เทนเซ็นต์ คลาวด์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 23 Mar 2023 04:42:48 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เทนเซ็นต์ คลาวด์” ส่ง Metaverse Solution Suite ยกระดับองค์กรไทยสู่อีกขั้นของการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล https://positioningmag.com/1422737 Tue, 21 Mar 2023 10:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422737

ต้องบอกว่าเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น Metaverse (เมตาเวิร์ส) เรียกได้ว่าธุรกิจหลายแวดวงทยอยตบเท้าก้าวสู่โลก Metaverse กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นแวดวง ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โทรคมนาคม สถาบันทางการเงิน และอีกหลากหลายวงการ

ถ้าให้อธิบายอย่างเข้าใจง่ายที่สุด Metaverse เป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และจากการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้การเชื่อมต่อนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลายองค์กรเริ่มมองหาโอกาสจากการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อกับ Metaverse ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้

จากรายงานของ Deloitte ได้วิเคราะห์ว่าผลจาก Metaverse ที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ทั่วเอเชีย จะอยู่ที่ 0.8 ถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายใน พ.ศ. 2578 คิดเป็นประมาณ 1.3-2.4% ของ GDP

ด้าน เทนเซ็นต์ (Tencent) ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีระดับโลก ก็ไม่พลาดเป็นผู้นำกระแสนี้ ล่าสุดประกาศกลยุทธ์ Immersive Convergence ที่จะหลอมรวมดิจิทัลเข้าสู่โลกความจริงโดยเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ ของ เทนเซ็นต์

นายกฤตธี มโนลีหกุล รองประธานเทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“Metaverse จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมาดิสรัปอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันองค์กรต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการทั่วโลกต่างให้ความสนใจและจับตามอง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Immersive Convergence ของ    เทนเซ็นต์ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับแผนการดำเนินงานผ่านความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน และการให้บริการดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับโลกจริงและ Metaverse ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด โดยองค์กรต่างๆ จะได้รับประโยชน์มากมายจากบริการที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ของเทนเซ็นต์ คลาวด์”

“ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกที่พร้อมเป็น Digital Enabler ให้กับทุกองค์กร เทนเซ็นต์ คลาวด์ จึงได้นำเสนอ Metaverse Solution Suite เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการอัปเกรดองค์กรเข้าสู่โลก Metaverse โดยมาพร้อมบริการแบบครบวงจร ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือ และบริการในการสร้างโลก Metaverse ให้สมจริงด้วยโซลูชันต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่าง เช่น

