เยอรมัน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 15 Jul 2024 10:55:15 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถึงคิว ‘เยอรมนี’ ประกาศแบน ‘Huawei-ZTE’ จากเครือข่าย 5G ด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ https://positioningmag.com/1482592 Mon, 15 Jul 2024 04:17:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482592 หลังจากที่ประเทศกลุ่มพันธมิตรด้านข่าวกรองของ Five Eyes ได้แก่ สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และนิวซีแลนด์ ที่ห้ามหรือจำกัดการใช้อุปกรณ์จากบริษัท หัวเว่ย (Huawei) และ แซดทีอี (ZTE) ในเครือข่าย 5G ล่าสุด เยอรมนี ก็ออกมาแบนทั้ง 2 บริษัทด้วยเช่นกัน

เยอรมนี จะเลิกใช้ส่วนประกอบที่ผลิตโดย Huawei และ ZTE ของจีนจากเครือข่ายไร้สาย 5G ในอีก 5 ปีข้างหน้าโดยผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรวมถึง Vodafone, Deutsche Telekom และ Telefonica ได้ตกลงที่จะ ถอดส่วนประกอบออกจากเครือข่าย 5G โดยภายในสิ้นปี 2029 ส่วนประกอบเหล่านี้จะต้องถูกกําจัดออกจากเครือข่ายการเข้าถึงและการขนส่ง

“ด้วยวิธีนี้ เรากําลังปกป้องระบบประสาทส่วนกลางของเยอรมนีในฐานะที่ตั้งธุรกิจ และเรากําลังปกป้องการสื่อสารของพลเมือง บริษัท และรัฐ เราต้องลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาด้านเดียวซึ่งแตกต่างจากในอดีต” แนนซี่ เฟเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี กล่าว

ในแถลงการณ์เดียวกัน รัฐบาลเยอรมันเน้นย้ำถึงความสําคัญของ โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น เนื่องจาก อันตรายของการก่อวินาศกรรมและการจารกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงช่องโหว่ดังกล่าว จึงต้องพึ่งพา ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม Huawei ออกแถลงการณ์ว่า ไม่มีหลักฐานหรือสถานการณ์เฉพาะ ที่ยืนยันว่าเทคโนโลยีของตนมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และบริษัทร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงและความก้าวหน้าของความปลอดภัยทางไซเบอร์ และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายมือถือและการทําให้เป็นดิจิทัลในเยอรมนี

ขณะที่ สถานทูตจีนในเยอรมนี ให้คํามั่นว่า จะใช้มาตรการที่จําเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทจีน และเตือนว่า การเคลื่อนไหวของเยอรมนีกำลัง ทําลายความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองฝ่าย และจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือในอนาคตระหว่างจีนและยุโรปในสาขาที่เกี่ยวข้องด้วย

ปัจจุบันจีนถือเป็น คู่ค้ารายใหญ่ที่สุด แต่ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเริ่มตึงเครียดยิ่งขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลเยอรมนีได้ปิดกั้นการขายบริษัทในเครือโฟล์คสวาเกนให้กับบริษัทรัฐของจีนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ซึ่งทําให้เกิดการตําหนิจากปักกิ่ง ขณะที่ตอนนี้จีนยังอยู่ในช่วงพิพาททางการค้ากับสหภาพยุโรป ซึ่งขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

ก่อนหน้าที่เยอรมนีลจะแบน Huawei ในเครือข่าย 5G ก็มีสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นสั่งห้ามบริษัทสร้างเครือข่าย 5G ของตน เนื่องจาก ความกลัวว่ารัฐบาลจีนอาจใช้ Huawei เพื่อสอดแนมพลเมืองของตน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังวาง Huawei ไว้ในรายการจํากัดการค้าในปี 2019 ซึ่งทําให้บริษัทได้รับชิปเซมิคอนดัก เตอร์จากซัพพลายเออร์ชาวอเมริกันได้ยากขึ้น ข้อจํากัดเหล่านั้นถูกเข้มงวดขึ้นอีกเมื่อต้นปีนี้

ตามรายงานประจําปีของ Huawei ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาคิดเป็น 21% ของรายได้ในปีที่แล้ว

