Chad Bown และ Yilin Wang นักวิเคราะห์จาก PIIE กล่าวว่า สงครามของรัสเซียในยูเครนส่งผลกระทบอย่างน่าตกใจ เนื่องจากรัสเซียกำลังปิดกั้นการส่งออกปุ๋ย จึงถือเป็นส่วนทำให้เกิดวิกฤตอาหารทั่วโลก ขณะที่บทบาทของยูเครนในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับแอฟริกาและตะวันออกกลางได้ถูกทำลายลง
แต่ยังมีความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก ซึ่งนั่นก็คือ การตั้งกำแพงภาษีการนำเข้าสำหรับปุ๋ยและเนื้อหมู นอกจากนี้ จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ได้มีการลดกำลังการผลิตลงอีกด้วย ซึ่งนโยบายเหล่านี้ของจีน นำไปสู่ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นในทั่วโลก
“ปัญหาคือ จีนทำตัวเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ออกมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนจีนก่อน เช่น ลดต้นทุนการผลิตให้กับอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรชาวจีน แต่ผลักภาระต้นทุนให้กับคนทั้งโลก”
ราคาปุ๋ยในจีนและทั่วโลกเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่และราคาพลังงานที่สูงขึ้น และราคาก็ยิ่งสูงขึ้นอีก หลังจากที่เกิดภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ระงับการส่งออก เพื่อให้แน่ใจว่ามีเกษตรกรจีนจะมีปุ๋ยใช้เพียงพอ และในเดือนตุลาคมทางการก็ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกปุ๋ย ในขณะที่ราคายังคงสูงขึ้น โดยคาดว่ามาตรการควบคุมต่าง ๆ ที่ออกมาจะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
“มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจีนออกมาทำให้การส่งออกปุ๋ยของจีนลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาปุ๋ยของจีนก็ทรงตัวและตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มต่ำลง สวนทางกับสถานการณ์ทั่วโลกที่ราคาปุ๋ยยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”
ราคาเหล็กในจีนและทั่วโลกพุ่งขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากจีนประกาศว่าจะลดการผลิตเหล็กในประเทศลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขณะที่ปีที่แล้วทางการได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเศษเหล็ก อีกทั้งยังจำกัดการส่งออก 2-3 รอบ และเพิ่มภาษีส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก 5 รายการ ส่งผลให้ช่วงในเดือนมีนาคมปีนี้ ราคาเหล็กของจีนลดลง 5%
ส่วนราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้นทั่วโลกเริ่มต้นขึ้นในปี 2018 เมื่อจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเนื้อหมูถึงครึ่งหนึ่งของโลก ได้เจอผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู ส่งผลให้จีนต้องกำจัดหมูไปประมาณ 40% ทำให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงปลายปี 2019 ส่วนราคาเนื้อหมูทั่วโลกได้พุ่งขึ้น 25% เนื่องจากจีนนำเข้าเนื้อหมูมากขึ้น ทำให้ดึงปริมาณเนื้อหมูออกจากตลาดโลก
“จีนเลือกที่จะนำเข้าเนื้อหมูจำนวนมาก เพื่อลดแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศตั้งแต่ปี 2019 นโยบายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ของโลก”
นอกจากนี้ ปักกิ่งยังปรับลดภาษีนำเข้าเนื้อหมูในปี 2020 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่ทั่วโลกต้องเจอปัญหาราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น ทนเนื่องจากอุปทานที่ลดลง ซึ่งทางการจีนก็ได้ขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากปัญหาโรคอหิวาต์ในหมูเริ่มคลี่คลายลง
]]>‘Tyson Foods’ บริษัทแปรรูปเนื้อสัตว์รายใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าเนื้อสัตว์หลายล้านปอนด์จะหายไป เหตุเพราะการปิดโรงงานเนื้อวัว, เนื้อหมูและไก่ชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศอเมริกา
โดยบริษัทผู้แปรรูปเนื้อสัตว์หลายรายทั้ง Tyson, Smithfield และ JBS กำลังปิดโรงงาน หลังจากมีคนงานที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 เนื่องจาก คนงานบรรจุเนื้อสัตว์ต้องทำงานใกล้ชิดกันหลายชั่วโมงในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสกับไวรัส
“ซับพลายเชนของอาหารในสหรัฐฯ กำลังถูกทำลาย” นายจอห์น ไทสัน ประธาน บริษัท ไทสัน ฟู๊ดส์ กล่าว
ไทสัน กล่าวว่า ในร้านขายของชำ จะมีสินค้าวางขายในปริมาณที่จำกัดจนกว่าจะสามารถเปิดโรงงานได้อีกครั้ง การปิดกิจการชั่วคราวเหล่านี้ ขณะที่จะมีสัตว์จำนวนมากที่ถูกฆ่า เพราะเกษตรกรจะไม่สามารถขายหมูวัวและไก่ให้กับผู้ซื้อที่สามารถแปรรูปเนื้อสัตว์ได้
ด้านกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา กำลังซื้อพืชผล นมและเนื้อสัตว์มูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกและอาหาร หน่วยงานคาดการณ์ว่าราคาเนื้อในปี 2020 จะเพิ่มสูงขึ้น 1% – 2% สัตว์ปีกเพิ่ม 1.5% และเนื้อหมูประมาณ 2% – 3%
สหพันธ์อาหารและการค้าระหว่างประเทศสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นตัวแทนของคนงานผลิตเนื้อวัวและเนื้อหมูประมาณ 80% ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีพนักงานบรรจุหีบห่อและแปรรูปอาหารอย่างน้อย 13 คนเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัส COVID-19
ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ได้ออกแนวทางปฏิบัติและข้อเสนอแนะสำหรับผู้แปรรูปเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกและนายจ้าง ทั้งการเพิ่มสถานีสำหรับตรวจคนงาน รวมถึงแจกหน้ากากผ้าสำหรับพนักงานทุกคน จำกัดการเดินรถและตรวจสอบอุณหภูมิก่อนที่คนงานจะเข้าไปในโรงงาน
“โดยรวมแล้ว เราคาดว่าการหยุดชะงักของการผลิตจะส่งผลให้ปริมาณเนื้อหมูลดลงประมาณ 60% เนื้อไก่ลดลง 20% เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เนื่องจากผลกระทบของการปิดโรงงานและลดระดับการผลิตเนื่องจากการขาด” Alexia Howard นักวิเคราะห์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนเนื้อสัตว์ได้เพิ่มขึ้นในไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นของ ‘Beyond Meat’ บริษัทที่ทำ Plant-based Meat หรือเนื้อไร้เนื้อ เติบโตขึ้น 41% ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือก ได้ประกาศข้อตกลงเพื่อขายสินค้าในสตาร์บัคส์และเคเอฟซีที่ประเทศจีน
]]>