สมรสเท่าเทียม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 24 Jan 2025 04:00:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส่องสวัสดิการ “โตโยต้า” ยักษ์ใหญ่แห่งยานยนต์ ดูแลพนักงานอย่างไรให้รองรับกับความหลากหลาย https://positioningmag.com/1507717 Thu, 23 Jan 2025 12:46:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507717

การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน เนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เราจึงได้เห็นนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน ไปจนถึงเรื่องความเท่าเทียม เพื่อรองรับสังคมที่มีความหลากหลายมากขึ้น


นโยบาย DE&I สร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียม 

DE&I เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่หลายๆ องค์กรเริ่มพูดถึง เป็นกระแสหลักที่ต้องจับตามองในปัจจุบัน โดยนโยบายดังกล่าวนั้น เปรียบเสมือนหนึ่งในหัวใจสำคัญในการบริหารบุคคลขององค์กรทั่วโลก และแน่นอนว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง
“โตโยต้า” หรือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ไม่ยอมตกขบวนนี้อย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ภูมิภาคเอเชีย และประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบาย DE&I เพื่อสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาติ และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ “Creating Mobility For All” ที่กล่าวว่าเราจะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และมอบทางเลือก “การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน” ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังมีพันธกิจ “Producing Happiness for All” ที่ต้องการจะเป็นผู้สร้างความสุขให้กับทุกคน

แสดงให้เห็นว่าโตโยต้าเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความหลากหลาย และการให้โอกาสที่เท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงต่อต้านการคุกคามต่อกันไม่ว่าจะเป็นในระดับสังคมองค์กร พนักงานหรือคู่ค้าทางธุรกิจ


ยอมรับความหลากหลาย และไม่เลือกปฏิบัติ

โตโยต้าได้ประกาศใช้นโยบาย DE&I เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 หลักๆ จะเป็นการเริ่มจากภายในองค์กร ก่อนที่เป้าหมายในระยะยาวจะขยายผลไปสู่คู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท แนวคิดของนโยบายนี้ต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ครอบคลุม และเปิดกว้าง สนับสนุนความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่างในทุกระดับขององค์กร ซึ่งจะสะท้อนถึงคุณค่าและปรัชญาของ Toyota Way ที่มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและพนักงานให้เติบโตไปพร้อมกันนั่นเอง

นโยบาย DE&I ของโตโยต้า ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

1.Diversity (ความหลากหลาย) : นโยบายนี้เน้นในเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพ และยอมรับความแตกต่างของคน ซึ่งในความแตกต่างนี้มีทั้งที่สามารถมองเห็นได้ เช่น เพศ อายุ หรือรูปลักษณ์ภายนอก เป็นต้น และยังรวมไปถึงสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ความคิด ความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม และความสามารถต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขยังรวมไปถึงการยอมรับ และสนับสนุนในความแตกต่างของแต่ละคนโดยไม่มีอคติ ยกตัวอย่างเช่น การสนับสนุนผู้หญิงในบทบาทผู้นำ

2.Equity (ความเท่าเทียม) : มีการออกแบบนโยบายและกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรมแก่พนักงานทุกคน เช่น การประเมินผลงาน การจ่ายค่าตอบแทน และการเลื่อนตำแหน่ง รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เลือกปฏิบัติ (Non-Discrimination) และมอบโอกาสที่เท่าเทียมในการพัฒนาทักษะ และความก้าวหน้าในอาชีพของแต่ละคน

3.Inclusion (การยอมรับความแตกต่าง) : เป็นการให้คุณค่ากับความแตกต่างของคน สร้างพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม และได้รับการยอมรับ รวมไปถึงป้องกันการล่วงละเมิด (Anti-Harassment) ผ่านการส่งเสริมให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรม และการกระทำใดๆ ที่ทำให้รู้สึกถึงการคุกคาม การล่วงละเมิด หรือการดูถูกเหยียดหยาม (Social Bullying) และยังสนับสนุนกิจกรรมหรือโปรแกรมที่ส่งเสริมความเข้าใจและเคารพต่อความแตกต่าง

