เชื่อได้ว่าใครที่เป็นสายกิน สายบุฟเฟต์ต้องเคยไปลิ้มลอง Copper Beyond Buffet อย่างแน่นอน ขึ้นชื่อว่าเป็นบุฟเฟต์ระดับพรีเมียม ใช้วัตถุดิบคุณภาพ ราคาก็สมความพรีเมียมในระดับหนึ่ง ตอนนี้ Copper ได้เดินทางมา 9 ปีแล้ว พร้อมการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Copper มีจุดเริ่มต้นจากการที่ “สมศักดิ์ พินิจศักดิ์กุล” เจ้าของคอมมูนิตี้มอลล์ The Sense Pinklao ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2557 อยากสร้างแมกเน็ตที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้าศูนย์มากขึ้น เลยมีไอเดียสร้างร้านบุฟเฟต์ เริ่มฟอร์มทีมงานตั้งแต่ปี 2558 แล้วเปิดตัว Copper Beyond Buffet ในเดือนมีนาคม 2559
ด้วยความที่ครอบครัวชอบกินอาหารบุฟเฟต์โรงแรม และร้านอาหารญี่ปุ่น จึงตั้งใจปลุกปั้นร้านอาหารบุฟเฟต์ ที่รวมทั้งสองความชอบไว้ด้วยกัน พร้อมสร้างประสบการณ์พรีเมียมที่ฉีกกรอบจากร้านอาหารบุฟเฟต์ทั่วไปในตลาด พร้อมแก้ Pain Point ของกลุ่มลูกค้าในย่านปิ่นเกล้า ที่ยังไม่มีร้านอาหารบุฟเฟต์พรีเมียมเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
ที่ใช้ชื่อว่า Copper เพราะ “พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล” ลูกสาวของสมศักดิ์ ที่ปัจจุบันเป็น CEO คนใหม่ของ Copper เป็นคนหา Reference การสร้างร้าน การตกแต่งต่างๆ เน้นไปในโทนสีโรสโกลด์ สีคอปเปอร์ เพื่อให้ดูพรีเมียม แต่ยังเข้าถึงง่าย จึงเลือกใช้ชื่อคอปเปอร์
ในช่วงแรกยังเป็นช่วงที่ทดลองตลาด และจับทางผู้บริโภค วางจุดยืนเป็นบุฟเฟต์นานาชาติ ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 678 บาท มีเพียง 40 กว่าเมนู ตอนนั้นขาดทุนติดกัน 8-9 เดือน มีลูกค้าเฉลี่ย 8,000-9,000 คนต่อเดือนเท่านั้น ขาดทุนหนักสุดที่เดือนละ 1 ล้าน แต่ตอนนั้นสมศักดิ์มองว่าขาดทุนไม่เป็นไร เพราะเป้าหมายหลักคือดึงทราฟฟิกเข้าศูนย์การค้า
แต่หลังจากนั้นได้ใช้เวลาในการสะสมบารมี เพิ่มเมนู หาวัตถุดิบที่ดีขึ้น ปรับราคาให้เหมาะกับเมนู เพิ่มความคุ้มค่า จนเริ่มมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก และเริ่มมียูทูบเบอร์สายอาหารมารีวิวที่ร้าน จนมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และเมื่อปี 2567 ได้เปิดสาขาที่ 2 ที่ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ มีลูกค้ารวม 2 สาขาที่ 480,000 คน/ปี และมีรายได้ 800 ล้านบาท
ในปีนี้ พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ที่เป็นทายาทรุ่น 2 ได้รับตำแหน่ง CEO เต็มตัว ก่อนหน้านี้พจนีย์ดูในส่วนของดูแลพื้นที่เช่าใน The Sense Pinklao และเข้ามาช่วยดู Copper เมื่อปี 2566
จากที่วางจุดยืนเป็นบุฟเฟต์นานาชาติในระดับพรีเมียม พร้อมมอบประสบการณ์ผ่านวัตถุดิบต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนทานอาหาร Fine Dining ในแบบบุฟเฟต์ โดยที่ Copper มี 14 แพ็กเกจด้วยกัน ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 บาท ไปจนถึง 3,999 บาท ใช้บริการได้ 2 ชั่วโมง ต่างกันที่เมนูอาหารพิเศษ
โดยลูกค้าต้องจองผ่านแพลตฟอร์ม Hungry Hub ก่อนเท่านั้น ไม่รับวอล์กอินที่หน้าร้าน โดยที่แพ็กเกจ A ราคา 1,999 บาทเป็นแพ็กที่ขายดีที่สุด ช่วงเดือนที่ยอดจองเยอะที่สุดเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ปัจจุบัน Copper มี 2 สาขาด้วยกัน สาขาแรกที่ The Sense Pinklao เปิดทำการเปิดปี 2559 มีพื้นที่รวม 2,300 ตารางเมตร มีที่นั่ง 400 ที่ ส่วนที่สาขาเกษรอัมรินทร์มีพื้นที่ 1,300 ตารางเมตร มีที่นั่ง 300 ที่
โดยภาพรวมมีอัตราการจองเฉลี่ย (Occupancy Rate) อยู่ที่ 70% เป็นสัดส่วนลูกค้าไทยอยู่ที่ 65% และลูกค้าชาวต่างชาติ 35% โดยที่สาขาเกษรอัมรินทร์มียอดจองเฉลี่ย 85% แต่ถ้าเป็นช่วงปลายเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็น 95%
ถ้าถามว่าเปิดมา 9 ปี มี 2 สาขาน้อยไปหรือไม่ พจนีย์ให้คำตอบว่า
“ตอนแรกเปิด Copper เพื่อดึงทราฟฟิกเข้าศูนย์การค้า มองว่าเป็นธุรกิจครอบครัว ไม่อยากขยายไปไหน แต่เมื่อโตขึ้น เห็นแบรนด์ดิ้งที่สามารถขยายต่อได้ มีกลุ่มลูกค้า มองเห็นโอกาสในอนาคต พอดีกับที่เกษรอัมรินทร์กำลังรีโนเวต จึงเริ่มคุยกันตั้งแต่ปลายปี 65 เลยคิดว่าจะขยายสาขา 2 มองว่าเป็นแบรนด์ที่ต่อยอด เป็นการขยายสู่ธุรกิจ F&B เต็มตัวแบบจริงจัง มองไปถึงการแตกแบรนด์ทำสินค้าเมอร์เชนไดส์ และธุรกิจรับจัดเลี้ยงต่อไปด้วย”
ปิดปี 2567 มีรายได้รวม 800 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นที่สาขาเกษรอัมรินทร์ 65% และที่ปิ่นเกล้า 35% สามารถที่สาขาเกษรอัมรินทร์รายได้เยอะกว่าเพราะมีแพ็กเกจราคาที่แพงกว่านิดหน่อย มีเมนูที่พรีเมียมกว่า และมีลูกค้าชาวต่างชาติเยอะถึง 40%
ในปีนี้มองเป้าหมายในการมีรายได้ 1,000 ล้านบาท และมีฐานลูกค้า 500,000 คน/ปี และก้าวสู่การเป็น Best International Buffet in Southeast Asia ให้ได้
]]>