Source

]]>
1482592
อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในเยอรมนีอาการน่าเป็นห่วง ยอดขายลด ต้นทุนเพิ่ม แถมสู้คู่แข่งจากจีนไม่ได้ https://positioningmag.com/1440051 Mon, 07 Aug 2023 05:43:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440051 อุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับเยอรมนีอย่างการผลิตรถยนต์ ล่าสุดทุกอย่างอาจไม่แน่นอนแล้ว เมื่อยอดขายรถยนต์ลดลง ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่กำลังบุกตลาดโลกตอนนี้

DW สื่อในประเทศเยอรมนี ได้ออกรายงานถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นอาการน่าเป็นห่วงไม่น้อย เนื่องจากยอดขายรถยนต์นั้นลดลง ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเท่าเดิม

โดยรายงานดังกล่าวได้ชี้ถึงยอดขายรถยนต์ประเภทสันดาปที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากความไม่แน่นอนต่างๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงกระแสรักษ์โลกจากปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเยอรมนีเองก็ประสบปัญหาเนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในรถยนต์เหล่านี้ได้สร้างต้นทุนเพิ่มให้กับผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศกลับมียอดขายไม่เติบโตมากนัก

Hildegard Müller ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนีได้กล่าวว่า ยอดสั่งซื้อรถยนต์ในประเทศลดลง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้านั้นความต้องการลดลงเหลือเพียงประมาณ 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกันรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปกลับมียอดขายต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ถึง 20%

ปัญหาต่อมาของผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีคือเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหา Supply Chain หยุดชะงัก ปัญหาด้านพลังงานจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ปัญหาการขาดแคลนชิป นอกจากนี้ต้นทุนการเงินจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูง ได้สร้างปัญหาใหม่ทำให้บริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายลง

นอกจากนี้ผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีเองก็ต้องรับมือกับคู่แข่งรายสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งกำลังตีตลาดทั่วโลก ทั้งในเอเชีย หรือแม้แต่ทวีปยุโรปเอง

ซึ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนถือว่ามีการแข่งขันที่สูงแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมในตัวรถยนต์ของผู้ผลิตแต่ละราย ผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีที่บุกตลาดจีนอย่าง Volkswagen มียอดขายสู้แบรนด์จีนอย่าง BYD ไม่ได้ด้วยซ้ำ

BYD ถือเป็นแบรนด์ใหญ่จากจีนอีกรายที่กำลังตีตลาดยุโรป – ภาพจาก Shutterstock

จากเดิมที่รถยนต์ยุโรปแสดงให้เห็นถึงความหรูหราของชาวจีนที่ซื้อรถยนต์ขับ แต่เรื่องดังกล่าวนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตแล้ว

Berylls บริษัทที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้กล่าวในรายงานล่าสุดของบริษัทว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนกำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เมื่อลูกค้าเลือกรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่หรูหรากว่าแบรนด์ของยุโรปที่ครองตลาดมาเป็นเวลายาวนาน เนื่องจากทนไม่ได้กับเทคโนโลยีของผู้ผลิตจากทวีปยุโรป

ปัจจัยดังกล่าวนี้ยังส่งผลกลับไปยังที่เยอรมนีเองด้วย เมื่อผู้ผลิตรถยนต์จากจีนกำลังจะกลับไปตีตลาดยุโรปแทน

ในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายแห่งได้นำรถเข้าตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์กับหน่วยงานประเมิน European New Car Assessment Programme (Euro NCAP) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลายแบรนด์นั้นได้การประเมินถึง 5 ดาว

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายรายนั้นได้โฟกัสตลาดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของ Great Wall Motors ที่ส่งรุ่น ORA Funky Cat ที่มีราคาถูกกว่าผู้ผลิตในเยอรมนีอย่าง Volkswagen ID.3 ในราคาหลายพันยูโรด้วยซ้ำ

ปัจจัยดังกล่าวเมื่อนำมารวมกันแล้วจะเห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีนั้นอาการน่าเป็นห่วงไม่น้อย โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 10 แบรนด์ที่ขายดีในประเทศจีนนั้นไม่มีผู้ผลิตจากแดนอินทรีเหล็กอีกต่อไป