โดยที่นโยบาย DE&I ของโตโยต้ามีการปรับใช้ในส่วนของการบริหารบุคคลอย่างจริงจัง โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการสรรหา คัดเลือกพนักงานโดยปราศจากอคติรวมถึงการดูแลและพัฒนาพนักงาน ตลอดจนการประเมิณผลการปฎิบัติงานไปจนถึงเกษียณอายุอีกด้วย

คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“ปัจจุบัน สังคมไทยเปิดกว้างในประเด็นเรื่อง DE&I เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิง การยอมรับในเพศทางเลือก และการส่งเสริมไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ รณรงค์ต่อต้านการ Bullying ในทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ ความเท่าเทียมในสังคมไทยที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องการผ่านร่าง พรบ. สมรสเท่าเทียม ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งไทยถือประเทศแรกในอาเซียน และนับเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียที่มีการผ่านร่างกฎหมายนี้ จึงมองว่า พรบ. สมรสเท่าเทียม เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะยกระดับความเท่าเทียมในสังคมไทยให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โตโยต้าเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเท่าเทียม ผ่านนโยบาย DE&I และได้ปรับสวัสดิการและกฎระเบียบต่างๆให้สอดรับกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม และยังทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม”


ปรับสวัสดิการรองรับสมรสเท่าเทียม

ในส่วนของสวัสดิการที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการดึงดูดพนักงานใหม่ และรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทฯ ไปนานๆ  โตโยต้าซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ระดับโลกได้มีการปรับตัว ปรับสวัสดิการเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง

และในโอกาสที่กฏหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ โตโยต้าก็ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับก้าวสำคัญนี้ผ่านการปรับสวัสดิการให้สอดคล้องกับ “กฏหมายสมรสเท่าเทียม” โดยให้สิทธิการลา สิทธิการรักษาพยาบาล และเงินช่วยเหลือในโอกาสต่างๆ ครอบคลุมคู่สมรสพนักงานที่เป็นเพศเดียวกัน  รวมถึงยังให้สิทธิการลาประเภทพิเศษที่นอกเหนือจากกฏหมายกำหนด อาทิ สิทธิการลาผ่าตัดแปลงเพศโดยได้รับค่าจ้าง รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการแต่งกาย พนักงานสามารถแต่งกายตามเพศวิถี หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ด้วยการสร้างบรรยากาศสถานที่ทำงานให้เป็นพื้นที่ “ปลอดภัยและสบายใจ”

นอกจากสวัสดิการที่รองรับสมรสเท่าเทียมแล้ว ยังมีการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อรองรับความหลากหลาย อาทิ ห้องน้ำสำหรับผู้ใช้รถเข็น ห้องน้ำที่ไม่แบ่งแยกเพศ ทางลาดและแผงควบคุมลิฟท์รองรับผู้ใช้เก้าอี้รถเข็น ห้องละหมาด ห้องให้นมบุตร ที่จอดรถและเก้าอี้คนท้อง รวมถึง Co-Working Space ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การทำงาน

ส่วนสวัสดิการที่โดดเด่นที่สุดของโตโยต้า คือการมี Selective Welfare ที่พนักงานสามารถออกแบบสวัสดิการของตัวเองได้ตามรายการที่บริษัทกำหนด ช่วยตอบโจทย์และรองรับความต้องการที่หลากหลาย เช่น การเลือกไม่รับสวัสดิการบางรายการ เพื่อเปลี่ยนเป็นประกันสำหรับครอบครัว หรือบัตรกำนัลต่างๆ สำหรับเติมน้ำมัน เดินทางท่องเที่ยว ทานอาหาร บริการสปา หรือกระทั่งอุปกรณ์แกดเจ็ต สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เป็นต้น

