หลักสูตรรีเทล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 15 Mar 2025 03:51:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Endless Holiday – Trinity Cafe สองแบรนด์ดาวรุ่งกับการคอลแล็บสุดปัง ผลผลิตจากคอร์ส LEAD by Cantral Pattana https://positioningmag.com/1514404 Sat, 15 Mar 2025 03:32:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1514404

การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ยุคที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งเก่ง หรือการเก่งอยู่คนเดียว แต่การสร้างระบบที่แข็งแกร่ง แล้วเติบโตไปด้วยกัน ยิ่งถ้าส่งเสริมคนตัวเล็กตัวน้อยด้วย ทำให้ธุรกิจยั่งยืนกว่าเดิมหลายเท่า เหมือนอย่างที่เซ็นทรัลพัฒนาได้เห็นความสำคัญของการของการปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่ช่วยให้น้องๆ ได้เติบโต

จึงเป็นที่มาของคอร์ส LEAD by Central Pattana หลักสูตรรีเทลที่พัฒนาให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เติบโต และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน พร้อมกับสเกลอัพไปแบบก้าวกระโดด

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทล ทดลองตลาดกับพื้นที่ที่มีศักยภาพ และนำสิ่งที่ได้พัฒนามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจจริงอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้บริหารหลักสูตร LEAD by Central Pattana และผู้ประกอบการจาก LEAD รุ่นที่ 6

ในปีนี้เดินทางเข้าสู่รุ่นที่ 6 ปั้นผู้ประกอบรุ่นใหม่อีกมากมาย ความพิเศษของคอร์สนี้คือนอกจากจะได้ความรู้ ประสบการณ์จากผู้รู้จริงในวงการรีเทลแล้ว ยังได้คอนเน็คชั่นจากเพื่อนๆ ร่วมรุ่น หรือแม้แต่ข้ามรุ่นก็ยังได้ เกิดการคอลแล็ปข้ามสายงานก็ยังมี LEAD เป็น Platform of Opportunity ที่สร้างโอกาสต่อไปแบบไม่รู้จบ

ในปีนี้ Positioning ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 2 แบรนด์รุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง Endless Holiday และ Trinity Cafe สองผู้ประกอบการผู้จบหลักสูตร LEAD รุ่น 6 และได้มีโปรเจ็คต์คอลแล็ปกันสร้างป็อปอัพคาเฟ่สุดคิวท์ ทั้ง 2 แบรนด์จะมีความน่าสนใจอย่างไร จะพาไปหาคำตอบ


Endless Holiday แบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ออนไลน์แบรนด์ดัง

ในประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามีแบรนด์ที่แจ้งเกิดจากการขายบนช่องทางโซเชียลมีเดียมากมาย บางแบรนด์อาจได้รับความนิยมสูงจนสามารถเปิดหน้าร้านได้

หรือมียอดขายทะลุหลายหลัก ซึ่งจะต้องเป็นแบรนด์ที่มีความแตกต่าง และมีฐานลูกค้าในระดับหนึ่ง

Endless Holiday เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่แจ้งเกิดจากช่องทางอินสตราแกรม หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นแบรนด์ไอจี โดยได้สร้างแบรนด์มา 10 ปีแล้ว ก่อตั้งโดย “คุณเอ้-ฤดีมาศ สกุลพงศ์ไพศาล” อดีตมาร์เก็ตติ้งสายแฟชั่น กับพาร์ทเนอร์ คุณกานต์ วิสราญกุล และ  คุณ อ้อ ฤดีรัตน์ สกุลพงศ์ไพศาลผู้มีใจรักในด้านแฟชั่น การแต่งตัว จึงได้เริ่มสร้างแบรนด์เอง ตอนแรกเริ่มทำจากเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าสำเร็จรูป มาจนถึงออกแบบลายเองจนได้แพทเทิร์นที่ยูนีคไม่เหมือนใคร ขึ้นแท่นเสื้อผ้าลายดอกที่ผู้หญิงหลงรัก จนขยายไลน์ยังเสื้อผ้าแม่และเด็ก รวมถึงกลุ่มผู้ชายด้วย

