ออปโป้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 15 May 2023 11:57:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ออปโป้’ เตรียม “ปิดแผนกพัฒนาชิป” หลังยอดขายดิ่ง แถมตลาดยังซบเซา https://positioningmag.com/1430581 Mon, 15 May 2023 11:26:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430581 ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกปี 2023 ไตรมาสแรกปิดที่ 269.8 ล้านเครื่อง ลดลง 13% โดยแบรนด์อันดับ 4 ของโลกอย่าง ออปโป้ (Oppo) ยอดขายลดลง 8% โดนล่าสุด บริษัทก็ตัดสินใจปิดแผนกพัฒนาชิป เนื่องจากการเติบโตที่หดตัว

ท็อป 5 สมาร์ทโฟนยอดตกหมด มีเพียง Apple ที่เติบโตสวนทาง แม้จะมีการรคาดการณ์ว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง แต่ ออปโป้ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีน เลือกที่จะ ปิดแผนกพัฒนาชิป ที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2019 โดยเกิดเป็นชิปประมวลผลภาพถ่าย MariSilicon X ที่อยู่ในซีรีส์ Find X และ Reno กับชิปประมวลผลเสียง MariSilicon Y ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี เนื่องจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน

“เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน เราจึงต้องปรับเปลี่ยนอย่างยากลำบากเพื่อการพัฒนาในระยะยาว”

ปัจจุบัน ตลาดสมาร์ทโฟนของจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังพยายามเพื่อฟื้นตัวจากการตกต่ำครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากผู้บริโภคเลือกจะยังรัดเข็มขัด แม้ประเทศได้ยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดแล้วก็ตาม โดยในปี 2022 ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนในจีนลดลง 14% และยอดจัดส่งรวม ต่ำกว่า 300 ล้านเครื่องเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

ขณะที่ ช่วงไตรมาสแรกปี 2023 ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนในจีนลดลง 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหลือ 67.2 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นยอดรวมรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 อ้างอิงข้อมูงจากบริษัทวิจัย Canalys

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ออปโป้ได้ลงทุนไปกับแผนกพัฒนาชิปเป็นเงินกว่า 1,400 ล้านบาท และจริง ๆ แล้วไม่ได้มีแค่ออปโป้ที่จัดตั้งหน่วงงานออกแบบชิปภายในองค์กร แต่คู่แข่งในจีนอย่าง เสียวหมี่ (Xiaomi) เองก็ได้จัดตั้งหน่วยงานออกแบบชิปภายในองค์กรด้วยเช่นกัน เนื่องจากแบรนด์จากจีนกลัวจะเจอปัญหาเดียวกับหัวเว่ย

]]>
1430581
‘หัวเว่ย’ ยอมออกใบอนุญาตสิทธิบัตร 5G ให้ ‘ออปโป้’ เพื่อหารายได้เข้าบริษัท https://positioningmag.com/1411983 Sun, 11 Dec 2022 03:57:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411983 นับตั้งแต่ปี 2019 ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการหลายอย่างรวมถึงการขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย (Huawei) ทำให้บริษัทไม่สามารถทำตลาดสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทสัญชาติอเมริกันได้ ทำให้ปัจจุบันบริษัทจำเป็นต้องหารายได้ใหม่ ๆ รวมถึงออกใบอนุญาต สิทธิบัตร ในเทคโนโลยีที่พัฒนาให้กับบริษัทอื่น ๆ

จากเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก แต่พอโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรไป หัวเว่ย ก็ยังไม่สามารถกลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีกเลย รายได้จากฝั่งคอนซูมเมอร์ก็หายไปมหาศาล แม้แต่แบรนด์ลูกอย่าง Honor ก็ต้องขาย และล่าสุด หัวเว่ยก็ต้องยอมอนุญาตให้คู่แข่งอย่าง ออปโป้ (Oppo) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลกใช้ สิทธิบัตร 5G เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ เข้าบริษัท

หัวเว่ยได้เปิดเผยว่า บริษัทมีสิทธิบัตรมากมายกว่า 100,000 รายการทั่วโลก ถือเป็นอันดับที่ 1 จากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติจีน, สำนักงานสิทธิบัตรยุโรป และอันดับที่ 5 สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังถือเป็นหนึ่งในผู้ถือครองสิทธิบัตรชั้นนำด้านเทคโนโลยี 5G เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ปัญญาประดิษฐ์และรถยนต์ไร้คนขับ

ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการออกใบอนุญาตสิทธิบัตร 1.2-1.3 พันล้านดอลลาร์ จากการออกใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างปี 2562-2564

นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา สหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าหัวเว่ยจะเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติ และกดดันให้ประเทศอื่น ๆ สั่งห้ามบริษัทจีนจากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ของตน อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยก็ได้ออกมาปฏิเสธหลายครั้งว่าบริษัทไม่ได้เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง

]]>
1411983
‘ออปโป้’ ประกาศวิสัยทัศน์ ‘Inspiration Ahead’ พร้อมยกระดับเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน https://positioningmag.com/1377922 Thu, 17 Mar 2022 10:00:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377922

ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟน ได้กลายเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของคนทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว โดยในแต่ละปีมียอดขายรวมกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่ตามมาก็คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และกำลังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลก


e-waste จะเพิ่มเป็น 74.7 ล้านเมตริกตันในปี 2030

จากรายงานของ The Global E-Waste Monitor 2020 มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ (United Nation University, UNU) คาดการณ์ว่าปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะมีมากถึง 53.6 ล้านเมตริกตัน ในปี 2019 และจะสูงขึ้นถึง 74.7 ล้านเมตริกตันในปี 2030 โดยทวีปเอเชียเป็นทวีปที่ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดกว่า 24.9 ล้านเมตริกตัน ในปริมาณขยะทั้งหมดมีเพียง 17.4% ที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี ที่เหลืออีกกว่า 82.6% ไม่สามารถติดตามได้

แน่นอนว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนเทคโนโลยีล้วนตระหนักถึงปัญหาและพยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ออปโป้ (OPPO) ซึ่ง OPPO ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ Eco Rating Labeling Scheme ซึ่งจะประเมินประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของสมาร์ทโฟนใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ ความทนทาน ความสามารถในการซ่อมแซม ความสามารถในการรีไซเคิล ประสิทธิภาพด้านความเป็นมิตรต่อสภาพอากาศ ซึ่ง OPPO ก็สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี

ล่าสุด OPPO พึ่งประกาศ Brand proposition ใหม่ ‘Inspiration Ahead’ โดย OPPO ให้คำมั่นว่าจะใช้แนวทางเชิงบวกและดำเนินการยกระดับประเด็นสำคัญต่อความยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายระดับโลกในปัจจุบัน โดยเน้นมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญและประสบการณ์เทคโนโลยีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจมาสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก


ไม่ใช่แค่ลด e-waste แต่ต้องลดขยะทุกด้าน

นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้ดีขึ้นและนานขึ้น OPPO ได้มีการจัดตั้งระบบรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ โดยให้บริการแลกเปลี่ยนในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลและนำสมาร์ทโฟนที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ จนถึงปัจจุบัน ในประเทศจีนมีสมาร์ทโฟนมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องถูกรีไซเคิล ผ่านโครงการนี้ คิดเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 216 ตัน

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ OPPO ก็ใช้หลัก ‘3R+1D’ หรือการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ใหม่ และการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติในบรรจุภัณฑ์ เริ่มจากตลาดในยุโรปในปี 2020 OPPO ได้ลดจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนลงถึง 24% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยบรรจุภัณฑ์ประมาณ 45% ทำจากเส้นใยรีไซเคิล ช่วยให้ยอดการใช้พลาสติกโดยรวมของบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนลดลงถึง 95%

นอกจากนี้ OPPO ได้พัฒนาเทคโนโลยี SUPER VOOC flash charge ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 220 ล้านคนทั่วโลก ให้เป็น 150W SUPERVOOC flash charge ที่มาพร้อม Battery Health Engine โดยช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ 4,500 mAh ได้ถึง 50% ในเวลาเพียง 5 นาที และชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 15 นาที และช่วยรักษาระดับแบตเตอรี่ได้ที่ 80% ของความจุเดิมหลังจากมีรอบการชาร์จ 1,600 รอบ ซึ่งเพิ่มเป็นสองเท่าของมาตรฐานปัจจุบันที่อยู่ 800 รอบ ช่วยให้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้นานขึ้นซึ่งถือเป็นการ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไปในตัว


เดินหน้าสร้างความยั่งยืนต่อเนื่อง

นอกจากการดำเนินงานของตัวเองแล้ว OPPO ยังได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรรายอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมด้านความยั่งยืน เช่น การร่วมกับ National Geographic เพื่อสนับสนุนการปกป้องสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ผ่านแคมเปญ OPPO Endangered Color Campaign ซึ่งทำมาแล้วกว่า 2 ปี

นอกเหนือจากความพยายามด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อม OPPO ยังได้มีการดำเนินการมาอย่างยาวนานเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเน้นที่ประเด็นสำคัญอย่างความเท่าเทียมทางดิจิทัล สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และพลังเยาวชน ตัวอย่างเช่น OPPO ได้พัฒนาฟีเจอร์ Color Vision Enhancement เพื่อเป็นทางออกให้แก่ผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็นสี เป็นต้น