ทั้งนี้นโยบาย DE&I ของโตโยต้า ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปรับใช้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้ความรู้ สร้างการรับรู้ และสร้างจิตสำนึกอีกด้วย ที่ผ่านมาโตโยต้าได้จัดอบรม E-learning “เรื่องนโยบายความหลากหลาย และการยอมรับความแตกต่าง” และอบรมเรื่อง Unconscious Bias เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอคติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวอันเป็นหัวข้อสำคัญของการส่งเสริม DE&I ในองค์กร เพื่อสร้างค่านิยมอันดีงามในสังคม

โดยเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมนโยบาย DE&I ก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้องค์กรได้ส่งเสริมคนเก่ง และยังเป็นการรักษาคนให้อยู่กับองค์กรระยะยาวอีกด้วย

แรกเริ่มนโยบาย DE&I มีการใช้ในองค์กรเท่านั้น แต่ยังมีแผนระยะกลาง-ยาวโดยภายในต้นปี 2025 โตโยต้าจะเริ่มส่งเสริมนโยบาย DE&I ให้กับกลุ่มผู้แทนจำหน่ายเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากมองว่ากลุ่มผู้แทนจำหน่าย คือตัวแทนที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด อันจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ในเรื่องนโยบายความหลากหลายเท่าเทียมให้กับสังคม นอกจากนี้ภายในปี 2025 โตโยต้าจะขยายขอบเขตไปยังห่วงโซ่ธุรกิจของโตโยต้า (value chain) ให้ดำเนินการบนพื้นฐานเรื่องความหลากหลายความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่างเช่นกัน

เรียกได้ว่าการมีนโยบาย DE&I นอกจากจะเป็นเรื่องของการบริหารบุคลากรภายในแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการลดความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจระหว่างบุคลากรได้อีกด้วย เพราะเมื่อทุกคนในองค์กรรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการเคารพ องค์กรก็จะสามารถเติบโตและขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับพันธกิจ “Producing Happiness for All” ที่ต้องการจะเป็นผู้สร้างความสุขให้กับทุกคนนั่นเอง

 

]]>
1507717
‘หมีเนย-หมูเด้ง’ ครองตำแหน่งขวัญใจชาวโซเชียล ส่วน ‘หลวงพ่อทันใจ’ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยขอพรออนไลน์มากสุด https://positioningmag.com/1504628 Mon, 23 Dec 2024 11:11:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1504628 LINE ประเทศไทยได้เปิดเผยถึงเทรนด์กระแสไวรัลและเทรนด์ฮิตในปี 2024 โดยสรุปผ่าน ‘10 เทรนด์ฮิตชีวิต ดิทัล 2024’ จากผู้ใช้ LINE ในประเทศไทย ซึ่งปีนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘หมีเนย – หมูเด้ง – ช็อกโกแลตดูไบ – ไข่พะโล้’ มีการพูดถึงมากที่สุด ขณะที่ ‘กีฬา – สมรสเท่าเทียม – ฉ้อโกง’ กลายเป็นประเด็นฮอต และกระแสร้อนที่คนไทยเกาะติด

 

  1. ‘หมีเนย-หมูเด้ง’ คว้าหัวใจครองโลกดิจิทัล

 

ในรอบปี 2024 เป็นการจับมือครองโลกออนไลน์กันแบบไม่ต้องสงสัย สำหรับ ‘หมีเนย’ จาก Butterbear และ ‘หมูเด้ง’ ที่ติดอันดับท็อปในหลายบริการบนแอป LINE โดย ‘ด้อมหมีเนย’ ขึ้นแท่นกลุ่มแฟนคลับที่มีสมาชิกมากที่สุดบน LINE OPENCHAT กว่า 40,000 คน ส่วน ‘ด้อมหมูเด้ง’ สร้างสถิติใหม่กวาดแฟน ๆ เข้ากลุ่มเร็วที่สุด โดยมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจาก 5,000 คน เป็น 10,000 คน ในเวลาเพียง 10 นาที

 

นอกจากนี้เพลง ‘น่ารักมั๊ยไม่รู้’ ของหมีเนยยังติดท็อปเพลงฮิตที่ผู้ใช้นำมาสร้างคอนเทนต์มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม LINE VOOM พร้อมด้วยเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่คว้ารางวัล Black Melody ศิลปินที่มียอดดาวน์โหลดบน LINE MELODY สูงสุดภายใน 2 วัน

