เศรษฐกิจพอเพียง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 18 Feb 2022 04:34:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เรียนรู้โมเดล “ธรรมธุรกิจ” แก้โจทย์เกษตรกรรมไทย “วิน-วิน” ทั้งคนปลูก-คนกิน สู่กิจการที่ยั่งยืน https://positioningmag.com/1373810 Fri, 18 Feb 2022 04:00:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373810

เกษตรกรไทยขายผลผลิตไม่ได้ราคา สารเคมีที่ตกค้างกระทบทั้งคนปลูก-คนกิน “ธรรมธุรกิจ” เล็งเห็นปัญหาเหล่านี้และอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการส่งเสริม “กสิกรรมธรรมชาติ” ต่อจิ๊กซอว์ตามหลัก “ทฤษฎีบันได 9 ขั้น” เชื่อมต่อสินค้าส่วนเหลือนำมาจำหน่ายในราคายุติธรรมแก่คนเมือง โดยมีการเปิดระดมทุนให้ทุกคนเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกัน จากโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมนี้ทำให้ธรรมธุรกิจได้รับรางวัลพิเศษ องค์กรที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณค่าแก่สังคม จากเวที Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 17

“ผมเคยทำโรงสีข้าวที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้ได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหากลไกราคาข้าวแบบ ‘วิถีคนรวย’ นั้นทำไม่ได้” พิเชษฐ โตนิติวงศ์ ‘ผู้จัดการไปทั่ว’ บริษัท ธรรมธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นลงมือก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมแห่งนี้

การแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาแบบที่เราเคยเห็นคือการใช้เงินเข้าไปอุดหนุน โดยโรงสีข้าวศิริภิญโญก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในวัฏจักรช่วยชาวนาในรูปแบบนี้มาก่อน แต่วิถีเช่นนี้ไม่ยั่งยืน และทำให้โรงสีข้าวเองต้องขาดทุนไปด้วย

มาจนถึงปี 2556 พิเชษฐค้นพบแนวทางที่ยั่งยืนกว่า จากการเข้าอบรมกับ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อาจารย์ยักษ์) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และต่อมาเป็นประธานที่ปรึกษาธรรมธุรกิจ และ โจน จันใด (อาจารย์โจน) นักเก็บเมล็ดพันธุ์ แห่งสวนพันพรรณ จ.เชียงใหม่

แปลงนาลุงล้วน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ

อาจารย์ยักษ์และอาจารย์โจนเป็นผู้สอนวิถีการทำ “กสิกรรมธรรมชาติ” ทำเกษตรปลอดสารพิษ และ “ทฤษฎีบันได 9 ขั้น” ศาสตร์พระราชาที่มีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นฐาน คือให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงิน ทำเกษตรผสมผสาน ในนาข้าวมีกุ้งหอยปูปลา ปลูกผักหัวนา เลี้ยงไก่ไข่ ต่อด้วยเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า คือเมื่อมีสินค้าเกษตรเหลือจากที่พอกินและเก็บไว้ทำพันธุ์แล้วก็สามารถขายได้

พิเชษฐได้แรงบันดาลใจจากแนวทางนี้ จึงนำเสนอชักชวนกลุ่มชาวนาที่เคยช่วยเหลือกันมาให้มาลองอบรม และลองทำกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าการทำเกษตรแนวทางนี้สามารถปฏิบัติได้จริง และเมื่อถึงปี 2559 ก็เริ่มมีสินค้าเกษตรเหลือพอให้ “ธรรมธุรกิจ” เริ่มเครือข่ายจำหน่ายสู่คนเมือง


“กินอย่างรู้ที่มา ในราคาที่เป็นธรรม”

สโลแกนของธรรมธุรกิจข้างต้นนั้นบอกชัดถึงแนวทางนำเสนอต่อผู้บริโภค เพราะสิ่งสำคัญของสินค้าจากเครือข่ายเกษตรกรคือมี “แหล่งปลูกปลอดสารพิษ” และสามารถสืบย้อนได้ว่าสิ่งที่ผู้บริโภครับประทานนั้นมาจากไหน ขณะเดียวกัน ธรรมธุรกิจจะจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม จ่ายให้กับเกษตรกรอย่างเป็นธรรม มีกำไรอย่างพอเพียงเพื่อให้หล่อเลี้ยงบริษัทได้