ไม่หยุดสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

ภายในงาน MWC 2022 Barcelona ที่ผ่านมา OPPO ได้เปิดตัวเทคโนโลยีการชาร์จ 240W SUPERVOOC ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,500mAh ได้เต็ม 100% ในเวลาประมาณ 9 นาที รวมถึงได้เปิดตัว OPPO 5G CPE T2 ที่สามารถแปลงสัญญาณ 5G เป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi หรือ LAN

นอกจากนี้ OPPO FIND N สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของแบรนด์ยังได้รับรางวัล Disruptive Device Innovation Award จาก GLOMO โดยปัจจุบัน Find N มีการสั่งซื้อมากกว่า 1 ล้านรายการ และตลอดปี 2021 OPPO มีอัตราการเติบโต 22% ในการส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลก มีส่วนแบ่งตลาด 11% เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลก และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน Android 5G อันดับ 2 ของโลก 2 ปีติดต่อกัน

และปลายปีที่ผ่านมา ในงาน OPPO INNO DAY 2021 ได้มีการเปิดตัว MariSilicon X ซึ่งเป็น Imaging NPU ที่ OPPO ดีไซน์เองครั้งแรกจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีขนาดเพียง 6nm เพื่อยกระดับการถ่ายภาพขั้นสุด รวมไปถึง OPPO Air Glass แว่นตาอัจฉริยะ ที่มีฟังก์ชันสุดล้ำอย่างแปลภาษาเป็นข้อความได้แบบเรียลไทม์ นับว่า OPPO เป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มาให้ผู้ใช้งานจริงๆ ว่าแล้วในตลาดไทยของเราจะมีอะไรที่น่าสนใจจาก OPPO มาเพิ่มเติม ต้องรอติดตามกัน

]]>
1377922
‘OnePlus’ ประกาศควบรวม ‘Oppo’ อย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกัน https://positioningmag.com/1337516 Thu, 17 Jun 2021 07:47:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1337516 หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีนอย่าง ‘OnePlus’ (วันพลัส) แต่เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่า OnePlus มีบริษัท BBK Electronics เป็นบริษัทแม่ ซึ่ง BBK Electronics เป็นเจ้าของทั้ง Oppo, Vivo, Realme และ iQOO ซึ่งล่าสุด OnePlus ก็ได้ประกาศว่าจะควบรวมกับ Oppo อย่างเป็นทางการ

หลังจากร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด OnePlus และ Oppo ก็กำลังควบรวมกิจการ โดย OnePlus กลายเป็นแบรนด์ย่อยของ Oppo โดยการควบรวมครั้งนี้จะเน้นไปที่การรวบรวมทรัพยากรมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการบางอย่างราบรื่นและดีขึ้น

แม้ OnePlus จะกลายเป็น Sub-brand ของ Oppo แต่ในด้านการทำงาน OnePlus ยังคงดำเนินการได้อย่างอิสระ แม้จะอยู่ภายใต้การดูแลของ Oppo ก็ตาม ซึ่ง OnePlus จะยังคงมีผลิตภัณฑ์และการจัดงานอีเวนต์ของตัวเองเหมือนเดิม และจะยังคงมีส่วนร่วมกับลูกค้าโดยตรง

“การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ OnePlus มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ช่วยให้สินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น นำการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ OnePlus” Pete Lau ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus ระบุ

Pete Lau Photo by Doreen Fiedler/picture alliance via Getty Images

ในอดีต Pete Lau และ Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus เคยเป็นอดีตรองประธานกรรมการบริษัท Oppo ก่อนจะออกมาทำแบรนด์ OnePlus ของตัวเอง และในเดือนพฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา Lau ซึ่งเป็น CEO ของ OnePlus ได้เข้ารับตำแหน่ง Chief Product Officer ของ Oppo

ตั้งแต่นั้นมา ทีมของ OnePlus ก็ได้ร่วมกับ Oppo เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของแบรนด์ให้ดีขึ้นและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีร่วมกัน โดยหลังจากที่เห็นผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จึงได้ตัดสินใจที่จะควบรวมกับ Oppo

สำหรับ OnePlus เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 โดยมี Oppo เป็นผู้ถือหุ้น โดยจุดเด่นของ OnePlus คือ สมาร์ทโฟนสเปกเทพแต่ราคาถูกจนเคยได้ฉายา ‘นักฆ่าเรือธง’ โดย OnePlus จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนปีละ 1 รุ่นเหมือนกับ Apple สำหรับประเทศไทย OnePlus เข้าทำตลาดในปี 2018

