เมต้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 28 Oct 2024 09:41:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Meta จับมือ Reuters ในการใช้เนื้อหาข่าว ตอบแชทบอท AI ของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ https://positioningmag.com/1495828 Mon, 28 Oct 2024 07:15:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1495828 โฆษกของ Reuters (รอยเตอร์) กล่าวในแถลงการณ์ว่า Reuters ได้ร่วมมือและอนุญาตให้ Meta (เมตา) นำเนื้อหาข่าวไปใช้ในตอบคําถามของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านแชทบอท AI อย่าง Meta AI (เมตา เอไอ) โดยการลิงก์ไปยังเนื้อหาของรอยเตอร์บนเว็บไซต์

โดย Meta AI เป็นระบบที่ช่วยรวบรวมข้อมูลเชิงซ้อนจำนวนมาก เพื่อมอบข้อมูลเชิงลึกและคำแนะให้แก่ผู้ใช้บริการโดยเฉพาะใน Facebook, Whatsapp และ Instagram 

ซึ่งในระยะหลายปีให้หลังบริษัทโซเชียลมีเดียต่างก็พบเจอกับปัญหาในการใช้งาน โดยเฉพาะกับ Facebook ที่ Meta กำลังปรับลดเนื้อหาข่าวในบริการของตนลง หลังได้รับคำวิจารณ์จากหน่วยงานกำกับดูแลและผู้จัดพิมพ์ เกี่ยวกับข้อมูลที่ผิดพลาดและความขัดแย้งเกี่ยวกับการแบ่งรายได้

การจับมือของทั้ง Meta และ Reuters ถือเป็นการร่วมมือทางธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทสื่อในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ Reuters ได้ร่วมมือตรวจสอบข้อเท็จจริงของเนื้อหาที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียกับ Meta ในปี 2020

สำนักข่าว Reuters จะได้รับค่าตอบแทนสำหรับการเข้าถึงข่าวสารภายใต้ข้อตกลงที่มีระยะเวลานานหลายปี ขณะที่โฆษกของ Meta กล่าวในแถลงการณ์ว่า ความร่วมมือกับสำนักข่าว Reuters จะช่วยให้ Meta AI สามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับข่าวสารด้วยบทสรุปและลิงก์ไปยังเนื้อหาของสำนักข่าว Reuters ได้

นอกจากนั้นยังมีบริษัทอื่นๆ รวมถึง OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT และ Perplexity สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Jeff Bezos ก็ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีในการร่วมมือที่คล้ายกันกับองค์กรข่าวเช่นกัน

ทั้งนี้ ข้อกําหนดของข้อตกลงรวมถึงรายละเอียดทางการเงินในข้อตกลงความร่วมมือนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด

ที่มา : Reuters 

]]>
1495828
Meta ฆ่าไม่ตาย! ฟันรายได้ Q2 ทะลุ 3 หมื่นล้านโต 11% ผู้ใช้รวมกันกว่า 3.88 พันล้าน/เดือน https://positioningmag.com/1439201 Thu, 27 Jul 2023 04:43:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439201 ดูเหมือนขาลงของ Meta จะหมดไปแล้ว เพราะล่าสุด หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 7% ในการซื้อขายระยะยาวในวันพุธหลังจากผลประกอบการดีกว่าที่คาดไว้ โดยกลับมาเติบโตได้ 2 หลัก ขณะที่จำนวนผู้ใช้งาน Facebook ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับรายได้ของ Meta ใน Q2/2023 อยู่ที่ 31,999 ล้านดอลลาร์ เติบโต 11% มีกำไรสุทธิ 7,788 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายได้ในส่วนของ Reality Labs ซึ่งเป็นส่วนของการพัฒนา Metaverse อยู่ที่ 276 ล้านดอลลาร์ ลดลง 39% ซึ่งอาจไม่น่าแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาส่วนในการพัฒนาด้าน Metaverse นั้นขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ด้านจำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของตระกูล Meta ทั้งหมด ได้แก่ Facebook, WhatsApp, Instagram, Messenger และ Threads มีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 3.88 พันล้านคนต่อเดือน หรือ เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม Facebook ที่ดูจะเสื่อมความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้ก็ยังห่างไกลจากความตาย จากที่จำนวนผู้ใช้รายวันลดลงทุกไตรมาสนับตั้งแต่ Q4/2021 แต่ใน Q2/2023 จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันก็เติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 2.037 พันล้านคนต่อวัน เป็น 2.064 พันล้านคนต่อวัน

