เศรษฐีอเมริกัน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 19 May 2022 11:01:40 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จำนวน ‘เศรษฐีอเมริกา’ ที่ถูกตรวจสอบ ‘ภาษี’ ลดลงเหลือ 2% จาก 16% https://positioningmag.com/1385965 Thu, 19 May 2022 08:59:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385965 กลายเป็นว่าในช่วง 10 ปีมานี้ จำนวนเศรษฐีชาวอเมริกันที่ถูกตรวจสอบภาษีมีอัตราลดลง โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพนักงานและการขาดแคลนเงินทุนของ Internal Revenue Service ที่ทำหน้าที่ดังกล่าว

อัตราการตรวจสอบภาษีคนอเมริกันที่มีรายได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญต่อปี ลดลงเหลือเพียง 2% ในปี 2019 จากมากกว่า 16% ในปี 2010 ตามรายงานจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง ซึ่งหมายความว่ามีเพียง 1 ใน 50 ของผู้มีรายได้สูงเท่านั้นที่ได้รับการตรวจสอบในปี 2019 เทียบกับ 1 ใน 6 ในปี 2010

การตรวจสอบที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรวย กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรงในสหรัฐฯ โดยรายงานคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2011-2013 มีผู้เสียภาษีรายงานภาษีเงินได้ต่ำกว่าความเป็นจริงรวมแล้วถึง 2.45 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี

สาเหตุหลักของการตรวจสอบที่ลดลงตามรายงานคือ การขาดเงินทุนของ IRS ในปีงบประมาณ 2021 โดยงบประมาณของหน่วยงานอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่างบประมาณประจำปี 2010 ที่ 200 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังพบว่าระดับการรับพนักงานลดลงสู่ระดับเดียวกับปี 1917 โดยกรมสรรพากรสหรัฐฯ ระบุว่า มีแผนที่จะจ้างพนักงาน 10,000 คนเพื่อจัดการกับงานในมือจำนวน 20 ล้านรายการเพื่อเรียกเก็บภาษีที่ยังไม่ได้ดำเนินการ

การลดลงของเงินทุนและผู้ตรวจสอบหมายความว่า ผู้เสียภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้มีรายได้สูง มีโอกาสน้อยที่จะถูกจับได้ว่าจ่ายภาษีน้อยกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อัตราการตรวจสอบโดยรวมสำหรับผู้เสียภาษีชาวอเมริกันลดลงเหลือ 0.2% ในปี 2019 จาก 0.9% ในปี 2010

แม้คนรวยยังคงถูกตรวจสอบในอัตราที่สูงกว่าประชากรผู้เสียภาษีทั่วไป ทว่าในช่วง 10 ปีนี้อัตราการตรวจสอบของพวกเขาลดลงในอัตราที่สูงกว่ามาก อัตราการตรวจสอบสำหรับผู้เสียภาษีที่มีรายได้ระหว่าง 5-10 ล้านดอลลาร์ลดลงเหลือ 1.4% จาก 13.5%

อย่างไรก็ตาม ผู้มีรายได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ เห็นว่าอัตราการตรวจสอบลดลงเหลือ 3.9% ในปี 2019 จาก 21.2% ในปี 2010 ในขณะที่อัตราการตรวจสอบสำหรับผู้มีรายได้ 10 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับปีภาษี 2017-2018 เนื่องจากกรมธนารักษ์กำหนดให้มีการตรวจสอบน้อย 8% สำหรับผู้ที่ทำเงินได้ตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เสนอให้ลงทุน 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเทคโนโลยีใหม่และเพิ่มผู้ตรวจสอบบัญชีที่ IRS มากขึ้นเพื่อเพิ่มการเก็บภาษีอีก 7 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี

Source

]]>
1385965
ถอดรหัส Mark Cuban เศรษฐีอเมริกัน คนแบบไหน “ควรจ้าง” และประเภทไหน “ไม่ควร” https://positioningmag.com/1326801 Tue, 06 Apr 2021 16:26:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326801 Mark Cuban เป็นมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตัวเอง สายตาเฉียบคมเรื่องการลงทุนในบริษัทที่ทำกำไรมหาศาลส่งให้โลกจับตาทุกครั้งเมื่อ Cuban ลุกขึ้นมาทำอะไร โดยเฉพาะรอบนี้ที่เจ้าของทีมบาสเกตบอล Dallas Mavericks เปิดใจเผยถึงแนวคิดการบริหารคน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเลือกคนที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ Mark Cuban เจ้าพ่อมหาเศรษฐีอเมริกันกล่าวในพอดคาสต์ตอนล่าสุดว่าทุกธุรกิจต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับพนักงานที่ทุกธุรกิจล้วนต้องการคนที่สามารถเร่งการเติบโตได้ และพนักงานคนนั้นต้องรู้ว่าเจ้านายต้องการทำอะไรให้สำเร็จ ซึ่งจะลงตัวพอดีกับวิสัยทัศน์ที่วางไว้

