้วทำให้คิ้วตก เราก็อธิบายว่ามันเป็นตั้งนานแล้ว แต่ก็สงสัยว่าทำไมหมอไม่ได้ดูก่อน ซึ่งเราก็ประทับใจในคำตอบว่า “เห็นอยากมาทำตา 2 ชั้น เลยไม่ได้ดูคิ้วให้ ต้องขอโทษด้วยครับ” ประทับใจมากๆ จริงๆ เลยแปลกใจว่าเอ๊ะ ทำตา 2 ชั้นมันไม่สัมพันธ์กับคิ้วหรอ…

ตลาดศัลยกรรมความงามในไทยเริ่มมีการเปิดกว้างมากขึ้น หลายคนไม่ได้ปิดกั้นตัวเองในการทำศัลยกรรม ส่งผลให้ตลาดคลินิกเสริมความงามเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมอศัลยกรรมไทยก็เป็นที่ขึ้นชื่อเช่นกัน Positioning มีโอกาสได้พูดคุยกับ “หมอต้น AF” หรืออภิวัฒน์ พิริยไชโย ผู้ก่อตั้ง APi Clinic ด้วยแนวคิดความปลอดภัยของคนไข้ต้องมาก่อน หลังจากเจอ Pain Point ตอนเป็นหมอรับจ็อบฟรีแลนซ์ ต้องทำอะไรตรงข้ามกับอุดมการณ์ตัวเอง

หมอฟรีแลนซ์ ประกวด AF สู่การเปิดคลินิกเอง

หมอต้นมีทั้งบทบาทเป็นหมอทางด้านความงาม ศัลยกรรม และเป็นผู้เคยประกวดรายการ Academy Fantasia มาแล้วในซีซั่นที่ 10 ชื่อของหมอต้นจึงถูกพ่วงด้วยนามสกุล AF การเป็นทั้งหมอ และนักร้อง ล้วนเป็นการใช้ทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลปะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

แต่ก่อนที่หมอต้นจะมาเปิดคลินิก APi Clinic เป็นของตัวเอง หมอต้นเป็นหมอความงามทั่วไปที่รับจ็อบฟรีแลนซ์ตามคลินิกเอกชน และโรงพยาบาลต่างๆ แต่ก็พบว่าในแต่ละที่ไม่ค่อยมีความจริงใจกับลูกค้าเท่าไหร่นัก และไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์คนละยี่ห้อกับที่ตกลงกันไว้ หรือฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณนี้ต่ำกว่าที่โฆษณาไว้

ด้วยความที่หมอต้นเป็นคนตรงไปตรงมา และคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก ประกอบกับตอนนี้เริ่มมีชื่อเสียง เพราะได้เข้าประกวด AF แล้ว ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะเสียหายหนักกว่าเดิม เมื่อไม่ยอมทำตามเจ้าของคลินิก ก็เกิดปัญหาตามมาตลอด จึงตัดสินใจว่าต้องเปิดคลินิกเอง เพื่อรักษาอุดมการณ์ของตัวเอง

ส่วนอีกบทบาทกับการที่เป็นนักร้องในบ้าน AF หมอต้นบอกว่ามี “หมอโอ๊ค สมิทธิ์” เป็นไอดอล เป็นคนที่ใช้ศาสตร์ และศิลป์พร้อมกันได้

“เป็นคนชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก แต่ที่บ้านเป็นครอบครัวคนจีน จะไม่ค่อยสนับสนุนด้านนี้ ต้องแอบไปเรียนร้องเพลงเอง เป็นความฝันแต่เด็กๆ ขอให้ได้เข้าบ้าน AF ตอนที่ไปออดิชั่น AF อายุ 25 ปี เรียนจบแพทย์พอดี เป็นจังหวะชีวิตที่ลงตัว พอเป็น AF ได้ฝึกหลายอย่าง ฝึกด้านศิลปะ พอเป็นหมอได้ใช้ด้านวิทยาศาสตร์ ได้ใช้จินตนาการที่เราชอบ ด้านวิทยาศาสตร์ก็ปลอดภัยด้วย สวยด้วย เป็นโชคชะตาให้ได้สิ่งนี้ ตอนเด็กๆ ได้เห็นพี่หมอโอ๊ค ก็ได้จุดประกายในการเป็นทั้งหมอ และนักร้อง”