ที่น่าสนใจคือ การเติบโตดังกล่าวอาจถูกขับเคลื่อนโดย Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอสั้นเหมือนกับของ TikTok ที่ Meta พยายามผลักดันอย่างหนักทั่วทั้งในแพลตฟอร์ม Instagram และ Facebook โดย Mark Zuckerberg CEO ของ Meta เปิดเผยว่า Reels มีการใช้ถึง 2 แสนล้านครั้งต่อวัน

ด้านแพลตฟอร์มใหม่ถอดด้ามอย่าง Threads ก็มีผู้ใช้ถึง 100 ล้านคนภายใน 5 วัน และ ผู้ใช้ราว 10 ล้านคนเข้ามาใช้งานทุกวัน ซึ่ง Mark Zuckerberg มองว่าตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างน่าประทับใจ

ในส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ Meta ใน Q2/2023 ทั้งหมดอยู่ที่ 2.221 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนพนักงานในปัจจุบันอยู่ที่ 71,469 คน ลดลง 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นของ Meta เติบโตขึ้นกว่า 160%

TechCrunch/CNBC

]]>
1439201
ผู้เชี่ยวชาญ ‘VR’ ลาออกจาก ‘Meta’ เพราะ ‘เบื่อ’ ที่บริษัทเอาแต่เผาเงิน! https://positioningmag.com/1412880 Sat, 17 Dec 2022 16:05:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1412880 John Carmack ถือเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี VR และผู้ร่วมก่อตั้ง id Software ผู้พัฒนาวิดีโอเกมดังอย่าง Doom ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีหรือ CTO ของ Meta ได้ประกาศ ลาออก เพราะเบื่อที่บริษัทเอาแต่เผาเงินและเดินผิดทาง

John Carmack เป็นที่รู้จักจากการพัฒนาวิดีโอเกมมากมาย รวมถึง Doom, Quake, Wolfenstein 3D และ Commander Keen โดยจุดเริ่มต้นที่เขาได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ Meta นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2013 โดยตอนนั้น John อยู่กับบริษัท Oculus ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ VR ก่อนที่ Meta หรือ Facebook ในตอนนั้นเข้าซื้อกิจการในปี 2014 ทำให้เข้ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ Meta และในปี 2019 เขาก็มารับตำแหน่ง CTO เพื่อจะได้มีเวลาดูแลบริษัท Keen Technologies บริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์

โดย John Carmack ออกมาเปิดเผยว่า Meta มีคนและทรัพยากรจำนวนมหาศาล แต่กลับไปผิดทาง แถมยังเผาเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายอยู่ตลอดเวลากับแผนก Reality Labs เพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ เช่น ชุดหูฟัง VR และซอฟต์แวร์ สำหรับการไปสู่ Metaverse

“ผมเบื่อที่ต้องต่อสู้ มีหลายอย่างที่ผมไม่พอใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา Metaverse และผมต้องการจะทุ่มเทให้กับบริษัทสตาร์ทอัพของผม”

ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ได้ออกมาปฏิเสธว่าเขานั้นทุ่มงบให้กับ Metaverse หรือ Reality Labs มากเกินไป โดยเขาชี้แจงว่า งบลงทุน 80% ยังใช้กับ family of apps หรือ Facebook, Instagram และ Whatsapp อีก 20% ใช้กับแผนก Reality Labs โดยบอกว่า 40% ของทุนนำไปลงกับเรื่องแว่น VR และ 50% ลงทุนกับโครงการที่จะเป็นเรื่องระยะยาว