“เราเป็นคนมีแพชชั่นในเรื่องแฟชั่น จึงลองทำแบรนด์ของตัวเอง ตอนแรกเลือกผ้าสำเร็จรูป แล้วทำแบบให้ช่างตัดให้ แต่เกิด Pain Point ที่ว่า ลายซ้ำกับคนอื่น ถ้าขายดีแล้วหมดก็ไม่มีสต็อคเพิ่ม เสียโอกาสการขาย เลยมาคิดในการออกแบบลายเอง เกิดคอลเล็คชั่น Secret Garden เน้นลายดอกไม้ ให้ความรู้สึก Holiday เริ่มจากขายช่องทางออนไลน์เป็นหลัก อินสตราแกรม และลาซาด้า กับมีป็อปอัพสโตร์เล็กๆ บ้าง”

เหตุผลที่ใช้ลายดอกเป็นจุดเด่น มองว่าเป็นลายที่เข้าถึงง่าย เป็นแพทเทิร์นที่อมตะ เอาไปทำได้หลายอย่าง เข้าถึงสาวๆ ได้ง่าย เลยกลายเป็นภาพจำของแบรนด์ว่าเป็นลายปริ้นที่มีเอกลักษณ์ กับจุดเด่นอีกอย่างก็คือทำเป็นฟรีไซส์ ใช้ผ้าใส่สบาย ไม่ค่อยยับ ทุกไซส์ใส่ด้วยกันได้

จุดเริ่มต้นจากฟอร์มดอกไม้เป็นหลัก จนได้พัฒนามีคอลเล็กชั่นตามเทศกาลมากขึ้นอย่างเช่น วันวาเลนไทน์ และตรุษจีน ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า รวมไปถึงขยายไลน์ไปกลุ่มแม่และเด็ก สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

หลังจากอยู่บนโลกออนไลน์มาเป็น 10 ปี Endless Holiday มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อยากจะโตมากขึ้นกว่านี้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมคอร์ส LEAD by Central Pattana เพื่อต้องการสเกลอัพไปยังช่องทางออฟไลน์

“ปกติขายแค่ออนไลน์ ถ้าอยากโตต้องไปออฟไลน์เพื่อโตเข้าไปอีก อยากออกจากกรอบเดิมๆ ที่มีอยู่ เห็นว่าเซ็นทรัลพัฒนาเป็นเจ้าแห่งรีเทล ประกอบกับที่เรามีคอนเน็คชั่นกลุ่มเพื่อนที่เป็นแบรนด์ที่ขายสินค้าในอินสตราแกรม ก็แนะนำให้มาเข้าคอร์สนี้ ได้เห็นโปรไฟล์ของแบรนด์ที่เข้าร่วมในรุ่นก่อนๆ ก็เลยอยากโตแบบเขาบ้าง”

หลังจากเข้าคอร์ส LEAD by Central Pattana เหมือนเป็นแหล่งบ่มเพาะ SME ให้สเกลอัพไปสู่โลกกว้างได้อย่างทุกมิติ ในคอร์สนี้ได้ให้ทั้งความมั่นใจ เทคนิค กลยุทธ์ที่เป็นระบบ พร้อมกับได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ได้พื้นที่ได้ทดลองโปรเจ็คต์คอลแล็ปกับเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ทางเซ็นทรัลพัฒนามีขุมพลที่พร้อมให้คำปรึกษา และเครื่องมืออย่างเต็มที่

คุณเอ้-ฤดีมาศ ได้ทิ้งท้ายว่า คนที่เข้าคอร์ส LEAD by Central Pattana เมื่อเรียนจบแล้วจะไม่ได้อยู่ที่เดิมแน่นอน เพราะมีสเต็ปกันหมด มีโอกาสเข้ามาพร้อม จากคอนเน็คชั่นของคนร่วมหลักสูตร และโอกาสจากทางเซ็นทรัลพัฒนาเช่นกัน


Trinity Cafe คาเฟ่ขอนแก่น กับเป้าหมายในการบุกเมืองกรุง

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีร้านเบเกอรี่ ร้านคาเฟ่เกิดขึ้นมากมาย บางร้านก็ขายดีมีลูกค้าประจำ แต่บางร้านก็ล้มหายตายจากไปเยอะ ซึ่งถ้าพูดถึงคาเฟ่ในจังหวัดขอนแก่นแล้วละก็ เป็นร้านอื่นไปไม่ได้นอกจาก Trinity Cafe ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแม่ตัวมัมแห่งขอนแก่น จุดเด่นอยู่ที่เบเกอรี่ที่ไม่กั๊กวัตถุดิบ อะไรที่ว่าดีล้วนใส่ลงไปในขนม ทำให้เกิดการบอกปากต่อปาก