  • โซลูชันสำหรับการสร้าง Virtual Scene ที่ช่วยในการสร้างการจำลองเสมือนจริง การสร้างสำเนาดิจิทัลให้สมจริงและใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด อาทิ Tencent Cloud Real-time Cloud Rendering และ Digital Twins ที่ช่วยในการจำลองและสร้างภาพกราฟิกเสมือนจริงแบบเรียลไทม์
  • โซลูชันสำหรับการสร้าง Digital Human & Avatar อาทิ Digital Human,Text Driven Digital Human และ Avatar Based on Real-Time Capturing โซลูชันที่ผสานการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน และคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการสร้างมนุษย์ดิจิทัลที่สามารถแสดงออกและโต้ตอบได้ มอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้งานใน Metaverse
  • โซลูชันสำหรับสร้างการสื่อสารแบบโต้ตอบ (Interactive Media & Communication) คือ โซลูชันที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ใช้งานผ่านการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ และความรู้สึกที่เสมือนจริงผ่านการใช้งาน AR/VR ซึ่งประกอบด้วย (1) Game Multimedia Engine (GME) โซลูชันการสนทนาเสียงในการเล่มเกมแบบครบวงจร ด้วยฟีเจอร์การปรับปรุงรูปแบบและประเภทเกมให้มีประสิทธิภาพเชิงลึกสูงสุด โดยสามารถรองรับการสนทนาด้วยเสียงระหว่างผู้เล่นหลายคน ระบบการระบุหาต้นตอเสียงแบบสามมิติ ข้อความเสียง และการแปลงคำพูดเป็นข้อความ เพื่อให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมใน Metaverse (2) Tencent Real-Time Communication (TRTC) เป็นโซลูชันการโทรด้วยเสียง/วิดีโอแบบกลุ่มและการไลฟ์สตรีมมิงแบบโต้ตอบคุณภาพสูง และให้ความคุ้มค่า มีเวลาหน่วงต่ำตอบสนองได้อย่างฉับไวภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว (3) Cloud Streaming Services (CSS) บริการเพื่อการถ่ายทอดสัญญาณสดการแปลงรหัสการแพร่สัญญาณและการรับชมย้อนหลังที่รับประกันเวลาที่หน่วงต่ำเป็นพิเศษ อีกทั้งยังให้คุณภาพของวิดีโอในระดับUltra-high สามารถรองรับผู้ใช้งานจํานวนมากในเวลาเดียวกันได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด
  • โซลูชันสำหรับรองรับการประมวลผล (Computing Power) คือโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยรองรับการประมวลผลที่เสถียร และมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย (1) GPU Cloud Computing (GCC) เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลกราฟิกด้วยความเร็วสูง (2) Edge Computing Machine (ECM) ที่ช่วยให้ระบบประมวลผลสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากการขยาย node การประมวลผลให้อยู่บน node ที่ใกล้กับผู้ใช้งานใน Metaverse มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของเครือข่าย และให้บริการที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้หลายคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างธุรกิจที่ใช้โซลูชัน Metaverse ของ                   เทนเซ็นต์ คลาวด์ในการสร้างสรรค์บริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัล อย่าง Metalife เครื่องมือสื่อสารใหม่จากญี่ปุ่นที่สามารถใช้เป็นทั้งสำนักงาน สถานที่จัดงานกิจกรรม ห้องเรียน พื้นที่ทำงานนอกสถานที่ และห้องประชุมใน Metaverse โดยเทนเซ็นต์ คลาวด์ได้ให้การสนับสนุนโซลูชัน Tencent Real-Time Communication (TRTC) แก่ Metalife เพื่อให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อถึงกันในสภาพแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนเสมือนจริง นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์บริการ Live Streaming แบบ Interactive ที่มีเกิดการ Lag น้อยที่สุด และมีค่าความหน่วง (Latency) จากต้นทางถึงปลายทางทั่วโลกในระดับต่ำกว่า 300 มิลลิวินาที เพื่อเป็นหลักประกันถึงประสบการณ์เสียงและภาพที่ยังคงราบรื่นแม้ในสภาวะที่มีอัตราการเกิด Packetloss ถึง 80% นอกจากนี้เทคโนโลยีนี้ยังมีความเข้ากันได้สูงมากในทุกแพลตฟอร์มและภูมิภาค จึงเป็นตัวเลือกที่ทรงพลังในการสร้างแพลตฟอร์ม Metaverse

นี่คือตัวอย่างขององค์กรธุรกิจที่นำ Metaverse มาสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ แต่การก้าวเข้าสู่โลก Metaverse นั้น ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายๆ องค์กรทั้งในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความซับซ้อน

ด้วยเหตุนี้ การมีพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จึงเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้การสร้างสรรค์โลก Metaverse เป็นไปได้อย่างราบรื่น

“เทนเซ็นต์ คลาวด์ในฐานะ Digital Enabler พร้อมที่จะสนับสนุนองค์กรไทยในการขยายธุรกิจไปทั่วโลกผ่านการให้บริการด้านโซลูชันที่สอดรับกับแนวทางขององค์กรนั้นๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ไปสู่เป้าหมายด้วยจุดแข็งรอบด้านที่จะช่วยให้ทุกองค์กรเข้าถึงโซลูชันที่ช่วยสร้างโลก Metaverse ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเสียงและวิดีโอที่สั่งสมมากว่า 20 ปี ผสานความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมี Data Center ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ตลอดจนมีทีมงานคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ และการสนับสนุนแก่องค์กรต่างๆ ในไทยได้อย่างครบวงจร” นายกฤตธี กล่าวสรุป

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ ที่นี่

]]>
1422737
‘เทนเซ็นต์ คลาวด์’ กับ ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 ในไทย ก้าวสำคัญภารกิจปั้นไทยสู่ดิจิทัลฮับอาเซียน https://positioningmag.com/1338428 Tue, 29 Jun 2021 12:00:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338428