Source

]]>
1337516
OPPO ร่วมสร้าง ecosystem ที่ยั่งยืน ย้ำการเป็นส่วนหนึ่งในฐานะของพลเมืองโลก https://positioningmag.com/1328891 Fri, 23 Apr 2021 02:29:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328891 OPPO แบรนด์อุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก ได้เปิดเผยการมีส่วนร่วมในปีที่ผ่านมา ในการสร้างความยั่งยืนขององค์กรที่เริ่มสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ OPPO ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ พนักงาน และสังคมโดยรวม ตลอดจนผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทให้ดีมากยิ่งขึ้น 

“ตั้งแต่บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 OPPO ก็ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงาน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ ตลอดจนการพัฒนาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรวมให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งความยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในช่วงเวลานี้ในด้านการพัฒนาบริษัท เพื่อสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่และจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้ ด้วยสิ่งที่เราเรียกกันว่า Internet of Experience” Tony Chen, Founder and CEO of OPPO กล่าว “และเพื่อสะท้อนถึงพันธกิจ ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’ และคุณค่าหลักที่เรายึดมั่นอย่าง Benfen นั้นเราจะมุ่งมั่นลงทุนเพื่อความยั่งยืนของเราต่อไป โดยเราหวังว่า OPPO จะได้มีโอกาสในการทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้คนทั่วโลก”

ความสำเร็จด้านความยั่งยืนของ OPPO ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ให้บริการทดสอบชั้นนำอย่าง TÜV Rheinland ด้วยการยอมรับผลงานของ OPPO ตามมาตรฐานสากล โดยการตรวจสอบจากบริษัทที่เป็นบุคคลที่สามนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงผลงานของ OPPO ในการสร้าง circular economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการใช้วัสดุที่ยั่งยืนและลดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด ซึ่ง ณ ตอนนี้ OPPO ได้นำกระบวนการการผลิตแบบยั่งยืนเข้ามาใช้ตั้งแต่การผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการการแปรรูปวัสดุ และอื่นๆ ทำให้ OPPO ได้รับการรับรองผลลัพธ์ของการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนและการลดการปล่อยมลพิษจาก TÜV Rheinland อีกด้วย

นอกจากนี้ OPPO ยังตระหนักถึงการเป็นพลเมืองโลก ที่ไม่เพียงแต่ริเริ่มรับผิดชอบต่อสังคมของตนเองแต่ยังรับผิดชอบต่อสังคมโลก ด้วยการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการดำเนินโครงการการจัดการที่ยั่งยืนและสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนร่วมกัน เช่น โครงการ OPPO Social Responsibility Code of Conduct ที่ห้ามมิให้ซัพพลายเออร์มีส่วนร่วมในการปฏิบัติสิ่งใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือผิดจรรยาบรรณ รวมถึงพฤติกรรมผูกขาด การติดสินบน หรือการคอร์รัปชั่น

โดยความมุ่งมั่นเหล่านี้ นำไปสู่ความสำเร็จในปี 2563 หลากหลายประการตามรายละเอียด ดังนี้

จากการเป็นส่วนหนึ่งของ circular economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้ OPPO มีการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นถึง 13 เท่าในปี 2563 เมื่อเทียบโดยน้ำหนักกับปี 2562 รวมถึงการมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้วัสดุหมุนเวียนมากขึ้นด้วยการใช้พลาสติกแบบรีไซเคิล 35% ของวัสดุพลาสติกที่มีอยู่ในส่วนประกอบของสมาร์ทโฟน พร้อมกันนั้น บริษัทยังสามารถลดขยะทั่วไปได้ 42.7% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมได้ 20% ในปี 2563

ส่วนผู้คนที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ขององค์กร OPPO บริษัทได้ตระหนักถึงคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีแก่พนักงานเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้จัดกิจกรรมการศึกษาและโปรแกรมการฝึกอบรมมากกว่า 670,000 ชั่วโมงในปี 2563 เพื่อช่วยเหลือพนักงานในการวางแผนและพัฒนาการทำงาน ในขณะเดียวกัน OPPO ก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ OPPO ในแต่ละวัน โดยมุ่งมั่นอย่างมากในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ให้กับระบบปฏิบัติการ ColorOS 11และการได้รับการรับรองมาตรฐานความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวด เช่น ISO (ISO/IEC 27001, 27018, 29151), TrustArc และ ePrivacy

นอกจากนี้ หลังจากการระบาดของ Covid-19 OPPO ได้ร่วมมือกับชุมชนทั่วโลกในการรวบรวมทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนผู้คนทั่วโลก โดยในฟิลิปปินส์ OPPO ได้ร่วมมือกับ NGO Save the Children เพื่อช่วยเหลือนักเรียนให้ได้รับการศึกษาทางไกลผ่านการบริจาคสมาร์ทโฟน OPPO A12e จำนวน 100 เครื่องและชุดหูฟังบลูทูธ Rock Space จำนวน 100 เครื่อง ส่วนในประเทศไทย OPPO ได้บริจาคมาสก์ N95 จำนวนกว่า 20,000 ชิ้นให้กับบุคลากรทางการแพทย์แก่โรงพยาบาล

ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกในกรุงเทพฯ พร้อมแจกจ่ายชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ OPPO ยังให้การสนับสนุนชุมชนและวัฒนธรรมทั่วโลกผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Campus Global Emerging Artists Project Renovators (Renovators) โดยในปี 2563 OPPO ได้เปิดตัวโครงการ Renovators ครั้งที่สอง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของนักศึกษาจำนวน 3,000 คน จาก 150 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก

การสร้างผลกระทบที่สำคัญและยั่งยืนจำเป็นต้องใช้ความคิดและความมุ่งมั่นในระยะยาว OPPO จึงจะยังคงดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนต่อไป พร้อมความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทุกคน

โดยสำหรับรายงานความยั่งยืนประจำปี 2563 ฉบับเต็ม โปรดติดตามที่เว็บไซต์ทางการของ OPPO เร็วๆ นี้

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/oppothai

]]>
1328891
‘ออปโป้’ ถือโอกาส ‘หัวเว่ย’ สะดุด ขอขึ้น ‘Top 3’ ตลาดสมาร์ทโฟนโลกใน 3 ปี https://positioningmag.com/1324474 Mon, 22 Mar 2021 09:08:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324474 เนื่องจาก ‘หัวเว่ย’ (Huawei) ยังต้องเผชิญกับปัญหาการคว่ำบาตรของอเมริกา ซึ่งนั่นก็ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ ‘ออปโป้’ (Oppo) เดินหน้าเก็บส่วนแบ่งให้มากขึ้นในตลาดสมาร์ทโฟน โดยตั้งเป้าขึ้นเป็น ‘เบอร์ 3’ ภายใน 3 ปี ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ออปโป้ได้ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดจีน ขณะที่ในตลาดยุโรปและอินเดียขึ้นเป็นอันดับที่ 5

Scott Zhang หัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศของ ‘ออปโป้’ เปิดเผยว่า ออปโป้ตั้งเป้าที่จะเป็น Top 3 ผู้เล่นอันดับต้น ๆ ของโลกโดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟนระดับ ‘ไฮเอนด์’ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ออปโป้มียอดขายลดลง 4% มียอดขายทั้งหมด 115.1 ล้านเครื่องตามรายงานของบริษัท Canalys แต่ในตลาด ‘ยุโรป’ ออโป้เติบโต 225% ขึ้นเป็นผู้เล่นสมาร์ทโฟเบอร์ 5 ของภูมิภาค นอกจากนี้ ในตลาดประเทศญี่ปุ่นก็กำลังไปได้ดี โดยออปโป้มีการจัดส่งเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากฐานที่ค่อนข้างเล็กข้อมูลของ IDC

ส่วนในประเทศจีน ออปโป้กลายเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เล่นสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 5 ในอินเดียมีส่วนแบ่ง 11% ส่วนแบรนด์ ‘Realme’ ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของออปโป้ที่เน้นตลาดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดเป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับ 4 ของอินเดีย

Ben Wood หัวหน้านักวิเคราะห์ของ CCS Insight กล่าวว่า ออปโป้มีความก้าวหน้าที่ดีในไตรมาสที่ผ่านมาโดยแซงหน้า ‘หัวเว่ย’ ขึ้นเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่อันดับ 4 รองจาก แอปเปิล (Apple), ซัมซุง (Samsung) และ เสียวหมี่ (Xiaomi)

“Oppo Find X3 Pro แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะคว้าส่วนแบ่งจากหัวเว่ยและต่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งคนที่น่าจะปวดหัวสุดคงเป็นเสียวหมี่” Wood กล่าว “แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันอาจจะขึ้นอยู่กับว่าออปโป้และบริษัทแม่อย่าง BBK พร้อมที่จะลงทุนมากแค่ไหนเพื่อปิดช่องว่างของเสียวหมี่เพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 3 ของตลาดโลก”

Oppo Find X3 Pro 5G

Joey Yen นักวิเคราะห์ของ IDC กล่าวว่า “ปีที่แล้วเราเห็นยอดขายสมาร์ทโฟนด้วยช่องทางอีคอมเมิร์ซออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคิดเป็น 26% ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกจากประมาณ 20% ในปี 2019 เนื่องจากการล็อกดาวน์ ซึ่งนั่นเป็นข้อเสียของออปโป้ซึ่งเก่งในกลยุทธ์ที่เน้นหน้าร้าน”

