ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าประเทศไทยได้เข้าสู่งสังคมดิจิทัลอย่างเต็มตัว มีผู้ใช้งานดิจิทัลเพิ่มขึ้นมากมาย แต่สังคมดิจิทัลนี้เองก็มีทั้งคุณ และโทษในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ามีคุณอนันต์ทั้งในเรื่องของการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ก็ตามมาด้วยโทษทั้งทางตรง และทางอ้อม ไม่ว่าจะเรื่องความปลอดภัย รวมไปถึงผลเสียด้านจิตใจอีกด้วย
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานโซเชียลมีเดียสูงเป็นอันดับต้นๆ แพลตฟอร์มใหญ่ๆ ล้วนมีผู้ใช้งานมหาศาล ได้แก่ Facebook มีผู้ใช้งาน 48.1 ล้านคน, YouTube 43.9 ล้านคน, TikTok 40.8 ล้านคน, Messenger 35.05 ล้านคน, Instagram 17 ล้านคน และ Twitter 14.6 ล้านคน นอกจากมีผู้ใช้งานที่สูงแล้ว จำนวนการใช้งานก็ไม่น้อยเลย บางคนถึงกับติดโซเชียล มีการใช้งานเฉลี่ยถึงวันละ 7-8 ชั่วโมงเลยก็มี
เมื่อสังคมดิจิทัลกำลังผลิบานไปทั่วโลก ผู้ประกอบการทางด้านโทรคมนาคม หรือไอทีที่เป็นหนึ่งในกลไลสำคัญในการขับเคลื่อนดิจิทัลก็ขอเป็นส่วนใหญ่ในการสร้างสังคมดิจิทัลที่สร้างสรรค์ด้วยเช่นกัน
ในประเทศไทยเราเห็นได้ชัดจาก AIS หลังจากที่เคยประกาศว่าจะเป็นมากกว่าโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือ ทรานส์ฟอร์มสู่ Digital Service Provider นั้น AIS ได้มีบริการที่หลากหลายออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานดิจิทัล แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ลืมที่จะทำควบคู่กันไปก็คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมในการสร้างพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลด้วยเช่นกัน เพราะนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไรแล้ว หนึ่งในภารกิจใหญ่ของ AIS ก็คือ การสร้างสังคมดิจิทัลให้สร้างสรรค์ และปลอดภัยนั่นเอง
AIS ริเริ่มโครงการ “อุ่นใจ CYBER” ในปี 2562 โดยมีเป้าหมายให้คนไทยสามารถเข้ามาเรียนรู้วัดระดับการรับมือกับภัยไซเบอร์รูปแบบต่างๆ โดยมีทั้งการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยไซเบอร์ และสร้างองค์ความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัยมากขึ้น และในปีเดียวกันนั้นก็ได้เปิดให้บริการ AIS Secure Net และ Google Family Link ด้วยเช่นกัน
เส้นทางของอุ่นใจ CYBER มีวิวัฒนาการที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2564 ได้เริ่มพัฒนาหลักสูตรอุ่นใจ CYBER ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ในปี 2565 และได้นำหลักสูตรเข้าสถานศึกษาทั้งหมดในสังกัด สพฐ. เพื่อถ่ายทอดให้กับนักเรียนทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้เรียนหลักสูตรอุ่นใจ CYBER แล้วกว่า 250,000 คน
โดยที่ในปี 2565 ในประเทศไทยได้มี “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ระบาดอย่างหนัก และมีคนตดเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมากมาย ทาง AIS จึงได้เปิดสายด่วน 1185 เพื่อรับแจ้งเบอร์ และ SMS มิจฉาชีพ และร่วมกับตำรวจไซเบอร์ในการจับมิจฉาชีพด้วย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า
“ปัญหาภัยไซเบอร์กลายเป็นวาระที่ทั้งโลกหันมาให้ความสำคัญเพราะมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยส่งผลกระทบตั้งแต่ระดับบุคคล ทั้งเรื่องการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล การล่อลวงผ่านช่องทางออนไลน์ และการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ ไปจนถึงระดับประเทศ หรือองค์กร ในเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่เชื่อมโยงกับเรื่องของ เศรษฐกิจดิจิทัล ระบบสารสนเทศ ที่ต้องมีการรับมืออย่างจริงจัง
