เศรษฐีหุ้นไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 09 Dec 2022 03:29:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก “ปณิชา ดาว” ภรรยากลุ่มทุนลาว เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ปี 65 ถือหุ้นใหญ่ PSG https://positioningmag.com/1411728 Fri, 09 Dec 2022 03:29:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411728 เปิดตัว “ปณิชา ดาว” เศรษฐีหุ้นไทยมาแรงแซงขึ้นอันดับ 2 ปี 65 ถือหุ้นใหญ่บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG) ในสัดส่วน 80% มูลค่าทะลุ 8.16 หมื่นล้านบาท ภรรยา “เดวิด แวน ดาว” เศรษฐีจาก สปป.ลาว ผู้ถือหุ้น “หลวงพระบาง พาวเวอร์” ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง

หลังจากวารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 10 อันดับแรก ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาด mai

ในปี 65 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ยังครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF สัดส่วน 35.55% มูลค่าหุ้นรวม 218,981.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 45,881.86 ล้านบาท หรือ 26.51% และถือเป็นเศรษฐีหุ้นรายแรกที่มูลค่าหุ้นเกิน 2 แสนล้านบาท

แต่ปรากฎว่าบุคคลที่ได้รับความสนใจ อันดับ 2 คือ นางปณิชา ดาว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของ บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG จำนวน 51,994 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 80% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 81,630.58 ล้านบาท

ทั้งนี้ นางปณิชา ที่สามารถครองอันดับ 2 มูลค่าการถือครองหุ้นแซงหน้า นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ที่ถือหุ้นบมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ในสัดส่วน 12.77% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 11.38% มูลค่ารวม 62,735.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.76%

“ปณิชา ดาว” ถือหุ้นใหญ่ บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG จำนวน 51,994 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 80% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว เดิมชื่อ บมจ.ที เอ็น จิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น (T) ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้า อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า อาคารที่พักอาศัย โรงพยาบาล รวมถึงงานสาธารณูปโภค และงานติดตั้งเครื่องจักรต่าง ๆ มากว่า 40 ปี

ต่อมาในวันที่ 12 ต.ค. 64 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งใหญ่ โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 54,044 ล้านหุ้น ขายนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ในราคาหุ้นละ 0.02 บาท ให้แก่ นางปณิชา ดาว เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่

โดยนางปณิชา ดาว เป็นภรรยาของนายเดวิด แวน ดาว ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท พีที จำกัด ผู้เดียว (PTS) ที่ถือหุ้นใน บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ที่ สปป.ลาว

หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือใหญ่เรียบร้อย จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น หรือ PSG โดยมีนายแวน ฮวง ดาว นั่งเป็นประธานกรรมการ และนายเดวิด แวน ดาว เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 64,992,438,156 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 64,992,438,156 หุ้น ราคาพาร์ 1 บาท มูลค่าตามราคาตลาดรวม 74,741.30 ล้านบาท คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ธ.ค. 65 ที่ราคาหุ้นละ 1.15 บาท

ด้านฐานะบริษัทและผลการดำเนินงานล่าสุด งวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 65 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,054.79 ล้านบาท หนี้สินรวม 360.75 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,694.04 ล้านบาท รายได้รวม 897.67 ล้านบาท กำไรสุทธิ 489.02 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.01 บาท

]]>
1411728
“สารัชถ์ รัตนาวะดี” GULF แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 3 สมัย รวย 1.7 แสนล้านบาท https://positioningmag.com/1365873 Wed, 08 Dec 2021 15:50:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365873 ตลาดหุ้นไทยฟื้นหลัง COVID-19 คลี่คลาย หนุนความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 พุ่ง 3.3 แสนล้านบาท “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ครองหุ้นกัลฟ์ขึ้นแท่นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 3 สมัย รวย 1.7 แสนล้านบาท รวยขึ้น 5.7 หมื่นล้าน

“นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” นั่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ถือหุ้นบางกอกแอร์เวย์ส-โรงพยาบาลกรุงเทพ/นนทเวช รวมมูลค่า 5.8 หมื่นล้านบาท “นิติ โอสถานุเคราะห์” ทายาทโอสถสภา โชว์พอร์ตหุ้นมูลค่า 5.6 หมื่นล้านบาท ติดอันดับ 3

วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 28 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสูงสุด 10 อันดับแรกของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาด mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2564

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 173,099.73 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 57,809.73 ล้านบาท หรือ 50.14% ซึ่งสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วน 35.55%

มูลค่าความมั่งคั่งของ สารัชถ์ เศรษฐีหุ้น 3 สมัย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีแรก โดยสารัชถ์ผู้ถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2 ความมั่งคั่ง 115,289.99 ล้านบาท และทะยานสู่ 173,099.73 ล้านบาท ในปีนี้ จากราคาหุ้นของ GULF ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 58,217.83 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 8,138.52 ล้านบาท หรือ 16.25%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ ยังคงเป็นของ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 56,253.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,071.53 ล้านบาท หรือ 16.75% จากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นที่อยู่ในพอร์ตลงทุนที่มีชื่อนิติเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกในปีนี้

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้น EA ที่ถือครองในสัดส่วน 23.21% มูลค่า 53,026.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,613.93 ล้านบาท หรือ 54.09%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 และ 6 ได้แก่ 2 เจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 จากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTC ในสัดส่วน 33.96% มูลค่า 41,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,480 ล้านบาท หรือ 18.27% ส่วน ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ขึ้นจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 6 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 41,631.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,354.06 ล้านบาท หรือ 18.01%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA หล่นมาอยู่อันดับ 7 จากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 35,100.85 ล้านบาท ลดลง 6,112.30 ล้านบาท หรือ 14.83%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ปีนี้ ตกเป็นของ ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่ม บริษัท บี.กริม กลุ่มธุรกิจสัญชาติเยอรมันยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าแห่งธุรกิจพลังงาน, โรงไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องปรับอากาศ, คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ โดยขยับขึ้นจากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว จากการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 26,028.87 ล้านบาท ลดลง 770.38 ล้านบาท หรือ 2.87%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ก้าวเข้ามาติดทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทย โดยขึ้นมาอยู่อันดับ 9 จากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้น CBG ในสัดส่วน 21% มูลค่า 25,200 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 630 ล้านบาท หรือ 2.56% จากราคาหุ้น CBG ที่ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กลับเข้าสู่ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับ 10 หลังจากหล่นไปอยู่อันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นที่คีรีถือครองมีมูลค่ารวม 24,632.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,051.52 ล้านบาท หรือ 19.69%

ทั้งนี้ หลังจากปัจจัยลบต่างๆ ในปีที่ผ่านมาได้คลี่คลายลง ทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดจากผลกระทบของ COVID-19 ไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัส COVID-19 ที่ทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตน้อยลง หลายประเทศเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่ใช้คำนวณมูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,605.68 จุด จากปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 1,237.04 จุด เพิ่มขึ้น 368.64 จุด คิดเป็น 29.80% ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2564 เพิ่มขึ้น 331,463 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป เพราะล่าสุดมีการพบไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน (Omicron) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลว่าอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำมากกว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสในอดีต และอาจจะลดประสิทธิภาพของวัคซีนเจเนอเรชั่น 1 ลง ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์ และแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบมาถึงความมั่งคั่งในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

]]>
1365873
“สารัชถ์ รัตนาวะดี” แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 63 สมัย 2 รวย 1.1 แสนล้านบาท https://positioningmag.com/1309463 Tue, 08 Dec 2020 04:02:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309463 พิษ COVID-19 กระหน่ำตลาดหุ้นไทย ฉุดความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 หดหายกว่า 1.4 แสนล้านบาท บิ๊กพลังงานสารัชถ์ รัตนาวะดียึดบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 2 ครองหุ้นกัลฟ์ มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท รวยลดลง 5.7 พันล้านบาท

รวยลดลง 5.7 พันล้าน

.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถนั่งแท่นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ถือหุ้นบางกอกแอร์เวย์สโรงพยาบาลกรุงเทพ/นนทเวช รวมมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท รวยลดลง 1.6 หมื่นล้านบาท นักลงทุนรายใหญ่ทายาทโอสถสภานิติ โอสถานุเคราะห์ติดอันดับ 3 รวย 4.8 หมื่นล้านบาท