ไม่เพียงเท่านี้ ความพยายามที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ายังประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้ทันคู่แข่ง หรือแม้แต่เรื่องของ Supply Chain ที่แม้ว่าสถานการณ์จะดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้หลายบริษัทต้องประสบปัญหาการผลิตชะงักงัน ส่งผลกระทบกับแบรนด์ของชาวเยอรมันไม่น้อย

]]>
1440051
‘อินเดีย’ จ่อแซง ‘ญี่ปุ่น-เยอรมัน’ ขึ้นแท่นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก https://positioningmag.com/1410951 Fri, 02 Dec 2022 07:15:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410951 ตามข้อมูลของ S&P Global คาดการณ์ว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของอินเดียจะเฉลี่ยอยู่ที่ 6.3% จนถึงปี 2030 ขณะเดียวกัน Morgan Stanley ก็ได้คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากระดับปัจจุบันภายในปี 2031 ดังนั้น อินเดียกำลังจะแซง ญี่ปุ่น และ เยอรมัน ขึ้นแท่นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

Ridham Desai และ Girish Acchipalia 2 นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ได้ระบุไว้ในรายงานว่า การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียนั้นขับเคลื่อนโดยต่างประเทศในการลงทุนด้านการผลิต นอกจากนี้ยังมาจากการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลขั้นสูงของประเทศ

“แรงผลักดันเหล่านี้จะทำให้อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจและตลาดหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2030”

ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา GDP ของอินเดียเติบโต 6.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.2% และก่อนหน้านี้ GDP อินเดียมีการขยายตัว 13.5% ในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภาคการบริการที่แข็งแรงภายในประเทศ ทั้งนี้ GDP อินเดียเคยมีการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.1% ไตรมาส 2 ของปี 2021 ตามข้อมูลของ Refinitiv

ด้านการคาดการณ์ของ S&P มองว่า การเติบโตของ GDP อินเดียนั้นขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องของการเปิดเสรีทางการค้าและการเงินของอินเดีย รวมถึงการปฏิรูปตลาดแรงงาน ตลอดจนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์ของอินเดีย

“นี่เป็นความคาดหวังที่สมเหตุสมผลจากอินเดีย ซึ่งมีหลายสิ่งที่ต้องตามให้ทัน ทั้งในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัว” Dhiraj Nim นักเศรษฐศาสตร์จากฝ่ายวิจัยกลุ่มธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ กล่าว

ปัจจุบัน รัฐบาลอินเดียมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ผ่านโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต (Production Linked Incentive Schemes ; PLIS) มูลค่ากว่า 1.39 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการผลิตและการส่งออก หรือที่เรียกว่า PLIS ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 เพื่อจูงใจแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในรูปแบบของส่วนลดภาษีและใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น การจัดสรรที่ดินสำหรับกิจการเฉพาะทาง ฯลฯ

“เป็นไปได้มากว่ารัฐบาลจะใช้ PLIS เป็นเครื่องมือในการทำให้เศรษฐกิจอินเดียขับเคลื่อนด้วยการส่งออกมากขึ้นและเชื่อมโยงกันมากขึ้นในซัพพลายเช่นทั่วโลก”

ทางด้าน Morgan Stanley ประมาณการว่าสัดส่วนการผลิตของอินเดียใน GDP จะเพิ่มขึ้นจาก 15.6% เป็น 21% ภายในปี 2031 ซึ่งหมายความว่ารายได้จากการผลิตอาจเพิ่มขึ้น 3 เท่าจาก 4.47 แสนล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเป็นประมาณ 1.49 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้อินเดียเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการตั้งศูนย์กลางการผลิตจนถึงปี 2030

“บริษัทข้ามชาติมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการลงทุนในอินเดียและรัฐบาลก็ส่งเสริมการลงทุนทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการจัดหาที่ดินสำหรับโรงงาน นอกจากนี้ อินเดียยังมีข้อได้เปรียบที่แรงงานต้นทุนต่ำจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตต่ำ การเปิดกว้างต่อการลงทุน นโยบายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ และกลุ่มประชากรอายุน้อยที่มีใจรักการบริโภคสูง” สุเมธา ดาสคุปต์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Economist Intelligence Unit กล่าว

