เงินด่วน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 03 Sep 2021 08:57:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก FINNIX เเอปเงินกู้ เเก้ปมผู้มีรายได้น้อย เข้าไม่ถึงแบงก์ หวังดึงคนออกจากหนี้นอกระบบ https://positioningmag.com/1349907 Fri, 03 Sep 2021 04:00:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1349907 Finnix (ฟินนิกซ์) นาโนไฟเเนนซ์น้องใหม่ในไทย ที่เปิดตัวมาด้วยสโลเเกนแอปเงินกู้คู่คนทำมาหากินเจาะใจคนรายได้น้อย กับความมุ่งหมายเเก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 

ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ คนดิ้นรนหาเงินกู้เงินด่วนมาใช้ต่อลมหายใจธุรกิจ ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ตลาดนาโนไฟแนนซ์ในไทยมูลค่า 2 เเสนล้านบาท (ผู้เล่นที่ลงทะเบียนถูกกฎหมายราว 7 หมื่นล้านบาท) เเข่งขันกันดุเดือดขึ้น

สอดคล้องกับหนี้ครัวเรือนของคนไทยที่สูงขึ้นมากในช่วงโควิด-19 ไตรมาสปีนี้พุ่งสูงกว่า 90% ต่อ GDP สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย หรือไม่มีเอกสารยืนยันบัญชีการเงิน ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของสถาบันการเงินได้ เป็นโอกาสของธุรกิจนาโนไฟเเนนซ์ที่จะเข้ามาอุดช่องโหว่นี้

หลังเปิดตัวมาได้ 14 เดือน Finnix มียอดดาวน์โหลดถึง 3.5 ล้านครั้ง ในส่วนนี้ได้กลายมาเป็นลูกค้าปัจจุบัน 2.5 เเสนราย เเละปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท ตั้งเป้าปิดยอดได้ 5 พันล้าน พร้อมปั๊มยอดลูกค้าเพิ่มเป็น 3 เเสนราย ภายในสิ้นปี 2564

Finnix เป็นแอปฯ เงินกู้ดิจิทัลของมันนิกซ์’ (MONIX) บริษัทฟินเทคสตาร์ทอัพร่วมทุนระหว่างประเทศของ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ AbakusGroup ฟินเทคยูนิคอร์นจากประเทศจีน

โดยรีแบรนด์จากเเอปฯ ห้าให้มันนี่ มาเป็นชื่อ Finnix เมื่อช่วงเดือนเม..ที่ผ่านมา ยังคงกลุ่มเป้าหมายเดิม คือผู้มีรายได้น้อย ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน

คนไทย 36 ล้านคน มีปัญหาการขอสินเชื่อ

ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท มันนิกซ์ จำกัด เล่าว่า ปัจจุบัน มีคนไทยกว่า 36 ล้านคนที่ประสบปัญหาการขอสินเชื่อ เเบ่งเป็น ผู้มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ราว 8 ล้านคน และไม่มีสลิปเงินเดือนให้ยื่นกู้กับสถาบันการเงินทั่วไปได้อีก 28 ล้านคน

เหล่านี้ เป็นโอกาสที่มันนิกซ์จะเข้ามาในตลาดนี้ และตัดสินใจว่าจะทำผลิตภัณฑ์แรกในรูปแบบสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ โดยตั้งเป้าช่วยเหลือคนทำมาหากินให้ได้ อย่างน้อยราว 20% หรือ 7.2 ล้านคน ในช่วงเริ่มต้น

โดยจับจุด ‘Pain Point’  ของคนที่มีรายได้น้อยเข้าไม่ถึงการกู้เงิน คือ โอกาสได้รับอนุมัติน้อย , รอผลอนุมัตินาน , ใช้เอกสารเยอะ , วิธีการสมัครยาก เเละอัตราดอกเบี้ยสูง

Finnix จึงเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ภายในเเอปฯ อย่างการกำหนดวงเงินกู้ตั้งแต่ 2,000 – 100,000 บาทเพื่อตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม ทั้งคนที่เเค่อยากหมุนเงินเล็กๆ น้อยๆ หลักพัน ไปจนถึงพยุงธุรกิจด้วยเงินหลักเเสน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 33% ต่อปี หรือ 2.75% ต่อเดือน  