ดังนั้น AIS ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการดิจิทัล เราเข้าใจดีว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญต่อสังคมดิจิทัลทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่ผ่านมากว่า 4 ปี AIS จึงอาสาจุดประกายสังคมเกี่ยวกับประเด็นนี้ ตั้งแต่วันที่ดิจิทัลเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อวิถีการใช้ชีวิต ผ่านโครงการ AIS อุ่นใจ CYBER ทั้งในด้านการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตราย และผลกระทบจากการใช้งาน การพัฒนาโซลูชันและบริการดิจิทัลเพื่อปกป้องและส่งเสริมการใช้งานอย่างปลอดภัย และการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความฉลาดและทักษะของพลเมืองดิจิทัล”
สมชัยยังเสริมอีกว่า ยังจำได้ว่าในตอนที่เข้ารับตำแหน่ง CEO ใหม่ๆ ได้มีภารกิจ Digital for THAIS ในการสร้างสังคมดิจิทัลให้เข้าถึงคนไทยได้ทุกคนอย่างยั่งยืน แต่ว่าตอนนี้ภารกิจนี้อย่างเดียวไม่พอ ตอนนี้ต้องเป็น Cyber Wellness for THAIS ต้องทำสังคมดิจิทัลให้ปลอดภัย และเป็นประโยชน์
“ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา มีการใช้งานดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีข้อมูลว่าตอนนี้มีผู้ใช้งานดิจิทัลทั่วโลกรวมกว่า 1,200 ล้านคน แต่ในปี 2568 จะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านคน การใช้งานดิจิทัลได้แทรกซึมเข้าไปถึงทุกคน และอุปกรณ์ต่างๆ สมาร์ทโฟนก็จะทรงพลังมากขึ้น”
จากการที่ AIS ทำงานเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นแนวทางแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาดัชนีชี้วัดที่จะบ่งบอกถึงระดับความรู้ และทักษะดิจิทัลในด้านต่างๆ ที่ชัดเจนของประชาชนในแต่ละกลุ่ม อันจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำเครื่องมือ และองค์ความรู้ส่งมอบให้กับคนไทยได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับปัญหาเกิดขึ้น
จึงได้เปิดตัว “ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล หรือ Thailand Cyber Wellness Index (TCWI)” ถือเป็นฉบับแรกของประเทศไทย โดยมีพันธมิตรรายสำคัญอย่าง “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” พร้อมนักวิชาการหลากหลายแขนง มาร่วมกันทำงานเพื่อยกระดับเรื่องดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม
ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล Thailand Cyber Wellness Index ชี้ให้เห็นถึงทักษะดิจิทัล ที่ครอบคลุมพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลของคนไทย 7 ด้าน ประกอบด้วย ทักษะการใช้ดิจิทัล (Digital Use), ทักษะการรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy), ทักษะ ด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกันบนดิจิทัล (Digital Communication and Collaboration), ทักษะด้านสิทธิทางดิจิทัล (Digital Rights), ทักษะด้านความมั่นคงความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Safety), ทักษะด้านการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying) และทักษะด้านความสัมพันธ์ทางดิจิทัล (Digital Relationship)
มีขั้นตอนวิธีการเก็บผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่มีความหลากหลายทั้งช่วงอายุ และกลุ่มอาชีพจากทุกจังหวัด ทั่วประเทศกว่า 21,862 คน จากผลการศึกษาพบว่า ภาพรวมของคนไทยมีสุขภาวะทางดิจิทัล อยู่ในระดับพื้นฐาน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีถึง 44.04% ที่ยังอยู่ในระดับต้องพัฒนา แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ดิจิทัลให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
สมชัย กล่าวเสริมอีกว่า “จากผลการศึกษาดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย ทำให้เราเห็นจุดที่ต้องพัฒนาทักษะเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ใช้งานในอีกหลายประเด็น โดย AIS พร้อมด้วยพันธมิตรจะยังคงเดินหน้าทำงานเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามามีส่วนสำคัญทำให้ดัชนีฉบับนี้เป็นสมบัติของประเทศไทย อันจะเป็นเสมือนหนึ่งเข็มทิศที่ช่วยให้พวกเรามองเห็นเส้นทางในการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง”