 

2.คนดังแห่ออกสติกเกอร์ เข้าถึงแฟนในทุกโมเมนต์

 

ฟาก LINE STICKERS ก็พบว่า เป็นปีที่คอลเลกชันสติกเกอร์ ‘คนดัง’ เพิ่มขึ้นสูง จากการเป็นเครื่องมือสื่อกลางที่เข้าถึงกลุ่มแฟนคลับได้ทุกโมเมนต์ ทุกการพูดคุยบนโลกออนไลน์ เพราะมีทั้ง น้องเนย, หมูเด้ง, พี่จอง คัลแลน น้องแดน คุณจูดี้, ครอบครัวตัวฟอร์, หลิง-ออม, เจมิไนน์ – โฟร์ท และนักแสดงที่มีฐานแฟนด้อมอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ก็เป็นปีที่สติกเกอร์จากคำฮิตวลีเด็ดบนโลกโซเชียลก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง อย่าง birthday but with me (เกิดแต่กับกู) ที่ให้อารมณ์สนุกและกวน ไม่พลาดสักกระแส

 

3. ยกเครื่อง ‘อิโมจิ’ ครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปี

 

หลายคนอาจเตะตาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเวลาแชท เพราะมีการยกเครื่องปรับโฉม ‘อิโมจิ’ ครั้งใหญ่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่หยิบมาอิโมจิตัวเดิมที่คุ้นเคย อีกหนึ่งไอเท็มสื่อสารอมตะบนโลกดิจิทัลกลับมาออกแบบใหม่และจัดเรียงตัวให้เหมาะกับการใช้งานจริง สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คนใช้อิโมจิเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับอิโมจิบน Reaction ข้อความบน LINE ที่มีผู้ใช้งานมากขึ้นเช่นกัน

 

4. ของกินบนโลกโซเชียลมาแรง รอนานแค่ไหนก็ยอม

 

ต้องเรียกว่า ปี 2024 เป็นปีที่ ‘ของกิน’ ที่เป็นกระแสบนโลกโซเชียลมีอิทธิพลอย่างมากกับวัฒนธรรมป๊อปในเมืองไทย ทำให้ตลาดอาหารคึกคักแบบไม่ต้องสงสัย อย่าง LINE SHOPPING พบว่า ‘ช็อกโกแลตดูไบ’ เป็นสินค้าขายดีสุดๆ โดยช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมขายได้รวมกว่า 30,000 ชิ้น หรือร้านเค้กทุเรียน เค้กลอดช่องอย่าง Nie and Ivan ก็ครองสถิติการพรีออเดอร์รอเค้กนานที่สุดถึง 5 เดือน

 

ฟาก LINE MAN ก็พบว่า ‘ไข่พะโล้’ จากกระแสของ ‘พี่เอ ศุภชัย’ มียอดออเดอร์จากร้านต่าง ๆ รวมกันแล้วโตขึ้นกว่า 2 เท่าใน 1 เดือน เมื่อเทียบกับเวลาปกติ โดยเฉพาะไข่พะโล้ก็ขายจากร้านต่าง ๆ รวมกันทั่วประเทศมากกว่า 260,000 ฟอง ขณะที่ ‘ข้าวขาหมู’ จากกระแสหมูเด้ง ก็ทำให้ยอดค้นหาเมนูข้าวขาหมูบน LINE MAN เพิ่มขึ้น 50% ภายใน 1 สัปดาห์เช่นกัน ซึ่งทุกเมนูล้วนเป็นมีจุดเริ่มต้นจากกระแสบนโลกโซเชียลทั้งสิ้น

 

5. ‘กีฬา – สมรสเท่าเทียม – ฉ้อโกง’ ประเด็นคอนเทนต์คนไทยมีส่วนร่วมคึกคัก

 