ชำระเฉพาะดอกเบี้ย เพื่อรักษาเครดิตได้ เเต่หากผิดนัดชำระเกิน 30 วัน บริษัทจำเป็นต้องรายงานต่อบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เเละหากผิดนัดชำระเกิน 180 วัน ต้องบอกเลิกสัญญาและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

พิจารณาให้สินเชื่อด้วย ‘Alternative Data’

สำหรับการสมัครของสินเชื่อ หลังโหลดเเอปพลิเคชัน หากเป็น ลูกค้าเดิมของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือมีแอปพลิเคชัน SCB Easy ก็สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียว ในการยืนยันตัวตนได้เลย โดยไม่ต้องเเนบ statement ย้อนหลัง

เเต่ถ้าหากไม่ได้เป็นลูกค้า SCB Easy มาก่อน จำเป็นต้องส่งไฟล์ statement ของธนาคารอื่นๆมาให้ทางแอปฯพิจารณา

เมื่อถามว่าหากมีการใช้เเค่บัตรประชาชนใบเดียวในการกู้เงินทางเเอปฯ มีการประเมินความเสี่ยงอย่างไร ?

ถิรนันท์ ตอบว่า Finnix จะเน้นไปที่การดู Alternative Data ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินอื่นๆ อย่างการขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลรายชื่อในโทรศัพท์มือถือของผู้กู้ 

เราจะนำเอา Alternative Data ตรงนี้ ไปใช้ในการประมวลผล การพิจารณาสินเชื่อ ไม่ได้เอาข้อมูลไปการันตี หรือทำอันตรายใด ๆ เป็นทางเเก้กรณีที่ลูกค้าไม่ได้มีการเดินบัญชีในธนาคาร หรือใช้ชีวิตด้วยเงินสด

โดยจุดเด่นของ Finnix ที่จะทำให้เเข่งในตลาดนี้ได้ เธอบอกว่า คืออนุมัติสินเชื่อภายใน 5 นาที เเละรูปแบบการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับลูกค้า เช่น เปิดให้ชำระชั้นต่ำ หรือชำระดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวได้ เพื่อรักษาประวัติทางการเงิน หรือเเบ่งชำระตามกระแสเงินสดของลูกค้า เช่น เลือกชำระแบบงวด 3, 6 และ 12 เดือน

ถ้ามีวินัยทางการเงิน จ่ายค่างวดตรงเวลา จะมีเกมล่าดาวให้ร่วมสนุก เพื่อรักษาเครดิตตามเงื่อนไข ถ้าชำระสินเชื่อภายใน 3 วันก่อนถึงครบกำหนดชำระหรือในวันครบกำหนดชำระ ก็จะได้รับดาว 1 ดวง เมื่อสะสมดาวครบ 3 ดวง จะได้รับกล่องสมบัติไปเปิดลุ้นรับรางวัลได้ทันที (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

การใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ทำให้ประเมินความเสี่ยงของลูกค้าได้รวดเร็วแม่นยำ และเราเป็นแพลตฟอร์มสินเชื่อในรูปแบบออนไลน์ 100% เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ แค่ลูกค้ามีสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ดึงคนออกจาก ‘หนี้นอกระบบ’ 

ปัจจุบัน รายได้เฉลี่ยของผู้กู้อยู่ที่ 7,000 – 12,000 บาทต่อเดือน เเละ Finnix มีวงเงินที่อนุมัติเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 10,000 – 15,000 บาท เรตในการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) อยู่ที่ 25%

ส่วนแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) พบว่าในช่วงโควิด-19 ระลอก 3 ลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง โดยบริษัทพยายามจะคุม NPLให้อยู่ในกรอบ 1 ดิจิต

