เลือกตั้งสหรัฐ 2020 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 25 Nov 2020 08:05:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ค้าปลีกวันหยุดท้ายปีสหรัฐฯ ยังสดใส คาดอาจเติบโต 5.2% เหตุ ‘วัคซีน’ สร้างความหวัง https://positioningmag.com/1307512 Wed, 25 Nov 2020 01:06:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307512 แม้ผลการศึกษาของ Deloitte เกี่ยวกับการจับจ่ายซื้อของในร้านค้าช่วงวันหยุดพบว่า ผู้บริโภค 57% ระบุว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับการซื้อของในร้านค้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ผู้บริโภคจำนวน 61% วางแผนที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ในวัน Black Friday มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้น ‘สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ’ (National Retail Federation: NRF) คาดว่ายอดขายช่วงวันหยุดอเมริกาจะยังเติบโต

สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ คาดว่า ยอดขายช่วงวันหยุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 3.6% – 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งมีมูลค่าระหว่าง 755,300 ล้านดอลลาร์ – 766,700 ล้านดอลลาร์ ส่วนปีที่แล้วยอดขายในช่วงวันหยุดเพิ่มขึ้น 4% เป็น 729,100 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงวันหยุดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

(Photo by Epics/Getty Images)

อย่างไรก็ตาม NRF ระบุว่า ยอดขายออนไลน์และอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ร้านค้าคาดว่าจะเติบโตขึ้น 20% เป็น 30% ซึ่งมีมูลค่าระหว่าง 202,500 ล้านดอลลาร์ – 218,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 168,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2562

“แนวโน้มสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดนั้นสดใสมาก เราได้เห็นผู้บริโภคมีส่วนร่วมอย่างมากและมองหาโอกาสในการเฉลิมฉลอง” Matt Shay ประธานและซีอีโอของ NRF กล่าว

แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้สร้างความว้าวุ่นใจให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงที่ยังคงมีการนับคะแนน ส่งผลให้ยอดค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคมเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการติดเชื้อ COVID-19 และการเสียชีวิตนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง นอกจากนี้ การว่างงานยังคงเพิ่มสูงขึ้น และบางรัฐได้เริ่มระงับการรับประทานอาหารในร้านอีกครั้ง และเปิดข้อจำกัดอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้มีการเลิกจ้างหรือปลดพนักงานเพิ่มเติม

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม แม้จะเห็นปัจจัยลบมากมาย เเต่ความหวังเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพได้จุดประกายให้เกิดการมองโลกในแง่ดีขึ้น ทำให้ก่อนการคาดการณ์ของ NRF ในวันจันทร์ หุ้นของ Gap, Express, Nordstrom, Macy’s, Kohl’s และ Simon Property Group ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าก็พุ่งสูงขึ้น

การคาดการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการเติบโตขึ้นอีก เช่น หุ้นของ Macy เพิ่มขึ้น 15% ในขณะที่หุ้นของ Kohl และ Abercrombie & Fitch เพิ่มขึ้น 7% เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าผู้บริโภคจะสะดวกสบายมากขึ้นในการกลับไปที่ห้างสรรพสินค้า และใช้เงินกับเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับมากขึ้น

Jeff Gennette ซีอีโอของ Macy กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เครือห้างสรรพสินค้ากำลังวางแผนที่จะปรับปรุงธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดย “ขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนว่ามีศักยภาพแค่ไหน”

Source

]]>
1307512
คำสัญญาเเละนโยบายของ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ทิศทางใหม่อเมริกา https://positioningmag.com/1305031 Sun, 08 Nov 2020 05:28:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305031 โจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 หลังเฉือนเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดของสหรัฐฯ คือ 78 ปี

โดยชัยชนะของไบเดน ส่งผลให้คามาลา แฮร์ริส’ (Kamala Harris) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ วัย 56 ปีจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้เป็น Running Mate ของไบเดน จะได้เป็นผู้หญิงคนแรก คนผิวสีคนแรก และคนเชื้อสายเอเชียคนแรก (แม่ของเธอเป็นชาวอินเดีย พ่อเป็นคนจาเมกา) ที่ได้นั่งเก้าอี้ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