อย่างไรก็ตาม อินเดียก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ อาทิ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยืดเยื้อทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่ออินเดีย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาการค้าสูงโดยคิดเป็นเกือบ 20% ของผลผลิตที่ส่งออก ดังนั้น การชะลอตัวทั่วโลกอาจบั่นทอนแนวโน้มธุรกิจส่งออกของอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องจำนวนของแรงงานฝีมือ ข้อผิดพลาดด้านนโยบายที่อาจเกิดขึ้นจากการลงคะแนนเสียงในรัฐบาลที่อ่อนแอกว่า

Source

]]>
1410951
เก๋ ๆ ร้านกาแฟในเยอรมนี แจก ‘หมวกวัดระยะ’ เพื่อรักษามาตรการ social distancing https://positioningmag.com/1278987 Sun, 17 May 2020 09:57:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278987 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเจ้าของร้าน Cafe Rothe ในเมือง Schwerin ของประเทศเยอรมันได้เปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากที่ Angela Merkel ประธานาธิบดีได้ผ่อนปรณมาตรการล็อกดาวน์ภายในประเทศลง

ภาพร้าน Cafe-Rothe ก่อนจะเกิดวิกฤติ COVID-19

ในขณะที่ผู้คนเพลิดเพลินกับกาแฟ, วิวจากนอกที่พัก และการได้สูดอากาศภายนอก แต่ร้าน Cafe Rothe ยังต้อง “รักษาระยะห่างทางสังคม” แต่แทนที่จะใช้เครื่องหมายแสดงจุดระยะห่าง หรือกั้นกระจกใสในแต่ละโต๊ะเพื่อให้นั่งแยกกัน แต่ Jaqueline Rothe ผู้เป็นเจ้าของร้าน Cafe Rothe กลับแจก ‘หมวกฟางพร้อมแท่งโฟมสีสันสดใส’ ติดไว้บนหมวกเพื่อแสดงระยะที่สามารถใกล้กันได้

“ลูกค้าหลายคนแห่กันไปที่คาเฟ่เพื่อเพลิดเพลินกับกาแฟเค้กหรือเบียร์ท่ามกลางแสงแดด และนี่เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการแยกลูกค้า เพื่อมันทำให้เป็นเรื่องสนุก และทำให้สามารถรักษาระยะห่าง 1.5 เมตร (4.9 ฟุต) ได้จริง”

ที่ผ่านมา ร้านมีโต๊ะจำนวน 36 โต๊ะด้านใน และอีก 20 โต๊ะอยู่นอกร้าน แต่ด้วยมาตรการด้านสุขอนามัยและการรักษาระยะห่างทางสังคม เราจึงปรับเหลือเพียง 12 โต๊ะภายในร้าน และอีก 8 โต๊ะบริเวณนอกร้าน

“เราเชื่อว่าหลังจากที่ปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์ลง เราจะได้เห็นผู้คนจำนวนมากเดินทางและเรามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

ทั้งนี้ เยอรมนีมีผู้ป่วยจากไวรัส COVID-19 มากกว่า 174,400 รายและมีผู้เสียชีวิตประมาณ 7,884 ราย

Source

]]>
1278987
เยอรมนี ผลักดัน Work from Home เป็นสิทธิแรงงานตามกฎหมาย แม้จะผ่านช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1275785 Tue, 28 Apr 2020 08:48:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275785 เยอรมนี เตรียมผลักดันกฎหมายให้ “Work from Home” หรือการทำงานที่บ้าน เป็นสิทธิเเรงงานที่ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกกฎหมาย เเม้ว่าจะเป็นช่วงหลังผ่านพ้นการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ไปเเล้วก็ตาม

Hubertus Heil รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag ว่าเขาเริ่มจะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้เเรงงานที่ได้รับการอนุมัติจากผู้จ้างงานสามารถทำงานที่บ้านได้ทั้งแบบบางวันหรือทุกวัน

โดยจะช่วยให้พนักงานชาวเยอรมัน เลือกได้ว่าพวกเขาต้องการทำงานจากที่บ้าน 1-2 วันต่อสัปดาห์หรือทั้งสัปดาห์ก็ได้ หากบริษัทของพวกเขาอนุญาตให้ทำเช่นนั้น