ผู้บริหาร Finnix ประเมินตลาดนาโนไฟแนนซ์ในไทย ยังมีโอกาสขยายตัวได้ดี เเม้จะมีคู่เเข่งขึ้นมาหลายเจ้า เเต่ยังไม่มากเท่าตลาดอื่นนัก ส่วนตลาดเพื่อนบ้านในอาเซียนก็มีความน่าสนใจมาก อย่างอินโดนีเซีย ที่มีพฤติกรรมใช้เงินไม่มาก แต่ใช้บ่อยมีการใช้จ่ายก้อนใหญ่ในเเต่ละปี ซึ่งจะมีการขยายสู่ระดับภูมิภาคต่อไป

เป้าหมายของเราคือการดึงคนรายได้น้อย ออกจากปัญหาหนี้นอกระบบที่เสี่ยงอันตราย ด้วยแอปฯ กู้เงินที่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังเป็นการให้โอกาสคนมีวินัย เเต่รายได้น้อย ให้มีการเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ให้ความรู้ในการจัดการการเงินในระยะยาว

 

]]>
1349907
เปิดตำนาน 15 ปี “Easy Money” โรงรับจำนำเจ้าใหญ่ ทรานส์ฟอร์ม “โรงตึ๊ง” สู่สถาบันสินเชื่อ https://positioningmag.com/1300566 Fri, 09 Oct 2020 13:53:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300566 โรงรับจำนำอยู่กับคนไทยมาหลายยุคหลายสมัยเศรษฐกิจจะดีหรือเเย่ ก็สามารถมองผ่านเลนส์ของธุรกิจโรงรับจำนำได้

จากภาพจำเดิมๆ ที่เคยน่ากลัวในวันวาน การไปโรงรับจำนำในวันนี้ ถูกดิสรัปชันให้ทันสมัย ผู้คนรู้สึกสบายใจเหมือนไปทำธุรกรรมที่ธนาคารมากขึ้น

เล่าถึงโรงรับจำนำแห่งแรกในไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2409 เป็นโรงรับจำนำของชาวจีน ที่มีชื่อว่าย่องเซี้ยงปัจจุบันคือโรงรับจำนำสำราญราษฎร์ ย่านประตูผี แต่มีอีกหลักฐานระบุว่าโรงรับจำนำ อาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

ช่วงเเรกที่ย่องเซี้ยงเปิดให้บริการนั้นได้รับความนิยมมาก ทำให้มีโรงรับจำนำเจ้าอื่นๆ ผุดขึ้นตามอีกมากมายหลายร้อยเเห่ง ส่วนใหญ่เป็นของเอกชน ต่อมาโรงรับจำนำของรัฐแห่งแรกก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2498

ในปัจจุบัน โรงรับจำนำทั่วประเทศไทย มีอยู่ประมาณ 800 แห่ง แบ่งเป็นของรัฐประมาณ 300 แห่ง และของเอกชนราว 500 แห่ง มูลค่าตลาดรวมกว่า “เเสนล้านบาท” ซึ่งรวมถึงธุรกิจขายฝากที่ทำในร้านทองเเละร้านรับซื้อของเก่าต่างๆ ด้วย เติบโตราว 10% ต่อปี

ด้วยความที่ “รายได้” ของโรงรับจำนำมาจาก “ดอกเบี้ย” เป็นหลัก ดังนั้นการที่มีผู้เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ก็คือการเติบโตของธุรกิจนี้ ทำให้ต้องงัดกลยุทธ์ใหม่ๆ มาดึงใจลูกค้า ยิ่งในยุคเทคโนโลยีเเล้ว การปรับตัวของธุรกิจดั้งเดิมไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เมื่อต้องสู้กับตลาดที่มีการฟาดฟันเเละเเข่งขันสูง…ธุรกิจโรงรับจำนำ จึงไม่ใช่ “เสือนอนกิน” อีกต่อไป 

Positioning เจาะลึกธุรกิจโรงรับจำนำในหลายเเง่มุมใกล้ตัวเรา พร้อมเปิดตำนาน 15 ปี “Easy Money” (อีซี่ มันนี่) โรงรับจำนำเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทย กับการเปลี่ยนผ่านสู่สถาบันสินเชื่อทางเลือก” ในศึกเงินด่วนยุคดิจิทัล