หลังจากที่ทราบผลชนะการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่เป็นรัฐสวิงเตทสำคัญ ทำให้เขามีคะเเนนคณะผู้เลือกตั้งเกินครึ่งที่ 270 ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ทวิตข้อความว่า

งานต่างๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้า อาจเป็นงานที่ยาก แต่ผมให้คำมั่นกับคุณตรงนี้ว่าผมจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน ไม่ว่าคุณจะโหวตให้ผมหรือไม่ก็ตาม…ผมจะเก็บรักษาศรัทธาที่คุณมีให้กับผม

Photo : twitter @JoeBiden

จากนั้นไบเดนเเละเเฮร์ริส ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ระบุว่า นี่คือเวลาแห่งการสมานแผล การเลือกตั้งจบลงแล้ว งานของเราคือการเดินหน้าด้วยการทำดีต่อกัน ด้วยความยุติธรรม และยึดถือหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยพลังแห่งความหวัง”

คามาลา แฮร์ริส ได้กล่าวยกย่องผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติและสีผิวในอเมริกา ที่ช่วยต่อสู้ให้ผู้หญิงผิวสีในอเมริกาได้มีวันนี้ ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ และสิทธิที่จะได้แสดงความคิดเห็นหรือร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยเธอบอกว่า เด็กผู้หญิงทุกคนที่กำลังดูอยู่ จะเห็นว่านี่คือประเทศแห่งความเป็นไปได้

แม้ว่าฉันจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ทำงานนี้ แต่ฉันจะต้องไม่ใช่คนสุดท้าย

โศกนาฏกรรมชีวิตของ “ไบเดน” ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ด้วย โดยเขาสูญเสียภรรยาคนแรกและลูกสาวคนเล็กจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อปี 1972 ส่วนลูกชาย 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างนั้นทำให้เขาต้องนั่งรถไฟหลายชั่วโมงต่อวัน จากโรงพยาบาลในรัฐเดลาแวร์ เพื่อเข้าไปที่ทำงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อนจะพบรักใหม่ในปี 1977 กับ “จิลล์ ไบเดน” ผู้ที่จะมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ คนต่อไป

ไบเดน เป็นผู้มีประสบการณ์ในเกมการเมืองมาหลายทศวรรษ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาถึง 7 ครั้ง และลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาหลายครั้ง ได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดีครั้งเเรกในสมัยของ “บารัก โอบามา” ที่ดำรงตำเเหน่ง 2 สมัย

อย่างไรก็ตาม ไบเดน มีข้อครหาเรื่องชอบสัมผัสร่างกายเกินควร เเละถูกกล่าวหาว่าชอบ “ดมผมผู้หญิง” ซึ่งมีคลิปวิดีโอส่อไปในพฤติกรรมดังกล่าวทั้งกับผู้หญิงและเด็ก โดยมีผู้หญิงอย่างน้อย 8 คน ออกมากล่าวหาว่าถูกไบเดนลวนลาม

ตอนที่ไบเดน ประกาศลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ เขายืนหยัดต่อสู้เพื่อสองสิ่ง คือผู้คนที่สร้างประเทศนี้ และค่านิยมที่จะประสานรอยร้าวจากการแบ่งแยกในสังคม

รัฐบาลชุดใหม่ ต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่าง ทั้งวิกฤตโรคระบาด COVID-19 ที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ปัญหาความไม่ยุติธรรมทางเชื้อชาติ อัตราการว่างงานที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ การฟื้นฟูเเละปกป้องสิ่งแวดล้อม สิทธิการรักษาพยาบาล และความสัมพันธ์กับนานาชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับจีน ที่หลายฝ่ายกำลังจับตา

มาดูนโยบายหลักๆ ของ “โจ ไบเดน” ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนเเละจะผลักดันได้จริงหรือไม่

เศรษฐกิจ

ไบเดนจะเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ “คนทำงาน” โดยสนับสนุนให้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 465 บาท) ต่อชั่วโมง จากอัตราปัจจุบันที่ 7.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 225 บาท) ต่อชั่วโมง ซึ่งมาตรการนี้ ถือว่าทำให้เขาได้คะเเนนเสียงจากคนหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