“กฎหมายนี้จะมีการป้องกันไม่ให้การทำงานที่บ้าน ไปลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเเละโฮมออฟฟิศจะต้องมีเวลาเลิกงาน เเละต้องไม่ใช่เวลา 22.00 น. อย่างเเน่นอน”

ทั้งนี้ ในช่วงการควบคุมการเเพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โรงเรียนเเละสถานศึกษาถูกสั่งปิด ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่สนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ทำให้ตอนนี้ชาวเยอรมันทำงานเเบบ Work from Home เพิ่มขึ้นเป็น 25% จากก่อนหน้านี้ที่มีอยู่ราว 12% โดยล่าสุดเยอรมนีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้วเกือบ 6,000 ราย และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 157,000 ราย

ด้าน Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี ก็ได้สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน “หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากเพียงใดที่เราจะทำงานที่บ้าน นี่คือความสำเร็จที่เราไม่ควรละทิ้ง”

อย่างไรก็ตาม เเนวคิดนี้ไม่ค่อยถูกใจนายจ้างมากนัก โดยสมาคมนายจ้างเยอรมัน ออกมาเเสดงความเห็นว่า “ไม่เห็นด้วย” เพราะกฎระเบียบใหม่คือสิ่งสุดท้ายที่เศรษฐกิจยามย่ำเเย่ต้องการ

ขณะที่ Katrin Goering-Eckardt ผู้นำรัฐสภาฝ่ายค้านจากพรรค Greens สนับสนุนการให้สิทธิทำงานที่บ้าน เเต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่ารัฐบาลต้องรับประกันว่าจะมี “อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” ให้ทุกคนด้วย

“การทำงานที่บ้านหรือทำงานผ่านทางโทรศัพท์ จะต้องเป็นความสมัครใจและต้องมีกฎชัดเจน ต้องไม่มีใครถูกบังคับให้ทำ และการทำงานที่บ้านไม่ควรนำไปสู่การทำงานเเบบไร้ข้อจำกัด”

 

ที่มา : Reuters , thelocal

]]>
1275785
มีความหวัง ‘เยอรมัน’ อนุมัติการทดลองวัคซีน COVID-19 กับมนุษย์ครั้งแรก https://positioningmag.com/1275044 Thu, 23 Apr 2020 09:55:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275044 เยอรมนีถือเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถรับมือกับ COVID-19 ได้ดีอันดับต้น ๆ ของโลก แม้จะมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1 แสนราย แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 1,584 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 1.58% เท่านั้น ล่าสุด ทางเยอรมนีได้อนุมัติการทดลองทางวัคซีน COVID-19 กับมนุษย์ครั้งแรก

บรรยากาศในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี วันที่ 5 เม.ย. 63 ยังไม่มีการล็อกดาวน์ในประเทศ แต่รัฐบาลได้สั่งปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย และหลายธุรกิจร้านค้า เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตในที่สาธารณะน้อยลง (Photo by Maja Hitij/Getty Images)

Paul-Ehrlich-Institut หน่วยงานกำกับดูแลของเยอรมัน กล่าวว่า โครงการวัคซีนของบริษัท BioNTech ได้รับอนุญาตให้ทำการทดลองกับมนุษย์ หลังจากประเมินความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง

“นี่คือการทดลองกับมนุษย์ครั้งที่ 4 ของโลกที่ได้รับอนุญาต โดยมีการทดสอบวัคซีน COVID-19 ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อการป้องกันในมนุษย์ หากพิจารณาถึงผลกระทบร้ายแรงของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 นี่เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่มีอยู่ในเยอรมนีและวางจำหน่ายทั่วโลกโดยเร็วที่สุด”

บริษัท BioNTech ของศาสตราจารย์ Ugur Sahin และ Pfizer ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมกำลังร่วมกันหาผู้สมัครรับวัคซีนซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระดับโลก โดยมองหาผู้ที่มีสุขภาพดีจำนวน 200 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 55 ปี

ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทั่วโลกพยายามเพื่อหาวัคซีนสำหรับ COVID-19 ที่ปัจจุบันมีติดเชื้อมากกว่า 2.58 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 178,000 คน ขณะที่มีผู้ที่หายจากโรคกว่า 693,000 คน

Source

]]>
1275044