AIS มีความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมดิจิทัลให้มีความปลอดภัย ทั้งในแง่ของการสร้างความตระหนักรู้ และภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ และไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างครอบคลุม
เพราะนอกเหนือจากภารกิจในการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อคนไทยแล้ว AIS ยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัล หรือ Digital Literacy ให้สังคม ลูกค้า และประชาชนทุกกลุ่ม รู้เท่าทันภัยด้านไซเบอร์หลากหลายรูปแบบที่อาจเกิดตามมาจากการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียล
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดผลการศึกษาดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย เพิ่มเติมที่ https://sustainability.ais.co.th/storage/update/report/advanc-ebook-thailand-cyber-wellness-th.pdf หรือองค์กรใดสนใจนำดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล Thailand Cyber Wellness Index เพื่อใช้วัดผลและขับเคลื่อนองค์กร สามารถติดต่อมาได้ที่ [email protected]
]]>การใช้ชีวิตประจำวันของเราในทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องจนแทบจะแยกกันไม่ออก และแน่นอนว่านอกจากประโยชน์ก็ต้องมีโทษที่เป็นเหมือนเงาตามตัวของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะจากมิจฉาชีพ ปัญหาไซเบอร์บูลลี่ และเฟคนิวส์ต่าง ๆ โดย เอไอเอส (AIS) ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่พยายามสร้าง ภูมิคุ้มกันไซเบอร์ ให้คนไทยมาตลอด ผ่านโครงการ AIS อุ่นใจ CYBER
เป้าหมายที่ไม่ใช่แค่ให้กระทรวงศึกษารับรองหลักสูตรแล้วจบไป…
แต่ที่ผ่านมา เราเห็นกลยุทธ์การสื่อสาร และการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่น่าสนใจอย่างมากของเอไอเอส เพื่อที่จะเข้าหาคนไทยให้ได้มากที่สุด
จอยลดา (joylada) แพลตฟอร์มนิยายแชทที่มีผู้ใช้บนแพลตฟอร์มกว่า 10 ล้านคน และกว่าครึ่งเป็นกลุ่ม Gen Z ดังนั้น หากต้องการจะเข้าหาวัยรุ่น ทำไมจะไม่จอยกับจอยลดา จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ เอไอเอส จะมองเห็นโอกาสในการเผยแพร่หลักสูตร อุ่นใจ CYBER โดยร่วมกับจอยลดา
เพราะต้องยอมรับก่อนว่าถ้าแค่นำเสนอเนื้อหาแบบดั้งเดิมแบบวิชาการ คงไม่มีใครอยากจะเปิดอ่าน แต่ถ้าเป็นในรูปแบบของ Edutainment คือต้อง บันเทิง ไปพร้อม ๆ กับได้ความรู้ หลักสูตรอุ่นใจ CYBER เลยถูกย่อยออกมาเป็น นิยายแชท 7 เรื่อง ที่สะท้อนปัญหา 7 ด้านและ 7 ทักษะที่ควรรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการบูลลี่ การวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานการณ์ที่วัยรุ่นต้องเผชิญในชีวิตจริง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่วันรุ่นจะอินไปกับนิยาย
หลังจากที่ปล่อยแคมเปญไปเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม นิยายแชททั้ง 7 เรื่องก็มียอดวิวสูงถึง 2.8 ล้านครั้ง จนถึงปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ การเข้าใจถึง Insight กลุ่มเป้าหมายของเอไอเอส ที่คิดแล้วว่าจะนำเสนอแค่หลักสูตรแล้วคาดให้วัยรุ่นมาศึกษามันไม่ได้ แต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร นอกจากนี้ ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสไม่ใช่แค่สร้างหลักสูตรแล้วจบไป แต่ต้องการให้เข้าถึงจริง ๆ
หลังจากที่เคยใช้ออกโฆษณา เพราะเราทุกคนคือเครือข่าย ที่นำเสนอในแบบดราม่าจริงจัง พร้อมสะท้อนถึงปัญหาที่เยาวชนต้องเผชิญจากการมาของอินเตอร์เน็ตจากปัญหาการบูลลี่ การติดเกม จนมาสู่แคมเปญโฆษณาชุดใหม่ มีความรู้ก็อยู่รอด ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในบริบทปัจจุบันที่มีเรื่องของมิจฉาชีพ ปัญหาเฟคนิวส์ และทุกปัญหาอาจนำไปสู่การสูญเสีย