Source

]]>
1412880
‘Horizon Worlds’ เมตาเวิร์สของ ‘Meta’ ส่อแววไปไม่ถึงฝัน หลังมีผู้ใช้ 2 แสนราย จากเป้า 5 แสนราย https://positioningmag.com/1404366 Sun, 16 Oct 2022 09:09:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404366 เชื่อว่าหลายคนน่าจะไม่รู้จัก หรืออาจจะแค่เคยได้เห็นชื่อ Horizon Worlds แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สของ Meta บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram แต่ไม่ต้องแปลกใจ เพราะแม้แต่ทีมงานก็ยังไม่ค่อยใช้งานแพลตฟอร์มนี้ ขนาดทีมงานยังไม่ใช้ แล้วผู้ใช้ทั่วไปจะเหลืออะไร ดังนั้น จำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มเลยห่างไกลจากเป้าไปเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

จากเอกสารภายในของ Meta ระบุว่า จำนวนผู้ใช้งาน Horizon Worlds แพลตฟอร์มโลกเมตาเวิร์สไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท เพราะมีผู้ใช้งานเพียง 200,000 ราย/เดือน จากเป้าหมายขั้นต่ำที่ 500,000 ราย/เดือน ภายในสิ้นปีนี้

ไม่ใช่แค่จำนวนที่ยังได้ไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่เอกสารดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้กลับมายัง Horizon หลังจากที่ทดลองเล่นไป 1 เดือน และจำนวนผู้ใช้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 และมีครีเอเตอร์เพียง 9% ของโลกเท่านั้นที่มีผู้เข้าชมอย่างน้อย 50 คน

หลังจากที่ Facebook รีแบรนด์เป็น Meta เมื่อปีที่แล้ว เพื่อสะท้อนความสนใจและความทะเยอทะยานของ Mark Zuckerberg ในการพัฒนา Metaverse นอกเหนือจากการทำแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ด้วยเหตุนี้ Meta จึงสร้าง Horizon Worlds ซึ่งเป็นเครือข่ายของพื้นที่เสมือนที่ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมกับคนอื่นในรูปแบบอวาตาร์ได้ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึง Horizon ผ่านชุดหูฟังเสมือนจริงที่ชื่อ Quest ของ Meta

และเพื่อจะสร้างความตื่นเต้นให้กับ Metaverse บริษัทได้เปิดตัวชุดหูฟังเสมือนจริงใหม่ล่าสุดของบริษัทของเขา ซึ่งมีชื่อว่า Meta Quest Pro โดยสนราคาที่ 1,500 ดอลลาร์ (ราว 57,000 บาท) ในขณะที่ตัวแพลตฟอร์ม Horizon Worlds เองนั้นกำลังประสบปัญหาด้านคุณภาพ แม้แต่ทีมงานก็ยังไม่ค่อยใช้งานแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของ Meta บอกกับ The Wall Street Journal ว่าบริษัทยังคงทำการปรับปรุง Metaverse ต่อไป พร้อมกับเปิดเผยว่าจะเปิดตัว Horizon เวอร์ชันเว็บสำหรับอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ในปีนี้

]]>
1404366
นักวิชาการฮาร์วาร์ดชี้ ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ กำลังพา ‘Meta’ ดิ่งเหวเพราะเป็น ‘ผู้นำ’ ยอดแย่! https://positioningmag.com/1400256 Wed, 14 Sep 2022 14:14:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400256 Bill George ศาสตราจารย์ผู้อาวุโสที่ Harvard Business School (HBS) และเป็นอดีตซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ Medtronic ที่ใช้เวลากว่า 20 ปีเพื่อศึกษาถึง ความล้มเหลวในการเป็นผู้นำในการทำงาน พร้อมกับออกหนังสือใหม่ชื่อ “True North: Leading Authentically in Today’s Workplace, Emerging Leader Edition” โดย George ได้ออกความเห็นถึงสถานการณ์ของ Facebook ว่าจะ ตกขบวน หากยังมี มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นซีอีโอ