15 ปี “Easy Money” เเก้ Pain Point ขอกู้ยาก 

โรงรับจำนำ Easy Money ของบริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 โดย “สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ” นายธนาคารผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ จากการมองเห็น “ช่องว่างของตลาด” เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีโรงจำนำที่มีรูปแบบร้านที่ทันสมัยเเละเข้าถึงง่ายเลย อีกทั้งต้องการเเก้ Pain Point ของผู้ขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ในยุคนั้น ที่มีขั้นตอนยุ่งยาก ใช้เอกสารเยอะ พิจารณานานเเละอาจจบที่ไม่ผ่านกู้ โดยที่มาของชื่อ Easy Money ก็เเปลความหมายตรงตัวว่าลูกค้าจะได้ “เงินเเบบง่ายๆ” นั่นเอง

โดยจุดเด่นของโรงรับจำนำ คือความน่าเชื่อถือ ดอกเบี้ยถูก ขั้นตอนน้อย ได้เงินง่าย (ถ้าของที่จำนำผ่าน) ถือเป็นการเเปลงทรัพย์สินเป็นทุนที่รวดเร็ว เมื่อเทียบกับสินเชื่อเเบบอื่นๆ เเละยังมีความใกล้ชิดชุมชนมากกว่า เช่น เเม่ค้าในละเเวกนั้นเอาของมาจำนำตอนเช้า นำเงินไปหมุน-แก้ปัญหา ตกเย็นขายของได้ก็มาไถ่คืน

“ตอนนั้นมองว่าธุรกิจโรงรับจำนำ ไม่จำเป็นต้องเจาะกลุ่มลูกค้าคนจน-รายได้ต่ำเสมอไป เป็นช่องว่างตลาดที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องการเสริมสภาพคล่อง เเละผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเงินหมุนในธุรกิจ”

โรงรับจำนำ Easy Money สาขาแรกเปิดตัวที่เมืองรังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2548 ช่วงเเรกมีพนักงานเริ่มต้นเพียง 10-20 คน ขยายตัวมาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีพนักงานกว่าพันคน พร้อมสาขาปัจจุบัน 54 แห่งใน 30 จังหวัดครบทุกภาค เเละยังมีร้านจำหน่ายสินค้าหลุดจำนำภายใต้ชื่อ Easy Money Shop อีก 2 แห่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 3 และที่นครราชสีมา

การขยายสาขาของ Easy Money นั้นเน้นไปต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ เพราะมองว่าในกรุงเทพฯ มีโรงรับจำนำอยู่จำนวนมากแล้ว โดยมีการลงทุนประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าจะมีการขยายอีก 2 สาขาเป็น 56 สาขาใน 31 จังหวัด

Easy Money เป็นโรงรับจำนำที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย มีกระแสเงินหมุนเวียนเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี (ก่อนวิกฤต COVID-19) มีรายได้หลักมาจากดอกเบี้ย รายได้รองคือ การขายสินทรัพย์หลุดจำนำ ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้แก่

  • ปี 2560 รายได้ 1,439.66 ล้านบาท กำไร 23.49 ล้านบาท
  • ปี 2561 รายได้ 1,615.69 ล้านบาท กำไร 33.25 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 1,768.58 ล้านบาท กำไร 39.14 ล้านบาท

ใครคือลูกค้า “โรงรับจำนำ” ? 

กลุ่มลูกค้าของ Easy Money ปัจจุบันมีอยู่หลายแสนราย เเบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ พนักงานเงินเดือนเเละผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ล่าสุดมีสัดส่วนเป็นพนักงานเงินเดือน 75% เเละ SME 25% เติบโตจากปี 2561 ที่มีสัดส่วนพนักงานเงินเดือน 77% เเละ SMEs 23%

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็น “พนักงานเงินเดือน” เป็นกลุ่มที่เน้นนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ชอบเก็บออมทรัพย์สินในรูปแบบของเครื่องประดับเเละทองคำ โดยพฤติกรรมการไถ่ถอนทรัพย์จะเป็นไปตามฤดูกาล เช่นช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่มีโบนัสออก ช่วงตรุษจีนเเละเทศกาลสงกรานต์ จะมีการมาไถ่ถอนมาก ขณะช่วงใกล้เปิดเทอมก็จะมีการนำมาจำนำมากเป็นพิเศษ เพื่อนำเงินไปใช้ในการศึกษาของบุตรหลาน

