เหล้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 15 Mar 2021 11:48:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เหล้าจีน “เหมาไถ” ขึ้นอันดับ 1 บริษัท “สุรา” ที่ใหญ่ที่สุดของโลก! https://positioningmag.com/1323413 Mon, 15 Mar 2021 09:45:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323413 หากไม่เคยร่วมงานฉลองของชาวจีน เป็นไปได้สูงว่าคุณจะไม่รู้จักสุรา “เหมาไถ” แต่บริษัทผู้ผลิตสุราแบรนด์นี้คือ “กุ้ยโจวเหมาไถ” กลับมีมูลค่าบริษัทพุ่งทะยานขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกไปแล้ว ทั้งที่ยอดขายเกือบทั้งหมดคือ 97% มาจากประเทศจีน มีการขายนอกประเทศต้นกำเนิดน้อยมาก

เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัท “กุ้ยโจวเหมาไถ” ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นถึง 70% จนมูลค่าบริษัทวิ่งแซง 4 ธนาคารยักษ์ของจีนทั้งหมด และเคยขึ้นไปพีคสุดวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 ก่อนเทศกาลตรุษจีน ทำให้มูลค่าบริษัทวิ่งขึ้นไปถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ!

แม้ขณะนี้ราคาหุ้นจะปรับลดลงมาแล้ว แต่มูลค่าบริษัทที่ยังสูง 3.81 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ณ วันที่ 15 มีนาคม 2021) ก็ทำให้เหมาไถกลายเป็นบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกตีมูลค่าไว้สูงที่สุดในโลก แซงหน้า “เอบีอินเบฟ” ผู้ผลิตเบียร์ “บัดไวเซอร์” ที่มีมูลค่าตลาด 1.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐไปแบบไม่เห็นฝุ่น

เหล้าเหมาไถ

สุราที่ถูกยกเป็น “เหล้าประจำชาติ”

เหมาไถคืออะไร? แบรนด์นี้คือสุราชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เหล้าไป่จิ๋ว” เป็นเหล้าสีขาวใสที่มีระดับแอลกอฮอล์ 43-53% รสชาติจึงแรงบาดคอดังที่มีคนให้นิยามไว้ว่าเป็นเหล้าที่ “แรงเหมือนมีดโกน” หรือ “สุราไฟ”

แม้เหล้าจะแรงแต่กลับเป็นที่นิยมมากในจีน โดยถูกยกให้เป็นเหล้าประจำชาติ และเป็นเหล้าแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต มักจะถูกวางไว้ตามโต๊ะจีนในงานเลี้ยงสำคัญ และเสิร์ฟในร้านอาหารหรูกับโรงแรมห้าดาว มีประวัติเป็นเหล้าที่ใช้เสิร์ฟเพื่อต้อนรับ ปธน. ริชาร์ด นิกสัน ในปี 1972 รวมถึง ปธน. บารัค โอบามา ในปี 2013 เมื่อคราวที่ทั้งคู่มาเยือนประเทศจีน

เหมาไถมีสีขาวใส

นอกจากจะเสิร์ฟบนโต๊ะงานเลี้ยงแล้ว เหมาไถยังเป็นทั้งของขวัญและของสะสม แม้ว่าราคาขายของรุ่นพรีเมียมจะสูงถึง 8,500 บาทต่อขวดขนาด 500 ml ก็ตาม ทำให้ซัพพลายการผลิตไม่เพียงพอ โดยการเร่งผลิตนั้นทำได้ยาก เพราะเหมาไถก็เป็นเหมือนแอลกฮอล์อื่น เช่น แชมเปญ ที่ต้องผลิตในพื้นถิ่นนั้นๆ เท่านั้น ในกรณีของเหมาไถคือจะต้องผลิตที่ “กุ้ยโจว” ซึ่งมีดิน น้ำ และอุณหภูมิเหมาะสม และการเก็บเกี่ยวข้าวฟ่างมาใช้ผลิตก็ทำได้แค่ปีละครั้ง ทั้งยังต้องหมักบ่มนาน 3-5 ปี จึงทำให้เหมาไถคือของหายาก