ธุรกิจคลาวด์ เติบโตไม่หยุดในยุคเเห่งข้อมูล เป็น ‘เมกะเทรนด์’ ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค เมื่อทุกระบบต้องเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆ จึงต้องปรับตัวให้ก้าวทัน สรรหาโซลูชั่นจัดการข้อมูลที่มีอยู่มากมายมหาศาล เเละมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan พบว่าในปี 2563 กว่า 52% ขององค์กรทั่วโลกใช้บริการคลาวด์ และอีก 34% มีแนวโน้มจะเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ภายในสองปีข้างหน้า

ด้านข้อมูลล่าสุดจาก Gartner คาดว่าจะมีการใช้จ่ายด้านบริการคลาวด์สาธารณะของผู้ใช้งานทั่วโลก เพิ่มขึ้น 23.1% ในปี 2564 เป็น 332.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ    ในปี 2563

ข้อมูลเหล่านี้เเสดงให้เห็นถึงการ ‘ขยายตัว’ ของอุตสาหกรรมคลาวด์ ยิ่งในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผู้คนขยับมาอยู่บนเเพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ทั้งการทำงานเเละเรียนทางไกล ค้าขายอีคอมเมิร์ซ เก็บข้อมูลเเละติดต่อสื่อสารต่างๆ

สำหรับประเทศไทย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก็มีความต้องการด้านโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะขององค์กรต่างๆ ‘เพิ่มสูงขึ้น’ จากปัจจัยการเติบโตของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy) อย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน


‘เทนเซ็นต์’ จับเทรนด์โลก ทุ่มบุกตลาด ‘คลาวด์’

เเบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง ‘เทนเซ็นต์’ (Tencent) เป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่ขยายมายังธุรกิจนี้กับบทบาทการเป็นผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิลด์คลาส รองรับความต้องการเเละการใช้จ่ายผ่านคลาวด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคการผลิต (Manufacturing)    ค้าปลีก สุขภาพ สื่อและบันเทิง ฯลฯ

โดยล่าสุดเทนเซ็นต์ คลาวด์ (Tencent Cloud) กลุ่มธุรกิจคลาวด์ภายใต้เทนเซ็นต์ เพิ่งประกาศ เปิดตัวศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Data Center) แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ แฟรงก์เฟิร์ต และโตเกียว ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการโซนที่สอง (Second availability zone -AZ2) และในฮ่องกง ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการโซนที่สาม (Third availability zone – AZ3)

ก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายปี 2563  เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้เปิดพื้นที่ให้บริการโซนที่สองในเกาหลีใต้ ตามด้วยการเปิดตัวศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตแห่งแรกในอินโดนีเซีย และพื้นที่ให้บริการโซนที่สามในสิงคโปร์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาพร้อมมีกำหนดจะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตแห่งที่สองในอินโดนีเซีย และแห่งแรกในบาห์เรนภายในสิ้นปีนี้

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ใหม่เเละทิศทางขยายการลงทุนในต่างประเทศของธุรกิจเทคโนโลยี

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตแห่งใหม่ ทั้งกรุงเทพฯ แฟรงก์เฟิร์ต ฮ่องกง และโตเกียว ‘ในช่วงเวลาเดียวกัน’ ก็สื่อถึงก้าวสำคัญในการสร้างการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐาน     ระดับโลกของเทนเซ็นต์ คลาวด์ด้วย

โดยการเพิ่มศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ จะทำให้เทนเซ็นต์ คลาวด์ สามารถให้บริการได้ถึง 27 ภูมิภาค และ 66 พื้นที่ให้บริการทั่วโลก ถือเป็นการ ‘เพิ่มศักยภาพ’ เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องได้อย่างน่าสนใจ


ปั้นดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ในไทย สู่ดิจิทัลฮับอาเซียน

 “เทนเซ็นต์ คลาวด์ เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย เเละพร้อมผลักดันให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต”

