เชลล์แห่งประเทศไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Jun 2020 09:27:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เชลล์” เปิดปั๊มใหม่ 57 สาขาตามแผน ลดราคาเครื่องดื่ม-คูปองเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องดึงลูกค้า https://positioningmag.com/1283922 Wed, 17 Jun 2020 09:16:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1283922 เชลล์ฟื้นตัวหลังช่วงล็อกดาวน์จาก COVID-19 ทำยอดขายลดลง 10% เร่งเปิดสถานีน้ำมันเพิ่ม 57 สาขาตามแผนเดิม พ่วงโปรโมชันดึงลูกค้า ลดราคาเครื่องดื่มร้านเดลี่ คาเฟ่เหลือ 40 บาท เติมน้ำมันแถมคูปองลดราคาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หวังครึ่งปีหลังคนไทยใช้รถบ้านเดินทางท่องเที่ยว เป็นประโยชน์กับธุรกิจปั๊มน้ำมัน

แม้สถานีบริการน้ำมันจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นในช่วง COVID-19 แต่ใช่ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเลย “อรอุทัย ณ เชียงใหม่” กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การล็อกดาวน์เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงที่ผ่านมา มีผลให้ยอดขายธุรกิจค้าปลีกสถานีน้ำมันลดลง 10% โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซิน เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มรถบ้านคือกลุ่มที่ลดการเดินทางมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้ว และบริษัทจะเดินหน้าตามแผนการลงทุนและการตลาดต่อไป โดยแผนการเปิดสถานีบริการน้ำมันปี 2563 ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 57 สาขา รวมแล้วสิ้นปีนี้จะมีปั๊มน้ำมันเชลล์เพิ่มจาก 630 สาขา เป็น 687 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเปิดไปแล้ว 18 สาขา ยังเหลืออีก 39 สาขาที่จะเปิดต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน

“อรอุทัย ณ เชียงใหม่” กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด

ทุกสาขาใหม่จะมีร้านสะดวกซื้อ เชลล์ ซีเล็ค และร้านกาแฟ เดลี่ คาเฟ่ ตามแผนบุกธุรกิจนอน-ออล์ยเต็มกำลังดังที่บริษัทประกาศไว้เมื่อปี 2561 โดยปัจจุบันร้านเชลล์ ซีเล็คเปิดบริการแล้ว 124 สาขา และร้านเดลี่ คาเฟ่เปิดแล้ว 147 สาขา

นอกจากนี้ แผนการเปิดร้านอาหารตำนาน เชลล์ชวนชิม ในปั๊มน้ำมันเชลล์ ปีนี้จะมีเพิ่มในปั๊มเชลล์ สาขาท่าพระ และ สาขา ถ.ชัยพฤกษ์ โดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นร้านอาหารใด

ร้านกาแฟเดลี่ คาเฟ่

สำหรับการกระตุ้นลูกค้าในช่วงหลัง COVID-19 เริ่มคลี่คลาย จะมีแคมเปญ “เริ่มต้นใหม่ ไปกับเชลล์” จัดโปรโมชัน ณ สถานีบริการน้ำมัน และการบุกตลาดออนไลน์ต่อเนื่อง ได้แก่

  • เมนูเครื่องดื่มใหม่เริ่มต้น 40 บาท ในร้านกาแฟเดลี่ คาเฟ่ (ปกติเมนูเครื่องดื่มเย็นของร้านเริ่มต้น 55 บาท)
  • สำหรับลูกค้าที่ขับรถยนต์ เมื่อเติมน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ครบ 800 บาทต่อใบเสร็จ รับส่วนลดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสูงสุด 800 บาท และ สำหรับลูกค้ามอเตอร์ไซค์ เพียงเติมน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ครบ 30 บาท รับส่วนลดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสูงสุด 30 บาท และนำใบเสร็จใช้อัพไซส์เครื่องดื่มในร้านเดลี่ คาเฟ่
  • บริการออนไลน์ ร้านสะดวกซื้อเชลล์ ซีเล็ค เปิดบริการ Home Delivery, ร้านกาแฟเดลี่ คาเฟ่เปิดให้สั่งได้ผ่าน Grab และสถานีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสามารถสั่งซื้อแพ็กเกจได้ผ่าน Shopee

