ศาสตร์พระราชา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 18 Feb 2022 04:34:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เรียนรู้โมเดล “ธรรมธุรกิจ” แก้โจทย์เกษตรกรรมไทย “วิน-วิน” ทั้งคนปลูก-คนกิน สู่กิจการที่ยั่งยืน https://positioningmag.com/1373810 Fri, 18 Feb 2022 04:00:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373810

เกษตรกรไทยขายผลผลิตไม่ได้ราคา สารเคมีที่ตกค้างกระทบทั้งคนปลูก-คนกิน “ธรรมธุรกิจ” เล็งเห็นปัญหาเหล่านี้และอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการส่งเสริม “กสิกรรมธรรมชาติ” ต่อจิ๊กซอว์ตามหลัก “ทฤษฎีบันได 9 ขั้น” เชื่อมต่อสินค้าส่วนเหลือนำมาจำหน่ายในราคายุติธรรมแก่คนเมือง โดยมีการเปิดระดมทุนให้ทุกคนเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกัน จากโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมนี้ทำให้ธรรมธุรกิจได้รับรางวัลพิเศษ องค์กรที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณค่าแก่สังคม จากเวที Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 17

“ผมเคยทำโรงสีข้าวที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้ได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหากลไกราคาข้าวแบบ ‘วิถีคนรวย’ นั้นทำไม่ได้” พิเชษฐ โตนิติวงศ์ ‘ผู้จัดการไปทั่ว’ บริษัท ธรรมธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นลงมือก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมแห่งนี้

การแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาแบบที่เราเคยเห็นคือการใช้เงินเข้าไปอุดหนุน โดยโรงสีข้าวศิริภิญโญก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในวัฏจักรช่วยชาวนาในรูปแบบนี้มาก่อน แต่วิถีเช่นนี้ไม่ยั่งยืน และทำให้โรงสีข้าวเองต้องขาดทุนไปด้วย

มาจนถึงปี 2556 พิเชษฐค้นพบแนวทางที่ยั่งยืนกว่า จากการเข้าอบรมกับ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อาจารย์ยักษ์) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และต่อมาเป็นประธานที่ปรึกษาธรรมธุรกิจ และ โจน จันใด (อาจารย์โจน) นักเก็บเมล็ดพันธุ์ แห่งสวนพันพรรณ จ.เชียงใหม่

แปลงนาลุงล้วน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ

อาจารย์ยักษ์และอาจารย์โจนเป็นผู้สอนวิถีการทำ “กสิกรรมธรรมชาติ” ทำเกษตรปลอดสารพิษ และ “ทฤษฎีบันได 9 ขั้น” ศาสตร์พระราชาที่มีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นฐาน คือให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงิน ทำเกษตรผสมผสาน ในนาข้าวมีกุ้งหอยปูปลา ปลูกผักหัวนา เลี้ยงไก่ไข่ ต่อด้วยเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า คือเมื่อมีสินค้าเกษตรเหลือจากที่พอกินและเก็บไว้ทำพันธุ์แล้วก็สามารถขายได้

พิเชษฐได้แรงบันดาลใจจากแนวทางนี้ จึงนำเสนอชักชวนกลุ่มชาวนาที่เคยช่วยเหลือกันมาให้มาลองอบรม และลองทำกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าการทำเกษตรแนวทางนี้สามารถปฏิบัติได้จริง และเมื่อถึงปี 2559 ก็เริ่มมีสินค้าเกษตรเหลือพอให้ “ธรรมธุรกิจ” เริ่มเครือข่ายจำหน่ายสู่คนเมือง


“กินอย่างรู้ที่มา ในราคาที่เป็นธรรม”

สโลแกนของธรรมธุรกิจข้างต้นนั้นบอกชัดถึงแนวทางนำเสนอต่อผู้บริโภค เพราะสิ่งสำคัญของสินค้าจากเครือข่ายเกษตรกรคือมี “แหล่งปลูกปลอดสารพิษ” และสามารถสืบย้อนได้ว่าสิ่งที่ผู้บริโภครับประทานนั้นมาจากไหน ขณะเดียวกัน ธรรมธุรกิจจะจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม จ่ายให้กับเกษตรกรอย่างเป็นธรรม มีกำไรอย่างพอเพียงเพื่อให้หล่อเลี้ยงบริษัทได้