Trinity Cafe ก่อตั้งโดย เชฟฟ้า-กนกวรรณ เดชวีระพานิชย์  ที่เริ่มทำขนมตั้งแต่ม.5 ทำไปให้เพื่อนชิมบ้าง ทำขายบ้าง ดูสูตรจากเว็บไซต์พันทิป และหนังสือแม่บ้าน จากนั้นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเริ่มขายส่งให้ร้านเบเกอรี่ในเมืองขอนแก่น หารายได้เดือนละ 40,000-50,000 บาท จึงเริ่มคิดว่าน่าจะเปิดร้านเป็นของตัวเองได้

“แรกเริ่มเราใช้พื้นที่หน้าบ้านเปิดร้านก่อน มี 2-3 โต๊ะเท่านั้น เริ่มทำครัวซองขายวันละ 20 ชิ้น แต่ก็มีลูกค้าเยอะตั้งแต่วันแรก เพราะมีฐานลูกค้าตั้งแต่สมัยเรียนมหาวัทยาลัย จากนั้นเริ่มขยายไปสาขาที่ใหญ่ขึ้นกลางเมืองขอนแก่น เริ่มลงทุนใช้เครื่องจักรช่วยทำขนม ทำให้ขายครัวซองได้วันละ 1,200 ชิ้น”

Trinity Cafe เปิดร้านมาได้ 9 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาโฟกัสในการทำธุรกิจจริงจังเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีการเติบโตแบบออแกนิกมาโดยตลอด ไม่เคยจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ในการรีวิว เกิดการบอกต่อกันปากต่อปากล้วนๆ โดยเป้าหมายใหญ่คือการเปิดสาขาในกรุงเทพฯ จึงคิดว่าน่าจะต้องทำการบ้านอีกมาก

ปัจจุบัน Trinity Cafe มี 3 สาขาที่จ.ขอนแก่น และมีป็อปอัพสโตร์ที่อุดรธานี ตอนนี้ทำกลังรอพื้นที่สาขาถาวรที่เซ็นทรัลอุดรธานี ….. บอกว่า การเติบโตจากร้านเดิมเป็นเรื่องยาก ต้องขยายสาขาใหม่ๆ มองโอกาสใหม่ จึงได้ตัดสินใจเข้าโปรแกรม LEAD by Cental Pattana

“เหตุผลที่เข้าร่วมคอร์สนี้ เพราะมีเพื่อนในวงการร้านขนมด้วยกันแนะนำให้ลองมา แต่ก่อนมีแค่สกิลการเป็นเชฟ เรียนแต่ทำขนม พอจะขยายสาขาไม่รู้เรื่องธุรกิจ พอมาเรียนที่นี่ก็ได้เต็มที่กับมัน ถูกบีบให้ต้องทำ ต้องทำอะไรใหม่ เออกจากเซฟโซนเดิมๆ อยู่ไปแล้วจะซึมซับคนที่มีพลัง มีไฟขึ้นมา อาจารย์จะดึงศักยภาพของเราออกมาได้ ตอนแรกคิดว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว แต่มันดีได้อีก”

แม้เป้าหมายใหญ่จะเป็นการขยายสาขาในกรุงเทพฯ แต่เป้าหมายระยะสั้นต้องการที่จะขยายสาขาในโซนภาคอีสานก่อน หลังจากที่เคยเปิดป็อปอัพสโตร์ที่เซ็นทรัลอุดรธานีตอนที่อยู่ใน LEAD by Central Pattana ก็ได้รับผลตอบรับดีมาก คาดว่าจะขยายไปที่จ.อุบลราชธานีในสิ้นปีนี้


Endless Holiday x Trinity Cafe เมื่อแฟชั่นมาเจอคาเฟ่

นอกจากการเรียนรู้ในการทำธุรกิจแบบเป็นระบบแล้ว เซ็นทรัลพัฒนายังให้โอกาสได้ทดลองจริงด้วยการให้เปิดป็อปอัพสโตร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ Endless Holiday ได้ครีเอทสินค้าใหม่ๆ เพื่อขายที่งานนี้โดยเฉพาะ ออกคอลเล็คชั่นดอกโบตั๋น ได้ผลตอบรับดีมาก มีคนต่อคิวตั้งแต่ตีห้า ขายหมดภายใน 2 ชั่วโมง สร้างยอดขายทะลุ 6 หลัก ส่วน Trinity Cafe ได้คอลแล็ปกับแบรนด์อื่นๆ ในการออกครัวซองรสชาติใหม่ๆ เช่น ไส้ครองแครง และชาไทยเป็นต้น