ส่วนกลุ่มลูกค้า “SME” จะเเตกต่างกับพนักงานเงินเดือน เพราะต้องการนำเงินไปหมุนเวียนในธุรกิจ ต่อยอดการลงทุน เเละสต๊อกสินค้า หรือใช้เสริมสภาพคล่องในช่วงที่รายรับรายจ่ายไม่สมดุลกัน

ยอดเงินเฉลี่ยของกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่นำของมาจำนำคือ 20,000 บาทต่อคน เเละกลุ่ม SME อยู่ที่ 1 เเสนบาทต่อคน ในจำนวนนี้มีลูกค้าจากภาคกลางมากที่สุด

“ถ้ามีพ่อค้าเเม่ค้านำทรัพย์สินมาจำนำมากๆ เเสดงว่าช่วงนั้นเป็นโอกาสการค้าขายที่คึกคัก เศรษฐกิจดี จึงต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น พอมีรายได้เข้ามาก็รีบมาไถ่ถอน อันนี้จึงเป็นอีกปัจจัยที่เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจได้ว่าดีหรือซบเซา” สิทธิวิชญ์ระบุ

ลบภาพจำ…คนไม่กล้าเข้า “โรงตึ๊ง” 

ความท้าทายของธุรกิจโรงรับจำนำ ตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมาของ Easy Money หลักๆ คือ การเปลี่ยนภาพจำในทางลบของผู้คนที่มีต่อโรงจำนำ หรือโรงตึ๊ง

“เเต่ก่อนคนมองว่า โรงจำนำกลายเป็นเรื่องน่าอาย ต้องเเอบไป หลายคนถึงขั้นยอมไปใช้บริการสินเชื่อจากที่อื่น ยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต ยอมกู้นอกระบบ ทั้งที่ดอกเบี้ยของโรงรับจำนำถูกกว่าเยอะ” 

ในสมัยก่อน บรรยากาศของโรงตึ๊งนั้น จะมีกระจกทึบปิดบังประตูเข้าออก มีกรงเหล็กกั้นเเน่นหนา ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเเละไม่น่าเข้าไปเท่าไหร่นัก ยิ่งมีข่าวลือถึงการถูก “กดราคา” ความไม่ปลอดภัยของทรัพย์สินที่อาจเสียหาย รวมไปถึงการ “ปั๊มหัวเเม่มือ” ด้วยหมึกสีน้ำเงินเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้คนอับอายเเละไม่กล้าเข้าไปใช้บริการ

เหล่านี้ทำให้ Easy Money ตั้งใจ “พลิกโฉม” โรงจำนำใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “เหมือนธนาคาร” คือตกแต่งให้ดูทันสมัย เปลี่ยนจากลูกกรงเหล็กเป็นเคาน์เตอร์กระจก โล่งสบาย เน้นสีสันสดใส มีที่นั่งเป็นสัดส่วน มีโซนของหลุดจำนำให้เเวะชมได้ระหว่างรอ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ออกตั๋ว คิดและคำนวณดอกเบี้ย

มีมาตรฐานในการเก็บรักษาทรัพย์เทียบเท่าสถาบันการเงินชั้นนำ ใช้เทคโนโลยี Finger Scan เพื่อยืนยันตัวตนและความเป็นเจ้าของทรัพย์ แทนการปั๊มหัวแม่มือ ซึ่งเริ่มทำมาได้ 10 ปีเเล้ว เเละล่าสุดก็มีเเอปพลิเคชัน Easy Smart ที่ให้ลูกค้าส่งดอกเบี้ยออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องมาที่สาขา