เน้นความปลอดภัยมาก่อนความสวย

หลังจากที่เป็นหมอด้านผิวพรรณความงามได้ 2 ปี ก็ได้ขยับเป็นหมอศัลยกรรม ก็ยังคงรับงานตามคลินิก และโรงพยาบาลเหมือนเดิม ก็เกิดปัญหาในรูปแบบเดิมที่มีอุดมการณ์ไม่ตรงกัน หมอต้นจึงเริ่มคิดว่าไม่สามารถทำที่อื่นได้ ถ้าไม่ได้เปิดเป็นของตัวเอง มิเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาเดิมๆ อย่างต่อเนื่อง

หมอต้นจึงได้มาเปิด APi Clinic เป็นของตัวเอง ได้พาร์ตเนอร์ “หมอเบนซ์” จักษุแพทย์ และเป็นอาจารย์หมอมาร่วมเปิดคลินิกด้วยกัน โดยมีจุดยืนที่ว่าอยากให้คนไข้ปลอดภัย More Safety More Beauty มองถึงความปลอดภัยก่อน เมื่อปลอดภัยแล้วจะสวยเอง ต้องดูแลคนไข้ให้ดีที่สุดบนมาตรฐานความเป็นจริง

APi Clinic เปิดที่แรกที่ย่านแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด มีสาขาเดียว ชื่อ APi มาจากชื่อของหมอต้น “อภิวัฒน์” แต่ไม่อยากใช้ชื่ออภิวัฒน์เป็นชื่อคลินิกเพราะดูเชยไป เลยย่อเป็น APi

“จุดยืนของ APi Clinic เป็นการทำศัลยกรรมกับหมอ เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก พอทำมาจนถึงตอนนี้ก็คิดว่าสิ่งที่คิดมาตลอดเป็นเรื่องถูกต้อง ถ้าคนไข้มองหาความปลอดภัยมาก่อนความสวย จะมาหาที่คลินิกนี้ แต่ถ้าคนที่มองเรื่องราคาเป็นหลักจะไม่ได้มาที่นี่ หลังจากที่คนไข้ทำออกไปก็เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก เน้นความเรียล ความปลอดภัย ไม่ได้ดูนางแบบเป็นหลัก” 

เด่นเคสแก้จมูก รับแค่วันละ 2 เคส

ที่ APi Clinic มีบริการหลักก็คือ ตกแต่งศัลยกรรมจมูก, ทำตา 2 ชั้นโดยจักษุแพทย์ และบริการปรับแต่งรูปหน้าต่างๆ ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ ยังไม่มีศัลยกรรมใหญ่ เพราะยังไม่มีห้องผ่าตัดใหญ่

หมอต้นบอกว่าที่นี่ลูกค้ามาทำจมูกสัก 70% และในการทำจมูกเป็นเคสแก้จมูกที่มีปัญหาจากที่อื่นถึง 80% ที่นี่เลยขึ้นชื่อเรื่องการแก้จมูก บางคนไปทำจมูกบางที่ทีมีราคาถูก หรือไม่ได้ปลอดภัยมากนัก เจอปัญหาที่ตามมา จมูกเบี้ยว ซิลิโคนทะลุ

ในแต่ละวันจะรับคนไข้ได้แค่ 2 เคสเท่านั้น เพราะต้องพิถีพิถันในแต่ละขั้นตอน และหมอต้นเป็นคนทำเองทุกเคส ไม่ได้มีหมอคนอื่นทำ อย่างคนไข้ที่มาทำจมูกก็จะทำปรับรูปหน้าเพิ่มเติม ต่อยอดจากลูกค้าเดิมได้