อย่างไรก็ตาม Yen กล่าวว่าตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เนื่องจากหัวเว่ยถูกคว่ำบาตรจากอเมริกา ทำให้ “ผู้เล่นหลักทุกคน มีโอกาสเปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง”

Scott Zhang กล่าวถึงวิกฤตชิปเซ็ตที่ขาดแคลนว่า โลกอาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนชิปครั้งใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นจาก 5G และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอื่น ๆ โดยในปัจจุบันไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้เล่นยานยนต์ที่กำลังต่อสู้กับทรัพยากรชิปและส่วนประกอบอีกด้วย ความตึงเครียดของซัพพลายเชนเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และกลายเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้เล่นในหลายอุตสาหกรรมที่จะเผชิญและแก้ไข

“ความต้องการพลังงานคอมพิวเตอร์ของโลกนั้นแข็งแกร่งมากและปริมาณการใช้ข้อมูลก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก”

Zhang กล่าวว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มความพยายามในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์รายสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง และแสวงหาการจัดหาหลายแหล่งสำหรับโทรศัพท์ระดับกลางเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีสินค้าที่เพียงพอต่อการเติบโตของโทรศัพท์มือถือ 5G

อย่างไรก็ตาม Zhang ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าออปโป้ได้สั่งซื้อส่วนประกอบและชิ้นส่วนของสมาร์ทโฟนมากถึง 170 ล้านเครื่องในปี 2021 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วมากกว่า 45%

“การระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเราและอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนโดยรวมเมื่อปีที่แล้ว แต่เราคาดการณ์ว่าตลาดจะกลับมาเติบโตในปีนี้ และหวังว่าสถานการณ์ซัพพลายเชนจะคลี่คลายลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้”

]]>
1324474
‘OPPO’ เผย ‘ไม้ตาย’ บุกตลาดไฮเอนด์ด้วยนวัตกรรมใหม่ ‘สมาร์ทโฟนจอยืด-หด’ ได้ https://positioningmag.com/1307940 Fri, 27 Nov 2020 06:00:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307940

ช่วง 2 ปีมานี้ ‘ออปโป้ (OPPO)’ ประกาศชัดว่าจะบุก ‘ตลาดไฮเอนด์’ ให้มากขึ้น หลังจากสามารถยึดตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนระดับล่างและกลาง

เพื่อบุกตลาดไฮเอนด์ OPPO ทุ่มทุนวิจัยและพัฒนาถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ที่จะมายกระดับประสบการณ์เพื่อไลฟ์สไตล์ในยุคใหม่พร้อมพัฒนาขีดความสามารถในการทำการตลาดระดับไฮเอนด์ ดังนั้น จากนี้ไป สิ่งที่คนนึกถึง OPPO จะไม่ใช่แค่เรื่องการ ‘เซลฟี่’ แต่จะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกมากมายอัดแน่นในสมาร์ทโฟน

อย่างล่าสุด OPPO เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล้ำสมัย ฉีกทุกกรอบของสมาร์ทโฟนกับ “OPPO x 2021 rollable concept handset” สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอยืดหยุ่นได้ โดยสามารถปรับให้เล็กได้ 6.7 นิ้ว และ ปรับให้ใหญ่ได้ 7.4 นิ้ว เรียกได้ว่า เราจะเลือกใช้จอขนาดเท่าไหร่ ก็สามารถปรับได้ตามใจ

โดย OPPO ได้เผยนวัตกรรมดังกล่าวในงาน OPPO INNO DAY 2020 งานจัดแสดงนวัตกรรมที่จะฉีกกรอบความคิด ก้าวทันยุคสมัยใหม่ และไม่ใช่แค่มาเปิดตัวนวัตกรรมหน้าจอยืดหยุ่น แต่ OPPO ยังเผยนวัตกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ  ‘OPPO AR Glass 2021’ แว่นตา AR ขนาดกะทัดรัด เบาพิเศษ ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น ท่าทาง สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งเสียง โดยผู้ใช้สามารถนำนวัตกรรมใช้ได้ทั้ง การเล่นเกมแบบ AR, การดูวิดีโอ หรือ การตกแต่งบ้านด้วยระบบ AR