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกปีที่ผ่านมาสร้างบรรยากาศเชียร์ไทยปกคลุมทั่วประเทศ ส่งผลให้คอนเทนต์ของ LINE TODAY ในหมวดกีฬามีผู้รับชมเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากช่วงเวลาปกติ เช่น ข่าวเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองแรกให้กับประเทศไทยในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 สอดคล้องกับที่แฟน ๆ กีฬาเปิดห้องโอเพนแชทเพื่อพูดคุยและเชียร์กีฬาที่ตัวเองชอบเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโอลิมปิกเช่นเดียวกัน ขณะที่คนไทยก็ตื่นตัวเสพคอนเทนต์ข่าวสารประเด็น ‘ฉ้อโกง – มิจฉาชีพ’ รวมกว่า 36 ล้านเพจวิว โดยเนื้อหาที่คนเข้าชมมากที่สุดได้แก่ กรณี The Icon Group อันดับสองได้แก่ ทองแม่ตั๊ก และอันดับสาม อย่างแกงค์คอลเซ็นเตอร์ระบาด

 

ด้านประเด็น ‘สมรสเท่าเทียม ที่สร้างบรรยากาศของการตื่นเต้นยินดี ก็ครองอันดับหนึ่งการรับชมไลฟ์บน LINE TODAY มากที่สุดถึง 1 ล้านคน จากงาน Pride Parade มากกว่าคอนเทนต์ไลฟ์อื่นถึง 3 เท่า

 

6.วงการเพลงสุดคึกคักเพราะความหลากหลาย

 

ปีนี้ LINE MELODY มีการมอบรางวัล Black Melody รางวัลที่มอบให้แก่เพลงที่มียอดดาวน์โหลดเร็วและมากที่สุดบนบริการ LINE MELODY มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18 รางวัล ซึ่งถือได้ว่าเป็นปีที่เพลงที่ได้รับรางวัลมีความหลากหลายสุด ๆ สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ความนิยมของผู้ใช้งานที่หลากหลายและขยายกว้างมากขึ้น ตั้งแต่ศิลปินสังกัด ศิลปินอิสระ เพลงประกอบวิดีโอของคัลแลน-พี่จอง สองหนุ่มเกาหลีเที่ยวไทยอย่าง Toxic – HateBerry เพลงที่แต่งจากกระแสโซเชียลอย่าง หมูเด้ง Moo Deng (Reggaeton) – Karat K รวมถึงเป็นครั้งแรกที่ผู้ได้รับรางวัล BLACK MELODY เป็นหมีน้อยน่ารักอย่าง ‘น้องเนย’ จากเพลง น่ารักมั้ยไม่รู้ – Butterbear

 

7. ‘หลวงพ่อทันใจ’ แซง ‘พระแม่ลักษมี’ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คนไทยขอพรออนไลน์มากที่สุด

 

หลวงพ่อทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยใช้บริการขอพรออนไลน์ผ่าน LINE ดูดวงมากที่สุดในปีทีผ่านมา ตามมาด้วยวัดดั๊กดูเศรษฐ์ อินเดีย และ พระแม่ลักษมี เกษรวิลเลจ ที่อยู่ในอันดับสาม นอกจากนี้คนไทยก็ไม่ลืมที่จะ ‘บริจาค’ เพื่อสังคม โดย LINE ดูดวง ร่วมมือกับ ‘เทใจ’ เป็นสื่อกลางในการส่งน้ำใจของคนไทยไปสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายจุดทั่วประเทศ ที่เฉพาะในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวก็ได้รับเงินบริจาคจากพี่น้องชาวไทยกว่า 8 แสนบาท

 

8.เกมสนุก เว็บตูนไทยปังเกินต้าน

 

LINE ไอเดิล เรนเจอร์ เกมใหม่ล่าสุดจาก LINE GAME เผยสถิติผู้เล่นในไทยใช้เวลาในโหมด Idle รวมกว่า 242,023 นาที (4,033 ชั่วโมง) ภายในวันแรกที่เปิดให้บริการ หรือเทียบเท่าการออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมงนานถึง 11 ปี ขณะที่ฟาก LINE WEBTOON “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” ก็ต่อยอดความดัง จัดกิจกรรม Pop-up Store กลางสยาม เอาใจแฟนคลับแห่ร่วมช้อปรวมกว่าหมื่นคน