แม้กระทั่งในช่วงโรคระบาดเมื่อปีก่อน เหมาไถก็ยังขายได้เกลี้ยงชั้นวาง เพราะคนจีนถือว่าสุราแบรนด์นี้เทียบได้กับกระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ ทำให้เศรษฐีที่อัดอั้นไม่ได้ใช้เงินเที่ยวต่างประเทศ หันมาซื้อสินค้าลักชัวรีเหล่านี้เพื่อเก็บไว้แทน โดยนักวิเคราะห์บริษัท Bernstein คาดว่า รายได้ของกุ้ยโจวเหมาไถปี 2020 น่าจะไปแตะ 9.77 หมื่นล้านหยวน เติบโต 10% จากปีก่อนหน้า ทั้งที่เกิดโรคระบาดและมีงานฉลองลดน้อยลง

 

อนาคตของ “เหมาไถ” ต้องเร่งขยายตลาด

ดังที่กล่าวไปว่า ถ้าคุณไม่เคยไปเมืองจีนหรือร่วมฉลองกับคนจีน เป็นไปได้สูงที่คุณจะไม่รู้จัก “เหมาไถ” เพราะรายได้ของบริษัท 97% ยังมาจากประเทศจีนเป็นหลัก (ข้อมูลจากผลประกอบการบริษัทปี 2019)

ในแง่อนาคตของเหมาไถ บริษัทนี้จึงกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะทำให้บริษัทขยายตัวได้อย่างยั่งยืน โดยต้องทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากขึ้น แม้จะมีตัวแทนจำหน่ายไปหลายประเทศทั่วโลกแล้วก็ตาม

ตัวอย่างโฆษณาบนโซเชียลมีเดียของเหมาไถ เริ่มรุกตลาดสหรัฐฯ

CNN รายงานว่า ก่อนหน้านี้เหมาไถมีความพยายามที่จะทำตลาดหลักนอกประเทศในแอฟริกาและอเมริกามาแล้ว และเคยเซ็นสัญญาพาร์ตเนอร์กับทีมฟุตบอล “อินเตอร์ มิลาน” ในการช่วยโปรโมตสินค้าด้วย แต่เป็นสัญญาทำตลาดเฉพาะประเทศจีน ทวีปอเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ ไม่รวมทวีปยุโรป รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียของเหมาไถก็เริ่มสร้างสรรค์เมนูให้เข้ากับสากลมากขึ้น เช่น แนะนำเมนู Sunset Cocktail สูตรค็อกเทลที่ใช้เหมาไถเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น

หากเหมาไถสามารถสร้างแบรนด์ในตลาดโลกสำเร็จ ก็จะเป็นเหมือนกับสุราที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะที่กลายเป็นเหล้าระดับโลก เช่น เตกีล่าของเม็กซิโก หรือ วอดก้าของรัสเซีย

สูตรค็อกเทลเป็นหนึ่งในกุญแจเบิกทางสู่สากลและคนรุ่นใหม่

อีกประเด็นหนึ่งที่เหมาไถต้องวางแผนการตลาดคือ จะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่สนใจแบรนด์นี้มากขึ้น เพราะปัจจุบันลูกค้าหลักคือผู้ชายจีนวัย 40-60 ปี โดย “Spiros Malandrakis” ผู้จัดการฝ่ายอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ Euromonitor International มองว่าปัญหานี้คือความเสี่ยงที่สำคัญกับเหมาไถยิ่งเสียกว่าตลาดต่างประเทศ

“เจนเนอเรชันถัดไปไม่มีใครอยากจะทำเหมือนคนรุ่นพ่อแบบเป๊ะๆ แล้ว” เขาอธิบาย “และมันไม่ดีต่ออนาคตเลย ถ้าคุณไม่เริ่มทำให้มีผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ เข้ามา”

Malandrakis เปรียบเทียบกับ “เชอร์รี่” ผลไม้ที่เคยเป็นที่นิยมมากมานับร้อยปี แต่วันหนึ่งกลับเสื่อมความนิยมไป เพราะเริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “อาหารที่คนสูงวัยชอบรับประทาน”