“ตอนนี้ตลาดศัลยกรรมเปิดกว้างมากขึ้น หลายคนยอมรับในการทำศัลยกรรมมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี ข่าวสารเร็ว ความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มีหมอเก่งๆ และมีคลินิกเยอะขึ้น แต่พอช่วงปิดประเทศจาก COVID-19 ก็ทำให้คนไทยทำในประเทศมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนมองว่าต้องไปทำที่เกาหลีก็มี แต่จริงๆ หมอไทยเก่งๆ ก็เยอะ”

ปัจจุบันคนไทยมีการทำศัลยกรรมจมูกมากทุ่สด รองลงมาคือหน้าอก ส่วนดาราที่นิยมนำมาเป็นต้นแบบก็มีทั้งใบเฟิร์น พิมชนก, ปอย ตรีชฎา และเก้า สุภัสสรา

เตรียมลงทุนโรงพยาบาลแห่งใหม่

ปัจจุบันที่ APi Clinic มีคุณหมอแค่ 2 คน และหมอต้นรับเคสเองทั้งหมด ในอนาคตมีแผนที่จะขยายการลงทุนโรงพยาบาลแห่งใหม่ เป็นพื้นที่สแตนด์อะโลน ขนาด 800 ตารางเมตร ยังอยู่ในโซนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด ที่แห่งใหม่นี้จะมีพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม จะสามารถทำห้องผ่าตัดใหญ่ได้ เพื่อรองรับการศัลยกรรมหน้าอก

“แผนการลงทุนในตอนนี้ เตรียมขยายสถานที่ต้อนรับคนไข้ได้ดีขึ้น มีอุปกรณ์อัปเดตใหม่ตลอด มีไหมใหม่ๆ ตลอดเวลา มีของดีที่สุด ไม่เน้นลดต้นทุน พร้อมกับขยายทีมแพทย์ที่เชื่อมั่นคอนเซ็ปต์เดียวกัน ทีมแพทย์ต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน”

ถ้าถามว่าตลอดเวลา 5 ปีทีเปิดคลินิกมา ช่วงเวลาไหนที่ยากที่สุด หมอต้นบอกว่า คือช่วงที่ยึดอุดมการณ์ของตัวเอง บางทีคนไข้มาแก้จมูก แต่ดูสื่อมาเยอะ อยากได้โด่งๆ แต่ว่าแต่ละคนจะมีข้อจำกัดต่างกัน ก็ต้องพยายามอธิบาย ทำให้คนไข้เข้าใจได้มากที่สุด

ส่วนเป้าหมายในอนาคต อยากให้ APi Clinic เป็นที่นึกถึงในแง่ของงานจมูกที่ปลอดภัย อยากให้คลินิกเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ใช่แค่คลินิกดูแลความสวยงามอย่างเดียว แต่ดูแลทุกมิติ รวมถึงสุขภาพคนไข้ด้วย

 

]]>
1405452
4 ข้อแนะนำการทำ “ศัลยกรรม” จากศัลยแพทย์เฉพาะทาง รพ.ดับเบิ้ลยู https://positioningmag.com/1322234 Wed, 17 Feb 2021 10:00:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322234

คนไทยนิยมการ ศัลยกรรมเสริมความงามสูงขึ้นทุกปี โดยมีมูลค่าตลาดเมื่อปี 2562 กว่า 4 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% แต่กระแสความนิยมที่มากขึ้น ยิ่งทำให้ผู้รับบริการต้องระมัดระวังในการเลือกทำศัลยกรรม โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปีของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู มีคำแนะนำในการตัดสินใจก่อนการทำศัลยกรรมมาฝาก

โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มศัลยแพทย์ฝีมือดีที่ต้องการพัฒนาวงการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมี นายแพทย์กำธร ศิริพันธุ์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร วางวิสัยทัศน์เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมที่มีมาตรฐาน มีจรรยาบรรณ ให้บริการด้วยแพทย์ประสบการณ์สูงและเทคโนโลยีใหม่ โดยมีทั้งบริการด้านศัลยกรรมตกแต่งและผิวพรรณ เพื่อความงามแบบครบวงจร