จากนั้น “การเทรนด์พนักงาน” ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ในการลบภาพจำเก่าๆ ที่เจ้าหน้าที่มักจะดูไม่เป็นมิตร โดยพนักงานทุกคนจะต้องยิ้มเเย้ม ให้บริการด้วยใจ ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกกลัวหรือกังวล เเละพนักงานต้อง “เชี่ยวชาญ” สามารถแยกแยะและประเมินทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำ โดยทองที่นำมาจำนำจะได้รับเงินภายใน 3-5 นาที ส่วนทรัพย์สินประเภทอื่นจะใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 20-30 นาที

โดยเกณฑ์ทั่วไปในการประเมินราคาทรัพย์สินที่ลูกค้านำมาจำนำ ได้เเก่ 1) สภาพคล่องทรัพย์สินในการขายทรัพย์ ซื้อมาขายไปได้ง่ายหรือไม่ 2) ราคาตลาดของทรัพย์ ณ ขณะนั้น เเละ 3) สภาพความสมบูรณ์ของทรัพย์ที่นำมาจำนำ

ความยากของธุรกิจโรงรับจำนำอีกอย่าง คือเรื่องพนักงาน เพราะต้องหาคนไว้ใจไว้ ซื่อสัตย์ มีทักษะ เป็นงานที่ต้องใช้ไหวพริบเยอะ ไม่จำกัดว่าต้องเรียนจบสาขาไหนมา เพราะบริษัทจะมีการเทรนนิ่งเฉพาะให้อยู่เเล้ว เเต่จะเน้นว่ามีเเนวคิด ทัศนคติเเละมุมมองที่จะก้าวไปด้วยกันได้หรือไม่

“ความยากของธุรกิจโรงรับจำนำคือการประเมินความเสี่ยง ประเมินราคา เพื่อใม่ให้เกิดความผิดพลาด เเม้คนอื่นจะมองว่าเป็น “เสือนอนกิน” มีความเสี่ยงน้อย เเต่ก็เคยมีคนนำของปลอม ของเก๊มาจำนำ โดยคนกลุ่มนี้มักจะมาช่วงเที่ยง เพราะใช้โอกาสที่คนเยอะ พนักงานยุ่ง ซึ่งจะเร่งรีบกว่าปกติ คนเหล่านี้จะคอยพูดเร่งพนักงานด้วย จึงต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีความผิดปกติ”

โรงรับจำนำ ต้องมี Brand Ambassador?

ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนของธุรกิจโรงรับจำนำเลยทีเดียว เมื่อ Easy Money เปิดตัว “เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล” พระเอกรุ่นใหม่แห่งช่อง 7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ในโอกาสครบรอบ 15 ปีเป็นครั้งเเรก จึงเกิดคำถามที่ว่า โรงจำนำควรต้องมี “คนดัง” เป็นพรีเซ็นเตอร์หรือไม่

สิทธิวิชญ์ มองว่า ถึงเวลาเเล้วที่ธุรกิจโรงจำนำ จะมีความทันสมัยเเละมีพรีเซ็นเตอร์เหมือน “เเบรนด์” ในธุรกิจอื่นๆ สร้างภาพจำใหม่ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่” มากขึ้นด้วย 

“เราเลือกคุณเข้ม เพราะเขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง เต็มไปด้วยพลังในการทำงาน พึ่งพาได้ ซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์ที่เข้ากับแบรนด์ของ Easy Money คือ มีความเป็นมิตร เข้าถึงได้ง่าย และไว้วางใจได้ จึงเป็นเหมือนสื่อกลางระหว่าง แบรนด์กับลูกค้าที่จะทำให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้จักและเข้าใจธุรกิจของโรงรับจำนำ ให้มีความสนใจ Easy Money มากขึ้น อีกทั้งถือเป็นเอกลักษณ์ทางการตลาด สร้างความโดดเด่น เพราะเป็นโรงรับจำนำเจ้าเเรกที่มี Brand Ambassador”

เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล

เทียบดอกเบี้ยโรงรับจำนำรัฐ VS เอกชน 

ตามที่กล่าวมาข้างต้นว่า โรงรับจำนำทั่วประเทศไทย มีอยู่ประมาณ 800 แห่ง แบ่งเป็นของรัฐประมาณ 300 แห่ง และของเอกชนราว 500 เเห่ง โดยสามารถแบ่งเป็น

