เนต้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 25 Jun 2025 14:08:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หนี้ก้อนเล็กที่ล้มยักษ์! สรุปมหากาพย์ ‘NETA’ ตั้งแต่เริ่มจนถึงวัน ‘ล้มละลาย’ https://positioningmag.com/1527074 Wed, 25 Jun 2025 05:46:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1527074 อย่างที่หลายคนรู้ว่า ตลาดจีน ที่ถือเป็นตลาดรถอีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในโลกเช่นกัน โดยเฉพาะ สงครามราคา ซึ่งส่งผลให้แบรนด์เล็ก ๆ ที่สายป่านไม่ยาวต่างต้องล้มหายตายจากไป โดยรายล่าสุดก็คือ เนต้า (NETA) 

จุดเริ่มต้น NETA

NETA (เนต้า) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายใต้บริษัท Hozon New Energy Automobile Co., Ltd.  หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hozon Auto ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน โดยบริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2014  ในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน จากความร่วมมือระหว่าง Beijing Sinohytec (บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์) และสถาบัน Zhejiang Yangtze Delta Region มหาวิทยาลัย Tsinghua 

โดยวิสัยทัศน์หลักของบริษัทก็คือ “การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้” ซึ่ง จาง หย่ง (Zhang Yong) อดีตซีอีโอของ Hozon Auto เคยกล่าวไว้ว่า “NETA ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก แต่จะเน้นการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความทันสมัย ราคาที่เข้าถึงได้ และประสิทธิภาพสูง”

หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 3 ปี ในปี 2017 บริษัทก็ได้รับใบอนุญาตผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และเริ่มก่อสร้างโรงงานหลักที่มณฑลเจ้อเจียง พร้อมเผยคอนเซ็ปต์รถ SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก และในปี 2018 บริษัทก็ได้เปิดตัว NETA N01 รถยนต์รุ่นแรกอย่างเป็นทางการ และได้เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติใน Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา

ถัดมาในปี 2019 บริษัทเปิดตัวรถ Crossover รุ่นใหม่ NETA U ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นและออปชั่นที่ครบครัน รวมถึงได้ไปเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมในประเทศเยอรมนี รวมถึงศูนย์ออกแบบในเมือง Turin ประเทศอิตาลี จากนั้นในปี 2020 บริษัทก็ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่เข้ามาแทน NETA N01 ก็คือ NETA V ซึ่งได้รับการพัฒนาในหลายจุด  ให้ดีขึ้น จากนั้นในปี 2021 ก็เปิดตัว NETA U Pro ซึ่งเป็นการนำ NETA U มาปรับปรุงให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น และ NETA S ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย ซึ่งเคลมว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม

การขยายตัวและเข้าสู่ตลาดโลก

นอกจากเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทุกปีแล้ว บริษัทยังได้ขยายโรงงานผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่ม รวมแล้วมีทั้งหมด 3 แห่ง ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และหนานหนิงเขตกวางสี มีกำลังการผลิตสูงสุด 250,000 คันต่อปี โดยในปี 2021 บริษัทสามารถทำยอดขายได้กว่า 170,000 คัน เติบโตมากถึง +362% 

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในจีน ในช่วงปี 2022 บริษัทก็เริ่มบุกตลาดโลก โดยภูมิภาคแรกที่บริษัทเลือกไปก็คือ อาเซียน ทำให้ประเทศแรกที่ NETA เลือกไปก็คือ ไทย เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทำบริษัทได้เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมกับเปิดตัว NETA V เป็นรุ่นแรก ซึ่งสร้างความฮือฮาให้ตลาดด้วยราคาเปิดตัวที่ 549,000 บาท พร้อมกับจัดตั้งศูนย์บริการ 24 แห่ง    ทั่วประเทศในปีแรก

จากนั้นในปี 2023 NETA ได้เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านโรงงานของบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี (BGAC) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร โดยมีกำลังผลิต 20,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายในไทยและในตลาดอาเซียน โดยในปี 2024 NETA ได้เริ่มผลิต NETA V-II (รุ่นปรับปรุงของ Neta V) จากโรงงานในประเทศไทย และเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทย 