ปัจจุบันธรรมธุรกิจมีเครือข่ายเกษตรกรกว่า 200 รายใน 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ น่าน เพชรบูรณ์ ยโสธร บุรีรัมย์ และ ชุมพร

ตัวอย่างสินค้าที่จำหน่ายผ่านธรรมธุรกิจ

สินค้าที่มีจำหน่ายประจำ เช่น ข้าวกล้องสันป่าตอง ข้าวหอมมะลิธรรมชาติ และจะมีพืชผักหัวคันนาหมุนเวียนเข้ามา เช่น ผักพื้นบ้าน มะละกอ กล้วย ฟัก แตงไทย แตงโม เป็นต้น นอกจากนี้จะมี ไข่ไก่ และ อาหารทะเล จากประมงพื้นบ้าน จ.ชุมพร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปของเกษตรกร เช่น น้ำมันมะพร้าว สบู่เหลว น้ำยาล้างจาน ฯลฯ

การทำตลาดและจำหน่ายของธรรมธุรกิจ อาศัยช่องทางหลักคือการขายออนไลน์ และมีหน้าร้าน ได้แก่

  • ตลาดนัดธรรมชาติ ถ.พระราม 9 ซอย 17 เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์
  • รถพุ่มพวง จำนวน 2 คัน วิ่งรถทุกวันพุธ พฤหัสบดี และเสาร์-อาทิตย์ โดยลูกค้าต้องนัดเข้ามาก่อน และรถจะนำสินค้าไปให้เลือกถึงบ้าน
  • ร้านยักษ์ กะ โจน เป็นร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากศิษย์ยักษ์ กะ โจน และเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าในตัว โดยมี 4 สาขา คือ ชุมพรคาบาน่า, ถ.บรรทัดทอง, หมู่บ้านสัมมากร ถ.รามคำแหง และ ถ.พระราม 2 (โรงเรียนรุ่งอรุณ)

โดยปี 2564 ธรรมธุรกิจสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 37 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 4 ล้านบาท แม้ว่าจะยังไม่ทำกำไร แต่พิเชษฐมองว่าโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับ ‘Economy of Scale’ นั่นคือเมื่อใดที่มีดีมานด์สูงพอจนทำให้การขนส่งแต่ละรอบคุ้มค่ายิ่งขึ้น ก็จะทำให้บริษัทถึงจุดคุ้มทุนและลดราคาขายลงได้


ยึดแนวทาง “สหกรณ์” ในญี่ปุ่น

ด้านการหาแหล่งเงินทุนของธรรมธุรกิจ ใช้วิธีระดมทุนจากผู้ที่สนใจ สามารถซื้อหุ้นบริษัทได้ในราคาหุ้นละ 101 บาท ไม่จำกัดจำนวนหุ้น ขณะนี้มีผู้ถือหุ้นแล้วกว่า 15,000 คน คิดเป็นจำนวน 1.5 ล้านหุ้น สะท้อนถึงจำนวนเครือข่ายผู้ที่เข้าใจและต้องการสนับสนุน

“สิ่งที่ผู้ถือหุ้นจะได้ ขั้นแรกคือได้บุญก่อน เพราะเขาจะมีส่วนช่วยให้บริษัททำโมเดลธุรกิจนี้ได้สำเร็จ และจะทำให้เกษตรไทยเปลี่ยนแปลง” พิเชษฐกล่าว “เราอยากให้ผู้บริโภคได้มาเรียนรู้และเข้ามาถือหุ้นด้วยตนเอง เพื่อให้เป็นโมเดลสหกรณ์ผู้บริโภคแบบญี่ปุ่น แบบเกาหลีใต้ เกิดระบบนิเวศของเกษตรกรกับผู้บริโภค และเมื่อมีกำไรผู้ถือหุ้นก็จะได้เงินปันผล”

ในแง่ของการระดมทุน ธรรมธุรกิจมีมติผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2563 มีเป้าหมายขายหุ้นเพิ่มทุนเป็น 3 ล้านหุ้น จึงยังต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อจะขยายเครือข่ายต่อไป