จากนั้นได้มีโปรเจ็คต์ให้ทั้งคู่ได้คอลแล็ปร่วมกัน โดยได้เปิดเป็นป็อปอัพคาเฟ่ที่เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เป็นการผสมผสานระหว่างแฟชั่น กับคาเฟ่ได้ลงตัว มีการดีไซน์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ และสามารถต่อยอดไปยังสินค้าอื่นๆ ได้อีก พร้อมกับได้แลกเปลี่ยนฐานลูกค้ากันอีกด้วย

Endless Holiday ได้ออกแบบเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่เพื่อวางขายที่งานนี้โดยเฉพาะ พร้อมกับไลน์สินค้ากลุ่มของใช้ในบ้าน และสัตว์เลี้ยง ได้แก่ หมอน, จาน, ที่รองแก้ว, เบาะรองเก้าอี้, พรมเช็ดเท้า และปลอกคอน้องหมา โดยที่เสื้อผ้าขายหมดภายใน 2 วัน สร้างยอดขาย 1.8 ล้านบาท

ส่วน Trinity Cafe ได้ลองเมนูใหม่อย่างไอศกรีม และทำโคนวาฟเฟิล เป็นการลองอะไรใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยทำ ซึ่งเมนูไอศกรีมก็อาจจะมีการต่อยอดเอาไปขายต่อที่ร้านได้ด้วยเช่นกัน

จากการเข้าร่วมโปรแกรมนี้ และได้ทำโปรเจ็คต์คอลแล็ปกันนั้น ทั้งคู่ได้บอกตรงกันว่าสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือ การได้ลองใหม่ๆ ได้ออกจากเซฟโซน ไอเดียที่เคยคิดมาทำได้จริง ได้ทำงานเป็นระบบ ได้เรียนรู้จากอาจารย์ และผู้ประกอบการคนอื่นๆ เป็นการทดลองที่คุ้มค่า

ทั้ง 2 แบรนด์มีคุยกันไปถึงอนาคตอาจจะมีการคอลแล็ปในสนามธุรกิจจริงๆ เช่น เทคโอเวอร์คาเฟ่  Trinity Cafe ที่ขอนแก่นเป็นลายของ Endless Holiday ซึ่งสามารถต่อยอดได้มากมาย

LEAD by Central Pattana คือ Community of Opportunity แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่มอบโอกาสให้ SMEs ไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืน SMEs เติบโตได้จริง จากจุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่ไม่มีใครทำได้ เพราะเซ็นทรัลมีพื้นที่ศูนย์การค้าทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพชั้นนอก-ชั้นใน และในจังหวัดต่างๆ ล้วนเป็นทำเลที่ได้วิเคราะห์ และมองเห็นศักยภาพของตลาดมาก่อนแล้ว ทำให้ธุรกิจเติบโตได้จริง โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ มีทราฟฟิกประมาณ 1.3 ล้าน Visit ต่อวัน หรือเกือบ 500 ล้าน Visit ต่อปี

นอกจากนี้คอร์ส LEAD ช่วยปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง ให้ผู้เรียนได้ทำ 360° Business Health Check ทำให้เห็นจุดอ่อนของธุรกิจตัวเอง จากการแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆ ในคอร์สเรียน ทั้งเรื่อง product, Visual Merchandising, logistic, Retail Feasibility, Scalability และ Marketing ฯลฯ ช่วยผู้เรียนเสริมจุดแข็งด้วย Retail incubation program ให้คิดอย่างมีกลยุทธ์ว่าตัวเองมี competitive edge อย่างไร เพื่อนำไปต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ

LEAD by Central Pattana ปั้น SMEs ไทยรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จไปแล้วถึง 240 แบรนด์ รวมเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากกว่า 3,800 ล้านบาท ขยายหน้าร้านไปแล้วกว่า 600 ร้านค้า โดยกำลังเปิดรับสมัครผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีแพชชั่น และพร้อมสเกลอัพธุรกิจ เข้าอบรม LEAD รุ่นที่ 7 แล้ว วันนี้ – 5 เมษายน 2568 สนใจสมัครคลิก https://www.centralpattana.co.th/en/shopping/shopping-update/event/1319/lead7

 

]]>
1514404
เปิดใจ 3 แบรนด์ดังจาก “LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา” หลักสูตรปั้นแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง ใส่เกียร์เร่งให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1481419 Fri, 12 Jul 2024 10:00:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481419

ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่มีการเปิดกว้างทางธุรกิจอย่างมาก ไม่ได้มีเพียงแค่ธุรกิจระดับยักษ์ใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น แต่มีธุรกิจระดับ SME หรือหลักสูตรปั้นแบรนด์แจ้งเกิดเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย แต่มีแพชชั่นในการทำธุรกิจอย่างเต็มเปี่ยม

หลายครั้งก็พบว่าธุรกิจในระดับ SME อาจจะเจอข้อจำกัดบางประการ แม้จะมีแพชชั่น แต่อาจจะขาด “คอนเน็คชั่น” ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตได้ ผู้ประกอบการค้าปลีกอย่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” จึงเห็นความสำคัญของการของการปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

จึงเป็นที่มาของคอร์ส “LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา” ย่อมาจาก Leading Entrepreneur Advanced Development หลักสูตรรีเทลที่พัฒนาให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เติบโต และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน พร้อมกับสเกลอัพไปแบบก้าวกระโดด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทล ทดลองตลาดกับพื้นที่ที่มีศักยภาพ และนำสิ่งที่ได้พัฒนามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจจริงอย่างเป็นรูปธรรม

เซ็นทรัลพัฒนาได้เปิดหลักสูตรนี้มาตั้งแต่ปี 2560 ปัจจุบันได้เดินทางมาถึงรุ่น LEAD 5 แล้ว ที่ผ่านมาได้ปั้นผู้ประกอบการในเครือข่ายไปแล้วรวมกว่า 180 ราย ในแต่ละรุ่นจะมีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไฟแรงเข้าร่วมราวๆ 35-40 ราย

โดยมีเซ็นทรัลพัฒนาเป็น Business Incubator ช่วยให้แบรนด์แข็งแรงขึ้น บน Retail Ecosystem ของ Central Group ซึ่งมีกลุ่มธุรกิจและเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ สร้างโอกาสให้เติบโตได้หลายรูปแบบ ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับการอยู่เคียงข้างและช่วยสร้างความสำเร็จให้กับพันธมิตรคู่ค้าของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีอยู่กว่า 15,000 รายทั่วประเทศ

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เริ่มเล่าว่า

“กว่า 40 ปี ที่เซ็นทรัลพัฒนา เติบโตมาพร้อมกับผู้ประกอบการร้านค้า ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งมีหลายแบรนด์เริ่มต้นธุรกิจมากับ “ศูนย์การค้าเซ็นทรัล”

กระทั่งเติบโตจนเป็นแบรนด์ระดับประเทศและระดับโลก และด้วย Strong ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา และการเป็น Place Maker หรือนักพัฒนาพื้นที่ซี่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงต่างประเทศ จึงช่วยสร้างและนำพา Tenant ของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

หลักสูตร LEAD จึงเป็นหนึ่งใน Business Strategy ที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ที่มีแพชชั่น และแนวคิดในการปั้นแบรนด์ สร้างธุรกิจของตัวเอง ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมอยู่ใน Retail Ecosystem ที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา และเติบโตไปด้วยกัน”

ตั้งแต่รุ่นที่ 1 มาจนถึงรุ่นที่ 5 สามารถการันตรีความสำเร็จได้จาก ได้สร้างเครือข่ายของแบรนด์กว่า 180 แบรนด์ สร้างมูลค่าการเติบโตธุรกิจมากถึง 2,500 ล้านบาท มีการสร้างแบรนด์ พัฒนา ในการขยายสาขา และหน้าร้านเพิ่มขึ้นคิดเป็น 165% เทียบกับปีแรกที่ดำเนินโครงการ

เซ็นทรัลพัฒนาเองมีแนวคิดในการสร้างพาร์ทเนอร์ในการเติบโตไปด้วยกัน การที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถสเกลอัพธุรกิจได้ ก็เป็นผลดีต่อธุรกิจกิจศูนย์การค้าเช่นกัน เพราะเป็นส่วนสำคัญในการดึงทราฟฟิกผู้ใช้บริการเข้าศูนย์

ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวย้ำอีกว่า “ไม่เฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ ที่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนใน Retail Ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา ขอย้ำว่า ทุกคนโตได้” Nobody is too small to grow โดยไม่จำเป็นต้องกระโดดเป็นช้อปใหญ่โต อาจค่อยๆ ทดลองตลาด ขยับไปทีละฟอร์แมท เริ่มจากเปิดป๊อปอัพ สโตร์ แล้วค่อยขยายเป็น Permanent Shop