และแอปพลิเคชั่น OPPO CybeReal AR แอปประมวลตำแหน่งแสดงในรูปแบบ AR ที่มีความแม่นยำในระดับเซนติเมตรแม้จะอยู่ในอาคารได้แบบเรียลไทม์ โดยเราสามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เมื่อเราต้องการหาที่จอดรถที่ยังว่างอยู่ในอาคารจอดรถ ก็สามารถใช้แอปพลิเคชั่นนี้ระบุตำแหน่งได้เช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่พร้อมบุกตลาดไฮเอนด์ แต่ตลาด ‘Gadget’ ก็เป็นอีกหมุดหมายของ OPPO เพราะหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า OPPO มีการส่งสินค้าอย่างหูฟัง ‘OPPO Enco Free’ และสมาร์ทวอชท์ ‘OPPO Watch’ เพื่อที่จะรุกตลาด Gadget ให้มากขึ้น และอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าหน้าจอมือถือจะสามารถยืดหดได้ตามใ เรียกได้ว่า OPPO มาฉีกกรอบความคิดจุดประกายนวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมบุกตลาดไฮเอนด์ได้ดีทีเดียว

]]>
1307940
‘ออปโป้’ เปิดศึกชิง ‘เบอร์ 1’ สมาร์ทโฟน 5G มั่นใจ ‘มีครบ’ ทุกระดับราคา https://positioningmag.com/1300123 Tue, 06 Oct 2020 06:31:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300123 ในปี 2020 นี้ ถือเป็นปีแรกที่ประเทศไทยมี ‘5G’ ใช้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นทำให้การใช้งานยังครอบคลุมแค่หัวเมืองใหญ่ใน 77 จังหวัดเท่านั้น แต่เหล่า ‘แบรนด์สมาร์ทโฟน’ ต่างก็เร่งชิงพื้นที่ในการเปิดตัว ‘สมาร์ทโฟน 5G’ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ออปโป้’ (Oppo) ที่ประกาศชัดว่าต้องการจะขึ้นเป็น ‘เบอร์ 1’ ในสมาร์ทโฟน 5G

ตลาด 5G เดือดแน่ปีหน้า

ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าปีนี้ในตลาดสมาร์ทโฟนจะมี ‘สมาร์ทโฟน 5G’ จัดจำหน่ายเกือบ 20 รุ่นก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นรุ่นเรือธงราคา 2 หมื่นบาทขึ้นไป แต่คาดว่าตั้งเเต่ช่วงสิ้นปีจนถึงในไตรมาสแรกปีหน้า ทุกแบรนด์จะมุ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ดังนั้น มีโอกาสที่จะเริ่มเห็นสมาร์ทโฟน 5G ในราคาประมาณหมื่นต้น ๆ ซึ่งจากนี้จะถือเป้นช่วง ‘เปลี่ยนถ่าย’ ของ 4G ไปยัง 5G

“โอเปอเรเตอร์ค่อนข้างพร้อม และดีไวซ์ก็เริ่มมี ดังนั้นยังไงก็มาแน่ แต่ที่ยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างก็เพราะผู้บริโภคยังไม่ตื่นเต้น ดังนั้นตอนนี้ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านกำลังนับ 1 ก็ต้องดูกันว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน”

ปักธงขึ้น ‘เบอร์ 1’ สมาร์ทโฟน 5G

ออปโป้ได้เริ่มเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ไปตั้งแต่ปี 2019 แต่ในปี 2020 นี้ ออปโป้ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G 3 รุ่นรวด ได้แก่ OPPO Reno4 Z 5G ราคา 12,990 บาท, OPPO Reno 4 Pro 5Gาคา 24,990 บาท และ OPPO Find X2 Pro 5G Green Vegan Leather Edition ราคา 40,990 บาท ซึ่งจะเห็นว่า “ครอบคลุมทุกระดับราคา” ตั้งแต่กลางถึงเรือธง

อย่างไรก็ตาม การที่ออปโป้จะขึ้นสู่ ‘เบอร์ 1’ สมาร์ทโฟน 5G ไม่ใช่แค่มีสมาร์ทโฟนที่ราคาจับต้องได้ เพราะ 5G มีหลายส่วนที่ประกอบกัน ไม่ใช่แค่โครงข่ายหรือดีไวซ์แต่ราคา ‘แพ็กเกจ’ ก็มีส่วนสำคัญ เพราะต่อให้สมาร์ทโฟนราคาถูกแต่แพ็กเกจแพง คนก็ไม่ใช้

“โจทย์คือ เราจะกินแชร์ไฮเอนด์ได้แค่ไหน เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ สามารถจ่ายค่าแพ็กเกจได้ หรือในปีหน้า 5G ที่จะมีสมาร์ทโฟน 5G ราคาต่ำหมื่นมาจริง แต่ผู้บริโภคจะตอบรับกับราคาแพ็กเกจได้แค่ไหน เพราะ 599 ก็ถือว่าสูงไป ดังนั้น ถ้าราคาแพ็กเกจคนรับได้ เราเชื่อว่าจะครองตลาด 5G ได้แน่นอน”

เดินหน้าสร้าง ‘ออปโป้ อีโคซิสเต็มส์’