การก่อตั้งรพ.ดับเบิ้ลยูมี รศ.นพ.ศิรชัย จินดารักษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายการแพทย์ โดยรศ.นพ.ศิรชัยเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้วางวิสัยทัศน์ให้รพ.ดับเบิ้ลยูยึดนโยบายด้านจรรยาบรรณและมาตรฐานที่ถูกต้องเป็นหลัก

รศ.นพ.ศิรชัย จินดารักษ์ ประธานที่ปรึกษาฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู

รศ.นพ.ศิรชัยยังมี ข้อแนะนำให้คนไทยที่ต้องการศัลยกรรมเสริมความงาม 4 ข้อ ดังนี้

1) รู้จักความต้องการของตนเอง

เบื้องต้นสำหรับคนอยากศัลยกรรม ควรมี ‘จินตนาการ’ ถึงผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการก่อน เพราะหากไม่มีภาพที่ชัดเจนว่าต้องการผลลัพธ์อย่างไร การสร้างผลลัพธ์ให้ถูกใจจะเป็นไปได้ยาก

รศ.นพ.ศิรชัยเปรียบเทียบว่า การศัลยกรรมเหมือนกับเข้าร้านทำผม หากลูกค้าไปทำผมโดยบอกช่างแต่เพียงว่า “ขอทรงผมที่ดูดี” ช่างจะตัดสินใจลำบาก เพราะไม่อาจทราบได้ว่าทรงผมที่ลูกค้าชอบจะเป็นแบบไหน

2) เลือกความปลอดภัยเป็นหลัก

เกี่ยวกับประเด็นนี้ รศ.นพ.ศิรชัยอธิบายว่าการตกแต่งศัลยกรรมไม่ได้มีการจำกัดให้ทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ดังนั้น อาจมีแพทย์จำนวนหนึ่งที่ทำศัลยกรรมโดยไม่ได้จบการศึกษาเฉพาะทาง ซึ่งย้ำว่ามิได้ผิดกฎของแพทยสภา เพียงแต่ผู้ที่เรียนจบเฉพาะทางด้านศัลยกรรมมักจะมีประสบการณ์ตรงมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีกรณีที่ผู้รับบริการต้องการปรับแก้ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง

จึงแนะนำว่า ก่อนเข้ารับบริการควรตรวจสอบชื่อแพทย์ผู้ทำการศัลยกรรมกับแพทยสภาก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ สำหรับรพ.ดับเบิ้ลยูมีแพทย์ศัลยกรรมที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งศัลยแพทย์ แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม รวมถึงวิสัญญีแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรอนุสาขาการระงับปวดซึ่งผ่านการรับรองจากแพทยสภา

3) Double-Check พบแพทย์หลายท่านก่อนตัดสินใจ

ก่อนทำศัลยกรรม ไม่ควรพบแพทย์แค่ท่านเดียว รศ.นพ.ศิรชัยอธิบายว่า ผู้รับบริการควรมี ‘second opinion’ หรือความเห็นที่สองเพื่อชั่งน้ำหนักก่อน เพราะแพทย์แต่ละท่านอาจมีวิธีการแตกต่างในรายละเอียดในการทำศัลยกรรม ซึ่งอยู่ที่ผู้รับบริการจะตัดสินใจเลือกให้เหมาะกับตนเอง

บางครั้งยังมีความเป็นไปได้ที่แพทย์อาจมีความเห็นต่างกันในแง่ข้อบ่งชี้ของแต่ละเคสว่าควรศัลยกรรมหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ผู้รับบริการได้พิจารณาเปรียบเทียบก่อน โดยประเด็นการขอความเห็นจากแพทย์ ทางรพ.ดับเบิ้ลยูจะมีนโยบายรับให้คำปรึกษาฟรีแก่ผู้ที่ต้องการศัลยกรรม สร้างความอุ่นใจให้ผู้รับบริการไม่ต้องกังวลในการขอคำปรึกษา

