เทรนด์รักสุขภาพ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 30 Apr 2021 03:36:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ดีน่าดีซอย’ กระตุ้นตลาดนมถั่วเหลือง อิ่มคุ้มรับเทรนด์สุขภาพ จัดใหญ่ชิงโชคใต้ฝากับ ‘ดีซอย ซอยดี มีรวย’ https://positioningmag.com/1330017 Fri, 30 Apr 2021 10:00:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330017

ตลาด ‘นมถั่วเหลือง’ ในไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเกิดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ตลาดหดตัวลงไปบ้าง ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เเต่ก็ยังได้อานิสงส์จากเทรนด์ ‘รักสุขภาพ’ ที่ผู้คนหันมาใส่ใจดูเเลตัวเองกันมากขึ้น ด้วยรสชาติที่อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ อีกทั้งยังหาดื่มได้ง่าย สะดวกเเละ ‘อร่อย อิ่มคุ้ม เหล่านี้ทำให้นมถั่วเหลืองครองใจคนยุคใหม่ที่มีชีวิตเร่งรีบได้ไม่ยากนัก

จากเทรนด์รักสุขภาพที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อนมถั่วเหลืองที่มีจุดเด่นด้าน ‘โปรตีนสูงน้ำตาลต่ำ’ กันมากขึ้น หลายเเบรนด์จึงทยอยออกสินค้าใหม่ๆ มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้

นอกจากจะเเข่งขันกันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคเเล้ว ด้านกลยุทธ์การตลาดก็ดุเดือดไม่เเพ้กัน โดยมีการออกเเคมเปญกระตุ้นตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มการทดลองสินค้า สร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมลุ้นรางวัล ชิงโชคใต้ฝา ฯลฯ เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคกลุ่มเดิมไปพร้อม ๆ กับการขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้กว้างขึ้น

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในวงการนมถั่วเหลืองช่วงนี้ คือเเคมเปญล่าสุดของ ดีน่าดีซอยที่ออกมากระตุ้นตลาดด้วยกิจกรรมชิงโชคใต้ฝา ที่มีชื่อฟังเเล้วติดหูว่า ดีซอย ซอยดี มีรวยทุ่มแจกรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,501,080 บาท

ต้องบอกก่อนเลยว่า ‘ดีน่า ดีซอย’ เป็นน้ำนมถั่วเหลือง ยูเอชที สูตรออริจินัล ขนาด 270 มล. ที่วางขายในราคาเพียงขวด 10 บาท หาซื้อง่ายหลากหลายช่องทางทั้งร้านสะดวกซื้อ ขายของชำใกล้บ้าน หรือทางออนไลน์อย่าง

Dutch Mill Delivery : https://bit.ly/3nuNvMM

เเละ Lazada : https://bit.ly/3fjNbPk

‘ดีน่า ดีซอย’ ชูจุดขายเฉพาะตัวที่เป็นจุดเด่นเรื่อง ‘อร่อย อิ่มคุ้ม’ ด้วยคุณประโยชน์จากโปรตีน 2 แหล่ง ทั้งนมถั่วเหลืองและนมวัว จีงทำให้หอม รสชาติเข้มข้น อร่อยกลมกล่อม อัดแน่นไปด้วยประโยชน์จากวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถึง 15 ชนิด และยังเป็นสูตรที่ดีกับสุขภาพอีกด้วยเพราะมีปริมาณไขมันและน้ำตาลตามเกณฑ์หลักโภชนาการ ‘ทางเลือกสุขภาพ’ ในกลุ่มเครื่องดื่ม ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าสามารถทานได้บ่อยได้ที่ต้องการ อร่อยดีมีประโยชน์แน่นอน

โดยเเคมเปญ ‘ดีซอย ซอยดี มีรวย’ เชิญชวนให้ผู้บริโภคมาร่วมลุ้นของรางวัลกันง่ายๆ 3 ขั้นตอน ได้เเก่ 