ปัจจุบันธรรมธุรกิจมีเครือข่ายเกษตรกรกว่า 200 รายใน 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ น่าน เพชรบูรณ์ ยโสธร บุรีรัมย์ และ ชุมพร

ตัวอย่างสินค้าที่จำหน่ายผ่านธรรมธุรกิจ

สินค้าที่มีจำหน่ายประจำ เช่น ข้าวกล้องสันป่าตอง ข้าวหอมมะลิธรรมชาติ และจะมีพืชผักหัวคันนาหมุนเวียนเข้ามา เช่น ผักพื้นบ้าน มะละกอ กล้วย ฟัก แตงไทย แตงโม เป็นต้น นอกจากนี้จะมี ไข่ไก่ และ อาหารทะเล จากประมงพื้นบ้าน จ.ชุมพร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปของเกษตรกร เช่น น้ำมันมะพร้าว สบู่เหลว น้ำยาล้างจาน ฯลฯ

การทำตลาดและจำหน่ายของธรรมธุรกิจ อาศัยช่องทางหลักคือการขายออนไลน์ และมีหน้าร้าน ได้แก่

  • ตลาดนัดธรรมชาติ ถ.พระราม 9 ซอย 17 เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์
  • รถพุ่มพวง จำนวน 2 คัน วิ่งรถทุกวันพุธ พฤหัสบดี และเสาร์-อาทิตย์ โดยลูกค้าต้องนัดเข้ามาก่อน และรถจะนำสินค้าไปให้เลือกถึงบ้าน
  • ร้านยักษ์ กะ โจน เป็นร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากศิษย์ยักษ์ กะ โจน และเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าในตัว โดยมี 4 สาขา คือ ชุมพรคาบาน่า, ถ.บรรทัดทอง, หมู่บ้านสัมมากร ถ.รามคำแหง และ ถ.พระราม 2 (โรงเรียนรุ่งอรุณ)

โดยปี 2564 ธรรมธุรกิจสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 37 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 4 ล้านบาท แม้ว่าจะยังไม่ทำกำไร แต่พิเชษฐมองว่าโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับ ‘Economy of Scale’ นั่นคือเมื่อใดที่มีดีมานด์สูงพอจนทำให้การขนส่งแต่ละรอบคุ้มค่ายิ่งขึ้น ก็จะทำให้บริษัทถึงจุดคุ้มทุนและลดราคาขายลงได้


ยึดแนวทาง “สหกรณ์” ในญี่ปุ่น

ด้านการหาแหล่งเงินทุนของธรรมธุรกิจ ใช้วิธีระดมทุนจากผู้ที่สนใจ สามารถซื้อหุ้นบริษัทได้ในราคาหุ้นละ 101 บาท ไม่จำกัดจำนวนหุ้น ขณะนี้มีผู้ถือหุ้นแล้วกว่า 15,000 คน คิดเป็นจำนวน 1.5 ล้านหุ้น สะท้อนถึงจำนวนเครือข่ายผู้ที่เข้าใจและต้องการสนับสนุน

“สิ่งที่ผู้ถือหุ้นจะได้ ขั้นแรกคือได้บุญก่อน เพราะเขาจะมีส่วนช่วยให้บริษัททำโมเดลธุรกิจนี้ได้สำเร็จ และจะทำให้เกษตรไทยเปลี่ยนแปลง” พิเชษฐกล่าว “เราอยากให้ผู้บริโภคได้มาเรียนรู้และเข้ามาถือหุ้นด้วยตนเอง เพื่อให้เป็นโมเดลสหกรณ์ผู้บริโภคแบบญี่ปุ่น แบบเกาหลีใต้ เกิดระบบนิเวศของเกษตรกรกับผู้บริโภค และเมื่อมีกำไรผู้ถือหุ้นก็จะได้เงินปันผล”