4) ศัลยแพทย์ไทยเข้าใจคนไทยมากที่สุด

เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาคอยดูแลตลอดขั้นตอนการรับบริการ

ข้อนี้เป็นคำแนะนำจากประสบการณ์ หลังจากคนไทยนิยมไปศัลยกรรมที่ต่างประเทศโดยเฉพาะเกาหลีมากขึ้น แต่ที่จริงแล้ว รศ.นพ.ศิรชัยกล่าวว่า ศัลยแพทย์ไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยมีการเรียนการสอนด้านศัลยกรรมในไทยมานานกว่า 40 ปี ทำให้ไทยมีระบบการฝึกฝนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลิตบุคลากรที่มีทักษะความรู้ และมีอุปกรณ์ สถานที่ การบริการที่ทันสมัย

นอกจากมาตรฐานระดับโลกแล้ว แพทย์ไทยยังมีข้อได้เปรียบในแง่ ‘ความเชี่ยวชาญรูปหน้าดั้งเดิมของคนไทย’ ซึ่งแตกต่างจากรูปหน้าของชาวเกาหลี จากประสบการณ์เคสที่ได้สั่งสมมาจึงเข้าใจใบหน้าแบบไทยมากกว่าแพทย์ต่างประเทศ

รวมถึงอีกข้อหนึ่งที่ผู้รับบริการมักมองข้ามไปคือเรื่อง ‘การสื่อสาร’ ในไทยนั้นผู้รับบริการจะได้ปรึกษากับแพทย์โดยตรง และในกรณีของรพ.ศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู จะมีเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาชาวไทยดูแลตลอดการรับบริการร่วมด้วย ซึ่งทำให้การสื่อสารถูกต้อง แม่นยำ และเข้าใจกันมากกว่า หากรับบริการในต่างประเทศ อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้เนื่องจากแปลความผ่านล่าม และความคลาดเคลื่อนอาจจะทำให้ผลลัพธ์การทำศัลยกรรมผิดไปจากที่คาดหวังได้

“สำหรับ โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู เราให้ความสำคัญกับการให้บริการด้านความงาม โดยโรงพยาบาลของเราบริการด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมากประสบการณ์และเครื่องมืออุปกรณ์อันทันสมัย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันรพ.ศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยูจากฝีมือศัลยแพทย์ชาวไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติ เพื่อมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้กับทุกคน” นายแพทย์กำธรกล่าว

นายแพทย์กำธร ศิริพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู

ทั้งนี้ รพ.ศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยูพร้อมพิสูจน์ผลงานด้วยจำนวนผู้รับบริการกว่า 10,000 คนต่อปี ซึ่งรวมถึงคนดังและดาราที่เป็นที่รู้จักหลายท่าน เช่น ปุ้ยพิมลวรรณ หุ่นทองคำ, นีโน่-เมทนี บุรณศิริ, แนน-ชลิตา เฟื่องอารมณ์, เปิ้ล-ภารดี อยู่ผาสุก, ลูกนัท-ปนัดดา เรืองวุฒิ, แหม่ม-พัชริดา วัฒนา, แพร์-แพร์รัชนี ศิระเลิศ, บี-วัลวิภา(สุวรัฎฐิกา) โยคะกุล, เปี๊ยก-สมมาตร ไพรหิรัญ, มล-กมล ฉัตรเสน, ดาด้า-วรินดา ดำรงผล, แมว-จิรศักดิ์ ปานพุ่ม, ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ, บี-ปิติภัทร สารสินฯ เป็นต้น

เกี่ยวกับการให้บริการของรพ.ดับเบิ้ลยู นายแพทย์กำธร เปิดเผยว่า โรงพยาบาลฯ มีการลงทุนถึง 200 ล้านบาทก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลบริเวณถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา สามารถรองรับการทำศัลยกรรมที่ต้องพักฟื้นค้างคืนซึ่งเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ต้องใช้ความชำนาญสูง เช่น ผ่าตัดแปลงเพศ เสริมสะโพก ตัดหนังหน้าท้อง ยุบโหนกแก้ม เป็นต้น