มุ่งเป้าเปิด “ยักษ์ กะ โจน” ทุกอำเภอ

ความฝันขั้นต่อไปของธรรมธุรกิจ คือการขยายเครือข่ายทั่วประเทศด้วยโมเดลร้าน“ยักษ์ กะ โจน”โดยพิเชษฐมองว่าควรจะมีทุกอำเภอในไทย เพื่อให้มีสถานที่รองรับสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต้องการจะขยายให้ถึง 10 สาขา ครอบคลุมทุกหัวมุมเมือง

ตัวอย่างเมนูที่ร้านยักษ์ กะ โจน: ปลาสีกุนย่างเกลือ

แต่ไม่ใช่ว่าธรรมธุรกิจจะลงทุน 100% ทุกแห่ง โมเดลที่วางไว้คือ ธรรมธุรกิจจะถือหุ้นสาขาใหม่ขั้นต่ำ 30% ส่วนที่เหลือไม่เกิน 70% เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เข้าใจ มีเจตนารมณ์ตรงกันในการทำธุรกิจเพื่อสังคม และพร้อมบริหารร้านสาขา แต่ละสาขาจึงจะมีการ Joint Venture (JV) กับนักลงทุนต่างกลุ่มกัน

การเพิ่มจุดจำหน่ายเหล่านี้จะเดินไปพร้อมๆ กับการทำการตลาดให้ผู้บริโภครู้จักและอุดหนุนกันมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดดีมานด์คุ้มค่าการขนส่งดังกล่าว ซึ่งการทำตลาดกับผู้บริโภคนี่เองที่พิเชษฐมองว่า ‘ยากที่สุด’

“ผู้บริโภคคือโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะเขายังไม่ค่อยสนใจที่มาที่ไปของอาหาร ยังไม่รู้ว่าตนเองป่วยเพราะอาหารที่รับประทาน ยังไม่ทราบว่าคำว่า ‘ออร์แกนิค’ คืออะไรกันแน่ หรือยังติดภาพว่าอาหารออร์แกนิคต้องราคาแพง” พิเชษฐกล่าวถึงโจทย์ที่ยังต้องทำความเข้าใจกันต่อ

จากโมเดลธุรกิจที่คิดเพื่อแก้ปัญหาให้สังคม ทำให้ธรรมธุรกิจได้รับ รางวัลพิเศษ องค์กรที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณค่าแก่สังคม (Social Value Creation) จากเวที Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 17 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลพิเศษบนเวทีนี้

รางวัล Bai Po Business Awards by Sasin นี้ถือเป็นกำลังใจให้คนทำงานกว่าร้อยคนของเรา แม้ว่าวันนี้เรายังไม่มีกำไร แต่มีผู้ที่เห็นคุณค่าว่าเราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร และเราจะยึดมั่นการสร้างคุณค่ากับสังคมต่อไปตามแนวทางของรางวัลที่เราได้รับ” พิเชษฐกล่าว “9 ปีแรกของเรา เราเข้าไปปักฐานในกลุ่มเกษตรกรได้แล้ว เราวางระบบโลจิสติกส์ ระบบงาน ระบบคน ในช่วงทศวรรษที่ 2 ของเราจะทำให้ธุรกิจนี้สเกลในกลุ่มผู้บริโภคให้ได้”

]]>
1373810
ปตท. ร่วมพัฒนาโครงการ OUR KhungBangKachao ยกระดับ “ปอดกลางเมือง” ให้เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1318271 Wed, 17 Feb 2021 10:30:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318271

หลายคนคงรู้จัก หรืออาจจะเคยไปเยือน “คุ้งบางกะเจ้า” กันมาบ้างแล้ว ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ อุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศต่างๆ ใครๆ ต่างพากันเรียกว่าเป็น “ปอดกลางเมือง” เพราะเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนแห่งสำคัญของประเทศเลยทีเดียว

ด้วยความที่มีพื้นที่สีเขียวมหาศาล ทำให้คุ้งบางกะเจ้าเป็นชุมชนที่ทรงคุณค่าทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ จากชุมชนเล็กๆ ก็เริ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น มีโฮมสเตย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