ในแง่ของการระดมทุน ธรรมธุรกิจมีมติผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2563 มีเป้าหมายขายหุ้นเพิ่มทุนเป็น 3 ล้านหุ้น จึงยังต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อจะขยายเครือข่ายต่อไป


มุ่งเป้าเปิด “ยักษ์ กะ โจน” ทุกอำเภอ

ความฝันขั้นต่อไปของธรรมธุรกิจ คือการขยายเครือข่ายทั่วประเทศด้วยโมเดลร้าน“ยักษ์ กะ โจน”โดยพิเชษฐมองว่าควรจะมีทุกอำเภอในไทย เพื่อให้มีสถานที่รองรับสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต้องการจะขยายให้ถึง 10 สาขา ครอบคลุมทุกหัวมุมเมือง

ตัวอย่างเมนูที่ร้านยักษ์ กะ โจน: ปลาสีกุนย่างเกลือ

แต่ไม่ใช่ว่าธรรมธุรกิจจะลงทุน 100% ทุกแห่ง โมเดลที่วางไว้คือ ธรรมธุรกิจจะถือหุ้นสาขาใหม่ขั้นต่ำ 30% ส่วนที่เหลือไม่เกิน 70% เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เข้าใจ มีเจตนารมณ์ตรงกันในการทำธุรกิจเพื่อสังคม และพร้อมบริหารร้านสาขา แต่ละสาขาจึงจะมีการ Joint Venture (JV) กับนักลงทุนต่างกลุ่มกัน

การเพิ่มจุดจำหน่ายเหล่านี้จะเดินไปพร้อมๆ กับการทำการตลาดให้ผู้บริโภครู้จักและอุดหนุนกันมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดดีมานด์คุ้มค่าการขนส่งดังกล่าว ซึ่งการทำตลาดกับผู้บริโภคนี่เองที่พิเชษฐมองว่า ‘ยากที่สุด’

“ผู้บริโภคคือโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะเขายังไม่ค่อยสนใจที่มาที่ไปของอาหาร ยังไม่รู้ว่าตนเองป่วยเพราะอาหารที่รับประทาน ยังไม่ทราบว่าคำว่า ‘ออร์แกนิค’ คืออะไรกันแน่ หรือยังติดภาพว่าอาหารออร์แกนิคต้องราคาแพง” พิเชษฐกล่าวถึงโจทย์ที่ยังต้องทำความเข้าใจกันต่อ

จากโมเดลธุรกิจที่คิดเพื่อแก้ปัญหาให้สังคม ทำให้ธรรมธุรกิจได้รับ รางวัลพิเศษ องค์กรที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณค่าแก่สังคม (Social Value Creation) จากเวที Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 17 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลพิเศษบนเวทีนี้

รางวัล Bai Po Business Awards by Sasin นี้ถือเป็นกำลังใจให้คนทำงานกว่าร้อยคนของเรา แม้ว่าวันนี้เรายังไม่มีกำไร แต่มีผู้ที่เห็นคุณค่าว่าเราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร และเราจะยึดมั่นการสร้างคุณค่ากับสังคมต่อไปตามแนวทางของรางวัลที่เราได้รับ” พิเชษฐกล่าว “9 ปีแรกของเรา เราเข้าไปปักฐานในกลุ่มเกษตรกรได้แล้ว เราวางระบบโลจิสติกส์ ระบบงาน ระบบคน ในช่วงทศวรรษที่ 2 ของเราจะทำให้ธุรกิจนี้สเกลในกลุ่มผู้บริโภคให้ได้”