อรอุทัยกล่าวว่า ครึ่งปีหลังปีนี้แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะยังเข้ามาไม่ได้มากนัก แต่หวังว่านักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางมากขึ้นและเลือกใช้รถบ้านเพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยบวก มีคนเข้าสู่สถานีบริการน้ำมันมากกว่าเดิม และเชลล์จะใช้บรรยากาศของเดลี่ คาเฟ่ รวมถึงเรื่องร้านอาหารเชลล์ชวนชิมและร้านอาหารอร่อยของท้องถิ่นที่เข้ามาตั้งในปั๊ม เป็นจุดขายเพื่อดึงคนเดินทางให้มาใช้บริการ

]]>
1283922
เชลล์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม ปล่อยแคมเปญใหม่ “เชลล์ วี-เพาเวอร์ พลังที่เปลี่ยนทุกความรู้สึก” เดินหน้าจับมือพันธมิตรชั้นนำ https://positioningmag.com/1219630 Wed, 13 Mar 2019 09:55:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1219630 บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ส่งแคมเปญใหม่ล่าสุด “เชลล์ วี-เพาเวอร์ พลังที่เปลี่ยนทุกความรู้สึก” ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมพลังงานเชื้อเพลิงและน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม รุกขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยกลยุทธ์การสื่อสารกับผู้บริโภคแบบ 360 องศาผ่านช่องทาง ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมเดินหน้าจับมือพันธมิตรชั้นนำมุ่งตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค ตามแนวคิด “เชลล์เติมสุขให้ทุกชีวิต” หรือ “Making Life’s Journey Better”

นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิงระดับโลก กลยุทธ์หลักของเชลล์คือการส่งมอบ ‘พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม’ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรม ผสานกำลังเครือข่ายพันธมิตร และ พัฒนาบุคลากร โดยเชลล์เป็นบริษัทน้ำมันรายแรกที่ปฏิวัติวงการด้วยการนำเสนอน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมทั้งดีเซลและแก๊สโซฮอล์ 95 สู่ผู้ขับขี่ชาวไทย การันตีคุณภาพล่าสุดด้วยรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ด้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Thailand Automotive Quality Award (TAQA) 2018”

“ในปี พ.ศ. 2562 เชลล์ได้เตรียมกิจกรรมทางการตลาดสำหรับน้ำมันเชลล์ วี- เพาเวอร์ไว้มากมายเริ่มจากแคมเปญใหม่ ‘เชลล์ วี-เพาเวอร์ พลังที่เปลี่ยนทุกความรู้สึก’ ที่นอกจากผู้ขับขี่จะได้รับแผ่นหอมปรับอากาศ “Happy Feel” ที่มอบความสดชื่นตลอดเส้นทาง พร้อมส่วนลดการใช้บริการต่างๆ ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็น ‘สถานีเติมสุข’ อย่างแท้จริงแล้ว เชลล์ยังได้ทุ่มงบเปิดตัวโฆษณาใหม่ของน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคแบบ 360 องศา ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่”

น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ไดนาเฟล็กซ์ มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับน้ำมันที่ใช้ในการแข่งรถสูตรหนึ่งของทีมสคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ ถึง 99% โดย น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 มีสารช่วยลดแรงเสียดทานและสารทำความสะอาด มากกว่าน้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ ถึง 3 เท่า ในขณะที่น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล ช่วยกำจัดคราบตะกรันที่หัวฉีด ให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้สมบูรณ์ คืนพลังให้เครื่องยนต์ทั้งรถเก่าและรถใหม่ ช่วยลดเขม่าไอเสีย

นอกเหนือจากนั้น เชลล์ยังเดินหน้าสร้างประสบการณ์การให้บริการระดับพรีเมี่ยมเพื่อรองรับกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ด้วยการเปิดสถานีบริการ เชลล์ วี-เพาเวอร์ เพิ่มอีก 2 สาขาเมื่อต้นปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์เหนือระดับ ที่แตกต่างจากสถานีบริการทั่วไป เน้นการบริการด้วย ‘ความรวดเร็ว สะดวก สร้างรอยยิ้ม’ โดยมีพนักงานให้บริการ 2 คนต่อรถ 1 คัน รวดเร็วกับการชำระเงินด้วยเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สาย และมอบความสะดวกให้ลูกค้าด้วยบริการสั่งอาหาร หรือเครื่องดื่มของร้านกาแฟเดลี่ คาเฟ่ จากที่รถผ่านแท็บเล็ตอีกด้วย ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำจากหลายวงการ เช่น สถาบันการเงิน ธุรกิจค้าปลีก และ ศูนย์บริการรถยนต์ รุกฐานลูกค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายครบถ้วนให้กับลูกค้าเชลล์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลการทั้งผู้บริหารและพนักงานในสถานีบริการเพื่อสร้างทีมที่มีคุณภาพ ให้มั่นใจว่าพนักงานจะสามารถส่งมอบประสบการณ์การให้บริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าทุกคน