เคสตัวอย่างจากเซเลปคนดัง : แนน-ชลิตา เฟื่องอารมณ์ ผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา

นอกจากนี้ รพ.ดับเบิ้ลยูยังให้คำแนะนำการรับบริการแบบ Total Beauty Solutions เนื่องจากผลลัพธ์ที่ลูกค้าต้องการอาจมีโซลูชันการศัลยกรรมได้หลายวิธีการ ดังนั้น แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำแต่ละโซลูชันว่าแตกต่างกันอย่างไร โดยลูกค้าอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป เพราะรพ.ดับเบิ้ลยูมีเทคโนโลยีที่สามารถแก้ปัญหาทดแทนได้ อย่างไรก็ดี การตัดสินใจขั้นสุดท้ายลูกค้าสามารถเลือกโซลูชันที่ต้องการได้เอง

นายแพทย์กำธรคาดว่า ปี 2564 นี้ รพ.ดับเบิ้ลยูน่าจะทำรายได้เติบโตราว 20% จากความสนใจด้านศัลยกรรมและความงามที่มากขึ้นของคนไทย ประกอบกับโรคระบาด COVID-19 ทำให้คนไทยไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวก ทำให้เป็นโอกาสดีที่คนไทยได้หันมาศึกษาและเห็นถึงจุดแข็งของทีมศัลยแพทย์ไทยมากขึ้น รวมถึงเห็นข้อดีด้านค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เช่น ศัลยกรรมเสริมจมูกที่รพ.ดับเบิ้ลยู เริ่มต้นเพียง 25,000 บาท เทียบกับการศัลยกรรมในต่างประเทศมีราคาสูงกว่าและยังต้องเพิ่มค่าเดินทางและที่พักด้วย

โครงการอนาคต : W Lounge ในโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู

แผนในอนาคตของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู จะมีการเพิ่มห้องพักคนไข้ และ W Lounge เร็วๆ นี้ เพื่อรองรับผู้ใช้บริการที่มีความมั่งคั่งโดยเฉพาะ เนื่องจากเห็นการเติบโตของดีมานด์จากกลุ่มดังกล่าว แต่สิ่งที่ยังคงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง คือมาตรฐานการบริการและจรรยาบรรณแพทย์ที่วางเป็นวิสัยทัศน์สำคัญนั่นเอง

ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่

☎  02-066-4242

โทร. 091-774-6666

Line : @whospital

Website : https://www.w-surgeryhospital.com

#โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู 

#แผนกศัลยกรรมตกแต่งโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง

#แผนกผิวพรรณและความงามของโรงพยาบาลเฉพาะทาง

#WPlasticSurgeryHospital #TotalBeautySolutions

#Celebrity

 

]]>
1322234
เสพติดความสวย! คนไทยแห่พึ่งศัลยกรรมติด TOP 8 ของโลก มูลค่าตลาดทะลุ 5.5 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/1258926 Mon, 30 Dec 2019 15:34:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258926 มูลค่าตลาดศัลยกรรมทั่วโลกมีตัวเลขสูงกว่า 21 ล้านล้านบาท ขณะที่ของไทยปีนี้เฉียด 5.5 หมื่นล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปี เหตุมองเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์ พบคนไทยคลั่งศัลยกรรมความงามมีอายุเด็กลงต่อเนื่อง ฮิตสุดในไทย คือ ทำจมูกใหม่

ปัจจุบันการศัลยกรรมความงาม ถือเป็นเรื่องที่สังคมให้การยอมรับมากขึ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันภาพรวมมูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามทั่วโลกมีตัวเลขสูงกว่า 21 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต

ส่วนทางด้านตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขมูลค่ารวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นเดียวกัน จากเดิมเมื่อปี 2559 ตลาดศัลยกรรมความงามมีมูลค่าเม็ดเงินในตลาดสูงประมาณ 30,000 ล้านบาท ต่อมาในปี 2560 เม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดศัลยกรรมความงามมีอัตราเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท

ในปี 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น

  • ศัลยกรรมความงามจากโรงพยาบาล 70%
  • ศัลยกรรมความงามจากคลินิกเสริมความงามอีก 30%

โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 20% หรือในสิ้นปี 2562 นี้ คาดการณ์ว่าตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทย น่าจะสูงถึง 55,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปถึงความนิยมด้านการศัลยกรรมความงาม ที่ทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery : ISAPS) ได้เก็บข้อมูลไว้ พบว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา สถิติการศัลยกรรมเสริมความงามของคนทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น 5%

ไทยติดโผอันดับ 8 ของโลก ศัลยกรรมอายุเด็กลง

ทั้งนี้ 5 อันดับประเทศที่มีจำนวนผู้เข้ารับการศัลยกรรมความงามมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, บราซิล, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก และอิตาลี ส่วนประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8 จากเดิมเมื่อปี 2559 อยู่อันดับที่ 18 ซึ่งศัลยกรรมที่นิยมในไทยยังจัดเป็น Top 8 ที่ทั่วโลกนิยมศัลยกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, ศัลยกรรมดูดไขมัน, ศัลยกรรมตาสองชั้น, ศัลยกรรมเสริมจมูก และศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง เป็นต้น ดังนั้น แสดงให้เห็นได้ว่า คนไทยมีการยอมรับศัลยกรรมมากขึ้นจากเดิม

สอดคล้องกับทางโรงพยาบาลบางมด ที่ให้ข้อมูล ปัจจุบันผู้บริโภคไม่สนใจเรื่องราคา และมีอายุเด็กลงในให้ความสำคัญกับการศัลยกรรมความงามมากขึ้น

โดยนายแพทย์ ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาล บางมด กล่าวว่า จากผลการสำรวจของบริษัทวิจัยตลาด “GlobalWebIndex” ได้มีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความสนใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามในกลุ่มชายและหญิง ปัจจุบันมีอายุน้อยลง หรือมีอายุเริ่มตั้งแต่ 25 – 64 ปีในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ระดับซีขึ้นไป เช่น กลุ่มที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ที่นิยมใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์ Luxury Brand พบว่า กลุ่มนี้ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตนเอง ต้องการรู้ข้อมูลต่างๆ มากที่สุด และพร้อมลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

เมื่อลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงาม คำตอบคือ กลุ่มนี้มีความสนใจศัลยกรรมความงามเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี และราคาไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจ เพราะพวกเขาพร้อมจะจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องได้รับการวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะทำการจ่ายเสียก่อน นอกจากนี้ยังต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ไม่ใช่ความสวยที่มีความเหมือนคนดังหรือใครๆ

ราคาปรับสูงขึ้นทุกปี

ขณะที่ทางด้านราคาในการทำศัลยกรรมความงามนั้น พบว่า ปัจจุบันในสถานพยาบาลระดับใหญ่ล้วนมีราคาสูง และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากจำนวนของผู้เข้ารับการศัลยกรรมทั่วโลกในแต่ละปีมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลขเพียง 1-2% แต่เมื่อดูตัวเลขมูลค่าตลาดศัลยกรรมกลับพบมูลค่าขยับขึ้น 20% ซึ่งเหตุผลสำคัญในการขยับราคามาจากต้นทุนทั้งในเรื่องของเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคนิคการผ่าตัดของศัลยแพทย์ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามาช่วยวิเคราะห์ก่อนทำการผ่าตัด ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ส่งผลให้ปัจจุบันราคาศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมในโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น

1.ศัลยกรรมเสริมจมูก เดิมราคา 20,000 – 40,000 บาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นมาเริ่มต้นอยู่ที่ 60,000 – 250,000 บาท
2.ศัลยกรรมตาสองชั้น เดิมราคาอยู่ที่ 10,000 – 20,000 บาท ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 40,000 – 100,000 บาทขึ้นอยู่กับเทคนิค
3.ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เดิมราคา 100,000 บาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นมาเริ่มต้นที่ 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและวัสดุซิลิโคน
4.ศัลยกรรมดูดไขมัน เดิมจุดละ 50,000 บาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 70,000 บาท เป็นต้น