ในส่วนของยอดขายนั้น ถือว่าสามารถทำได้ไม่แย่ โดยเฉพาะในปี 2023 ที่มียอดขายได้ถึง 12,777 คัน ขึ้นแท่นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดเป็นอันดับสองในประเทศไทย รองจาก BYD แต่ในปี 2024 ที่เจอทั้งสงครามราคา และสถานการณ์หนี้เสียในไทย ทำให้ยอดขายของ NETA ลดลงเกือบครึ่ง เหลือ 7,969 คัน

สงครามราคาที่ไม่ปรานีรายเล็ก

การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน มีผู้ผลิตจำนวนมากไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและยอดขายได้ตามที่ต้องการ และ NETA ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทนพิษบาดแผลจากสงครามไม่ไหว ส่งผลให้ ยอดขายในประเทศลดลงอย่างฮวบฮาบ 

จากที่ปี 2022 เคยขายได้ 152,000 คัน ทำสถิติสูงสุด มาปี 2023 ยอดขายเริ่มลดลงเหลือ 127,500 คัน จนในปี 2024 เหลือ 60,000 คัน และในเดือนมกราคม 2025 ลดเหลือแค่ 110 คัน เท่านั้น

ขัดแย้งภายในองค์กร

จากยอดขายที่ค่อย ๆ ลดลงเพราะสงครามราคา ทำให้ในปี 2024 ซีอีโอ จางหย่ง ลาออกจากตำแหน่ง และมี ฟาง หยุนโจว (Fang Yunzhou) ผู้ก่อตั้งและประธานของ NETA Auto เข้ามารับตำแหน่งแทน เพื่อแก้สถานการณ์

แต่แทนที่บริษัทจะเดินไปข้างหน้า บริษัทกลับอยู่ในภาวะ อัมพาต เมื่อซีอีโอใหม่ต้องการจะ เดิมพันครั้งสุดท้าย กับการลุยตลาดต่างประเทศ แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมองตรงกันข้ามเพราะดูจะเสี่ยงเกินไป จึงต้องการให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างหนี้สินอย่างจริงจัง หยุดการเผาเงิน เมื่อเกิดความขัดแย้งในระดับนโยบาย องค์กรก็ไม่สามารถเดินหน้าได้

และเมื่อบริษัทขาดสภาพคล่อง พนักงานของ NETA ก็ ไม่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ปลายปี 2024 และมีการประท้วงเรียกร้องเงินเดือนค้างจ่าย นอกจากนี้ ยังมีการปลดพนักงานเกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมด

ฟาง หยุนโจว (Fang Yunzhou) ผู้ก่อตั้งและประธานของ NETA Auto

หนี้ก้อนเล็กที่ล้มยักษ์

จนมาปี 2025 มีรายงานว่าบริษัทโฆษณา Shanghai Yuxing Advertising Co. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเนื่องจาก Hozon Auto ค้างชำระค่าบริการโฆษณาและการพิมพ์งานแสดงสินค้าเป็นเงินมูลค่า 5 ล้านหยวน (ราว 27 ล้านบาท) ซึ่งการที่บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าระดับพันล้านถูกฟ้องร้องเรื่องเงินเพียงเท่านี้ ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักของสภาพคล่องบริษัท

แค่การฟ้องรองของบริษัทโฆษณาก็เป็นเพียงยอดเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งจริง ๆ เพราะจริง ๆ แล้วบริษัท Hozon Auto มีหนี้สินสะสมเกือบ 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.56 หมื่นล้านบาท) ทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดทุนอย่างหนัก

จนในเดือนมีนาคม 2025 บริษัทพยายามเจรจากับซัพพลายเออร์หลัก 134 รายเพื่อเปลี่ยนหนี้เป็นทุนรวมกว่า 2 พันล้านหยวน (ราว 9.1 พันล้านบาท) แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาสภาพคล่องทั้งหมด และแม้บริษัทพยายามระดมทุนใน Series E แต่ก็ล้มเหลว

ดีลเลอร์ไทยแห่เทขาย

หลังจากข่าวการล้มละลายของบริษัทแม่แพร่สะพัด แต่ NETA Auto (Thailand) ได้ออกมายืนยันว่าการดำเนินงานในประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ และจะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยมีการโชว์จัดตั้งศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่เพื่อรองรับการบริการหลังการขาย และมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างน้อยปีละ 1 รุ่น รวมถึงขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานให้ครอบคลุม