ทางด้าน ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ ที่ปรึกษาโครงการ LEAD และ CEO & Founder บริษัท แอมบิชั่น คอร์ป จำกัด กล่าวเสริมว่า

“สิ่งที่ผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากการที่ผ่านการเข้าร่วมคอร์ส LEAD คือการได้ร่วมกันพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ หรือการทำ Brand Co-creation ที่ได้ทดลองนำแบรนด์ของตนมาร่วมต่อยอดกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น

หรือการทดลองสร้าง New business format เพื่อสร้างช่องทางการขายหรือการขยายรูปแบบธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ต่อยอดจากสิ่งที่มีสู่สิ่งใหม่ที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จ มากกว่านี้ยังมีโอกาสเข้าสู่อีโคซิสเท็มที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ได้ต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน”

สำหรับหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 ที่เพิ่งจะจบไปนั้น มีผู้ประกอบการทั้งสิ้น 35 แบรนด์ มีหลาย
แบรนด์ที่ตัดสินใจขยายธุรกิจไปกับเซ็นทรัลพัฒนา และมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จากมีเพียง 3 สาขาก่อนเข้ามาเรียน เมื่อจบหลักสูตร มีขยายไปถึง 17 สาขา หรือจากเดิมทำแต่ออนไลน์ เมื่อได้ทดลองทำตลาดและเห็นโอกาส ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาเปิดเป็นหน้าร้าน

แบรนด์ที่เข้าร่วมคอร์ส LEAD 5 ในปีที่ผ่านมา มีดังต่อไปนี้ ANOTHER CUP, ANYWEAR STUDIO, BABY GIFT, BANGKOK GOLDS, BARKETEK, BEEF EXPRESS, BILIX, BLUETTI, BOTTOMLESS, CHAGEE, COVE, COZZY SAY I DO, FRENCH KITSCH CAFE, F.Y.I. MARKET, GRUMPY, HAEWON, HASS, HOLEN, KIM&CO. MULTI BRAND, LUHMSEN NOODLE, MEMOCLOTHING, MOLTO PREMIUM GELATO, OPTICSQUARE, PETCHPANTRA, POTATO CORNER, RUBBER IDEA, RYUJIN SUSHI, SELF., SKINLAB, TOOM SUSHI, ZEQUENZ, ข้าวนกกระยางคู่ และห้างทองเยาวราชดีเยี่ยม


เปิดใจ 3 ธุรกิจตัวท็อป LEAD รุ่น 5

KIM & CO. ORIGINAL ทำแฟชั่นให้มาเจอกับฟังก์ชั่น

KIM & CO. Multi-brand store คือ Unisex Multi-brand store สไตล์เกาหลี รวบรวมเเบรนด์ Local Fashion & Lifestyle มากกว่า 200 เเบรนด์ และมี House brand คือ KIM & CO. ORIGINAL ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน คือ Affordable yet function เช่น รองเท้าผ้าใบใส่นวัตกรรม Water-proof ทำให้รองเท้าเลอะยาก ง่ายต่อการทำความสะอาด และมี Technology Vulcanization ที่สามารถบิดงอได้ ทำให้ ยืดหยุ่น ใส่สบาย

ต้องตา อาชาเทวัญ เจ้าของแบรนด์ เล่าว่า หลังจากที่เข้าร่วมหลักสูตร LEAD ได้เน้นการสร้าง Product Development โดยการพัฒนา KIM & CO. Original โดยการใช้ Fashion Meet Innovation ให้สินค้ามีความน่าสนใจ พัฒนาให้แฟชั่นกับฟังก์ชั่นไปด้วยกันได้

สามารถอุดจุดอ่อนของตัวเอง จากเดิมที่เน้นทำแค่ KIM&Co. Multi Brand Store แต่การมาโฟกัสที่ KIM & CO. ORIGINAL ช่วยให้เกิดการเติบโตได้เร็วขึ้น ทั้งเรื่องการขยายสาขา หรือการสร้างยอดขาย

รวมถึงมีการต่อยอดธุรกิจได้โดยการสร้างสินค้าใหม่ และขยายแบรนด์ใหม่ เพื่อเติมพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ และขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย ได้แตกไลน์แบรนด์ TIA แบรนด์กระเป๋าระดับพรีเมี่ยม ช่วยสร้างยอดขายให้มากขึ้น