ภายใน 3 ปีนี้บริษัทมีแผนใช้งบประมาณการลงทุนมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ และมีทีม R&D สำหรับวิจัยและพัฒนาด้าน 5G, AI, AR และ Big Data กว่า 1 หมื่นคน ซึ่งส่วนนี้ไม่ได้จำกัดแค่พัฒนาสมาร์ทโฟน แต่กำลังพัฒนา ‘อีโคซิสเต็มส์’ โดยปัจจุบัน ออปโป้ได้แบ่งสินค้าเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ใช้ทั่วไป (สมาร์ทโฟน, หูฟัง, นาฬิกา), ของใช้ในบ้าน (ทีวี, เครื่องฟอกอากาศ) ซึ่ง 2 กลุ่มนี้ได้เริ่มทำตลาดในไทยแล้ว ส่วนอีก 2 กลุ่มที่จะทำตลาดในอนาคตได้แก่ กลุ่มออฟฟิศ และท่องเที่ยว

ตลาดสมาร์ทโฟนไทย -20%

สำหรับภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้คาดว่าจะติดลบถึง 20% โดยยอดที่หายไปมากสุดคือช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมที่มีการล็อกดาวน์ ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ก็ยังเป็นช่วงโลว์ซีซัน เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ มักเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 อย่างไรตอนนี้เศรษฐกิจเป็นปัญหาทั่วโลก แต่ในความโชคดีของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน คือ เป็นสินค้าจำเป็น ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าภาคอื่น ๆ

คงต้องมารอดดูกัน ว่าอานุภาพของ 5G จะช่วยดันให้ตลาดสมาร์ทโฟนปีหน้าฟื้นกลับมาได้หรือไม่ และ ‘ออปโป้’ เองจะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ตามที่หวังหรือไม่ เพราะต้องอย่าลืมว่ายังมี ‘Apple’ ที่เตรียมเปิดตัว ‘IPhone 12’ ที่เป็นรุ่น 5G ในช่วงปลายปีนี้เป็นก้างชิ้นใหญ่ในการจะจับตลาด 5G ไฮเอนด์

]]>
1300123
‘เสียวหมี่’ ขึ้นแท่น ‘เบอร์ 1’ ตลาดสมาร์ทโฟนไทย เบียด ‘ออปโป้’ หล่นที่ 2 https://positioningmag.com/1282015 Thu, 04 Jun 2020 10:40:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1282015 ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ต้องเผชิญกับ COVID-19 ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกตกลงอย่างเห็นได้ชัด โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าลดฮวบถึง -20.2% เนื่องมาจากผู้บริโภคหยุดการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น แต่ในขณะที่ยอดขายทุกคนหล่นฮวบ แต่มีเพียง Xiaomi (เสียวหมี่) เท่านั้นที่สามารถเติบโตได้

อ่าน >>> COVID-19 ฉุดยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก Q1/63 วูบ 20% มีเพียง Xiaomi ที่ยังโตได้

ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนโลกเบอร์ 1 ยังคงเป็น Samsung แต่ยอดขายไตรมาสแรกกลับหล่นถึง -22.7% ขณะที่เบอร์ 2 อย่าง Huawei ติดลบ -27.3% ตามด้วย Apple ยอดตก -8.2% แต่เบอร์ 4 อย่าง Xiaomi กลับเติบโตได้ 1.4% ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดที่ 9.3% คิดเป็นจำนวนเครื่อง 27,817,000 ยูนิต โดยปัจจัยที่ทำให้เติบโตคือ ‘Redmi’ ที่ทำยอดขายพุ่งกระฉูดในตลาดต่างประเทศ อีกทั้ง Xiaomi ยังเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่ต้น

แม้ว่าในตลาดโลกจะเป็นที่ 4 แต่ในประเทศไทยนั้น การ์ดเนอร์ระบุว่า Xiaomi ก้าวเป็นเบอร์ 1 ในตลาดครั้งแรกด้วยส่วนแบ่งการตลาด 16.2% มีจำนวนยอดขายกว่า 691,000 เครื่อง โดยเบียดเอา Oppo ที่เคยเป็นเบอร์ 1 ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2018 มาอยู่ที่ 2 มีส่วนแบ่งตลาดที่ 12.6% ตามมาด้วย Vivo 10.5% Samsung และ Apple อยู่อันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ

“ในปีนี้ เราจะนำเสนอสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฮมที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่มีมากขึ้น ล่าสุด เสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Redmi Note 9 Pro และ Redmi Note 9 ร่วมด้วย Mi Note 10 Lite และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น” โจนาธาน คัง ผู้จัดการใหญ่ประจำเสียวหมี่ประเทศไทย กล่าว

โจนาธาน คัง ผู้จัดการใหญ่ประจำเสียวหมี่ประเทศไทย
]]>
1282015