]]>
1373810
ฐาปน สิริวัฒนภักดี ตอกย้ำผู้นำองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลก ครองคะแนนสูงสุด DJSI โลก 4 ปีซ้อน https://positioningmag.com/1362075 Tue, 16 Nov 2021 04:00:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362075 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรที่มั่นคง และยั่งยืน ของภูมิภาคอาเซียน Stable and Sustainable ASEAN Leader ด้วยการครองคะแนนสูงที่สุดในโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของโลก จากการจัดโดย S&P Global เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices-DJSI) มาอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเบฟ ได้รับคะแนนสูงสุดจากการประเมินด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2564 (Corporate Sustainability Assessment 2021) เป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของประเภท กลุ่มดัชนีโลก (World Index) เป็นปีที่ 5 และเป็นสมาชิกของกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets Index) เป็นปีที่ 6 สะท้อนถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งขององค์กรต้นแบบในการดำเนินธุรกิจ ที่ใส่ใจด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่นำความภาคภูมิใจของคนไทยไปสู่ระดับโลก ด้วยศักยภาพความพร้อมที่แข็งแกร่ง สู่ PASSION2025 ไปพร้อมกับการ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” (Creating and Sharing the Value of Growth)

ไทยเบฟ มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการธุรกิจ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในการช่วยเหลือสังคม ที่มุ่งเน้นการดำเนินงานใน 5 มิติหลักคือ การศึกษา สาธารณสุข กีฬา ศิลปวัฒนธรรม และการพัฒนาชุมชน ที่ได้สร้างผลลัพธ์ความสำเร็จการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และมีการติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยยังตระหนักถึงความสำคัญของหลักการบริหารจัดการและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วน ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล (Good governance)

สอดคล้องกับจรรยาบรรณของบริษัทที่มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ มาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่จะบรรลุตามวิสัยทัศน์ขององค์กรได้อย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการต่างๆ อาทิ การผสานสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันดูแล และอนุรักษ์แหล่งน้ำ รวมถึงการดูแลชุมชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดในการอุปโภค และบริโภค เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการประเมินความยั่งยืนของน้ำผิวดิน และน้ำใต้ดิน โครงการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และดูแลแหล่งน้ำร่วมกับชุมชน

การดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ปกป้อง และรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ด้วยการนำขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่มหลังการบริโภคมาผลิตเป็น เม็ดพลาสติกรีไซเคิลหรือ Recycled PET นำมาผลิตเป็นผ้าห่มในโครงการ ไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาวด้วยนวัตกรรม Eco Friendly Blanket ที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต และยังช่วยลดปริมาณขยะจากขวดพลาสติกได้มากถึง 7.6 ล้านขวดต่อปี โดยสามารถผลิต “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ได้มากถึงปีละจำนวน 200,000 ผืน ทำให้สามารถนำขยะจากขวดพลาสติกกลับสู่ระบบรีไซเคิลได้สำเร็จแล้วจำนวน 15.2 ล้านขวดจากการดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2

นอกจากนี้ ไทยเบฟ ยังเป็นผู้ริเริ่มแพลตฟอร์มการทำงานในอีกหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาทิ มูลนิธิพลังน้ำใจไทย มูลนิธิสถาบันพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย Thailand Supply Chain Network (TSCN) หรือภาคีเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย ฯลฯ การเป็นผู้ริเริ่มการจัดงาน Thailand Sustainability Expo (TSX) ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ที่ตอกย้ำการสร้างพลังความร่วมมือครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยที่ร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินงานภายใต้แนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน

และแม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไทยเบฟได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ (ThaiBev Covid-19 Situation Room (TSR)) เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการติดตามข่าวสาร และดำรงความต่อเนื่องทางธุรกิจของกลุ่มไทยเบฟ ให้สามารถผลิตและจัดส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ไปพร้อมกับใส่ใจด้วยการส่งความห่วงใยและให้การช่วยเหลือสังคม พันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงาน ให้ก้าวข้ามสถานการณ์ โควิด-19 ไปด้วยกัน จึงได้มีหน่วยงานที่อาสาไปทำประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวมทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ และประสานความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ส่งมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากแอลกอฮอล์ หน้ากาก Surgical Mask หน้ากาก N95มอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มคุ้มครองการติดเชื้อ (COVID-19) ให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศรวมถึงพนักงาน คู่ค้า เอเย่นต์ในกลุ่มไทยเบฟครอบคลุมทั่วประเทศ มอบตู้แช่จัดเก็บวัคซีนโควิด-19 ให้กับสถานพยาบาล 10 จังหวัดหลักทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนน้ำดื่ม อาหาร และผลิตภัณฑ์ในเครือ รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ตรวจโควิด และศูนย์ฉีดวัคซีน ฯลฯ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับทางภาครัฐ

จากการดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งในการบริหารจัดการด้านธุรกิจ และการดำเนินโครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำศักยภาพความพร้อมที่แข็งแกร่งทางธุรกิจในทุกมิติควบคู่ไปกับการ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” อย่างยั่งยืน สู่กลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของการเป็นต้นแบบของผู้นำองค์กรในด้านความยั่งยืนระดับโลก

]]>
1362075
ครั้งแรกของการผนึกพลังองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ในงาน “Thailand Sustainability Expo 2020” “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” https://positioningmag.com/1293789 Mon, 24 Aug 2020 04:00:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293789

นับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งสำคัญ และยิ่งใหญ่ขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทยที่จะมาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX) ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) โดยการนำของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (มหาชน) (TU) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) รวมถึงเครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network) หรือ เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย และองค์กรอื่น ๆ โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “สืบสาน รักษา และต่อยอด” มาเป็นแนวทางในการจัดงานตามศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาส และสร้างเครือข่ายสังคมของการมีส่วนร่วมสู่การนำไปปฏิบัติที่ใช้ได้ผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยมีกำหนดจัดงานนี้ขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 นี้ ณ ห้างสรรพสินค้า สามย่านมิตรทาวน์ ชั้น G ชั้น 3 และ ชั้น 5

เกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องนี้ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยเบฟ ไทยเบฟได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) มาเป็นหลักปฏิบัติ อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติ จะเห็นได้ว่าไทยเบฟเป็นบริษัทแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืน DJSI ระดับโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน DJSI กลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 นอกจากนี้ในปี 2562 ไทยเบฟยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์โลก ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ไทยเบฟจึงยึดมั่นและทุ่มเทเพื่อ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตที่ยั่งยืน” ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า ไทยเบฟมุ่งมั่นที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อมเพราะเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมถือเป็นรากฐานของชุมชนและสังคมที่แข็งแกร่ง และส่งผลให้การวางรากฐานทางธุรกิจมั่นคงเช่นกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทางธุรกิจของไทยเบฟที่เป็นไปตามเป้าหมายการ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

คุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนมาโดยตลอดและดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี นอกเหนือจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบสากลแล้ว เรายังมุ่งมั่นในพันธกิจที่จะเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก โดยเรามีนโยบายความยั่งยืนตามกลยุทธ์ SeaChange® ที่เราดำเนินควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของโลกจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ไทยยูเนี่ยนยังมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในวันนี้ไทยยูเนี่ยนมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX) ในครั้งนี้” 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า

“GC ต้นแบบด้านความยั่งยืนของโลก ภายใต้แนวคิด Circular for Better Living ด้วย 3 นโยบายตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้แก่ Smart Operating คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและนำมาหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า Responsible Caring คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้นๆ และ Loop Connecting คือ การเชื่อมโยงทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อธุรกิจแบบครบวงจร นอกจากนี้ GC ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อาทิ United Nations Global Compact หรือ UNGC ประเมินให้ GC เป็น GLOBAL COMPACT LEAD หนึ่งเดียวในประเทศไทย จาก 37 องค์กรทั่วโลก และ ในปี 2019 ดัชนีด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ DJSI ได้จัดอันดับให้ GC เป็นที่ 1 ของโลก และ อยู่ในระดับ Top 10 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ใน Chemical Sector”

เรียกว่าเป็น Big Event แห่งปีที่เป็นการรวมตัวขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทยที่จะมาร่วมกันสร้าง “พลังร่วม” ในครั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนอย่างแท้จริง

]]>
1293789