แน่นอนว่าทำให้คุ้งบางกะเจ้ากำลังประสบปัญหาจากการขยายตัวของการพัฒนาเมือง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างหนัก ถ้าเราไม่ร่วมมือกันดูแลกันในตอนนี้ ปอดกลางเมืองอาจจะยิ่งเสื่อมโทรมก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นโครงการ “OUR KhungBangKachao” เริ่มก่อตั้งในปี 2561 ภายใต้การกำกับของมูลนิธิชัยพัฒนา และร่วมมือจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศทั้งภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และประชาสังคม ผสานความร่วมมือในการอนุรักษ์คุ้งบางกะเจ้าด้วยรูปแบบ Social Collaboration with Collective Impact

เป็นการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักการดำเนินงานเพื่อช่วยอนุรักษ์และพัฒนาให้คุ้งบางกะเจ้ากลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งที่ผ่านมาโครงการ OUR KhungBangKachao มีการดำเนินงานคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 2 ฉบับ ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ (โครงการสวนกลางมหานคร) อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao โดยมูลนิธิชัยพัฒนากับกรมป่าไม้และการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่าง กรมป่าไม้ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน กล่าวถึง “โครงการ OUR KhungBangKachao” มีการขับเคลื่อนการพัฒนาในรูปแบบสานพลังความร่วมมือ (Social Collaboration with collective impact) จากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตั้งแต่ปี 2561มีเป้าหมายร่วม (Shared Goal) ในการยกระดับและพัฒนาพื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” ให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ มีพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นอย่างสมดุลโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มาสืบสานขยายผลตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นหลักในการดำเนินโครงการฯ

การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao กับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ 1,276 ไร่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้เห็นเป็นรูปธรรม

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 6 มิติ ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การส่งเสริมอาชีพ และ การพัฒนาเยาวชนฯ คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นแนวทางการดูแลพื้นที่ในระยะยาวต่อไป

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า

“ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือนวัตกรรม“NONG PIM”ระบบตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 และวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่างๆ

สำหรับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองนับเป็นอีกงานที่ ปตท. ให้ความสำคัญ เพราะ ปตท. สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากโครงการปลูกป่าฯ และการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ ในการฟื้นฟูป่าของ ปตท. 3 แห่ง จึงได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการ OUR KhungBangKachao

ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยมุ่งรักษาพื้นที่สีเขียวประมาณ 6,000 ไร่ ในคุ้งบางกะเจ้า สร้างอัตลักษณ์พื้นที่สีเขียวต้นแบบ และเพิ่มครัวเรือนเกษตรปลอดภัย นอกจากนี้ ปตท. ยังให้การสนับสนุนกรมป่าไม้ในการฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ร่วมกับกรมป่าไม้บริหารจัดการเรียนรู้ให้เป็นเสมือนห้องเรียนธรรมชาติให้กับนักเรียนนักศึกษา เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของคุ้งบางกะเจ้าต่อไป”

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

“สำหรับความร่วมมือในโครงการ OUR KhungBangKachao ในช่วง2 ปี ที่ผ่านมา โครงการฯ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้า คิดเป็นพื้นที่เพียง 10% ของพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าส่วนที่เหลือต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นเจ้าของช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ ที่เป็นเสมือนปอดกลางกรุงที่ดีที่สุดของเอเชียเอาไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน”

นายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า

“การลงนามบันทึกข้อตกลงถือเป็นการตั้งเป้าหมายงานด้านพื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้าให้ชัดเจน โดยกรมป่าไม้ในฐานะผู้กำกับดูแลพื้นที่ราชพัสดุ พร้อมสนับสนุนพื้นที่เข้าสู่โครงการ OUR KhungBangKachao รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ ข้อมูล องค์ความรู้ทางวิชาการ และกำลังคน ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว และพัฒนาในมิติอื่นๆ อีก

นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับ ปตท. ในการช่วยฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสวนฯ แห่งนี้เป็นแหล่งที่คนอยากมาเยี่ยมชม รับทราบเรื่องราวคุ้งบางกะเจ้า และศึกษาระบบนิเวศรูปแบบการอนุรักษ์ป่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างต่อไป

จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าการพัฒนาเมือง หรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตามยุคสมัย แต่อย่างไรแล้วธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งสำคัญ โครงการ OUR KhungBangKachao แสดงให้เห็นว่าความร่วมกันหลายฝ่าย จะช่วยฟื้นฟูคุ้งบางกะเจ้า ให้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวยักษ์ใหญ่ และเป็นปอดกลางเมืองอย่างยั่งยืน

]]>
1318271