เอเวอร์แกรนด์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 18 Nov 2021 13:51:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ประธาน ‘Evergrande’ ขายทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท กู้วิกฤตหนี้บริษัท https://positioningmag.com/1362874 Thu, 18 Nov 2021 12:10:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362874 ‘เอเวอร์แกรนด์’ (Evergrande) เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของจีน และกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลายจากวิกฤตหนี้สินที่มี 10 ล้านล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการไล่ซื้อกิจการต่าง ๆ หลายปีที่ผ่านมา จนในที่สุด สีว์ จยาอิ้น ประธานเอเวอร์แกรนด์ จำต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวใช้หนี้

สีว์ จยาอิ้น ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ จำต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 7 พันล้านหยวน (3.5 หมื่นล้านบาท) เพราะประคับประคองบริษัท โดย สีว์ จยาอิ้น ขายบ้านหลายหลังในฮ่องกง, กว่างโจว และ เซินเจิ้น รวมถึงเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบางลำ

สีว์พยายามอัดฉีดเงินเข้าบริษัทตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อใช้รักษาการดำเนินงานพื้นฐานของอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ของเขา อาทิ เงินเดือนพนักงาน การจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร และสานต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศให้เสร็จ โดยปัจจุบันหุ้นในบริษัทเพิ่มขึ้นมากถึง 4.3% ในช่วงเช้าวันพุธ และล่าสุดเพิ่มขึ้น 1.1% ดังนั้น ภาพรวมหุ้นบริษัททั้งปีในปีนี้จะลดลงที่ 80%

“เอเวอร์แกรนด์” ยักษ์ใหญ่อสังหาจีน เสี่ยงล้มพร้อมหนี้ 10 ล้านล้าน ลามวิกฤตซับไพรม์เอเชีย

ที่ผ่านมา บริษัทพยายามทำทุกวิธีเพื่อใช้หนี้มูลค่าราว 10 ล้านล้านบาท โดยในช่วงปลายเดือนกันยายน บริษัทประกาศว่าจะขายหุ้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน Shengjing Bank ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ และกำลังดำเนินการขายหุ้นที่มีทั้งหมดใน HengTen Network Holdings บริษัทภาพยนตร์และสตรีมมิ่งโทรทัศน์ของจีน จำนวน 1.66 พันล้านหุ้น โดยมีมูลค่ารวม 2.13 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (273.5 ล้านดอลลาร์) โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในวันที่ 22 พ.ย. นี้

โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับการชำระเงินในรอบแรกจำนวน 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดในวันจันทร์ที่ 22 พ.ย.นี้ ส่วนเงินในส่วนที่เหลือจะได้รับการชำระภายใน 2 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า Evergrande จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปชำระดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงสะสมเงินเพื่อใช้ชำระดอกเบี้ยมูลค่า 255 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

Source

]]>
1362874
“เอเวอร์แกรนด์” ยังวิกฤต ส่งมอบโครงการลดฮวบ จ่าย “บ้าน” แทนเงินใช้หนี้ซัพพลายเออร์ https://positioningmag.com/1360735 Sun, 07 Nov 2021 17:52:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360735 “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” ส่งมอบโครงการลดลง 1 ใน 3 ในช่วงเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ซัพพลายเออร์หลายแห่งเผยบริษัทได้รับชำระหนี้เป็น “อสังหาฯ” แทนเงินสด สะท้อนสภาวะที่ยังสั่นคลอนของบริษัท แม้จะทยอยจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่เลยกำหนดชำระ แต่ยังมีเส้นตายชำระหนี้รออยู่อีก

บริษัท “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” ยักษ์อสังหาริมทรัพย์จีนที่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อช่วงกลางปีและกลายเป็นความเสี่ยงต่อตลาดเงินทั่วโลก แม้จะยังยืนขอบปากเหว แต่บริษัทยังประกาศตัวว่าสามารถส่งมอบโครงการให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และจ่ายชำระหนี้ให้กับซัพพลายเออร์ได้ตามที่รัฐบาลกลางของจีนสั่งการ

เอเวอร์แกรนด์ประกาศผ่านบัญชี WeChat ทางการของบริษัทว่า บริษัทส่งมอบบ้านไปแล้ว 57,462 หน่วยจาก 184 โครงการทั่วประเทศจีน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งมอบบ้านที่ว่านั้นตกลงฮวบฮาบเมื่อเดือนตุลาคม โดยบริษัทมีการส่งมอบบ้านไปเพียง 7,568 หน่วยเมื่อเดือนก่อน ซึ่งคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของปริมาณการส่งมอบเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพคล่องของบริษัทเริ่มมีปัญหามากขึ้น

“การสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะส่งมอบบ้านได้คือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเอเวอร์แกรนด์” บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเสิ่นเจิ้นระบุบน WeChat “ทุกคนในบริษัทนี้ที่นำโดย ฮุยคายัน ประธานบริษัท ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะส่งมอบโครงการคุณภาพด้วยกำลังสูงสุดและด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามที่เป็นไปได้”