ในพอดคาสต์ “Starting Greatness” Mark Cuban ยังฉายอีกหลายไอเดียของการเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ไว้อย่างน่าฟัง ซึ่งทุกไอเดียของนักลงทุนรายใหญ่ของรายการ Shark Tank ทางสถานี ABC ล้วนสามารถนำไปเป็นแนวคิดปรับปรุงตัวเองได้

จ้างคนผิดทำปวดหัว

Mark Cuban ย้ำว่าการได้ตัวพนักงานมือดีถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการจ้างคนผิดอาจทำให้เกิดอาการ ปวดหัวโดยไม่จำเป็น

หากต้องตัดสินใจว่าจะจ้างใคร Mark Cuban แนะนำให้ถามตัวเองให้ดีว่าบุคลิกภาพ เป้าหมาย และแรงบันดาลใจของผู้สมัครงานนั้นสอดคล้องกับศักยภาพหลักของบริษัทหรือไม่ เพราะพนักงานประเภทนี้จะเป็นผู้ลดความตึงเครียดที่จะหาทางออกให้บริษัทเติบโตขึ้นไปในอนาคต

Mark Cuban ย้ำว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อให้ใครมานั่งทำให้เกิดความเครียดมากมายในบริษัท แทนที่จะเป็น stress creator ให้ท่องไว้ว่าบริษัทต้องการพนักงานกลุ่ม stress-reducer ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการทำโอทีหรือใครที่มาสายโทรศัพท์นอนหลับกลับก่อน 

คีย์เวิร์ดคือ stress-reducer

Cuban ชี้ว่าบริษัทวันนี้ยังต้องการพนักงานทั่วไปที่ทำงาน 9 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็นอยู่ เนื่องจากบริษัทต้องการพนักงานที่ทำงานกิจวัตรได้ดี และหากบอกให้พนักงานกลุ่มนี้ทำงาน A, B และ C ทุกคนก็จะทำ A, B และ C อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ stress-reducer เช่นกัน

แต่พนักงานบางคนอาจต้องการก้าวไปไกลกว่านั้นเพื่อทำงาน D, E และ F ให้สำเร็จด้วย Cuban จึงแนะไว้ในพอดคาสต์ว่าบริษัทอาจจ้างคนกลุ่มนี้ไว้บ้าง แต่จะต้องระวังไม่ให้จ้างไว้มากเกินไป เพราะพนักงานกลุ่มนี้อาจทำงาน A, B และ C ไม่เสร็จ

นอกจากนี้ บริษัทยังอาจมีพนักงานที่เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ซึ่งข้ามไปที่งาน “G, H และ I” เลยโดยไม่ได้ขอให้ทำ ซึ่งถ้าบริษัทไหนไม่พยายามทำให้คนกลุ่มนี้อยู่ในตำแหน่งที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันได้ พนักงานกลุ่มนี้ก็จะเป็นปัญหา เพราะคนกลุ่มนี้จะไม่เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งองค์กรก็ไม่สามารถขัดแย้งในวิสัยทัศน์หลักของบริษัทได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้องค์กรต้องจ้างคนที่เหมาะสม ให้เข้ากับบทบาทที่เหมาะกัน

ทำตัวเองเป็น “glue guy”

Cuban ยังยกตัวอย่างถึงความสำคัญของการมี “glue guy” ในทีมบาสเกตบอล glue guy เป็นผู้เล่นในทีมที่ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่มักเป็นคนที่ใครๆก็ภูมิใจที่มีผู้เล่นคนนี้อยู่ร่วมทีม สำหรับ Cuban มองว่า glue guy คือคนที่รู้บทบาทของตัวเอง คนกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญเพราะจะเป็นคนที่ยอมส่งบอลหรือทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมทำแต้มได้ แม้ว่าอาจไม่ได้รับเครดิตทั้งหมดสำหรับชัยชนะ ซึ่งคนแบบนี้จะเป็นคนที่บริษัทขาดไม่ได้

Cuban บอกว่าคนเหล่านี้คือคนที่บริษัทจะเลี้ยงดูเชิดชู แม้ว่าจะไม่ได้ขอก็ตาม เพราะบริษัทรู้และรู้ได้เร็วมากด้วยว่าบริษัทจะขาดพนักงานแบบนี้ไม่ได้

glue guy นี้เองที่ Cuban เชื่อว่าจะเป็นคนที่สามารถค้นหาข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนของบริษัทได้ ซึ่งสิ่งที่บริษัทต้องทำต่อก็คือแก้ปัญหาให้จบด้วย บริษัทจึงจะเดินหน้าได้สมบูรณ์

บทสรุปที่ Cuban ให้ไว้ในพอดคาสต์ คือจงจ้างช้าๆ และไล่ออกเร็วๆและเมื่อไรที่บริษัทรู้แล้วว่าใครเป็น stress-reducer บริษัทจะต้องกำจัดให้เด็ดขาดก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้.

ที่มา

]]>
1326801