มร.ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวถึง          เป้าหมายสำคัญของการเปิดศูนย์บริการแห่งที่สองในไทย พร้อมความตั้งใจจะช่วยเหลือและส่งเสริมธุรกิจ     ในทุกอุตสาหกรรม ให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับใช้ระบบปฏิบัติการคลาวด์ได้รวดเร็ว มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัยยิ่งขึ้นเเละสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตในไทยแห่งที่สองของเทนเซ็นต์ คลาวด์นั้น เป็นศูนย์ข้อมูลระดับ Tier 3     มีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมกับกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางระหว่างเกทเวย์ (Border Gateway Protocol: BGP) ที่มีความน่าเชื่อถือและคุณภาพสูง   ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ


จุดเด่นของดาต้าเซ็นเตอร์ เเห่งที่ 2 ในไทย มีอะไรบ้าง ?

เจาะลึกลงไปถึงการทำงานศูนย์ข้อมูลแห่งที่สองของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ในประเทศไทย พบว่ามี ‘จุดเด่น’      ใน 3 ด้านหลักๆ ได้เเก่

  • ระบบเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Server)

โดยโครงสร้างพื้นฐานที่นำมาติดตั้งที่ศูนย์ข้อมูลแห่งที่สองของไทยนั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีการเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพของบริการคลาวด์ สามารถรองรับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence)    ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เมื่อ AI มีการคำนวณที่ต้องใช้สเปคที่สูงขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้จะสามารถทำให้การทำงานดีขึ้น รวดเร็วขึ้น และประหยัดพลังงาน”

  • การทำงานของ Graphics Processing Unit (GPU)

ช่วยเพิ่มศักยภาพในการประมวลผลต่างๆให้สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น และรองรับการทำ parallel computing ด้วย Bare Metal Service หรือ Cloud Physical Server ที่สร้างความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งโดยปกตินั้น Cloud virtual machine จะสามารถรองรับการใช้งานได้แค่ window หรือ ลีนุกซ์ เท่านั้น แต่ Bare Metal Service ในศูนย์ข้อมูลแห่งที่สองของไทย สามารถรองรับระบบปฎิบัติการ (Operation system) อื่นๆ ได้ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน

  • รองรับการให้บริการโซลูชันอัจฉริยะต่างๆ จากเทนเซ็นต์ คลาวด์

เนื่องจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ทำให้ศูนย์ข้อมูลในไทยแห่งที่สองของเทนเซ็นต์ คลาวด์นั้น สามารถรองรับ Smart solution ได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการทำงานได้อย่างรวดเร็ว อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of Things (IoT) ระบบการจดจำใบหน้า (Facial Recognition) เทคโนโลยีการจดจำตัวอักษร หรือ Optical Character Recognition (OCR) บริการถ่ายทอดวิดีโอไลฟ์ (LVB) เป็นบริการสำหรับการถ่ายทอดไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียงไลฟ์แบบต่อเนื่อง เป็นต้น

เมื่อตลาดโตเร็ว ย่อมมีคู่เเข่งเยอะตามไปด้วย ท่ามกลางตลาดธุรกิจคลาวด์อันดุเดือดนี้

นอกจากเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานของระบบปฏิบัติการคลาวด์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มี   ความแข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วโลกแล้ว ‘เทนเซ็นต์ คลาวด์’ ยังมีจุดเเข็งด้านความเชี่ยวชาญและความเข้าใจเชิงลึกในด้านการให้บริการด้วยแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จากบริษัทแม่ที่มีผู้ใช้งานกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก     รวมไปถึงเรื่องความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง

นอกจากนี้ ยังสามารถนำเสนอโซลูชันระบบคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมความต้องการของแต่ละธุรกิจ ด้วยเครือข่ายที่ปลอดภัยเเละหลากหลาย

พร้อมมีทีมสนับสนุนในประเทศไทย ที่สามารถให้บริการและคำปรึกษากับลูกค้าคนไทย เพื่อตอบสนอง     ความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ และมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศ          เพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ ‘เทนเซ็นต์ คลาวด์’ ที่จะเข้ามาเสริมเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน รับการเติบโตของ ‘สมาร์ทโซลูชัน’ ภาคธุรกิจไทย พร้อมยกระดับและผลักดันศักยภาพของประเทศไทย     ให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียนในอนาคตข้างหน้า…น่าจับตามองยิ่ง  