 

9. SME ทั่วไทยกว่า 2 ล้านคน ตื่นตัวหาความรู้ใหม่

 

LINE for Business กระจายความรู้ให้ผู้ประกอบการ SME กว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ ผ่านงานสัมมนามากมาย อาทิ BOOTCAMP DAY และ UPSKILL SME ที่จับมือกับ สสว. รวมถึงงานธุรกิจท่องเที่ยวและร้านอาหารอย่าง  ‘จุดประกายธุรกิจไมซ์ ติดอาวุธธุรกิจอย่างยั่งยืน’ ร่วมกับ TCEB และ THAI MICE Connect รวมทั้งคอร์สออนไลน์อย่าง BOOTCAMP Classroom และรายการโค้ชชวนคุย เป็นต้น

 

10. ‘หลานม่า – ธี่หยด 2’ ครองหนังซื้อตั๋วผ่าน LINE Pay

เป็นปีที่หนังไทยคึกคักมากกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ไทยในปี 2567 สุดฮิตอย่าง หลานม่า และ ธี่หยด 2 สร้างปรากฏการณ์เป็นหนังที่คนซื้อตั๋วและจ่ายด้วย LINE Pay ที่แท็บ SF Cinema บนแท็บ LINE Wallet มากที่สุดของปี

]]>
1504628
ฟังเสียงชาวโซเชียลช่วง ‘Pride Month’ กับประเด็น #สมรสเท่าเทียม ที่ถูกจุดอีกครั้ง https://positioningmag.com/1434038 Wed, 14 Jun 2023 08:12:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434038 เฉลิมฉลองเดือนแห่งความหลากหลายไปอย่างยิ่งใหญ่กับงาน “บางกอกไพรด์ 2023” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลอง Pride Month ปีที่ 2 ของไทย ณ ใจกลางสยาม เพื่อย้ำและสร้างการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย

งานดังกล่าวถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ Pride Month ถูกพูดถึงบนโลกโซเชียลมากขึ้น ตามการยอมรับของสังคมที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการพูดถึงเรื่องราวของเดือนแห่งความหลากหลาย รวมถึง บางกอกไพรด์ 2023 ที่ถูกจัดขึ้นในเดือนนี้เช่นกัน โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1 – 11 มิถุนายน 2566 ผ่านเครื่องมือ Social Listening อย่าง ZOCIAL EYE พบว่า มีการพูดถึงกว่า 38,547 ข้อความ และเพียงไม่กี่วันมีจำนวนเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 26,993,306 เอ็นเกจเมนต์

ข้อความส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบน Facebook มากที่สุด (39%) ตามมาด้วย Twitter (35%) Instagram (19%) และ อื่น ๆ (7%) ส่วนใหญ่เป็นการโพสต์รูปภาพงานเดินขบวนพาเหรดผ่านแฮชแท็ก #BangkokPride2023 และ #บางกอกไพรด์2023 ทั้งจากเหล่าคนดัง ดารา นักร้อง นักแสดงต่าง ๆ

 

สมรสเท่าเทียมถูกพูดถึงอีกครั้ง

หลังจากที่สภารับหลักการ #สมรสเท่าเทียม ในวาระหนึ่งไปแล้วเมื่อ 15 มิถุนายน 2565 จนเกิดเป็นการพูดถึงและจับตามองเป็นอย่างมากเมื่อปีที่ผ่านมา และยังมีการพูดถึงและจับตามองเรื่อยมา โดยในปีนี้ กระแสของการพูดถึง #สมรสเท่าเทียมก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และมีการเปลี่ยนชุดสภาบวกกับการยืนยันจากเสียงของพรรคที่มีเสียงข้างมากจากประชาชนว่าจะผลักดันสมรสเท่าเทียมแน่นอน ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของการเรียกร้องความเท่าเทียมที่แท้จริง

นอกจากนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่เป็นผู้ผลักดันเรื่องการสมรสเท่าเทียม ก็มาร่วมเดินขบวนพาเหรด ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้มีการพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ทำให้เกิดการพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น สร้างการรับรู้และความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้น

แบรนด์ถูกตั้งคำถามว่าเข้าใจหรือแค่เกาะกระแส

เมื่อก้าวเข้าเดือนมิถุนายน เราจะเห็นหลาย ๆ องค์กรและแบรนด์เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ เปลี่ยนรูปโลโก้เป็นสีรุ้ง หรือทำการตลาดที่สินค้ามีลวดลายสีรุ้งประดับ เพื่อที่จะต้อนรับเทศกาล Pride Month หรือเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศนี้ แต่ถึงอย่างนั้นองค์กรหรือแบรนด์เหล่านี้ก็ยังคงถูกตั้งคำถามจากคนบนโซเชียลว่าการทำแคมเปญสีรุ้งในเดือนนี้นั้น เป็นการใช้พื้นที่ขององค์กรส่งเสียงเพื่อเข้าใจเพื่อนมนุษย์ผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริงหรือเป็นเพียงแค่การเกาะกระแส

 

ไวรัลจากพาเหรด

แน่นอนว่างานบางกอกไพรด์ หรืองานเดินขบวนพาเหรด ถือเป็นงานที่ถูกจับตามองในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการสร้างสรรค์ความคิดในเรื่องของการแต่งตัว และประเด็นเด่น ๆ ที่ถูกพูดคือ เสื้อของพิธา ที่ใส่มาร่วมเดินขบวน ที่ชาวโซเซียลต่างแคปเจอร์แล้วนำมาโพสต์ถึงความสวยงามของเสื้อ หรืออีกหนึ่งคนอย่าง ช่อ พรรณิการ์ อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ รังสรรค์มาในชุด Amy Winehouse นักร้องดังระดับตำนานจนคนบนโซเชียลต่างชื่นชมในความปังครั้งนี้

การพูดถึงนั้นไม่ถูกพูดถึงแค่กับคนเท่านั้น ยังถูกพูดถึงไปยังสัตว์เลี้ยงที่มาร่วมงานบางกอกไพรด์ครั้งนี้ อย่างไวรัลที่เห็นกัน หญิงโม น้องหมาชิวาว่าสายแฟ ที่เกิดจากการที่ ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยอุ้มน้องถ่ายรูปแล้วน้องทำตาหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความเปิดกว้างที่ไม่ใช่เฉพาะแค่กับมนุษย์ ยังเปิดกว้างไปถึงสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ที่ร่วมโลกกับเราด้วยนั่นเอง

]]>
1434038
สาระสำคัญ 9 ข้อ “พ.ร.บ.คู่ชีวิต” มีอะไรบ้าง หลังครม.เห็นชอบ คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนได้ https://positioningmag.com/1286950 Wed, 08 Jul 2020 10:57:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286950 วันนี้ (8 ..) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง ...คู่ชีวิต พร้อมแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องแล้ว ด้านกระเเสในทวิตเตอร์คัดค้าน ผุดเเฮชเเท็ก #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต ติดท็อปเทรนด์ ผลักดัน #สมรสเท่าเทียม ต่อไป

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.. …. และเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) .. …. เนื่องจากกฎหมายมีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งเสนอโดยกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาร่าง พ...คู่ชีวิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีหลักเพื่อให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี

โดยสาระสำคัญของ พ...คู่ชีวิต มีดังนี้

1. “คู่ชีวิต” หมายความว่า บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ.นี้

2. กำหนดให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจ พิจารณาพิพากษาคดีตาม พ.ร.บ.นี้

3. กำหนดให้การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอม มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ และทั้งสองฝ่ายมีสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย

4. กำหนดให้ในกรณีที่ผู้เยาว์จะจดทะเบียนคู่ชีวิต ต้องได้รับความยินยอมของบิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้ปกครอง หรือศาล รวมทั้งกำหนดให้ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อจดทะเบียนคู่ชีวิต