“ผู้ขับขี่ทั่วประเทศสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เชลล์ วี-เพาเวอร์ ที่แรงกว่า สะอาดกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า พร้อมมีส่วนร่วมกับแคมเปญ ‘เชลล์ วี-เพาเวอร์ พลังที่เปลี่ยนทุกความรู้สึก’ ตลอดทั้งปี ได้แล้ววันนี้ ที่ สถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั่วประเทศ โดย เชลล์มั่นใจว่าในปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่เชลล์จะประสบความสำเร็จในตลาดน้ำมันพรีเมี่ยม” นางสาวอรอุทัย กล่าวสรุป

]]>
1219630
เชลล์ วี-เพาเวอร์ มอบรถ BMW แก่ผู้โชคดีจากแคมเปญใหญ่ข้ามปี https://positioningmag.com/1091244 Wed, 11 May 2016 07:12:33 +0000 http://positioningmag.com/?p=1091244 มร.แกรนท์ แมคเกรเกอร์ กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด มอบรางวัลรถยนต์ BMW 320d M Sport มูลค่า 2,899,000 บาท แก่คุณทัศณี พสุธาสถิตย์ ผู้โชคดีจากการจับรางวัลในแคมเปญ “เชลล์ แจกโชคใหญ่ แรงข้ามปี ลุ้นรถ BMW และบัตรเติมน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ไนโตร+พร้อมกันนี้ยังมีการมอบบัตรเติมน้ำมันเชลล์มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 30 รางวัล และมูลค่า 50,000 บาท จำนวน 60รางวัล ให้กับผู้โชคดีท่านอื่นจากแคมเปญดังกล่าว รวมมูลค่าทั้งสิ้น 8,899,000 บาท ซึ่งเป็นแคมเปญการตลาดสุดยิ่งใหญ่สำหรับลูกค้าที่เติมน้ำมันคุณภาพสูง เชลล์ วี-เพาเวอร์ ไนโตร+ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ทั้งนี้มีผู้สนใจส่งคูปองเข้าร่วมลุ้นโชครถยนต์และบัตรเติมน้ำมันกว่า 2.5 ล้านใบ

]]>
1091244
M academy จัดเสวนาเผยเทคนิคครองใจลูกค้า ‘เคล็ดไม่ลับสู่ความสำเร็จ ‘Brand Battle’ https://positioningmag.com/62911 Thu, 31 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62911

นายศิริศักดิ์ ประสิทธิ์สรรหา ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ M academy จัดเสวนาเผยเทคนิคครองใจลูกค้าให้แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ  “เคล็ดไม่ลับสู่ความสำเร็จ Brand Battle” โดยมีนักธุรกิจชื่อดังร่วมแบ่งปันประสบการณ์ อาทิ คุณอรรถ เหมวิจิตรพันธ์ รองประธานกรรมการบริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด คุณบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) คุณจอห์น คริสตี้ ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เอกชัย ดิสทรีบิวชั่นซิลเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) และคุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (แรบบิทการ์ด) โดยมี คุณเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์การเรียนรู้ M academy อาคารบิ๊กซี ราชดำริห์ ชั้น 6

]]>
62911
เชลล์เผยผลการศึกษาระดับโลก ให้พร้อมรับมือกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของกรุงเทพฯ https://positioningmag.com/59082 Wed, 07 Jan 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59082
สรุปประเด็นสำคัญของรายงานฉบับนี้
 
– เมืองที่มีการวางแผนอย่างดี จะมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองได้มาก โดยเฉพาะโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และความร่วมมือในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่หากเมืองต่างๆ มีการจัดการที่ไม่ดี คุณภาพชีวิตของคนในเมืองก็อาจลดลง สิ่งแวดล้อมในเมืองมีคุณภาพด้อยลง มีการเพิ่มก๊าซเรือนกระจก ผู้คนมีความเครียดมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองได้
 