หากแคมเปญที่ร่วมกับจอยลดาเน้นการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น แคมเปญโฆษณา มีความรู้ก็อยู่รอด ก็จะเป็นอะไรที่แมสมากกว่า ดังนั้น การทำการสื่อสารออกมาในรูปแบบ หนังโฆษณา จึงเป็นช่องทางที่น่าจะเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญและความท้าทายของเอไอเอส คือ คอนเทนต์ที่ต้องโดนใจ เพราะถ้าเป็นเรื่องสาระ ความรู้ หลายคนอาจมองเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจ โฆษณาก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ในหนังโฆษณาจึงออกแบบมาให้ ย่อยง่าย ไม่ต้องตีความ และไม่ทำร้ายใคร ซึ่งจะเห็นว่าโฆษณาออกมาในแนวคอมมาดี้เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย มีการเล่าเรื่องผ่าน ผี ที่เป็นเรื่องความเชื่อที่อยู่คู่คนไทย แถมแสดงให้เห็นถือความร้ายแรงของปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงชีวิตจริง ๆ และตัวละครมนุษย์หนึ่งเดียวที่ถูกบูลลี่เรื่อง เขี้ยวยักษ์ ก็เป็นลักษณะที่ ไม่มีจริง ดังนั้น การบูลลี่รูปร่างหน้าตาในโฆษณาจะไม่ทำร้ายหรือบูลลี่ใครในทางอ้อม
หลังจากปล่อยแคมเปญไปช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โฆษณามีความรู้ก็อยู่รอดสามารถเข้าถึงคนไทยกว่า 30 ล้านคน ทั่วประเทศผ่านสื่อ สื่อโฆษณาทีวี, ป้ายโฆษณา และสื่อออนไลน์ยอดนิยมต่าง ๆ ช่วยสร้างกระแสตื่นตัวในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่ม KOLs ที่ออกมาโพสต์เล่าผ่านประสบการณ์ส่วนตัวผ่านช่องทางอย่าง TikTok แสดงให้เห็นว่าโฆษณาดังกล่าวถูกสร้างจาก Insight จริง สามารถทำให้ทุกคนฉุกคิดถึงปัญหา และสามารถย่อยง่ายจนทำให้เข้าถึงคนในวงกว้าง
มาในปี 2023 เอไอเอสยังคงหา วิธีการสื่อสารใหม่ ๆ และในครั้งนี้ก็มาในรูปแบบการทำ Quiz เพื่อหา ตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยเป็นการร่วมกับ Capital สื่อออนไลน์ชื่อดังภายใต้โปรเจกต์ Cyber Survivor ซึ่งใน Quiz ก็เหมือนเป็นการ สอนให้รู้เท่าทันไซเบอร์ แบบเนียน ๆ รวมถึงยังเป็นเหมือนการ เตือนสติ ผ่าน 5 คาแรกเตอร์
เพราะระหว่างการทำ Quiz เพื่อหาตัวตน เชื่อว่าต้องมีฉุกคิดบ้างแหละว่าตัวเองมีพฤติกรรมอย่างไรบนโลกออนไลน์ ซึ่งตรงนี้ก็อาจช่วยให้ผู้ทำ Quiz ได้สำรวจตัวเองจนนำไปสู่การปรับปรุงพฤติกรรมการอยู่ในโลกออนไลน์ของตัวเองในอนาคต
นอกจากนี้ เอไอเอสยังร่วมกับค่ายการ์ตูนไทยระดับตำนาน ขายหัวเราะ สตูดิโอ ส่งการ์ตูนชุด เมื่อผมตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว รับวัน Safer Internet Day ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสานต่อกลยุทธ์ Edutainment เหมือนกับที่เคยทำกับจอยลดา แต่เปลี่ยนจากย่อยเนื้อหานิยายแชทมาอยู่ในรูปแบบของ การ์ตูน ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายและหลากหลาย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งต้องยอมรับว่าขายหัวเราะ ครีเอเตอร์ด้านการเล่าเรื่องผ่านการ์ตูนที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน
ทุกวันนี้ภัยไซเบอร์มาในหลายรูปแบบ มิจฉาชีพยังคงสรรหาสารพัดรูปแบบการหลอกลวง ทำให้ตัวเลขของผู้เสียหาย ทำให้เราเห็นถึงการทำงานของเอไอเอสที่ไม่หยุดที่จะตั้งคำถามเพื่อหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ในการที่จะทำให้ลูกค้ามีทักษะดิจิทัล เข้าใจ รู้เท่าทัน ภัยไซเบอร์
ถึงวันนี้หลักสูตรอุ่นใจ CYBER ได้ถูกนำไปขยายผลผ่าน สพฐ. แล้วกว่า 29,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันเราจะเห็นถึงเส้นทางการพาหลักสูตรดังกล่าวไปให้มากกว่าแค่ในห้องเรียน ด้วยเป้าหมายที่อยากให้คนไทยเข้าใจเรื่องดังกล่าวให้มากที่สุด ผ่านแคมเปญที่มีการคิดวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายมาเป็นอย่างดี และหาวิธีสื่อสารที่ตรงกลุ่มที่สุด ที่สำคัญเอไอเอสเลือกจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการทำงานในปัจจุบันเราสามารถร่วมกับผู้เชี่ยวชาญได้ ไม่จำเป็นต้องทำเองทุกอย่าง
]]>