ปีนี้เป็นปีที่ 27 แล้ว ที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2563

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ปรากฏว่า เศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 115,290 ล้านบาท รวยลดลง 5,670 ล้านบาท หรือ 4.69% ซึ่งสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วน 35.44%

ย้อนไปเมื่อปี 2562 ที่สารัชถ์ได้ก้าวเข้ามาขึ้นเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีแรก ขณะนั้นมูลค่าของหุ้น GULF ทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 160 บาท ( 30 กันยายน 2562 ราคาพาร์อยู่ที่ 5 บาท) เพิ่มขึ้นถึง 83.75 บาท หรือ 109.84% จากราคาเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ 45.00 บาทต่อหุ้นเมื่อปี 2561

แต่มาในปีนี้หุ้น GULF ก็หนีไม่พ้นผลกระทบจาก COVID-19 ที่ฉุดให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างหนัก โดยราคาหุ้น GULF ตกลงมาอยู่ที่ 30.50 บาท ลดลงไป 4.69% ( 30 กันยายน 2563 ราคาพาร์ปรับเป็น 1 บาท) ความมั่งคั่งของสารัชถ์ในปีนี้จึงลดลงไปกว่า 5,600 ล้านบาท

เจ้าสัวเจริญรวยเพิ่มขึ้น 2.7 หมื่นล้าน 

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพนนทเวช และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 50,079.31 ล้านบาท ซึ่งหุ้นที่หมอเสริฐถือครองทั้ง บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส  บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)  บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) นั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ต้องหยุดชะงักไปจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็ราคาทรุดลงจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่หดหายไป ส่งผลให้ปีนี้หมอเสริฐรวยลดลง 16,031.33 ล้านบาท หรือ 24.25%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ ยังคงเป็นของ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 48,181.64 ล้านบาท ลดลง 431.68 ล้านบาท หรือ 0.89%  สำหรับพอร์ตการลงทุนของนิติในปีนี้ ประกอบด้วยหุ้นทั้งหมด 12 บริษัท โดยลงทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้วใน 10 บริษัท และมีหุ้นใหม่ในพอร์ตอีก 2 บริษัทที่ลงทุนเพิ่ม

เศรษฐีหุ้นอันดับได้แก่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัททีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA ขยับมาอยู่ที่ 4 จากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) และ บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) รวมมูลค่า 41,213.15 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 157.85 ล้านบาท หรือ 0.38%

เศรษฐีหุ้นอันดับได้แก่ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี หลังจากก้าวเข้ามาติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 23 เมื่อปีที่แล้ว รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 38,178.70 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 27,848.13 ล้านบาท หรือ 269.57% จากการนำ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ซึ่งเป็น Holding Company ที่ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีซีซี กรุ๊ปทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม/การบริการ และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2562

นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (SEG)  ซึ่งเป็น Holding Company ของกลุ่มสิริวัฒนภักดี ลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย และลิสซิ่งอีกด้วย

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 และอันดับ 7 ได้แก่  2 เศรษฐีหุ้นเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6 จากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่า 35,460 ล้านบาท ลดลง 5,580 ล้านบาท หรือ 13.60% ส่วน  ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ขึ้นจากอันดับ 8 มาอยู่อันดับ 7 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 35,277.91 ล้านบาท ลดลง 5,563.30 ล้านบาท หรือ 13.62%

เศรษฐีหุ้นอันดับได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 34,412.43 ล้านบาท ลดลง 7,671.82 ล้านบาท หรือ 18.23%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่  คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ขยับขึ้นเช่นเดียวกับเจ้าสัวเจริญ โดยขึ้นจากอันดับ 23 เมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 28,728.70 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 18,398.13 ล้านบาท หรือ 178.09%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กลุ่มธุรกิจสัญชาติเยอรมันยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าแห่งธุรกิจพลังงาน, โรงไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องปรับอากาศ, คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ โดยขยับขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว จากการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 26,798.95 ล้านบาท ลดลง 632.63 ล้านบาท หรือ 2.31%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19  มาตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวทรุดตัวลงอย่างหนัก ส่งผลมายังตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันที่ใช้คำนวณมูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1,237.04 จากปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 1,637.22  ลดลงถึง 400.18 จุด คิดเป็น 32.35% ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2563 ลดลงถึง 140,796 ล้านบาท หรือ 7.09%