  • สถานธนานุเคราะห์ เป็นโรงรับจำนำของรัฐ จำนวน 39 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ ถึง 29 แห่ง
  • สถานธนานุบาล โรงรับจำนำในรูปแบบสถานธนานุบาล จะเป็นโรงรับจำนำที่มาจาก 2 หน่วยงานคือ โรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร 21 แห่ง เเละโรงรับจำนำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ 240 แห่ง
  • โรงรับจำนำเอกชน จำนวน 500 แห่งทั่วประเทศ

ตามกฎหมายกำหนดให้ตั๋วจำนำมีอายุ 4 เดือน บวกระยะเวลาไถ่ถอนอีก 30 วัน (รวม 5 เดือน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยเพดานอยู่ที่ 1.25% ต่อเดือน

สำนักงานสถานธนานุเคราะห์ (อ่านรายละเอียดที่ pawn.co.th)

เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อเดือน
เงินต้น 5,001 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อเดือน
เงินต้น 10,001 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.00% ต่อเดือน
เงินต้น 20,001 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน

สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร (อ่านรายละเอียดที่ pawnshop.bangkok.go.th )

เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อเดือน
เงินต้น 5,001 – 15,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.00% ต่อเดือน
เงินต้นเกิน 15,000 บาท การคิดดอกเบี้ยแบ่งเป็น เงินต้น 2,000 บาทแรก 2%
ส่วนที่เกิน 2,000 บาท 1.25% ต่อเดือน

โรงรับจำนำเอกชน

คิดอัตราดอกเบี้ยของโรงรับจำนำเอกชนเป็นไปตาม พ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 โดยกำหนดว่า เงินต้น 2,000 บาทแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน ส่วนที่เกินจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน

คนไทยจำนำอะไรมากที่สุด? 

ผู้บริหาร Easy Money เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่คนไทยนำมาจำนำมากที่สุด ยังคงเป็น ทองคำ (ราว 70-80%) รองลงมาคือ เพชรเเละเครื่องประดับ ตามมาด้วย นาฬิกา สินค้าเเบรนด์เนมเเละอุปกรณ์ไอที เเม้จะเจอวิกฤต COVID-19 ก็ยังเรียงตามลำดับนี้

“ความเปลี่ยนเเปลงของยุคนี้ คือ คนรุ่นใหม่มีการนำสินค้าเเบรนด์เนมมาจำนำ เราจะได้เห็น กุชชี่ กระเป๋าเเอร์เมส หรือชาเเนลเยอะขึ้นมาก”

เเต่ถ้าผู้จำนำ ขาดส่งดอกเบี้ยเกินระยะเวลา 4 เดือน กับอีก 30 วัน จะถือว่าทรัพย์ที่นำมาจำนำนั้นกลายเป็นทรัพย์หลุด ตกเป็นสิทธิของโรงรับจำนำ ซึ่งถ้าเจ้าของทรัพย์อยากได้คืนจะต้องทำการประมูลหรือซื้อคืนจากโรงรับจำนำ

โดยทรัพย์ที่หลุดจำนำจะถูกขายผ่านสาขาทั้ง 54 สาขาของ Easy Money จะถูกนำไปวางขายที่ Easy Money Shop ซึ่งมีสาขาอยู่ที่เซ็นทรัลพระราม 3 และที่นครราชสีมา พร้อมกับการจำหน่ายผ่านเว็บไซต์เเละ Facebook ของร้าน ซึ่งสินค้าที่หลุดจำนำจากบริษัทจะมี “ใบรับประกัน” ให้ทุกชิ้น ส่วนเครื่องประดับเพชร จะรับประกันว่าสามารถนำกลับมาจำนำได้มูลค่าคืนถึง 80% ตลอดชีพ

“ยอดขาย Easy Money Shop เติบโตขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ เพราะคนหันมาซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ด้วยการที่เรามีใบรับประกันให้ คนก็ยิ่งตัดสินใจซื้อง่าย เเม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี คนระวังใช้จ่าย เเต่ก็ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ ยังมีกำลังซื้อ ก็หันมาซื้อของเเบรนด์เนม เครื่องประดับที่ราคาปรับลงในช่วงนี้มากขึ้น” 