Bill George ให้ความเห็นว่า จากการที่เขาค้นคว้าข้อมูลการล่มสลายของบริษัทที่มีชื่อเสียงมาหลายทศวรรษ เขาเห็นความคล้ายคลึงในหลายด้านที่แสดงให้เห็นว่า ทักษะความเป็นผู้นำที่ย่ำแย่ ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) กำลังดึง Meta ไปสู่ความล้มเหลวอย่างช้า ๆ โดย George ให้ 3 เหตุผล ว่าทำไม Meta จะต้องล้มเหลว ตราบใดที่ Zuckerberg ยังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางบริษัท

โทษแต่คนอื่นไม่โทษตัวเอง

George กล่าวว่า Zuckerberg เป็นคนหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง เป็นประเภทของ เจ้านายที่ไม่เต็มใจที่จะรับรู้หรือเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง โดยพวกเขามักหาเหตุผลเข้าข้างตนเองในความผิดพลาด พร้อมกับโยนความผิดนั้นให้ผู้อื่น

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ Meta สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 2.3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดของหุ้นสหรัฐฯ ในหนึ่งวัน โดยทาง Zuckerberg และผู้บริหารของเขาแทนที่จะโทษตัวเอง กลับโทษถึงปัญหาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ Apple เปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัว ทำให้กำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ยากขึ้น รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งอย่าง TikTok

แน่นอนปัจจัยเหล่านั้นอาจมีส่วน แต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกิดจากวิสัยทัศน์ที่จะไปสู่ Metaverse โดยลงทุนวิจัยและพัฒนาในเรื่องดังกล่าวอย่างมหาศาล ซึ่งแผนกดังกล่าวของ Meta ขาดทุนแล้วกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2021 เพียงปีเดียว และขาดทุนอีก 2.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2022 นอกจากนี้ เขายังคาดว่าบริษัทของเขาจะสูญเสียเงินในอีก 3-5 ปีข้างหน้ากับการลงทุนใน Metaverse

“ตราบใดที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยังอยู่เป็นซีอีโอ ผมไม่คิดว่า Meta จะกลับมาดีขึ้น เขาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากหันหลังให้กับบริษัท เขาหลงทางจริง ๆ”

Metaverse
Photo : Shutterstock

ไม่รับฟังใคร

Zuckerberg เป็นเจ้านายที่มักไม่ยอมรับความช่วยเหลือ คำแนะนำ หรือคำติชม ซึ่งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะผิดพลาด ในช่วงแรก ๆ ที่เขาสร้าง Facebook ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์นั้น เขาได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ เช่น

Roger McNamee ผู้ร่วมก่อตั้ง Elevation Partners บริษัทไพรเวทอิควิตี้ และนักลงทุนรายแรกใน Facebook ในปี 2006 โดย McNamee แนะนำให้ Zuckerberg ปฏิเสธข้อเสนอของ Yahoo ในการซื้อ Facebook ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาต่อมา McNamee สนับสนุนให้ Zuckerberg จ้างอดีต COO Sheryl Sandberg ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างธุรกิจโฆษณาและการดำเนินงานภายในของบริษัท

จะเห็นว่าหาก Zuckerberg เชื่อการตัดสินใจของตัวเองโดยไม่ฟัง McNamee แพลตฟอร์ม Facebook อาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ และการตัดสินใจของ McNamee ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เมื่อ Meta เติบโตขึ้น ในที่สุด Zuckerberg ก็หยุดฟัง McNamee

โดยในปี 2016 McNamee พยายามเตือน Zuckerberg เกี่ยวกับผลกระทบของการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์มของ Facebook แต่ Zuckerberg ปฏิเสธคำเตือนโดยไม่สนใจ McNamee เป็นเวลาหลายเดือน จนหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปตั้งแต่นั้นมาว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มหลักในความพยายามแทรกแซงของรัสเซีย ซึ่งอาจมีส่วนทำให้ได้ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี

ให้ความสำคัญกับผลกำไร

ข้อสุดท้าย George ระบุว่า เป็นเพราะ Zuckerberg แสวงหาแต่ความรุ่งโรจน์เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีอยู่จริง ๆ และอยากจะไปสู่จุดสูงสุดเพื่อรับมากขึ้น โดย Zuckerberg ให้ความสำคัญกับผลกำไรและการเติบโตของ Meta แม้จะ เสียผู้ใช้หลายพันล้านคน ก็ตาม

โดยแพลตฟอร์มของ Meta มีข่าวเกี่ยวกับผลกระทบในเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขภาพของผู้ใช้มาเป็นเวลานาน อย่างในกรณีที่เกิดจากการสืบสวนของ Wall Street Journal เมื่อปีที่แล้วที่พบว่าแพลตฟอร์ม Instagram ที่ Meta เป็นเจ้าของนั้นมีส่วนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้หญิงวัยรุ่น การตรวจสอบพบว่าผู้นำ Meta เลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาเพื่อให้แพลตฟอร์มยังเติบโต การตัดสินใจชี้ให้เห็นว่า Zuckerberg ให้ความสำคัญกับรายได้เหนือสิ่งอื่นใด

สุดท้าย George แนะนำ Zuckerberg ว่า หากอยากการกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องควร ใช้เวลาว่างจากงานและตั้งสมองใหม่ โดยต้องถอยออกมาใช้เวลาช่วงวันหยุดเพื่อให้ตัวเอง กลับมาคิดถึงแบรนด์ Purpose และ Values จากนั้นนำทีมและคณะกรรมการของคุณเข้ามาร่วมกันเพื่อสร้าง Facebook ขึ้นใหม่

Source

]]>
1400256
‘Facebook’ เบรก ‘จ้างงาน’ เพื่อลดรายจ่าย หลังรายได้หดเพราะสงคราม https://positioningmag.com/1384042 Thu, 05 May 2022 07:47:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384042 Meta บริษัทแม่ของ Facebook กำลังชะลอการจ้างงาน เพื่อลดรายจ่ายของบริษัท เนื่องจากรายได้ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แม้จะยังเติบโตได้ แต่กลับเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุด และคาดว่าไตรมาส 2 อาจไม่เติบโตเลย

การดิ้นรนของ Facebook เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากผู้ใช้เริ่มลดลงเป็นครั้งแรก แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะกลับมาเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่สวนทางกับรายได้ โดยในรายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Meta คาดการณ์ว่ารายได้อาจลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี

CFO David Wehner ได้เน้นถึงปัญหาหลายประการที่บริษัทต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นจากการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวใน iOS ของ Apple รวมถึงกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้แพลตฟอร์มถูกบล็อกในรัสเซีย อีกทั้งบริษัทได้ตัดสินใจที่จะหยุดรับโฆษณาจากผู้ประกอบการชาวรัสเซียจากทั่วโลก

“เราประสบกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงอีกหลังจากสงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากการสูญเสียรายได้ในรัสเซีย รวมถึงความต้องการโฆษณาที่ลดลงทั้งภายในยุโรปและนอกภูมิภาค เราเชื่อว่าสงครามทำให้เกิดความผันผวนเพิ่มเติมในภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอนอยู่แล้วสำหรับผู้โฆษณา”

‘Facebook’ คาดรายได้ Q2 อาจ ‘ไม่เติบโต’ หลัง Q1 โตแค่ 7% น้อยสุดเป็นประวัติการณ์

Meta มีค่าใช้จ่ายในแต่ละปีจะอยู่ระหว่าง 8.7 – 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยปรับลดลงจากการ 9 – 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากคำแนะนำด้านรายจ่ายที่ต้องประคองให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง ทำให้บริษัทชะลอที่จะจ้างงานพนักงานใหม่ในช่วงนี้ แต่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระยะยาว

ทั้งนี้ Meta ตั้งใจที่จะหยุดหรือชะลอการจ้างในตำแหน่งระดับกลางและระดับสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้จ้างวิศวกรระดับเริ่มต้นเพิ่มเลยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า นักพัฒนาด้านการพัฒนาเอไอระดับ Top อย่างน้อย 4 คนของ Meta ได้ลาออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

Source

]]>
1384042
วิเคราะห์สาเหตุหุ้น ‘Facebook’ ร่วงกว่า 20% ที่มากกว่าแค่ ‘ผู้ใช้ลดลง’ ในรอบ 17 ปี https://positioningmag.com/1372853 Fri, 04 Feb 2022 05:37:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372853 ช่วงนี้เหล่า Big Tech ออกมารายงานผลประกอบการรัว ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีทิศทางที่สดใส แต่ไม่ใช่กับ Meta หรือ Facebook ที่แม้ผลประกอบการจะยังเติบโต แต่จำนวนผู้ใช้กลับไม่โตตามที่หวัง ทำหุ้นร่วงกว่า 20% มูลค่าบริษัทหายถึง 2 แสนล้านเหรียญหรือราว 6 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว และภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทร่วงแล้ว 4% แต่ไม่ใช่แค่เพราะจำนวนผู้ใช้ที่ลดลงจนทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น แต่ยังมีเหตุผลอะไรอีกบ้างไปดูกัน

สัญญาณผู้ใช้อิ่มตัว

แม้ในไตรมาส 3 จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Users) จะเพิ่มขึ้น 22 ล้านบัญชี ส่วนยอดผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active Users) เพิ่มขึ้น 15 ล้านบัญชี แต่ในไตรมาส 4 จำนวนผู้ใช้กลับไม่เติบโตขึ้นเลย โดยผู้ใช้รายวันลดลงจาก 1.93 พันล้านบัญชี ลดลงเหลือ 1.929 พันล้านบัญชี ส่วนผู้ใช้งานรายเดือนทรงตัวอยู่ที่ 2.91 พันล้านบัญชี

จำนวนผู้ใช้ที่ลดลงนั้นมาจาก ตลาดอเมริกาเหนือ จากที่เคยมี 196 ล้านบัญชี เหลือ 195 ล้านบัญชี แม้จะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบจำนวนผู้ใช้ระดับพันล้าน แต่ตลาดดังกล่าวถือว่าเป็นตลาดที่ทำเงินได้สูงสุดของ Facebook ซึ่งจำนวนผู้ใช้ที่ลดลงก็แสดงให้เห็นถึง ‘จุดอิ่มตัว’ ของแพลตฟอร์ม

โจทย์ใหญ่ของ Facebook ตอนนี้หากจะเพิ่มการใช้งานของผู้ใช้ ทางออกเดียวก็คือการมัดใจ ‘วัยรุ่น’ เพราะหากจะขยายตลาดก็ไม่มีที่แล้ว (เหลือแค่จีน) ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดช่วงเดือนตุลาคม 2021 ที่เผยแพร่โดย Piper Sandler พบว่า กลุ่มวัยรุ่นใช้ Facebook น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียอื่น ๆ โดยจากการสำรวจพบว่าวัยรุ่นเพียง 27% ใช้ Facebook ขณะที่ผู้ใช้กว่า 71% เป็นกลุ่ม Baby Boomers ซึ่งมีอายุมากกว่า 54 ปี

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า เทรนด์ของโลกกำลังสวนทางจากจุดแข็งของแพลตฟอร์มที่เน้นพื้นที่สาธารณะและการแสดงเนื้อหาในวงกว้าง เนื่องจากการบริโภคเนื้อหาเปลี่ยนเน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เริ่มแชร์สิ่งต่าง ๆ สู่สาธารณะน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลระยะยาวในอนาคต

Reels ไม่ทำรายได้ iOS ทำพิษ

ในส่วนของผลประกอบการ Facebook สามารถทำรายได้ถึง 33,670 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 33,400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 10,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) อยู่ที่ 11.57 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 11.38 เหรียญสหรัฐ

แม้ผลประกอบการจะดูสดใส แต่บริษัทกลับออกมาคาดว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปี 2022 ว่าจะมีการเติบโตเหลือเพียง 3-11% เพราะจำนวนผู้ใช้ที่ทรงตัวส่งผลกระทบต่อยอดว่าที่น่าจะไม่เติบโตแล้ว นโยบายความเป็นส่วนตัวของ iOS 15 หรือฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดการติดตามของแอปต่าง ๆ ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของแพลตฟอร์มเช่นกันเพราะแปลว่าจะ ลดประสิทธิภาพการเข้าถึงของโฆษณา

ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน iOS 15 ที่ครอบคลุมถึง 72% ของผู้ใช้ iPhone ทำให้ Dave Wehner CFO ของ Meta ออกมายอมรับว่า ผลกระทบของ iOS โดยรวมเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจในปี 2022 และอาจทำให้สูญเสียรายได้ทั้งปีถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท เลยทีเดียว

นอกจากปัญหาของ iOS แล้ว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Reels ที่จะเอามาชนกับ TikTok ก็ยังไม่ทำเงินอย่างที่คาด โดยรายได้หลักยังมาจากฟีเจอร์ ฟีดข่าว และ Story ซึ่งกลายเป็นว่าฟีเจอร์ที่ไม่ทำเงินยังมาแย่งเวลาของฟีเจอร์ที่ทำเงินอีก ซึ่งยังไม่รวมการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มาแย่งเวลาไปอีก และนอกจากนี้ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจทั้งเงินเฟ้อ และซัพพลายเชน ก็ยังส่งผลต่อการใช้งบโฆษณาของแบรนด์อีกด้วย

Metaverse ลงทุนมหาศาล

เมื่อธุรกิจโฆษณาคิดเป็น 99.5% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทซึ่งกำลังเจอปัญหาถาโถม ในส่วนธุรกิจของ Reality Labs ที่ผลิตแว่น VR, AR รวมไปถึงการพัฒนา Metaverse ซึ่งบริษัทได้วางไว้ว่า โลกเสมือนจะกลายอนาคตของธุรกิจ ในไตรมาสสี่ก็ยัง ทำรายได้น้อยกว่าเงินลงทุน ที่มหาศาลมาก

โดยไตรมาส 4 ที่ผ่านมากลุ่ม Reality Labs สามารถทำรายได้ 877 ล้านดอลลาร์ แต่ ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์ และหากย้อนดูรายได้จากส่วนนี้ แม้จะเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขาดทุนหนักเช่นกัน

  • ปี 2019 มีรายได้ 501 ล้านดอลลาร์ ขาดทุน 5 พันล้านดอลลาร์
  • ปี 2020 มีรายได้ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุน 6.62 พันล้านดอลลาร์
  • ปี 2021 มีรายได้ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองว่าไม่ใช่แค่การลงทุนที่สูงแพงในการปั้น Metaverse แต่อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ผล และไม่รู้ว่ามันจะ ‘เวิร์ก’ จริงไหม ซึ่งตรงกันข้ามกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple, Amazon และ Google ที่มีรายได้มหาศาลจากธุรกิจใหม่ ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

และหากเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแล้ว Facebook ถือว่าทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยหุ้นของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็สามารถเติบโตได้ 8% เนื่องจากผลประกอบการเติบโต 33% ส่วน Apple และ Microsoft ก็ยังได้เพิ่มประมาณการกำไรและรายได้ โดยสรุปภาพทั้งปีหุ้นของ Facebook ลดลงประมาณ 4%

ก็รอดูว่า Facebook จะมีอะไรใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาผู้ใช้ที่ตกต่ำ รวมถึงสร้าง Metaverse ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้เร็วแค่ไหน

CNBC / CNBC / CNN / theverge

]]>
1372853