อสังหา EEC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 24 Feb 2025 07:28:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โรงงาน EEC โต ทำยอดขายโครงการอสังหา EEC แตะ 70-90% ปล่อยเช่าเต็ม 100% https://positioningmag.com/1511965 Mon, 24 Feb 2025 04:08:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1511965 ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) เปิดเผยว่า ความต้องการอสังหาฯ EEC (ข้อมูล ณ ม.ค.68) ขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากปัจจุบันมียอดเหลือขายโครงการที่อยู่อาศัยเพียง 75 โครงการ จำนวน 26,526 หน่วย แบ่งเป็น

  • คอนโด 27 โครงการ จำนวน 15,160 หน่วย โดยมียอดเหลือขายอาคารชุดประมาณ 4,330 หน่วย หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.56% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด
  • บ้าน 48 โครงการ จำนวน 11,366 หน่วย มีหน่วยเหลือขายประมาณ 4,834 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 42.5% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด

“จากผลการสำรวจจะเห็นว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดใน EEC มีมากกว่าบ้านพักอาศัย โดยระดับราคาคอนโดที่ได้รับความสนใจจะเป็นระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ส่วนระดับราคาบ้านที่ได้รับความสนใจและอัตราการขายได้ดีเป็นประเภททาวน์เฮ้าส์ ที่ระดับราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท”

ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS)

ทำเลที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดพักอาศัย จะอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้

หากเปรียบเทียบจำนวนแรงงานและเงินเดือนแรงงานของแต่ละนิคมฯ พบว่า

  • นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นทำเลที่มีจำนวนแรงงานสูงสุดคือประมาณ 220,000 คน โดยเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้ระหว่าง 12,000 – 120,000 บาทต่อเดือน
  • นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ชลบุรี ที่มีจำนวนแรงงานประมาณ 25,000 คน รายได้ระหว่าง 10,000 – 80,000 บาทต่อเดือน
  • นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง แรงงาน 30,000 คน รายได้ระหว่าง 10,000 – 65,000 บาทต่อเดือน

จำนวนแรงงานในทำเลนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ มีมากกว่าทำเล นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง และ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้สูงกว่า

จากผลการสำรวจโดยรอบทำเลอมตะซิตี้ พบว่า อพาร์ตเมนต์โดยรวมจำนวน 14 แห่ง มีห้องเพื่อปล่อยเช่ารวม 1,900  ห้อง เป็นห้องขนาด 25 – 28 ตารางเมตร  พบว่ามีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) อยู่ที่ 93% โดยมีอัตราการค่าเช่าอยู่ที่ 2,500 – 5,000 บาทต่อเดือน

โดยที่ 6 ใน 14 อพาร์ตเมนต์ อัตราการเช่าคือ 100% สะท้อนให้เห็นความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ที่มีอยู่สูงเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ ในพื้นที่ EEC

จากความต้องการที่อยู่อาศัยดังกล่าว จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อ โดยเฉพาะโครงการอาคารชุดพักอาศัย

จากผลการสำรวจในเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบว่า โครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จก่อนขาย เมื่อเปิดขายในระดับราคาที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยเฉลี่ยขายที่ 900,000 – 1,200,000 บาทต่อหน่วย ขนาดห้อง 24 – 30 ตารางเมตร) สามารถสร้างยอดขายเฉลี่ยได้ 70 – 90% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขาย

ซึ่งมีผู้ซื้อที่เป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองและการซื้อเพื่อการลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ที่ระดับราคา 5,500 – 8,000 บาทต่อหน่วย สำหรับห้องขนาด 24 – 30 ตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5 – 7% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน

สอดคล้องกับรายงานของ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ระบุว่า ยอดขายและให้เช่าใหม่ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม มีจำนวน 6,069 ไร่ เพิ่มขึ้น 52.7% YoY ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 

โดยยอดขายและให้เช่าที่ดินในนิคมฯ ยังคงอยู่ในภาคตะวันออกมากที่สุด ครอบคลุมพื้นที่ 5,481 ไร่ (สัดส่วน 90% ของยอดขายและเช่าใหม่ของพื้นที่นิคมฯ ทั่วประเทศ) เพิ่มขึ้น 55.3% YoY

สะท้อนถึงศักยภาพของภาคตะวันออกที่ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง (รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) จำนวน 531 ไร่ (+47.5% YoY)

ส่งผลให้ยอดขายและให้เช่าสะสมในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 132,430 ไร่ คิดเป็นอัตราการครอบครองพื้นที่ (Occupancy rate) ทั้งหมด 80.0% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ที่ 75.7% 