  • ซื้อผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองดีน่าดีซอยแบบขวด จากร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564
  • เพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์กับดีซอย LINE @dna.dsoy : (https://bit.ly/3sCw4fD) จากนั้นใส่รหัสใต้ฝา 10 หลัก ในปุ่มเมนู ‘ซอยดีมีรวย’ พร้อมกรอกชื่อ เบอร์โทร และจังหวัด แล้วกดยืนยันสิทธิ์การเข้าร่วมรายการ
  • รอลุ้นรางวัลมากมาย ทั้งมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 12 สร้อยคอทองคำ และรางวัลอื่นๆ ‘ทุกสัปดาห์’ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2564

โดยผู้ร่วมรายการต้องเก็บรหัส 10 หลักที่อยู่ใต้ฝาเป็นหลักฐานในการขอรับรางวัล และ 1 รหัสสามารถลงทะเบียนลุ้นรางวัลได้เพียง 1 ครั้งตลอดรายการ

อย่าลืมเก็บฝาดีซอยไว้ให้ดี เพราะยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและการประกาศผลผู้โชคดีได้ทาง Facebook : DNA DSOY

ดีน่าดีซอย :  https://www.facebook.com/dna.dsoy 

 เป็นอีกเเคมเปญที่ส่งต่อทั้งความอร่อย ‘อิ่มคุ้ม’ ดีต่อสุขภาพ พร้อมชิงโชคกระตุ้นตลาดอย่างเป็นอย่างดีทีเดียว

#ดีซอย #ดีซอยซอยดีมีรวย

#ดีซอยนมถั่วเหลือง #ดีน่าดีซอย

#อร่อยดีมีประโยชน์

 

]]>
1330017
จับตาอีกก้าวของ ‘More Meat’ ผู้บุกเบิกตลาด ‘Plant-based’ ไทย ที่ได้ ‘V Foods’ ลงทุน https://positioningmag.com/1311771 Wed, 23 Dec 2020 12:48:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311771 หากพูดถึงตลาด ‘Plant-based Food’ หรือ ‘โปรตีนทดแทนจากพืช’ หลายคนคงนึกไม่ค่อยออก หรืออาจจะคิดถึงพวก ‘โปรตีนเกษตร’ ที่จะเห็นกันเยอะช่วงเทศกาลกินเจ หรือนึกถึงแบรนด์ต่างชาติอย่าง ‘Beyond Meat’ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วตลาด Plant-based นั้นกว้างกว่าที่คิด แถมปัจจุบันมีมูลค่าถึง 28,000 ล้านบาทเลยทีเดียว และแน่นอนว่าด้วยเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงเพราะ COVID-19 ทำให้แบรนด์ที่อยู่ในตลาดอย่าง ‘More Meat’ สตาร์ทอัพฟู้ดเทคไทยยิ่งน่าจับตามอง

ทำความรู้จัก ‘More Meat’ สตาร์ทอัพ FoodTech ที่ขอบุกเบิกตลาด ‘Plant-Based’ ในไทย

รู้จักตลาด ‘Plant-based Food’

ตลาด ‘Plant-based Food’ แบ่งออกได้ 3 แบบ 1. Plant-based Milk อาทิ น้ำนมข้าวโพด, นมอัลมอนด์ 2. Plant-based Meat หรือ เนื้อสังเคราะห์ และ 3. Plant-based Meal อาหารพร้อมทานหรือพร้อมปรุงสังเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการ ‘นำเข้า’ เป็นหลัก แถมราคายัง ‘สูง’ นี่จึงเป็นช่องว่างสำคัญของ ‘More Meat’ ในการทำตลาดไทย รวมถึงการขยายตลาดอีกด้วย

“ตลาด Plant-based Meat ของไทยมีมูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 30-40% ต่อปี ดังนั้นปีหน้าคาดว่าจะมีมูลค่าแตะ 30-40% ล้านบาทได้ เพราะกระแสการดูแลสุขภาพกำลังมา” อภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

อภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด

More Meat เตรียมโกอินเตอร์ปีหน้า

‘More Meat’ สตาร์ทอัพฟู้ดเทคไทยที่ทำ Plant-based Meat หรือเนื้อสังเคราะห์จาก ‘เห็ดแคลง’ คาดว่าปีหน้าจะสามารถทำรายได้แตะ 20 ล้านบาทได้ และในสิ้นปีจะสามารถขยายตลาดไปในประเทศสิงคโปร์, มาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยใช้จุดแข็งที่สามารถ ‘ปรุงได้หลากหลายกว่า’ ไม่เหมือนกับผู้เล่นระดับโลกที่จะนำไปปรุงได้ยาก เพราะทำมาสำเร็จรูปกว่า นอกจากนี้ More Meat จะชูจุดเด่นด้าน ‘สุขภาพ’ ในการสื่อสารกับผู้บริโภค ในขณะที่แบรนด์อื่นจะชูเรื่องของการลดโลกร้อนเพราะไม่ทานเนื้อสัตว์

“อย่าง Plant-based Meat ของ Beyond Meat จะเป็นเนื้อเบอร์เกอร์ เวลาจะนำไปประกอบอาหารมันทำได้ยาก ทั้งต้องหั่น ต้องปรุงที่เข้าเนื้อยาก นอกจากนี้ยังคำนึงถึงโภชนาการเป็นหลักเพื่อให้ดีต่อสุขภาพ” วรกันต์ ธนโชติวรพงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่การตลาด More Meat กล่าว

วรกันต์ ธนโชติวรพงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่การตลาด More Meat

ได้ V Foods มาลงทุน

การจะเติบโตในมุม Startup นักลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดย More Meat ก็ได้ ‘V Foods’ ผู้ทำตลาด Plant-Based Food กลุ่ม Plant-based Milk ภายใต้สินค้าน้ำนมข้าวโพดเข้ามาร่วมลงทุน โดยล่าสุดได้ออกโปรดักต์ใหม่ในหมวด Plant-based Meal พร้อมทานก็คือ ‘ลาบทอด ผลิตจากพืช’

“เราเป็นสตาร์ทอัพ เราก็ยังต้องการเงินทุน เพราะเรื่องของการตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องใช้เงินมาก แต่ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ ซึ่งที่เราเลือก V Foods เพราะเขาก็ทำ Plant-based เหมือนกัน แล้วก็ให้อิสระเราในการทำงานเต็มที่”

COVID-19 โอกาสขยายตลาดแมส

ในช่วงแรกนั้น More Meat มีแต่แพ็กเกจสินค้า 1 กก. ทำให้ยังไม่สะดวกต่อการซื้อของผู้บริโภค และเน้นที่การทำตลาดแบบ B2B กับร้านอาหาร แต่พอมีช่วง COVID-19 ทำให้ร้านอาหารต้องปิดไป แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ปิด และผู้บริโภคก็เริ่มหาซื้อผ่านออนไลน์ More Meat จึงได้ปรับขนาดเป็น 200 ก. และขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ จนปัจจุบัน รายได้ 80% มาจากผู้บริโภคทั่วไป อีก 20% มาจากร้านอาหาร ดังนั้น หากการระบาดรอบ 2 มีความรุนแรงมากขึ้นก็ไม่กังวลว่าจะส่งผลกระทบ

ปัจจุบัน โรงงานผลิต Plant-based ของ More Meat อยู่ที่จังหวัดสงขลา โดยสามารถผลิตได้ 3-4 ตัน/เดือน ซึ่งยังสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้อีก 2 เท่า ซึ่งในปีหน้า More Meat มีแผนจะเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อการส่งออกไปต่างประเทศ

ภาพจาก Instagram More meat

Plant-based มันไม่ใช่เทรนด์ แต่เป็น Solution ที่ช่วยแก้ปัญหา เพราะทั้งภาวะโลกร้อน การระบาดของโรคใหม่ ๆ มันเกิดจากการพฤติกรรมเดิม ๆ บริโภคแบบเดิม ดังนั้น Plant-based จึงตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม และช่วยเรื่องลดการแพร่ระบาดของไวรัสที่มาจากสัตว์ ดังนั้น มันไม่ใช่เทรนด์”

]]>
1311771