– แนวทางการพัฒนาเมือง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น โครงสร้างสาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิม ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม สภาพทางภูมิศาสตร์ ความสามารถทางเศรษฐกิจ รวมถึงความสามารถของภาครัฐและสถาบันต่างๆ ในการวางแผนเพื่อความเติบโตของเมือง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่บางเมืองประสบความสำเร็จในการพัฒนา ในขณะที่บางเมืองล้มเหลว
 
– แนวทางการพัฒนาเมืองนั้นไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่มีการออกแบบใดที่จะเหมาะสมกับทุกเมือง
 
– อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างของการพัฒนาเมืองที่ดีนั้นมีอยู่ และมีแนวทางสำคัญบางประการที่นักวางแผนสามารถนำไปปรับใช้ได้ เช่น เมืองที่มีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่น แต่มีการจัดการโครงสร้างสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของระบบขนส่งสาธารณะและบริการต่างๆ จะเป็นเมืองที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเทียบกับเมืองที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าแต่ไม่มีการจัดการที่ดี
 
– เมืองที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นสามารถเป็นเมืองที่น่าใช้ชีวิตได้ ตราบใดที่มีการออกแบบ และจัดการที่ดี
 
– โครงสร้างสาธารณะในเมืองนั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจในวันนี้จะมีส่วนกำหนดว่าเมืองนั้นจะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
 
มีการคาดการณ์กันว่า เมื่อถึงปี พ.ศ. 2563 กรุงเทพฯ จะมีประชากรอยู่จำนวนกว่า 30 ล้านคน ซึ่งมากกว่าปัจจุบันถึงสามเท่า ส่งผลให้เกิดผลกระทบที่ตามมาคือ การขยายตัวแบบก้าวกระโดดของเมือง ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ และมีระบบการบริหารจัดการเมืองอย่างยั่งยืน รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจให้กับคนรุ่นหลัง 
 
ผลการศึกษาล่าสุดของเชลล์ ในหัวข้อ “เชลล์มองผ่านเลนส์สู่เมืองแห่งอนาคต” (New Lenses on Future Cities) ที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า การขยายตัวของเมือง เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อความต้องการด้านพลังงานและรูปแบบการใช้พลังงาน ว่าจะมีการจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูงสุด  ที่สำคัญคือ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชากรหลายพันล้านคนเลยทีเดียว
 
การศึกษาชิ้นนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนา ระหว่างตัวแทนจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ  ภาคธุรกิจ และภาคสังคม โดยมีกระทรวงพลังงาน และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ขึ้น 
 
ดร. โช อุน คง หัวหน้าทีมนักวิเคราะห์ของเชลล์ กล่าวว่า “จากข้อมูลของหน่วยงานสำคัญทางด้านการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ขององค์การสหประชาชาติ (UN-HABITAT)  ได้ระบุว่า ภายในปี พ.ศ. 2593 จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 7 พันล้านคน เป็น 9 พันล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ ประชากรกว่าร้อยละ 70 จะอาศัยอยู่ในตัวเมือง ทำให้เรามองเห็นภาพได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะมาพร้อมกับความต้องการด้านทรัพยากรที่เพิ่ม
ขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งในด้านพลังงาน น้ำ และอาหาร”    
 
“เมื่อเมืองต่างๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น ผลกระทบต่อทรัพยากรสำคัญๆ เช่น พลังงาน น้ำ และอาหาร ย่อมสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน โดยมีการคาดการณ์กันว่า ความต้องการที่มีต่อพลังงาน น้ำ และอาหารจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40-50 ภายในปี พ.ศ. 2573 ในขณะที่ความต้องการด้านพลังงานโดยเฉพาะจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 80 ในช่วงกลางศตวรรษ  โดยส่วนใหญ่เป็นความต้องการจากเมืองต่างๆ ซึ่งจะเพิ่มจากร้อยละ 66 ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 80 ภายในปี พ.ศ. 2583”
 
“เมืองที่ได้รับการออกแบบและมีระบบการบริหารจัดการที่ดี จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และยังช่วยเสริมสร้างให้เกิดนวัตกรรมและความร่วมมือกันของหลายๆ ภาคส่วนในสังคมได้  ในทางตรงข้าม เมืองที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม จะมีผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนและสิ่งแวดล้อมของเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงขึ้น หรือแม้แต่เป็นสาเหตุของความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง” ดร. โช อุน คง กล่าวเสริม
 