ขณะที่ศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน คือ 1.ศัลยกรรมเสริมจมูก 2.ศัลยกรรมตาสองชั้น 3.ศัลยกรรมเสริมหน้าอก 4.ศัลยกรรมดูดไขมัน และ 5.การฉีดไขมันเติมเต็มหน้า

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการศัลยกรรมความอีกต่อไป ส่งผลถึงการขยายตัวของตลาดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุน การพัฒนานวัตกรรม และเครื่องมือ อุปกรณ์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามา เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีขึ้น บวกกับทางภาครัฐยังมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแพทย์นานาชาติ (Medical Hub) โดยจัดเป็น 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมในอนาคต (New S Curve) เมื่อรวมเข้ากับความเชี่ยวชาญและเทคนิคการผ่าตัดของศัลยแพทย์ไทย จนได้รับการยอมรับระดับสากล

ต่างชาติเริ่มแห่มาศัลยกรรมในไทย

จากการจัดอันดับของ Medical Tourism Index (MTI) เมื่อปี 2559-2560 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ในกลุ่ม Medical Tourism Industry จาก 54 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ส่งผลให้ปัจจุบัน พบว่า ในประเทศไทยมีจำนวนของสถานพยาบาลที่มีการให้บริการศัลยกรรมความงามขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องในทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขา, การเข้ามาเปิดสาขาในรูปแบบการร่วมทุนของโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศเกาหลี เป็นต้น

เช่นเดียวกับทางโรงพยาบาลบางมด ที่ปัจจุบันศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ได้รับความสนใจ จากกลุ่มชาวต่างชาติ และเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ ความชำนาญ และชื่อเสียงของศัลยแพทย์ ที่ได้รับการแนะนำแบบปากต่อปาก รวมทั้งผลลัพธ์หลังการศัลยกรรม ด้วยเทคนิคบางมด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะทาง เป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์สำหรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ เพราะใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 7 วัน ก็สามารถเดินทางกลับได้

จากสถิติการเข้ามาทำศัลยกรรมความงามของกลุ่มชาวต่างชาติและคนไทย ภายในโรงพยาบาลบางมด พบว่า ศัลยกรรมความงามที่ยังคงได้รับความนิยม คือ ศัลยกรรมดึงหน้า รองลงมาคือ ศัลยกรรมตา ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมสะโพก และศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง ดูดไขมัน

ขณะที่ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 1 จากผู้คนทั่วโลก ทั้งนี้ ได้มีการอ้างอิงสถิติของผู้หญิงที่เข้ารับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนทั่วโลกจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) ในช่วงปี 2559-2560 มีอัตราเพิ่มขึ้น 13% โดย 3 อันดับแรกประเทศที่มีการทำศัลยกรรมหน้าอกมากที่สุด คือ 1.สหรัฐอเมริกา 2.บราซิล และ3.เม็กซิโก

นอกจากนี้ ความต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูง (Elite), กลุ่มที่เต็มใจจ่าย, กลุ่มเซเลบริตี้ในหลายๆ ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, จีน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ช่วยกระตุ้นให้จำนวนการศัลยกรรมหน้าอก และทำให้ความต้องการใช้ถุงซิลิโคนเพิ่มขึ้นด้วย

ความคลั่งไคล้ในการศัลยกรรมความงามยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ผู้คนยังคงหลงใหลและให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา อันนำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของตน แต่สิ่งสำคัญในการศัลยกรรมความงามมากที่สุดนั้น นายแพทย์ธนัญชัย ให้แง่คิดไว้ว่า สิ่งสำคัญของการศัลยกรมความงาม ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก อย่าเลือกราคา หรือภาพการโฆษณารีวิว ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะทาง

Source

]]>
1258926