อนาคตของเหมาไถจะรุ่งหรือจะร่วงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บางคนเชื่อว่าประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งของเหมาไถจะทำให้เหล้ายี่ห้อนี้ได้รับความนิยมสืบไป แต่บางรายก็มองว่าเหมาไถต้องเร่งปรับตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่คนรุ่นใหม่จะลืมเลือน

ที่มา: CNN, CNBC, Yahoo Finance
หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน = 0.15 ดอลลาร์สหรัฐ

]]>
1323413
“กรุงนิวเดลี” บวกค่าเหล้าเพิ่ม 70% ในรูปแบบ “ภาษีพิเศษช่วงไวรัสระบาด” หารายได้เข้ารัฐ https://positioningmag.com/1276941 Tue, 05 May 2020 15:31:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276941 ตำรวจอินเดียใช้กระบองไล่ต้อนบรรดาคอเหล้าที่ไปต่อคิวแน่นขนัดตามร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อวันที่ 4 พ.ค. หลังรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่บังคับใช้มานาน 40 วัน

ผู้นำบางรัฐในอินเดียพยายามเรียกร้องให้เปิดร้านขายเหล้ามาแล้วก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่าการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นแหล่งรายได้หลักของเงินภาษี

ฝ่ายบริหารกรุงนิวเดลีประกาศเมื่อค่ำวันที่ 4 พฤษภาคม ว่าจะเรียกเก็บ “ภาษีพิเศษช่วงไวรัสโคโรนาระบาด” โดยบวกเพิ่มราคาเหล้าไปอีก 70% ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มรายได้แก่ภาครัฐซึ่งกำลังประสบภาวะถังแตกจากพิษ COVID-19

รัฐบาลภารตะยืนยันว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และการงดกิจกรรมเกือบทุกอย่างตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. ช่วยคุมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมให้อยู่ที่ระดับ 42,500 คน และเสียชีวิตเพียง 1,400 คน ซึ่งจัดว่าค่อนข้างต่ำสำหรับอินเดียซึ่งมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน

อย่างไรก็ดี คำสั่งปิดเมืองก็ทำให้แรงงานหลายล้านคนในอินเดียต้องตกงานอย่างกะทันหัน และส่งผลกระทบไม่น้อยต่อชาติซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย

หลังจากที่เริ่มผ่อนปรนให้กับภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมตั้งแต่เดือนเมษายน ล่าสุดทางการอินเดียยังอนุญาตให้สำนักงานต่างๆ เปิดทำการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม โดยต้องคุมจำนวนพนักงานไม่เกิน 1 ใน 3 ขณะที่ร้านค้าบางประเภทก็สามารถเปิดได้ และอนุญาตให้ประชาชนนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาวิ่งบนท้องถนนได้อย่างจำกัด

เจ้าหน้าที่พยายามใช้ชอล์กขีดเป็นวงกลมเพื่อให้ผู้ที่มาต่อคิวซื้อเหล้ารักษาระยะห่างกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่

“พวกเราต้องเก็บตัวโดดเดี่ยวมานานกว่า 1 เดือน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยให้เรามีแรงที่จะเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไปในช่วงที่ไวรัสยังระบาด” อาสิต บาเนอร์จี วัย 55 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่หน้าร้านเหล้าในเมืองกัลกัตตา

ตำรวจในกรุงนิวเดลีและอีกหลายเมืองต้องใช้กระบองไล่ตีเพื่อควบคุมฝูงชน ส่วนที่เมืองกาเซียบัด (Ghaziabad) รัฐอุตตรประเทศ เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดร้านเหล้าเนื่องจากมีคนจำนวนมากรอซื้อจนคิวยาวไปหลายช่วงตึก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีชาวอินเดียนับร้อยๆ เดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนด้วยความหวังว่าร้านเหล้าจะเปิดอีกครั้ง

“ผมอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” ดีปัก กุมาร วัย 30 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างยืนรอร้านเหล้าเปิด

แม้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะถือเป็นของผิดกฎหมายในบางรัฐ เช่น รัฐคุชราต บ้านเกิดนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ทว่าอัตราการบริโภคเหล้าเบียร์ในอินเดียก็เพิ่มสูงเรื่อยๆ ขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลาง

Source

]]>
1276941