โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวช่วงเย็นวันนี้ (7 ม.ค. 2021) และยกระดับความเข้มงวดเพื่อรับมือการระบาดของ COVID-19 ที่กำลังพุ่งขึ้น โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินกว่า 2,000 คนในโตเกียว เพิ่มจากเมื่อวานนี้ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 400 คน และสถานการณ์เริ่มน่ากังวลเพราะเตียงในโรงพยาบาลอาจไม่เพียงพอ
กฎระเบียบที่ออกใหม่จะคุมเข้มในเขตกรุงโตเกียว และจังหวัดโดยรอบ คือ คานางาวะ ชิบะ และไซตามะ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2021 จนถึง 7 ก.พ. 2021 ได้แก่
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนจะยังเปิดตามปกติ ไม่เหมือนกับการเว้นระยะห่างทางสังคมช่วงการระบาดรอบแรกเมื่อปีก่อนที่มีการปิดโรงเรียนในญี่ปุ่น
เพื่อช่วยเหลือกิจการที่เสียสละลดเวลาเปิดดำเนินการ รัฐบาลญี่ปุ่นจะชดเชยร้านอาหารและร้านกินดื่มแห่งละ 60,000 เยนต่อวัน (ประมาณ 17,400 บาท) ในทางกลับกัน รัฐบาลมีแผนจะ “ระบุชื่อประจาน” ร้านอาหาร-บาร์ที่ไม่ทำตาม (เนื่องจากกรอบของกฎหมายปัจจุบันไม่สามารถเอาผิดมากกว่านี้ได้)
นอกจากในโตเกียวแล้ว COVID-19 ยังระบาดไปทั่วญี่ปุ่น โดยตัวเลขเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นถึง 6,000 คนทั่วประเทศ และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขสูงขนาดนี้นับตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม โตเกียวยังเป็นจุดเสี่ยงที่สุด โดยผู้ติดเชื้อประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นในบริเวณเมืองหลวงและจังหวัดโดยรอบ
ก่อนหน้านี้ ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ได้ร้องขอรัฐบาลหลายครั้งว่าให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเตือนว่าระบบสาธารณสุขกำลังจะรับมือไม่ไหว เธอยังร้องขอให้ร้านอาหารและบาร์ปิดทำการเร็วในเวลา 22.00 น. แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตาม และทำให้การระบาดยิ่งแย่ลงหลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่
เมืองอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงรองๆ ลงมาคือ โอซาก้า และ ไอจิ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 560 คน และ 364 คนตามลำดับ (ข้อมูลวันที่ 6 ม.ค. 2021) และเป็นยอดสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นในทั้งสองเมือง
ฮิเดะอากิ โอมุระ ผู้ว่าการจังหวัดไอจิ กล่าวว่า เขาจะร้องขอให้รัฐบาลออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดไอจิด้วย เพราะกังวลว่ายอดผู้ติดเชื้อจะยิ่งทะยานสูงขึ้น
ซูงะลังเลที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาโดยตลอด เพราะหวังว่าจะสามารถจัดสมดุลระหว่างการจำกัดการระบาดและฟื้นคืนชีพให้กับเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจได้ แต่นายกฯ ญี่ปุ่นกลับต้องรับแรงกดดันสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประชาชนไม่พอใจวิธีการรับมือกับโรคระบาด COVID-19 ของเขา จนในที่สุด การระบาดระลอกสามทั่วประเทศทำให้สุงะต้องยอมระงับโครงการ Go To Travel โครงการให้เงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนให้คนไปเที่ยวในประเทศเป็นการชั่วคราว
รัฐบาลยังระงับการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่ไม่มีสิทธิพำนักในญี่ปุ่น ด้วยความกังวลต่อการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งถูกค้นพบในประเทศอังกฤษและแอฟริกาใต้
]]>การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในเกาหลีใต้ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่ากังวล
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีใต้ (KDCA) รายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 1,020 คนในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ 3 ม.ค. รวมสถิติผู้ป่วยสะสม 64,264 คน เสียชีวิตแล้ว 981 คน
ก่อนหน้านั้น เกาหลีใต้มีผู้ป่วยรายวันลดลงเหลือเพียง 657 รายในวันเสาร์ที่ 2 ม.ค. ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนหนึ่งออกมาระบุว่าการระบาดน่าจะเข้าสู่ภาวะที่ “ควบคุมได้” แล้ว
ทางการโสมขาวได้ประกาศเพิ่มมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในพื้นที่กรุงโซลและปริมณฑล ซึ่งครอบคลุมทั้งโบสถ์, คาเฟ่, ร้านอาหาร, สกีรีสอร์ต และสถานที่สาธารณะอื่นๆ
ผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 60% อาศัยอยู่ในกรุงโซล, จังหวัดคยองกี และเมืองอินชอน และพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนตามสถานสงเคราะห์และเรือนจำหลายแห่ง
นายกรัฐมนตรี ชุง เซ-คยุน เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการแจกจ่ายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่จะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้
“ทันทีที่วัคซีนเดินทางมาถึง KDCA ควรจะเตรียมกระบวนการทุกอย่างไว้เพียบพร้อมสมบูรณ์แล้ว ทั้งการจัดส่ง การเก็บรักษา การฉีดวัคซีน และการติดตามผล” ชุง แถลงระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล
ชุง ยังเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัย, และกระทรวงคมนาคม ร่วมมือกันตระเตรียมกระบวนการแจกจ่ายวัคซีนให้พร้อมเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรปบางประเทศ
รัฐบาลโสมขาวมีแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และพลเมืองกลุ่มเสี่ยงในเดือน ก.พ. ปีหน้า แต่ถูกพลเมืองในประเทศวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าดำเนินการล่าช้าเกินไป เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) ที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่พลเมืองกลุ่มเสี่ยงของตนตั้งแต่ก่อนคริสต์มาส
]]>