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อ Tencent Cloud ได้ ที่นี่ หรือโทร +662-833-3000

]]>
1338428
“เทนเซ็นต์ คลาวด์” ชูโซลูชัน Smart Education ยกระดับระบบการศึกษาไทยด้วยคลาวด์อัจฉริยะ และ AI ครบวงจร https://positioningmag.com/1324973 Mon, 29 Mar 2021 10:00:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324973
การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากจะส่งผลในแง่ของเศรษฐกิจมากมายมหาศาล ที่ทำให้ผู้ประกอบการ และองค์กรต่างๆ มีความจำเป็นต้องปรับตัวอย่างทันท่วงที ด้วยการนำ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” มาใช้เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจแล้ว  ผลกระทบของการแพร่ระบาดก็ยังส่งผลในวงกว้างต่อภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมากเช่นกัน

COVID-19 กระทบการศึกษาครั้งใหญ่

วงการ “การศึกษา” ถือเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก โรงเรียน และสถานศึกษาในหลายๆพื้นที่ต้องหยุดการเรียนการสอน เนื่องจากการล็อกดาวน์ทำให้นักเรียน และครูไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ

Photo : Pixabay

นี่ทำให้นักเรียนเกือบ 13 ล้านคนต้องอยู่บ้าน และคุณครูเกือบ 6 แสนคนไม่สามารถทำการสอนได้ รวมถึงเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม ดังนั้นหลายๆ โรงเรียนจึงเริ่มนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้ เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้การศึกษายังดำเนินต่อไปได้แม้ในภาวะที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม อีกทั้ง ยังช่วยให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถตามบทเรียนได้ทันอีกด้วย

หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทเป็นอย่างมากต่อภาคการศึกษาในช่วงวิกฤติ COVID-19 คือ เทคโนโลยีคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่นอกจากจะช่วยลดข้อจำกัดต่างๆ แล้ว ยังเป็นตัวช่วยอัจฉริยะที่ทำให้โรงเรียน และหน่วยงานด้านการศึกษาต่างๆ สามารถดำเนินงานไปได้อย่างต่อเนื่อง

ปรับระบบการศึกษาสู่ Smart Education

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ จึงเป็นตัวเร่งให้ภาคการศึกษาปรับตัวสู่การเป็น “Smart Education” ได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ “เทนเซ็นต์ คลาวด์” จึงได้นำเสนอโซลูชัน Tencent Cloud Online Education Solutions  ซึ่งเป็นการยกระดับรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ด้วยคลาวด์อัจฉริยะครบวงจร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า

“การปรับตัวเองสู่การเป็น Smart Education ของสถานศึกษานั้นไม่เพียงแค่ช่วยลดช่องว่างเรื่องระยะทาง แต่ยังช่วยในการวิเคราะห์ และพัฒนาหลักสูตรที่เอื้อให้นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ในระดับความสามารถของตัวเอง การมีแพลตฟอร์มที่ครู และนักเรียนสามารถพูดคุยกันได้ รวมถึงการมีเครื่องมือที่ทำให้ครูสามารถออกแบบการสอนตามลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการศึกษาในอนาคตโดยเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ เช่น การประมวลผลแบบคลาวด์ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence)”

4 บริการของ Tencent Cloud Online Education Solutions

Tencent Cloud Online Education Solutions  เป็นโซลูชันที่ช่วยให้สถานศึกษาสามารถสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปรับแต่งโซลูชันได้ตามสถานการณ์ และความต้องการ โดยเป็นโซลูชันแบบ end-to-end ที่จะช่วยสร้างแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ตั้งแต่เริ่มต้น

นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ยังมีผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดเป็นการศึกษาออนไลน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีคุณภาพ โดยครอบคลุม 4 บริการ ดังต่อไปนี้

  1. โครงสร้างพื้นฐาน และการบำรุงรักษา (Infrastructure and Maintenance)

เป็นบริการด้านทรัพยากร และการบริหารระบบปฏิบัติการคลาวด์แบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ทั้งเซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล ระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย ช่องสัญญาณ ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ เพื่อสร้างรากฐานแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบออนไลน์ให้กับสถาบันการศึกษาที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล

  1. การบริหารจัดการระบบ (Operational Management)

นอกจากการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนไปสู่ยุคดิจิทัล เทนเซ็นต์ คลาวด์ยังมีบริการระบบซอฟแวร์ SaaS เพื่อให้สถาบันการศึกษาสามารถดำเนินงานธุรการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น การเปิดหลักสูตรต่างๆ การรับสมัครการลงทะเบียน การบริหารทรัพยากร จัดหรือปรับเปลี่ยนตารางเวลาของหลักสูตรต่างๆ ตลอดจนการออกประกาศนียบัตร

Photo : Pixabay

  1. โซลูชันสำหรับการจัดการห้องเรียนแบบอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive Classroom Solutions)

โซลูชันสำหรับการทำ interactive classroom แบบครบวงจรผ่านการใช้ระบบปฏิบัติการณ์คลาวด์อัจฉริยะ และ AI เพื่อมอบประสบการณ์การเรียนออนไลน์แบบเรียลไทม์ที่มีประสิทธิภาพผ่านสมาร์ท โซลูชันต่างๆ ของเทนเซ็นต์ คลาวด์

  1. เครื่องมืออัจฉริยะสำหรับช่วยด้านการสอน (Smart Teaching Tools)

คลาวด์มีโซลูชันด้านการสอนมากมายที่ทำงานโดยอาศัยระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยทุ่นเวลา และเพิ่มประสิทธิผลด้วยเทคโนโลยี Deep learning ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ความสามารถของการจดจำใบหน้าและเสียง (face recognition/voice recognition) รวมถึงความสามารถในการทำงานของระบบ Machine translation ของเทนเซ็นต์ จะสามารถรองรับการทำงานอัตโนมัติด้านการเรียนการสอนได้หลากหลายรูปแบบ

ช่วยการศึกษาทางไกล กรณีศึกษาจากอู่ฮั่น

ทั้งนี้ “เทนเซ็นต์ คลาวด์” ได้มีกรณีศึกษาจากการใช้งานจริงในโรงเรียนเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา  เพราะจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 “การศึกษาทางไกล” ได้กลายเป็น New normal ของระบบการศึกษา เทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพของการศึกษา

Photo : Pixabay

ซึ่งเป็นช่วงแรกที่เกิดการแพร่ระบาด โรงเรียนได้เปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งโดยได้ใช้เทนเซ็นต์ คลาวด์ในการจัดการติดตั้งระบบห้องเรียนออนไลน์ในเวลาเพียง 7 วัน ซึ่งแพลตฟอร์มรองรับถึง 81% ของผู้ใช้งานทั้งหมด (ประมาณ 730,000 คน)

นอกจากนี้ โซลูชันจากเทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังมอบบริการ Live Video Broadcast ที่มีความเสถียร คุณภาพสูง อีกด้วย โซลูชันนี้นอกจากระบบต่างๆ แล้ว ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ช่วยการสอนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อช่วยให้ผู้สอนสามารถวิเคราะห์ผลการเรียนของนักเรียนแต่ละคน เพื่อออกแบบการเรียนการสอนเฉพาะบุคคลซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ดียิ่งขึ้น

สรุป 3 ข้อ ที่ควรใช้เทนเซ็นต์ คลาวด์

  1. เทนเซ็นต์ คลาวด์ มอบบริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิล์ดคลาสที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสามารถมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม
  2. เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทีมสนับสนุนในประเทศไทย ที่สามารถให้บริการและคำปรึกษากับลูกค้าคนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ
  3. มีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลของลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย

“ปัจจุบันทุกๆ ภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งภาคการศึกษาต้องเร่งปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล เทนเซ็นต์ คลาวด์ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น จึงมีความพร้อมที่จะมอบโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะ เพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญในสนับสนุนการศึกษาที่มีคุณภาพแก่ทุกคน และช่วยให้สถานศึกษาเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” มร. ชาง กล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลของ เทนเซ็นต์ คลาวน์ สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://cloud.tencent.co.th/en

]]>
1324973