]]>
1309463
“สารัชถ์ รัตนาวะดี” แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 62 รวย 1.21 แสนล้านบาท โค่น “หมอเสริฐ” แชมป์ 6 สมัย https://positioningmag.com/1256669 Thu, 12 Dec 2019 02:53:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1256669 เผยแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 “สารัชถ์ รัตนาวะดีรวย 1.21 แสนล้านบาท หุ้นกัลฟ์ราคาพุ่งหนุนนั่งบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นปีแรก อันดับ 2 “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถมูลค่า 6.61 หมื่นล้านบาท

อันดับ 3 นิติ โอสถานุเคราะห์รวย 4.86 หมื่นล้านบาท ด้านเจ้าสัวเจริญคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดีติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ IPO

วารสารการเงินธนาคารร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2562 สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562

ปรากฏว่าทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 ได้ต้อนรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนใหม่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 120,960 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 63,315 ล้านบาท หรือ 109.84% ซึ่งหุ้นที่ถือครองมีเพียง 1 บริษัท คือ GULF โดยถือหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 35.44%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือหมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 66,110.64 ล้านบาท รวยลดลง 11,018.68 ล้านบาท หรือ 14.29% ความมั่งคั่งของหมอเสริฐที่ลดลงในปีนี้เนื่องมาจากหุ้นที่ถือครองทั้ง 3 บริษัท คือ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) ราคาตกลงจากปีที่แล้ว โดยหมอเสริฐเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 6 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556-2561

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ นักลงทุนรายใหญ่ทายาทอาณาจักรโอสถสภา นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ก้าวจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 48,613.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,648.61 ล้านบาท หรือ 52.08% นอกจากพอร์ตหุ้นที่ลงทุนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ปีนี้ยังถือครองหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 โดยนายนิติเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 16.28%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ขยับจากอันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นที่ถือครองรวมมูลค่าทั้งสิ้น 43,080.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,708.42 ล้านบาท หรือ 51.84% เนื่องจากราคาหุ้น BTS และ บมจ.วี จี ไอ โกบอล มีเดีย (VGI) ปรับตัวสูงขึ้นมากจากปีที่แล้ว เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หล่นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 42,084.25 ล้านบาท ลดลง 125.16 ล้านบาท หรือ 0.30%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,055.30 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 34,162.15 ล้านบาท หรือ 495.60% จากการเข้าลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม (Backdoor Listing) ใน บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวนรัชต์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ใน STARK ที่ 73.37%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 และ 8 ได้แก่ 2 เศรษฐีหุ้นเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 7 จากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTC มูลค่า 41,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,300 ล้านบาท หรือ 18.13% ส่วนนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ร่วงจากอันดับ 4 ลงมาอยู่อันดับ 8 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 40,841.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,448.98 ล้านบาท หรือ 15.40%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ นายพิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ถูกเบียดลงมาจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 32,596.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,677.46 ล้านบาท หรือ 12.72% และเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ร่วงจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 27,469.19 ล้านบาท ลดลง 5,431.16 ล้านบาท หรือ 16.51%

ด้านเจ้าสัวเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับ 23 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองคนละ 10,330.57 ล้านบาท จากการนำ บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (SEG) Holding Company ของกลุ่มสิริวัฒนภักดีที่ลงทุนในธุรกิจประกันอาคเนย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 โดยเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาถือหุ้น SEG สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วนเท่ากันที่ 37.38% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ปรากฏชื่ออย่างเป็นทางการในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2563 น่าจะได้เห็นความมั่งคั่งของเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล จากการนำ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) Holding Company ที่ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีซีซี กรุ๊ปเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ด้วยมูลค่า IPO รวม 185,742 ล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ซึ่งเจ้าสัวเจริญถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ในสัดส่วน 25.12% และคุณหญิงวรรณาถือหุ้นอันดับ 3

Source

]]>
1256669