สอดคล้องกับยอดขายที่ดิน (ไร่) และรายได้ของผู้ประกอบการนิคมฯ รายใหญ่ 2 ราย (ได้แก่ AMATA และ WHA Group) รวมกันที่ปรับเพิ่มขึ้น 34.6% YoY และ 28.9% YoY ตามลำดับ

ในขณะที่มูลค่าโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนทั่วประเทศปี 2567 อยู่ที่ 1,138.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการขอรับฯ ในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น 36.6% คิดเป็นมูลค่า 504.9 พันล้านบาท (สัดส่วน 44% ของมูลค่าโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนอนุมัติฯ ทั้งหมด

”จากข้อมูลการซื้อที่ดินและการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก โดยเฉพาะในพื้นที่อมตะ ซิตี้ ในปี 2567 จะทำให้มีกำลังซื้อและความต้องการที่อยู่อาศัยของแรงงานที่จะเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2568-2570 เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 5 – 10% ต่อปี “

]]>
1511965
ทุนต่างชาติลงทุน EEC หนุนคอนโด-อพาร์ตเมนต์อัตราเช่าแตะ 90% https://positioningmag.com/1504604 Mon, 23 Dec 2024 07:22:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1504604 EEC ขึ้นแท่นโซนลงทุนเบอร์ 1 ในไทยของชาวต่างชาติ ข้อมูลจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ระบุ การลงทุนจากโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค. – ก.ย.) ปี 2567 ในไทย มีจำนวน 1,449 โครงการ เพิ่มขึ้น 66% เงินลงทุนรวม 546,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%

ในจำนวนนี้กระจุกตัวในพื้นที่ภาคตะวันออก มีมูลค่าสูง 408,737 ล้านบาท ส่งผลให้มีการประเมินว่าภายในปี 2580 ประชากรใน EEC จะเพิ่มขึ้น 1.2 – 1.5 ล้านคน จากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม สร้างอานิสงส์เชิงบวกให้กับ “ธุรกิจที่อยู่อาศัย EEC”

EEC อัตราเช่าอพาร์ตเมนต์แตะ 90% คอนโดยีลด์สูง 7%

นายสมบัติ ชาญยุทธกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า พื้นที่ EEC โดยเฉพาะระยอง และชลบุรี ได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนจีนเปิดฐานการผลิต และการขยายเฟสพัฒนาที่ดินของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ รถยนต์ EV, ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์, ธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูงในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้น EEC มีผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการจำนวนมากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับเทรนด์ดังกล่าว

โดยผลการสำรวจ พบว่า ทำเลนี้มีดีมานด์เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อ จากกลุ่มนักลงทุนและพนักงานที่ทำงานอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม ที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 – 50,000 บาทต่อเดือน รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย

ขณะที่การซื้อเพื่อการลงทุนมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,500 – 9,000 บาทต่อหน่วย หรือเฉลี่ยยีลด์ Yield 5 – 7% สำหรับห้องชุดขนาด 26 – 30 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในทำเล EEC มีสัดส่วนที่สูง โดยอัตราการเช่าอพาร์ทเมนต์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มีสัดส่วนเฉลี่ย 80 – 90% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่พักอาศัยในทำเลนี้ยังมีอยู่ จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะซื้อเพื่อการลงทุนและปล่อยเช่า

พัทยา ติดท็อป 5 เมือง Branded Residence ใหญ่สุดในเอเชีย

นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks เปิดเผยว่า ประเทศไทย กลายเป็นเดสติเนชั่นบ้านพักตากของชาวต่างชาติ และเป็นเมือง Branded Residence ใหญ่สุดในเอเชีย โดยมีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 23.3% สูงกว่าฟิลิปปินส์ ที่มีสัดส่วน 16.3% และเกาหลีใต้ 11.3%

โดย Branded Residence ในไทยมี 65 โครงการ จำนวน 16,271 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5,478 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.91 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งมี 3 เมือง ติด Top 5 ได้แก่

  • ภูเก็ต (อันดับ 1)
  • กรุงเทพฯ (อันดับ 3)
  • พัทยา (อันดับ 5)

“Branded Residence ในไทยเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้เกิดการย้ายที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่ และไทยเป็นจุดหมายที่น่าลงทุนของต่างชาติในฐานะบ้านหลังที่สอง ซึ่งบางส่วนเป็นชาวต่างชาติทำงานในสิงคโปร์ แต่เลือกอยู่อาศัยในไทย ใช้รูปแบบทำงาน Work From Home”

]]>
1504604