พร้อมมุ่งเพิ่ม “เก็บภาษีผู้มีรายได้สูง” เพื่อนำมาสร้างงานให้กับชนชั้นกลางและล่าง ผ่านการลงทุนด้านบริการสาธารณะ ทั้งอุตสาหกรรม ไอที พลังงานสะอาด โดยการจะขึ้นภาษีจะกระทบกลุ่มประชากรที่มีรายได้เกิน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

อีกทั้งจะคิดภาษีมรดกเเบบใหม่ ที่จะคิดภาษีจากมรดกทั้งก้อน ต่างจากปัจจุบันที่ผู้ได้รับมรดกจะไม่ต้องเสียภาษีในส่วนของกำไร (Capital Gains) เเละไบเดนยังเตรียมร่างกฎหมายขึ้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเเละภาษีนิติบุคคลด้วย

นอกจากนี้ เขายังเสนอให้ทุ่มงบอีก 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อสินค้าที่ผลิตในอเมริกา เเละประกาศใช้กฎหมายสนับสนุนซื้อสินค้าของชาวอเมริกันสำหรับโครงการขนส่งใหม่ ๆ

(Photo by Gary Hershorn/Corbis via Getty Images)

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ไบเดนยืนยันว่าทันทีที่เขาเข้ารับตำเเหน่ง สหรัฐฯ จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงด้านสิ่งเเวดล้อมระดับโลกอีกครั้ง โดยจะผลักดันให้อเมริกาบรรลุเป้าหมายลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “ให้เป็นศูนย์” ภายในปี 2050

พร้อมประกาศจะทุ่มงบลงทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการ “พลังงานสีเขียว” มีแผนเศรษฐกิจที่ต้องการให้ผลิตพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยมองว่าการส่งเสริมสายการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นการช่วยคนชนชั้นแรงงานไปในตัวด้วย

นอกจากนี้ เขายังมีเเผนจะเพิ่มกำลังการผลิตของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์ 500 ล้านหน่วย และกังหันลมแบบ wind turbine อีก 6 หมื่นหน่วย รวมถึงมีการสร้างสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ 5 แสนแห่งทั่วสหรัฐฯ

COVID-19 

ไบเดนประกาศว่า รัฐบาลชุดใหม่จะจัดให้มีการ “ตรวจหาเชื้อฟรี” และจ้างคน 1 แสนอัตรา สำหรับดำเนินโครงการติดตามตัวผู้สัมผัสเชื้อทั่วประเทศ เเละจะจัดตั้งศูนย์ตรวจหาเชื้ออย่างน้อย 10 แห่งในแต่ละรัฐ โดยเขาเห็นว่าผู้ว่าการรัฐทุกรัฐ ควรออกข้อบังคับเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย เเละให้คำเเนะนำที่ถูกต้องกับประชาชน

Photo : Shutterstock

ระบบสุขภาพ

ไบเดนตั้งธงไว้ว่าจะ “ขยายแผนโอบามาแคร์” หรือกฎหมายประกันสุขภาพ Affordable Care Act (ACA) สานต่อจากสมัยที่ทำงานเป็นรองประธานาธิบดี โดยเขาต้องการลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิ์เข้ารับการรักษาตามนโยบาย Medicare จากผู้สูงอายุจากเดิมที่ 65 ปี เป็น 60 ปี เเละสัญญาว่าจะให้ชาวอเมริกันทุกคนมีทางเลือกขึ้นทะเบียนในประกันสาธารณสุขที่คล้ายกับ Medicare

เชื้อชาติ การอพยพ เเละการควบคุมปืน 

ไบเดน มุ่งจะลดปัญหาเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐฯ ด้วยแผนเศรษฐกิจและสังคมเพื่อสนับสนุน “คนกลุ่มน้อย” เช่นจะ ทุ่มงบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างงานและธุรกิจให้คนกลุ่มน้อย เเละจะกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติในกระบวนการยุติธรรม เช่น การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจูงใจหลายรัฐให้ลดอัตราการจำคุก

อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธข้อเรียกร้องที่อยากให้ลดงบประมาณหน่วยงานตำรวจ เพราะมองว่าควรมีไว้เพื่อรักษามาตรฐานของหน่วยตำรวจ เเต่ก็เห็นด้วยว่า งบประมาณของตำรวจในบางอย่าง ก็ควรจะถูกนำไปดูเเลภาคสังคม เช่น เรื่องปัญหาสุขภาพจิต