รายงานชุด “เชลล์มองผ่านเลนส์สู่เมืองแห่งอนาคต” เป็นผลการศึกษาของเมืองที่เป็นศูนย์กลางสำคัญๆ กว่า 500 เมือง และได้มีการแบ่งเมืองเหล่านี้ออกเป็น 6 กลุ่มตามระดับความต้องการใช้พลังงานและจุดที่เมืองจะมีการขยายตัวในอนาคต  ซึ่งประกอบด้วย เมืองขนาดใหญ่ที่กำลังขยายตัว (Sprawling metropolises) เมืองที่พัฒนาแล้วซึ่งมีประชากรหนาแน่น (Urban Powerhouses)  เมืองที่ร่ำรวย(Prosperouscommunities) เมืองหลักที่ยังไม่พัฒนา (Underdeveloped urban centres) เมืองที่มีคนยากจนอยู่หนาแน่น (Underprivileged crowded cities) และเมืองขนาดใหญ่ที่กำลังพัฒนา (Developing mega hubs) 
 
ดร.โช อุน คง ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า แม้เมืองต่างๆ จะมีรายละเอียดและถูกแบ่งออกได้หลากหลายประเภท แต่ยังไม่มีวิธีการใดที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับจัดการด้านการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเมือง เพราะแต่ละเมืองมีลักษณะเฉพาะตัว  นอกจากนี้ ยังต้องมีการพิจารณาถึงปัจจัยด้านความแตกต่างทางวัฒนธรรม และพฤติกรรมการอยู่อาศัยของประชากร ประกอบด้วยเช่นกัน  
 
“จริงๆ แล้ว ยังไม่มีรูปแบบการจัดการเมืองไหนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ หรือเป็นรูปแบบที่เราควรทำตาม เพราะแต่ละเมืองต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อเมืองเหล่านั้นแตกต่างกันไป เช่น พลังงานที่มีอยู่ และยังต้องพิจารณาด้วยว่า เมืองนั้นๆ จะสามารถนำทรัพยากรมาใช้อย่างไรให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในระยะยาวได้  นอกจากนี้ ยังต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างบูรณาการและเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย” 
 
ในประเทศไทยเอง มีหลายหน่วยงานที่ช่วยกันหาทางแก้ปัญหาด้านความต้องการและความท้าทายต่างๆ ที่เกิดจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมืองต่างๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน จากมุมมองของนักพัฒนาเมือง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ ผู้อำนวยการ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง หรือ UddC (Urban Design and Development Center) หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา กล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกชื่นชมและสนใจผลการศึกษาที่ทางบริษัท เชลล์ ได้จัดทำขึ้นในครั้งนี้ เพราะผลการศึกษาชุดนี้มีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเมืองของเรานั้นมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ จากปัญหาการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว”
 
“ดิฉันเชื่อว่า UddC สามารถนำผลการศึกษาของเชลล์ มาต่อยอดเสริมกับความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่ เพื่อช่วยให้การวางแผนโครงการต่างๆ ครอบคลุมการจัดการด้านการใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า และเป็นประโยชน์กับทุกคนในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชน ที่เอื้อประโยชน์ต่อชุมชนผู้ที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้คนที่กระจายตัวอยู่รอบนอกเมือง  พวกเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในจุดที่มีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ และเป็นประตูเชื่อมออกไปสู่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้เป็นอย่างดี  
 
ดังนั้น การวางผังเมืองอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมืองสามารถรับมือกับจำนวนประชากรที่
เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในอนาคตได้เป็นอย่างดี ในขณะที่สามารถจัดการการใช้ทรัพยากรด้านพลังงานได้อย่างคุ้มค่าในอนาคตได้ด้วย 
 
“วิสัยทัศน์ของ UddC คือการรักษาสมดุลของการขยายตัวประชากรในกรุงเทพฯ โดยโครงการที่เรากำลังดำเนินการอยู่คือ โครงการ “เมืองเดินได้” 
(Walkable City) ซึ่งเน้นพัฒนาให้ส่วนต่างๆ ของเมืองชั้นในที่มีประชากรหนาแน่น มีทางเท้าที่เหมาะสมมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณนี้หันมาเดินเท้ากันให้มากขึ้นในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า โดยแนวคิดนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาที่เชลล์นำมาเปิดเผย ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการหันมาศึกษาถึงวิธีที่จะทำให้เราสามารถใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน
 