5. กำหนดให้คู่ชีวิตมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา (มาตรา 3 และ 5 (2) และมีอำนาจดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา (มาตรา 29 วรรคหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

6. กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต โดยแบ่งเป็นสินส่วนตัว และทรัพย์สินร่วมกัน

7. คู่ชีวิตสามารถรับบุตรบุญธรรมได้ รวมทั้งคู่ชีวิตฝ่ายหนึ่งจะจดทะเบียน รับผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของตน ด้วยก็ได้

8. เมื่อคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิและหน้าที่ เช่นเดียวกับคู่สมรสตามบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดก

9. กำหนดให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยคู่สมรส (มาตรา1606 1652 1563) ครอบครัว และบุตรบุญธรรม มาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตด้วยโดยอนุโลม

ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. กำหนดให้ชายหรือหญิง จะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรส หรือคู่ชีวิตอยู่ไม่ได้

2. กำหนดให้เหตุผลฟ้องหย่า รวมถึงกรณีสามีหรือภรรยาอุปการะเลี้ยงดู หรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่ชีวิต

3. กำหนดให้สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพในกรณีหย่าหมดไป ถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ หรือจดทะเบียนคู่ชีวิต

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญภายหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ. รวม 2 ฉบับในเรื่องนี้ มีผลใช้บังคับแล้ว รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ พิจารณาศึกษาผลกระทบและแนวทางในการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของคู่ชีวิตให้มีความเป็นธรรม เท่าเทียม และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างแท้จริง

รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิตถือเป็นก้าวย่างสำคัญของสังคมไทยในการส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมของคนทุกเพศ เป็นการรับรองสิทธิ์ในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักที่มีเพศเดียวกันให้เป็นคู่ชีวิต และเป็นเครื่องมือทางกฏหมายในการจัดการกับความสัมพันธ์ทางครอบครัวได้เช่นเดียวกับคู่สมรส ครอบคลุมการจดทะเบียนและการเลิกการเป็นคู่ชีวิต สิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่ชีวิต การจัดการทรัพย์สิน การรับบุตรบุญธรรมและมรดก เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศและสอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นการรับรองสิทธิ์ในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน และเป็นเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการความสัมพันธ์ทางครอบครัว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกสิทธิ์เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ จึงทำให้การประเมินและติดตามการกฎหมายของ 2 ฉบับนี้ หลังบังคับใช้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายฉบับอื่นๆ ตามมา

ด้านกระเเสตอบรับหลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ...คู่ชีวิต ช่วงบ่ายวันนี้ ในสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ มีการเเสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย โดย #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต ได้มีการพูดถึงจำนวนมาก จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ประเทศไทยในอันดับ 3 (ณ เวลา 17.31 น.) ซึ่งมีการเเสดงความคิดเห็นบางส่วนว่า พ...คู่ชีวิตดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุมสิทธิเเละมีความเท่าเทียมอย่างเเท้จริง จึงไม่เห็นด้วยเเละมีการเรียกร้องให้มี #สมรสเท่าเทียม ต่อไป 

โดยหลายคนมองว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิต ยังไม่ตอบโจทย์การนำไปสู่ “สมรสเท่าเทียม” ขณะที่บางคนมองว่า การออกร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต เป็นการแบ่งแยกเพศจากการออก พ.ร.บ.ใหม่ แทนที่จะมีการปรับแก้และใช้ พ.ร.บ.เดียวกันกับการแต่งงานระหว่างชายและหญิง เพื่อให้ทุกเพศเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง

บางความเห็นมองว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิตนั้น ยังไม่ได้ให้สิทธิต่างๆ ของคู่ชีวิตได้เท่าเทียมกับคู่สมรส และร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ยังไม่เปิดให้คนทุกเพศสามารถหมั้นกันได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

ก่อนหน้านี้ในสังคมออนไลน์ ได้เชิญชวนกันให้ร่วมแสดงความคิดเห็น ผ่านเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เเละเเฮชเเท็ก #สมรสเท่าเทียม ก็ขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยเช่นเดียวกัน

 

]]>
1286950