ส่วนกฎหมาย “ควบคุมปืน” เป็นไปตามเเนวทางของพรรคเดโมเเครตที่เน้นให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนอย่างละเอียด จำกัดจำนวนอาวุธปืนที่ประชาชนซื้อได้เหลือไม่เกิน 1 กระบอกต่อ 1 เดือน เเละจะให้ทุนวิจัยเรื่องการป้องกันความรุนแรงจากอาวุธปืน

ส่วนนโยบายเรื่องผู้อพยพ ไบเดนสัญญาว่า ภายใน 100 วันแรก หลังได้ทำงานเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจะเปลี่ยนนโยบายของทรัมป์ที่กีดกันครอบครัวผู้อพยพที่ชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการสมัครขอรับสถานะผู้ลี้ภัย และยกเลิกข้อห้ามเดินทางเข้าประเทศจากประเทศมุสลิม

(Photo by Spencer Platt/Getty Images)

การศึกษา

ไบเดนจะสนับสนุนโครงการเพื่อเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เเละขยายสิทธิ์ “เรียนฟรี” รวมถึงผ่อนผันหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา เพิ่มวิทยาลัยที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน

นโยบายต่างประเทศ 

ไบเดน ประกาศว่าจะ กู้ชื่อเสียงของอเมริกา ผ่านการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ทำงานร่วมกับนานาชาติในเวทีโลก

เขาเห็นว่า จีนมีนโยบายการค้าและสิ่งแวดล้อมที่ไม่เป็นธรรม เเต่แทนที่จะมุ่งเป้าขึ้นกำแพงภาษีกับจีน สหรัฐฯ ควรจะจับมือกับพันธมิตรนานาชาติ กดดันเพื่อให้จีนไม่เพิกเฉย ซึ่งยังไม่เเน่ชัดว่าเขาจะมีทิศทางความสัมพันธืกับจีนต่อไปอย่างไร ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมาหลายปี

 

]]>
1305031
‘โจ ไบเดน’ คว้าชัยเลือกตั้งอเมริกา เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 https://positioningmag.com/1305018 Sat, 07 Nov 2020 17:21:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305018 ‘โจ ไบเดน’ คว้าชัยเลือกตั้งอเมริกา เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 เเต่ส่อเเววมีปัญหายืดเยื้อ หลังทรัมป์ฟ้องศาลในหลายรัฐ

สูสีเเละดุเดือดมาก กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ‘โจ ไบเดน’ เฉือนชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ไปหวุดหวิด โดยไบเดนมีคะเเนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งล่าสุดที่ 284 เสียง (เกินครึ่งที่ 270 เสียงเเล้ว)

ไบเดน จากพรรคเดโมเเครต พลิกเอาชนะทรัมป์ จากรีพับลิกัน ได้ในพื้นที่ “สวิงสเตท” สำคัญๆ เช่น รัฐวิสคอนซิน รัฐมิชิแกน รัฐแอริโซนา โดยเฉพาะ “รัฐเพนซิลเวเนีย” ที่ต้องลุ้นกันอย่างใจระทึก

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนตามอยู่ที่ 214 เสียง โดยรัฐที่ตอนนี้ยังนับคะแนนอยู่ได้แก่ เนวาดา อลาสกา นอร์ท แคโรไรนา และจอร์เจีย

ก่อนหน้านี้ ทีมงานหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในกรุงวอชิงตัน ขอให้ระงับการนับ “คะแนนทางไปรษณีย์” ที่มาถึงหน่วยเลือกตั้งหลังวันลงคะแนน 3 พ.ย. ในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังศาลสูงของรัฐเพนซิลเวเนียอนุญาตให้นับคะแนนจากบัตรทั้งหมด ที่มาถึงภายในวันที่ 6 พ.ย. โดยมีข้อยกเว้นคือ ต้องประทับตราไปรษณีย์ “ภายในวันที่ 3 พ.ย.”