นอกเหนือจากแนวคิดของ ดร. ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดโครงการใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในเมืองแล้ว  นาย จอน ซีลี่ หัวหน้าฝ่ายออกแบบของบริษัทรับออกแบบ มาร์ค แอนด์ จอร์ดี้ ยังร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบรถไฟฟ้าในเมืองให้มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิดในการเพิ่มพื้นที่สำหรับการปั่นจักรยาน รวมถึงการสร้างสวนลอยฟ้าให้คนเมืองได้พักผ่อนหย่อนใจ  ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการก่อสร้าง กรุงเทพฯ จะมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 75,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่กรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่สีเขียวในปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่อยู่กันอย่างหนาแน่น 
 
“โครงการนี้ เราไม่ได้มองเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งที่คนรุ่นต่อๆ ไปสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่เรายังต้องการพัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ด้วย และหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ กรุงเทพฯ จะกลายเป็นเมืองแรกในเอเชียที่มีการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน  และกรุงเทพฯ ก็จะไม่ถูกมองว่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เหมือนเมืองอื่นๆ ในเอเชียอีกต่อไป แต่จะเป็นเมืองที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดสีเขียว ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในสังคมและวิถีของคนไทย
 
ทางด้าน นายโสภณ ฉิมจินดา พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ซึ่งเป็นทั้งคอลัมนิสต์และนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ได้เข้าร่วมเสวนาโดยได้กล่าวว่า 
“การอาศัยในเมืองใหญ่และการใช้ระบบขนส่งมวลชนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนอยู่แล้ว และยิ่งสำหรับผู้พิการด้วยแล้ว เรื่องนี้ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามผมมองเห็นว่าเมืองของเรากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมอยากเห็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 
ให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม และนำข้อจำกัดที่มีอยู่ไปพิจารณาร่วมด้วยหากมีการริเริ่มโครงการอะไรใหม่ๆ ผมอยากเห็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่และน่าใช้ชีวิต ไม่ว่าสำหรับคนปกติหรือคนพิการ”
 
ทั้งนี้ ดร. โช ได้เน้นย้ำเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญมากต่อการรับมือกับการขยายตัวของเมืองคือ การที่หลายฝ่ายในสังคมต้องให้ความร่วมมือกันจัดการกับความท้าทายต่างๆ  เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ แผนดำเนินงานระยะยาวที่เกิดจากการวางแผนโดยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยมีความยืดหยุ่นและกรอบระยะเวลาที่เพียงพอต่อการทำให้แนวคิดนั้นๆ เป็นจริงได้อย่างชัดเจน  
 
การวางผังเมืองต้องคำนึงด้วยว่าคนในเมืองนั้นๆ สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหน นอกจากนี้การพัฒนาเมืองให้ประสบความสำเร็จยังต้องเกิดจากการพัฒนาและลงทุนทางด้านการศึกษา สาธารณูปโภค รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ อีกด้วย 
 
การวางผังเมืองและจัดการเมืองที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่ถ้าทุกฝ่ายทั้งภาครัฐบาล เอกชน และภาคสังคม  ให้ความร่วมมือกันอย่างดีแล้ว เรื่องดังกล่าวย่อมเป็นไปได้ 
 
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลการศึกษาเรื่อง “เชลล์มองผ่านเลนส์สู่เมืองแห่งอนาคต” จะมีส่วนแสดงให้ทุกคนเห็นว่า การขยายตัวของเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญและส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกชีวิต ทั้งในเรื่องความต้องการพลังงานและและคุณภาพชีวิต และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เชลล์เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และภาคสังคม จะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เราทุกคนร่วมกันตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอนาคตของเราทุกคน  
 
ในส่วนของเชลล์ เราจะยังคงเดินหน้าหาวิธีที่จะทำให้เมืองใหญ่มีความน่าอยู่และมีการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน สำหรับพวกเราทุกคนต่อไป” ดร. โช กล่าวสรุป 
 
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการศึกษา “มองผ่านเลนส์สู่เมืองแห่งอนาคต” 
 
สามารถดูได้ที่  www.shell.com/futurecities

]]>
59082