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ TIA คือต้องการทำสินค้าที่ไม่มีไซส์ จากเดิมที่ขายรองเท้าที่มีไซส์ ตั้งเเต่ 35-45 ทำให้ต้องมีการจัดการสต็อกมหาศาล จึงอยากลองทำอะไรที่ไม่มีไซส์บ้าง ซึ่งกระเป๋าเป็นสินค้าที่ไม่มีไซส์ทำให้การจัดการสต๊อกง่ายขึ้น

ต้องตา บอกว่า “Vision ของเราคือ ต้องการ Revolutionize life wear with accessible price
โดยการที่เรามองเห็น Pain point เเละสิ่งที่ลูกค้าชอบจากดาต้าที่เรามี เอามาพัฒนา เเละปรับปรุง ผสมผสานทุกอย่างจนออกมาเป็น KIM&CO. ORIGINAL เป็นแนวคิด “Where innovation meets style” ซึ่งจริงๆ แล้วนวัตกรรม เเละแฟชั่นเป็นสิ่งที่ขัดเเย้งกัน แต่เป้าหมายของเราคือ ผสมผสานให้เข้ากัน เพราะเราต้องการที่จะแตกต่าง และเราต้องการให้ลูกค้าได้มากกว่าสิ่งที่เค้าคาดหวังและทำให้เรากล้าที่จะลงทุน กล้าที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและมีกลยุทธ์ ทำให้เรากล้าและมั่นใจ จากการมี 3 สาขาเป็น 17 สาขาภายในระยะเวลา 6 เดือน มียอดขาย YTD โตขึ้น 300% ”


SELF. SMOOTHIE น้ำผลไม้ปั่นที่มีสตอรี่

ณภัสสร ฉลาดมานะกุล เจ้าของแบรนด์ เล่าว่า Self. เริ่มต้นจากการทำสมูทตี้ที่ไม่ใช่แค่น้ำผลไม้ปั่นทั่วไป ชื่อเมนูจะไม่ได้ลิงค์กับผลไม้โดยตรง แต่เน้นที่สรรพคุณ และคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับและยังสอดคล้องกับลายหน้าแก้วที่เป็นเอกลักษณ์เรื่องราวเฉพาะแต่ละสูตร

คำว่า Self. ไม่ได้หมายถึงแค่ “mySELF” แต่ยังรวมถึง “Otherself” “Themself” หรือ “Customer Self” ทุกเมนู และสูตรได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการ ตั้งต้นจาก Pain-point ของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน แต่ยังคงรสชาติดี ได้สารอาหารครบถ้วน

“Self สร้างนิสัยการรักสุขภาพที่ไม่ต้องแลกด้วยความพยายามโดยการที่ Self. จะเป็น 1 ใน Journey เป็นไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแบบง่ายๆ ทำให้ลูกค้ารักตัวเองและ ใส่ใจตัวเองได้แบบง่ายๆ โดยให้ลูกค้าเริ่มคุ้นชินกับการมีนิสัยการดื่มสมูทตี้ของ Self. ได้กินผักผลไม้ทั้งชิ้นพร้อมกากใย แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นการดื่ม โดยไม่เติมแต่งใดๆ ซึ่งลูกค้าของ Self. จะซื้อกลับไปปั่นเอง เห็นความแท้และธรรมชาติเอง ซึ่งภายใน 6 เดือนนี้มียอดของลูกค้าที่ซื้อ Ready to blend  แบบ Make yourSELF at home เพิ่มขึ้นถึง 150%”

Self. ได้สร้างแบรนด์ด้วยความใส่ใจในคุณภาพ และจุดยืนที่ชัดเจน ผ่านทั้งตัวสินค้า แพคเกจจิ้ง ลายหน้าแก้วที่ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวเฉพาะแต่ละแก้ว สีแบรนด์ที่ใช้ หน้าตาของร้าน การบริการต่างๆ รวมถึงการมอบประโยชน์และคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้าและสังคม ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

แบรนด์ไม่ได้เป็นแค่น้ำผลไม้ปั่นธรรมดา แต่มีนักโภชนาการคอยดูแลสัดส่วนของสารอาหารโดยเฉพาะแต่ละสูตร เพื่อให้ไม่เกิด Over Consume Sugar หรือได้รับน้ำตาลมากเกินไป

ปัจจุบันแบรนด์ไม่ได้มีแค่สมูทตี้ แต่ยังพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เช่น Self Snack และ สินค้า Self Merchadises สำหรับแฟนๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มเติมที่อยากหาขนมที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง

ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล ไม่มีเนยนมไข่ ยังคงคอนเซ็ปต์ของความธรรมชาติ รวมถึงมีแผนการขยายไลน์สินค้าเพิ่มเติมภายใต้ Self Basic Drink ที่จะมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากขึ้นโดยการ Grab & Go จากปกติที่สามารถซื้อถือกินเลยได้แค่คนละแก้ว แต่จะสามารถซื้อกลับบ้านได้หลายขวด โดยยังคงคอนเซป Pure & Natural เน้นผลไม้เบสิคไม่ผสม เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้า


BOTTOMLESS COFFEE ROASTER โรงคั่วกาแฟครบวงจร

นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เจ้าของแบรนด์ ได้เริ่มเล่าว่า “Bottomless เริ่มต้นจาก Home Coffee lover วางจุดยืนเป็น Specialty coffee สำหรับคอกาแฟ ผ่านมา 10 กว่าปี ในการเอาชนะความความท้าทายในการเติบโต ของ Specialty Coffee คือการที่จะต้องควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ต้องทำกาแฟคุณภาพอร่อย เข้าถึงง่าย และมีความพิเศษหลากหลาย”

จุดเด่นของ Bottomless ที่แตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ ทั่วไปคือ การสร้าง Coffee Ecosystem ทั้งระบบ ตั้งแต่การเป็นโรงคั่วกาแฟ ขยายสู่ตลาด B2B OEM และ HORECA, Consultant & Training และการเพิ่มไลน์สินค้าสู่ตลาด B2C เช่น Coffee Capsule, Drip Bag, Coffee Specialty และ Non-Coffee

Bottomless ได้มีการนำเข้าและผลิต วัตถุดิบที่ใช้ในร้านกาแฟเองมาตั้งแต่ต้น เช่น ผงช็อคโกแลต ผงชาไทย มัจฉะ มีครัวกลางผลิตขนม และอาหารที่ใช้ขายในร้านกาแฟ รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ Keesvanderwesten แบรนด์เครื่องชงกาแฟ ไฮเอนด์จากเนเธอร์แลนด์ และอุปกรณ์กาแฟชั้นนำ ซึ่งทำให้สามารถ Supply เครื่องเข้าร้านได้โดยไม่ขาดตอน

นพพลเสริมอีกว่า สิ่งที่ได้จากหลักสูตร LEAD คือ การรู้สึกว่าเราตัวเล็กลง เพราะเราเข้าใจในเรื่องต่างๆ ลึกขึ้น ทำให้ยังรู้สึกอยากพัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นอีก เพราะการทำธุรกิจเก่งแค่กาแฟคงยังไม่พอ เรื่องการเงินก็สำคัญ รวมถึงได้เน็ตเวิร์กจากเพื่อนๆ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 ได้แก่ HOLEN และ COVE

HOLEN
เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมซื้อเป็นของฝาก ด้วยคาแรคเตอร์ลิงยักษ์จากวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ ที่ออกแบบโดยวิพาสน์พร ศรีพุ่ม และกลุ่มเพื่อน สินค้าขายดีคือยาดมโฮเล่น หอมละมุนจากสมุนไพรไทย เมื่อได้ทดลองตลาดในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภายใต้หลักสูตร LEAD ทำให้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าในรูปแบบ customize และ collaboration กับแบรนด์อื่น สินค้าถูกใจทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ มียอดขายเติบโตขึ้นมากกว่าสามเท่า และมีช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งออนไลน์และออนไซต์

COVE
เกิดจากความมุ่งมั่นของเอกพล วงศ์ภัทรกุล ในการพัฒนากระเป๋าและกระเป๋าเดินทางที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ หลังเข้าหลักสูตร LEAD ทำให้มีการวางแผนในการออกสินค้าใหม่อย่างเป็นระบบ มีความแม่นยำในการเลือกสินค้าใหม่มากขึ้น ทำให้สามารถเติบโตได้เกือบ 100% ภายใน 1 ปี

สำหรับหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 ที่เริ่มเรียนในเดือนมิถุนายนนี้ มาในธีม Growth & Sustainability ยังคง Concept เดิม คือเรื่องของการ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” โดยเน้นเรื่อง Growth & Sustainability เพราะเราเชื่อว่าความยั่งยืนของธุรกิจ ส่วนหนึ่งเกิดจากความสำเร็จของแบรนด์ ที่ได้เติบโตไปพร้อมกับเซ็นทรัลพัฒนา

]]>
1481419