ฝ่ายทรัมป์ ยังยื่นเรื่องต่อศาลรัฐมิชิแกน ขอให้ระงับการนับคะแนน จนกว่าคณะผู้สังเกตการณ์จะสามารถเข้าถึงครบทุกหน่วยลงคะแนน เเละยังขอนับคะแนนใหม่ในรัฐวิสคอนซินเเละจอร์เจียด้วย เนื่องจากพบความผิดปกติหลายอย่าง เเต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อกังขาในเรื่อง “คะแนนทางไปรษณีย์” ดังกล่าว มีขึ้นเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 มีประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์ เกิน 103 ล้านคน โดยเน้นการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากการเเพร่ระบาดของ COVID-19

การที่กฎหมายและระบบไปรษณีย์ของแต่ละรัฐ มีรายละเอียดแตกต่างกัน ส่งผลให้บัตรลงคะแนนเดินทางมาถึงทางการช้ากว่าวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งทรัมป์ต้องการไม่ให้มีการนับบัตรส่วนนี้

ขณะที่บางความเห็นมองว่า ชาวอเมริกาที่เลือก “โหวตทางไปรษณีย์” เป็นผู้ที่มีความกังวลในโรคระบาด จะมีเเนวโน้มจะเลือกไบเดนมากกว่า เนื่องจากไม่พอใจต่อการจัดการวิกฤต COVID-19 ของรัฐบาลทรัมป์ที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก

พรรคเดโมแครต รักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ แต่ส่วนต่างเหนือพรรครีพับลิกันลดลง หลังแพ้เหนือความคาดหมายหลายที่นั่ง ขณะที่พรรครีพับลิกันคาดว่าจะยังคงรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้อีกหนึ่งสมัย

การชนะเลือกตั้งของ “ไบเดน” ครั้งนี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เพราะ “คามาลา แฮร์ริส” จะได้ก้าวขึ้นเป็น “รองประธานาธิบดีหญิง” คนแรกของสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งรัฐบาลใหม่มีกำหนดเข้าทำงานในทำเนียบขาว ช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า

อ่านเพิ่มเติม : คำสัญญาเเละนโยบายของ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46…ทิศทางใหม่อเมริกา

 

]]>
1305018
ยอดค้นหา ‘ร้านอาหาร’ และ ‘ร้านเหล้า’ ในสหรัฐฯ พุ่ง เหตุคนเครียดลุ้นผลเลือกตั้ง https://positioningmag.com/1304616 Thu, 05 Nov 2020 10:19:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304616 เป็นไปอย่างตึงเครียดทีเดียวสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง ‘โจ ไบเดน’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ แม้ตอนนี้แนวโน้มเก้าอี้ประธานาธิบดีจะเหมือนขยับเข้าหาโจ ไบเดนเข้าไปทุกที แต่หากย้อนไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาชาวอเมริกันต่างก็ลุ้นอย่างใจจดใจจอพร้อมกับพยายามหาวิธีบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีนี้

โดย Google ได้เปิดเผยถึงคำค้นหาของชาวอเมริกันในคืนวันอังคารผ่าน ‘Google Trends’ ว่าในคืนวันนับคะแนนนั้น ชนชาวอเมริกันค้นหาอะไร โดยที่น่าแปลกใจคือ คำค้นหาส่วนใหญ่นั้นล้วนแต่หา ‘ของกิน’ ทั้งสิ้น อาทิ

  • คุกกี้ที่อยู่ใกล้ฉัน
  • อาหารจีนที่อยู่ใกล้ฉัน
  • ร้านเหล้าใกล้ฉัน
  • พิซซ่าที่อยู่ใกล้ฉัน
  • เบอร์เกอร์ใกล้ฉัน
  • ไก่ทอดใกล้ฉัน

Kevin Roose คอลัมนิสต์ด้านเทคโนโลยีของ New York Times ทวีตเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนของ Ben & Jerry ในคืนวันอังคารโดยกล่าวว่า “เนื่องจากความวิตกกังวลที่สูง ส่งผลให้ตู้แช่ของ Ben and Jerry ที่ร้านขายของขาดตลาด” และอีกหลายสิบทวีตที่ตามมาแสดงแต่รูปภาพชั้นวางเหล้าเปล่าและตู้แช่ของหวานที่ว่างเปล่า ขณะที่ Drizly บริษัทจัดส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายงานว่าในวันเลือกตั้งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 68% เมื่อเทียบกับเวลาปกติ และเมื่อแบ่งเป็นรัฐสีน้ำเงิน (เลือกไบเดน) มียอดขายเพิ่มขึ้น 75% ขณะที่ยอดขายของรัฐสีแดง (เลือกทรัมป์) เพิ่มขึ้น 33%