ทรัพย์หลุด “เพิ่มขึ้น” ชี้เศรษฐกิจตกต่ำ 

สิทธิวิชญ์ เล่าถึงธุรกิจโรงรับจำนำช่วง COVID-19 ว่า ยอดธุรกรรมการรับจำนำ ตั้งเเต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา เริ่มส่งสัญญาณกลับมาเป็นปกติ หลังจากครึ่งปีเเรก ปริมาณธุรกรรมจำนำลดลง 20-30% สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นภาวะปกติมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้น ได้เห็นปรากฏการณ์คนเเห่มาไถ่ถอนทรัพย์เพื่อนำไปขายเพิ่มมากขึ้น ทำให้วงเงินที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจปีนี้ที่เตรียมไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จึงยังไม่ได้ใช้มากนัก โดยทั้งปีคาดว่าธุรกิจจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงปีก่อน

อัตราทรัพย์หลุดของ Easy Money เฉลี่ยอยู่ที่ 5% (ปี 2562 คือ 4.9% ส่วนปี 2561 คือ 5%) หมายความว่าถ้ามีคนนำของมาจำนำ 100 คน จะมีทรัพย์หลุด 5 คน เป็นต้น

ปีนี้ทรัพย์หลุดเพิ่มขึ้นจาก 5% มาเป็น 6% สะท้อนว่าเศรษฐกิจตกต่ำลง หลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่มที่มีรายได้ประจำตกงาน เเละเจ้าของธุรกิจมีรายได้ลดลง 

โดยตลอด 15 ปีที่ผ่านมามีช่วงปีที่ธุรกิจโรงรับจำนำ Easy Money เจอปัญหาบ้าง เช่นปี 2555 ที่ราคาทองลงมาก ทำให้ลูกค้าหลายคนทิ้งตั๋วจำนำไป ซึ่งครั้งนั้นถือว่าหนักกว่าวิกฤต COVID-19 ที่สถานการณ์ในไทยยังไม่รุนเเรงเท่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป 

“ช่วงเดือนเมษายนราคาทองคำลดลง ทำให้ทรัพย์ทองคำหลุดเยอะ แต่หลังจากราคาทองคำพุ่งไปแตะ 3 หมื่นบาท คนก็มาไถ่ถอนไปขาย เราจึงเสนอให้ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มเงินก็สามารถทำได้ เราปรับตามภาวะตลาดราคาทองคำ
เเบบเรียลไทม์เลย”

จากสถานการณ์ COVID-19 เมื่อช่วงต้นปี ทำให้บริษัททุ่มประมาณราว 20 ล้านบาท พัฒนา application Easy Smart เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เชื่อมโรงจำนำกับบริการออนไลน์ ให้สามารถส่งดอกเบี้ยออนไลน์ เรียกดูรายละเอียดของตั๋วจำนำ กำหนดการเตือนก่อนถึงวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าดาวน์โหลดแอปฯ แล้วจำนวน 6 หมื่นรายจากลูกค้าทั้งหมดราวเเสนราย

“อยากเสนอให้ภาครัฐ ขอขยายวงเงินหน้าตั๋วจากเดิมที่กฎหมายกำหนดอยู่ที่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อใบ ซึ่งใช้มาหลายทศวรรษเเล้ว ขยับวงเงินเป็น 2-3 ล้านบาทต่อใบ เนื่องจากราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปมากตามภาวะเศรษฐกิจ การขยายวงเงินจะช่วยเหลือผู้ประกอบการมีสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจมากขึ้น”

เราจะได้เห็นมูฟต่อไปของ Easy Money ที่มีกลุ่มทายาทรุ่นสองมาร่วมดูเเลกิจการ ในทิศทางสู่ “คนรุ่นใหม่” เเละเป็นโรงจำนำดิจิทัลมากขึ้นไปอีก ท่ามกลางการเเข่งขันดุเดือด หนทาง สถาบันสินเชื่อทางเลือก” ยังคงต้องไปต่ออีกไกล…

 

 

 

 

]]>
1300566