สวนทางกับ การเข้าพักระยะยาว (Long-Stay) ที่ได้ปัจจัยบวกจากกลุ่มคอร์ปอเรต อาทิ นักธุรกิจ และกลุ่มองค์กร แบ่งตาม 3 สัญชาติที่เข้ามากสุด คือ ญี่ปุ่น (20%), จีน (17%) และไทย (9%) โดยมีสัดส่วนเข้าพักยาวราว 23%

โดยช่วงต้นปี 2568 แอสคอทท์ ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวชะลอตัว ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ใน กทม. 68% และคาดว่าปลายปีนี้จะทำได้ราว 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีอัตราเข้าพัก 80%

กระจายเสี่ยง ขยายพอร์ตเซอร์วิสเรสซิเดนส์-แฟรนไชส์-บุกตลาดรีสอร์ต

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา แอสคอทท์ มุ่งเน้นเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์เป็นหลัก แต่ปี 2568 จะหันมาใช้กลยุทธ์กระจายพอร์ตฯ บาลานซ์ความเสี่ยงธุรกิจ ภายใต้โมเดล Asset Light แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่

• การรับบริหารจัดการโครงการแบบครบวงจร (Management Agreement) ให้กับกลุ่มโรงแรม ส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว 10 ปีขึ้นไป
• แฟรนไชส์ (Franchise Agreement) โมเดลยืดหยุ่นขึ้นสำหรับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่น ที่ยังอยากบริหารงานเอง แต่ทำภายใต้แบรนด์สากลอย่างแอสคอทท์
• ที่พักหลายรูปแบบ เช่น เซอร์วิสเรสซิเดนส์,  Branded Residences, และการขยายเชนแอสคอทท์ สู่รูปแบบรีสอร์ตในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่าง หาดใหญ่ สมุย และภูเก็ต

เบื้องต้น บริษัทฯ จะเปิดตัว 4 โครงการ จำนวน 1,678 ห้อง แบ่งเป็น

1.Ascott Above ป่าตอง ภูเก็ต จำนวน 482 ห้อง เป็นรูปแบบ Branded Residences ผสมกับ รีสอร์ตแห่งแรกของแอสคอทท์ในไทย (พัฒนาโดย บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ของ ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทร์)

2.Citadines ชลบุรี จำนวน 91 ห้อง

3.คัลเจอร์ จุฬา และ คัลเจอร์ ทองหล่อ (ของกลุ่ม บมจ.อนันดาฯ) จำนวน 2 โครงการ รวม 1,105 ห้อง

ขณะเดียวกัน ในเดือน ต.ค. นี้ ยังเตรียมเซ็นสัญญาบริหารโรงแรม Oakwood หาดใหญ่ จำนวนไม่เกิน 200 ห้อง ก่อนเปิดให้บริการในปี 2569

จ่อขยายที่พักสูงวัยในไทย

นอกจากนี้ แอสคอทท์ ยังมอง ธุรกิจที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย หรือ Active Senior Living ในไทย ด้วยมีโอกาสการขยายตัวสูงจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงวัย

ขณะที่ปัจจุบันคนเริ่มมอง “ที่อยู่อาศัยคนสูงวัย” เป็นคอมมูนิตี้สำหรับการใช้ชีวิต ต่างจากอดีตที่มองเป็นบ้านพักคนชรา

“แอสคอทท์ อยู่ระหว่างสำรวจตลาด และหารือกับพาร์ตเนอร์ที่อยากร่วมพัฒนาโครงการลักษณะนี้ในไทย”

เป้าใหญ่ขยายครบ 10,000 ห้อง ประเมินปี 69 ธุรกิจฟื้นตัว

คณิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับเป้าหมายใหญ่ระยะ 3 ปี ของบริษัทฯ ภายในปี 2571 จะขยายห้องพักรวม 10,000 ห้อง จากปัจจุบันมีห้องพักราว 6,000 ห้อง จาก 27 โครงการ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. โดยมุ่งขยายไปยังทำเลใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น สมุย ภูเก็ต เป็นต้น