UNITED STATES – AUGUST 20: Maryland delegates Herb Smith, Tia Hopkins, left, and Virginia delegate Reese EspyGlassman, center, pop champagne at a watch party in Columbia, Md., as Democratic presidential nominee Joe Biden takes the stage on the last night of the Democratic National Convention on Thursday, August 20, 2020. (Photo By Tom Williams/CQ-Roll Call, Inc via Getty Images)

อย่างไรก็ตาม ความอยากอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันดี เนื่องจากอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันและน้ำตาลดูเหมือนจะมีผลตอบรับที่ช่วยลดความเครียดตามการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard

Source

]]>
1304616
ชาวอเมริกัน “แห่ซื้อปืน” ช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ หวั่นเกิดเหตุรุนเเรง หลังรู้ผลประธานาธิบดี https://positioningmag.com/1304296 Tue, 03 Nov 2020 11:45:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304296 ชาวอเมริกัน ตื่นตระหนกช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 แห่ซื้อปืนไว้ป้องกันตัวเอง หวั่นเกิดเหตุรุนเเรงเเละความวุ่นวาย หลังประกาศผลประธานาธิบดี

ยอดซื้อขายอาวุธปืนทั่วสหรัฐฯ กำลังพุ่งสูงขึ้นในช่วงเลือกตั้ง บางร้านขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่ชั่วโมง…

ปกติในร้านจะมีปืนวางอยู่เต็มเลย แต่ตอนนี้ความต้องการพุ่งสูงมาก บางครั้งสินค้าเข้ามาตอนเช้า พอถึงช่วงบ่าย ราว 3 ใน 4 ของสินค้าทั้งหมดก็ขายออกไปแล้ว เจ้าของร้านปืนเเห่งหนึ่งกล่าว

ประชาชนในสหรัฐฯ บางส่วนกำลังกังวลว่า หลังการเลือกตั้งจะเกิดเหตุความรุนแรงเเละการประท้วงในย่านที่พักอาศัยของตัวเอง โดยเฉพาะในพื้นที่รัฐ Swing State เขตที่มีคะเเนนเสียงสามารถชี้วัดตำแหน่งผู้นำคนใหม่ได้

อาวุธปืนในสหรัฐฯ มียอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งเเต่มีการแพร่ระบาด COVID-19 การลุกฮือประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว เเละสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่สูสีกันมาก จนหลายคนเกรงว่าอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เผยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดซื้อขายปืนในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 71% โดยเฉพาะในช่วงกลางปีที่มีการระบาดหนัก หลายรัฐส่งคำร้องให้ FBI ตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนมากถึง 3.9 ล้านครั้งภายในเดือนเดียว

ปัจจัยในการแห่ซื้อปืนของชาวอเมริกันในช่วงนี้ มีหลายเหตุผลด้วยกัน เช่น บางคนมองว่าหากโจ ไบเดนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง นั้นหมายความว่า การซื้อปืนอาจทำได้ยากขึ้น

เนื่องไบเดน ประกาศจุดยืนในการคุมเข้มการจำหน่ายและครอบครองปืน เพราะมองว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเหตุการณ์กราดยิงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความรุนแรงจากอาวุธปืนต่างๆ

ขณะที่พรรครีพับลิกัน และโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการเพิ่มเสรีภาพในการครอบครองปืน เพราะมองว่าสิทธิการป้องกันตนเองขั้นพื้นฐาน เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามหลักรัฐธรรมนูญ

ในอีกมุมหนึ่ง ชาวเอเชียในสหรัฐฯ หลายคนตัดสินใจต่อแถวรอซื้อปืน ด้วยเหตุผลว่าพวกเขาต้องการใช้ป้องกันตัวจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติที่มีมากขึ้น นับตั้งเเต่วิกฤต COVID-19

ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ชาวสหรัฐฯ จำนวนมากเร่งซื้อปืนไว้ครอบครอง ก่อนผลเลือกตั้งจะออกมาในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 นี้ (หรือเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน ตามเวลาในไทย )

 

ที่มา : Sky News , Fox News , LA times

]]>
1304296