แต่คำยืนยันดังกล่าวก็ดูเหมือนจะยิ่งเลื่อนลอย เมื่อ น.ส.สรินยา ศรีไทย พนักงานตำแหน่ง Sale Operation Specialist ของบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เข้าแจ้งความโดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้มีข้อตกลงให้ตนเองเป็น กรรมการของบริษัท เนต้า ออโต้ โดยอ้างว่าทางบริษัทต้องมีกรรมการบริษัทฯ จำนวน 2 คน แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีตนเป็นกรรมการบริษัท เพียงคนเดียว

นอกจากนี้ เมื่อดูรายงานงบการเงินล่าสุด ณ สิ้นปี 2566 ของ NETA ได้แสดงถึงขาดทุนสะสม 1,882 ล้านบาท โดยมีหนี้ค้างจ่ายรวมราว 600 ล้านบาท ครอบคลุมดีลเลอร์, ซัพพลายเออร์, บริษัทโลจิสติกส์ และ BGAC ผู้ผลิต ในไทย

จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่า ดีลเลอร์ ในไทยจะรวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับกรรมสรรพสามิต เนื่องจาก NETA ไม่ยอมจ่ายเงินสนับสนุนและค่าการตลาดที่ตกลงกันไว้ เป็นค่าเสียหายกว่า 200 ล้านบาท จนปัจจุบันจำนวนดีลเลอร์ในไทยเหลือเพียง 40 ราย จากเดิมมี 60 ราย

โดย 20 รายที่ถอนตัวได้เทขายรถค้างสต๊อกในราคาเพียง 299,000-339,000 บาท ด้านโรงงานผลิตในไทย    ที่บางชัน ก็ต้องหยุดสายงานการผลิต เพราะไม่มีชิ้นส่วนจากจีนส่งมาไทย เนื่องจากบริษัทแม่ไม่มีเงินจ่ายค่าชิ้นส่วน

กระทบหนักสุดคือลูกค้ากว่า 2 หมื่นราย

ที่กระทบหนักสุดคงเป็นเจ้าของรถ NETA กว่า 22,000 คัน เพราะ การรับประกัน ที่ควรได้รับกลายเป็นเพียงลมปาก เพราะไม่มีทั้งศูนย์บริการและอะไหล่ ทำให้ต้องพึ่งอู่ซ่อมทั่วไปหรืออะไหล่เทียบจากแหล่งอื่นแทน

จากนี้คงต้องจับตาดูอนาคตของ NETA ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ แม้ว่าบริษัทกำลังอยู่ในการปรับโครงสร้างบริษัท และหาผู้ลงทุนรายใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า NETA ได้ สูญเสียความเชื่อมั่น จากทั้งฝั่งผู้บริโภค และพาร์ทเนอร์ไปเรียบร้อยแล้ว

]]>
1527074
รู้จัก ‘NETA’ รถอีวีจีนรายล่าสุดที่ขอใช้ ‘ไทย’ เป็นฐานลุยตลาดอาเซียน https://positioningmag.com/1397477 Wed, 24 Aug 2022 14:12:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397477 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเริ่มเห็น ‘รถอีวี’ มาบุกตลาดไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับ ‘ค่ายจีน’ ที่เฉพาะปีนี้ก็ปาไปแล้ว 3 รายเห็นจะได้ ตั้งแต่ค่ายใหญ่ไปจนถึงค่ายเล็ก ๆ ราคาแค่ 3 แสนต้น ๆ และล่าสุด NETA ค่ายรถอีวี 100% ที่เพิ่งเผยโฉม NETA V รถรุ่นแรกที่จะมาจำหน่ายในไทยไปเมื่อช่วงต้นปี ล่าสุดก็ได้เคาะราคาเป็นที่เรียบร้อย ว่าแต่ค่ายนี้น่าสนใจขนาดไหน ไปดูกัน

สำหรับค่าย NETA AUTO หรือ บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด ถือว่าเป็นสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ไฟฟ้า 100% อีกรายของจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ซึ่งชื่อของบริษัท NETA มีที่มาจาก นาจา (Nezha) หนึ่งในเทพเจ้าจีนโบราณที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

NETA AUTO ได้ระดุมทุนจากบริษัทชั้นนำหลากหลาย อาทิ Qihoo 360 (ฉีหู่) บริษัทไซเบอร์ซิเคียวริตี้เบอร์ 1 ของจีนได้ลงทุนถึง 453 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ่นใหญ่อันดับ 2 ที่ 17% ซึ่งทาง Qihoo นอกจากลงทุนแล้วยังเข้ามาช่วยในเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ก็มีพันธมิตรอย่าง หัวเว่ย (Huawei) บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จีนที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ในการพัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะและระบบประมวลผลในรถยนต์

แม้ว่าบริษัทจะเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2014 แต่รถอีวีรุ่นแรกที่ทางค่ายปล่อยออกมานั้นเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2018 ภายใต้ชื่อรุ่น NETA No1 (เนต้า นับเบอร์ 1) รถอีวีครอสโอเวอร์ 100% จากนั้นในปี 2020 ก็ได้เปิดตัว NETA U รถ SUV ไฟฟ้า และ NETA V รถซิตี้คาร์ หรือ อีโคคาร์ และในปี 2022 นี้ ทางค่ายก็เปิดตัวรถอีวีรุ่นล่าสุด NETA S รถซีดาน

ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์รวม 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่นอกประเทศจีน ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และ สหรัฐอเมริกา มีโรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และหนานหนิงเขตกวางสี ที่มีกำลังการผลิตรวม 250,000 คันต่อปี โดยโรงงานที่เมืองหนานหนิงจะเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกมายังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี 

ภายในระยะเวลา 4 ปี NETA AUTO มียอดจำหน่ายรถยนต์รวมกว่า 170,000 คัน โดยในปี 2021 นั้นมีเติบโตสูงกว่า 362% จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม NETA AUTO ถึงเป็นที่น่าจับตามอง และจากการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทเริ่มที่จะขยับไปสู่ตลาดโลก

เนื่องจากภูมิภาคแรกที่บริษัทต้องการทำตลาดคือ อาเซียน ทำให้ประเทศแรกที่ NETA เลือกไปก็คือ ไทย เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค อีกทั้งยังสามารถส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคได้ฟรีโดยไม่เสียภาษี นอกจากนี้ ไทยเองก็มีความพร้อมในการผลิต อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐอีกด้วย

โดย NETA ได้จัดตั้ง บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด (Neta Auto (Thailand) Co., Ltd.) โดยมี อเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย (Alex Bao Zhungfei) เป็นผู้บริหารเพื่อทำธุรกิจในไทย พร้อมกับจับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ให้เป็น ผู้ผลิตรถยนต์ในไทย โดยทาง NETA จะเป็นผู้ลงทุนเทคโนโลยีและชิ้นส่วนในการผลิต เบื้องต้นเซ็นสัญญากัน 2 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 2024

ในปีแรกหลังจากเข้าทำตลาด NETA ได้ชิมลางด้วยการเปิดตัว NETA V เพื่อมาจับตลาด ซิตี้คาร์ หรือ อีโคคาร์ เนื่องจากคู่แข่งที่เป็นรถอีวียังมีน้อย โดยราคาหลังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐจะเริ่มต้นอยู่ที่ 5.49 แสนบาท จากตอนแรกอยู่ที่ 7.6 แสนบาท

อเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด

ปัจจุบัน NETA มีดีลเลอร์ในไทย 24 แห่ง และภายในสิ้นปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30 แห่ง มียอดจอง NETA V ทั้งสิ้น 3,000 คัน และภายในปีนี้ คาดว่าจะมียอดจองรวม 7,000 คัน โดย อเล็กซ์ คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้เร็วที่สุดในช่วงเดือนกันยายน และคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้เดือนละ 1,000 คัน สำหรับเป้าหมายในปี 2023 อเล็กซ์หวังว่าจะเพิ่มยอดขายเป็น 10,000 คันต่อปี และจะได้เห็นรถอีวีรุ่นใหม่ ๆ ภายในปี 2024

สำหรับตัวถัง NETA V มีต้นแบบจากปลาโลมา สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 110 – 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous พละกำลัง 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถวิ่งได้ระยะไกลสุด 384 กม. ต่อการชาร์จ โดยหากชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ส่วนชาร์จแบบกระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 45 kW จาก 30-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ห้องโดยสารรองรับได้ 5 ที่นั่ง น้ำหนักสูงสุดได้ถึง 1151 Kg มีจอควบคุมขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ระบบสัมผัส มีสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ฟ้า Cyan, เทา Midnight Gray, ขาว White Storm, น้ำเงิน Sky Blue และ ชมพู Sakura Pink รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. รับประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่เมื่อเช็กระยะ 1 ปี หรือ 10,000 กม.

]]>
1397477