“ภาพรวมปีนี้เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ และเซอร์วิสเรสซิเดนส์ทรงตัว คาดว่าฟื้นตัวในปี 2569 โดยแอสคอทท์ ตั้งเป้าปีหน้า รายได้เติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีนี้ (YoY) ส่วนอัตราเข้าพัก เพิ่มขึ้น 5% (YoY)”

1.THE RESIDENCES 38 (บริหารงานโดย บมจ. อนันดา)

คอนโดระดับอัลตร้าลักซูรี จำนวน 56 ห้อง ตั้งแต่รูปแบบห้องสตูดิโอ – เพนต์เฮ้าส์ 5 ห้องนอน ราคา 22.9 – 246 ล้านบาท/ยูนิต หรือเฉลี่ย 4 – 5 แสนบาท/ตร.ม.

2.Le Clef Bangkok by The Crest Collection บริหารงานโดย The Ascott Limited

เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ จำนวน 115 ห้อง ขนาดห้องเริ่มต้น 38 ตร.ม. ขึ้นไป ราคาเช่าต่อเดือนอยู่ที่ 1.2 – 1.3 แสนบาท/เดือน

“การทำเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ส่วนหนึ่ง จะช่วยหนุนรายได้ประจำให้กับบริษัทฯ ปัจจุบันอัตราเช่าของ Le Clef Bangkok อยู่ที่ 20% ภายในสิ้นปีนี้คาดอยู่ที่ 40-50% ส่วนระยะยาวมองอัตราเช่าเฉลี่ยที่ 70-80% รวมถึงบริษัทฯ มีแผนขายสินทรัพย์บางส่วนออกไป อาทิ โรงแรมในยุโรป ส่งผลให้อนาคตจะช่วยลดภาระหนี้สินลง และทำให้บริษัทสามารถเทิร์นอะราวด์กำไรได้ในอนาคต“

เศรษฐกิจละลอ แม้แต่กลุ่มคนรวยขอหั่นราคาซื้อ 10-30%

ชิณทัต ศิริชนะชัย Head of Christie’s Real Estate Thailand ในฐานะโซเอเจนต์ ของโครงการ THE RESIDENCES 38 กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปี 2568 ยอมรับว่ามีความยากลำบาก เศรษฐกิจเอฟเฟกต์ต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม แต่กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ได้รับผลกระทบน้อยสุด ส่วนตลาดคอนโดระดับอัลตร้าลักซูรี ประเมินว่า มีทิศทางทรงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้

“ในภาพรวมปีนี้ของตลาดอัลตร้าลักซูรี ขายลำบากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ด้วยเศรษฐกิจดูชะลอตัวลง ด้านอินไซด์ผู้บริโภคมีแนวโน้มขอต่อรองราคามากขึ้น คิดเป็นส่วนลดประมาณ 10-30%”

ขณะที่ยอดขายปัจจุบันของโครงการ THE RESIDENCES 38 อยู่ที่ 20% ส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อ อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และอินเดีย

รูปแบบการซื้อ แบ่งเป็น

• กลุ่มซื้ออยู่อาศัยเอง อาทิ บ้านพักตากอากาศ บ้านสำหรับเกษียณอายุ นิยมห้องขนาดใหญ่ รูปแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไป
• กลุ่มนักลงทุน นิยมคอนโด รูปแบบ 1 ห้องนอน เพื่อปล่อยเช่า มียีลด์ประมาณ 5-6% ต่อปี คิดเป็นค่าเช่าราว 80,000 กว่าบาท/เดือน

“ห้องขนาดใหญ่ได้รับผลตอบรับดีมาก จากความชอบพื้นที่กว้างของกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ตั้งใจอยู่อาศัยจริง โดยขณะนี้ รูปแบบห้อง 3 ห้องนอน Sold Out เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่างจากรูปแบบ 2 ห้องนอนที่ชะลอตัวลง ตอนนี้เราปรับแผนเน้นขายห้องใหญ่ก่อน”