Xu Jiayin, chairman of Guangzhou’s Evergrande (Photo by Visual China Group via Getty Images/Visual China Group via Getty Images)

ในรายงานภายในเมื่อเดือนสิงหาคม ฮุยคายันยอมรับว่ายอดหนี้หลายพันล้านหยวนที่ต้องจ่ายให้ซัพพลายเออร์ยังคงค้างชำระ และทำให้โครงการที่อยู่อาศัยบางแห่งของบริษัทหยุดการก่อสร้างไปชั่วคราว

เมื่อสภาพคล่องสะดุดลงทำให้บริษัทต้องจ่ายหนี้ซัพพลายเออร์เป็นอสังหาฯ แทนเงินสด เช่น D&O Home Collection ซัพพลายเออร์เฟอร์นิเจอร์ ระบุว่าบริษัทได้รับชำระหนี้เป็นอสังหาฯ จากเอเวอร์แกรนด์ คิดเป็นมูลค่า 39 ล้านหยวน หรือ WorldUnion โบรกเกอร์อสังหาฯ ก็บอกเช่นกันว่า บริษัทได้รับชำระหนี้เป็นแฟลตมูลค่ารวม 253 ล้านหยวนแทน

สำหรับการชำระหนี้หุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์ เมื่อเดือนก่อนบริษัทมีการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ไปแล้ว 2 ชุด มูลค่ารวม 128.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นดอกเบี้ยที่เกินกำหนดชำระมาแล้ว 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม ดีเวลอปเปอร์ยักษ์ที่มีหนี้พอกพูนมหาศาลก็ยังไม่พ้นอันตราย เพราะเส้นตายการชำระหนี้ครั้งต่อไปกำลังใกล้เข้ามา ดอกเบี้ยหุ้นกู้มูลค่า 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐจะต้องชำระภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

Source

]]>
1360735
“จีน” อัดฉีดเงิน 14,000 ล้านดอลลาร์ อุ้ม “เอเวอร์แกรนด์” https://positioningmag.com/1352495 Sat, 18 Sep 2021 14:08:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352495 สื่อต่างประเทศรายงานว่า จีนอัดฉีดเงินสดเข้าระบบธนาคารมากขึ้น โดยทางการกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการบีบเงินทุนท่ามกลางความต้องการทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และวิกฤตหนี้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นที่ไชน่า เอเวอร์แกรนด์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีน ( PBOC) ได้เพิ่มเงินทุนจำนวน 90,000 ล้านหยวน (14,000 ล้านดอลลาร์) บนพื้นฐานสุทธิผ่านข้อตกลงการซื้อคืนย้อนหลัง 7 วันและ 14 วันในวันศุกร์ ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยวันนี้เป็นครั้งแรกในเดือนนี้ที่เพิ่มสภาพคล่องระยะสั้นกว่ามากกว่า หนึ่งหมื่นล้านหยวนเข้าสู่ระบบธนาคารในวันเดียว

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาหนี้ที่ ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) เผชิญอยู่ทำให้เกิดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ ซึ่งมีความต้องการเงินสดที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลเนื่องจากธนาคารลังเลที่จะปล่อยกู้ในช่วงสิ้นไตรมาสก่อนการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ สภาพคล่องมีแนวโน้มลดลงในช่วงเวลานี้ของปี ก่อนวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ในช่วงต้นเดือนตุลาคม

นักเศรษฐศาสตร์ Societe Generale SA ที่นำโดย เว่ย เหยา ได้เขียนไว้ในบันทึกการวิจัยว่า “การหลีกเลี่ยงการบีบสภาพคล่องอย่างเป็นระบบ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธนาคารกลางจีน และมีความหมายที่จะทำเช่นนั้น การล่มสลายของตลาดการเงินแบบเลห์แมนบราเธอร์ส ไม่ใช่สิ่งที่เรากังวล แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อและรุนแรงนั้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า”

ความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของจีนชะลอตัว ประกอบกับการควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของร้านค้าปลีก และการเดินทาง ในขณะที่ขั้นตอนในการลดราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จีนรายงานว่ายอดค้าปลีกในเดือนสิงหาคมชะลอตัวลงมากเกินคาด ประกอบกับการเติบโตของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลง

Photo : Shutterstock

ธนาคารกลางจีน กำลังมองหาการสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการทำให้แน่ใจว่าการอัดฉีดเงินสดจะไม่ส่งผลให้เกิดฟองสบู่ของสินทรัพย์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ได้งดการเพิ่มสภาพคล่องระยะกลางเพิ่มเติมเนื่องจากเงินกู้ยืมตามกรมธรรม์ถึงกำหนดชำระ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลาง ยังได้อัดฉีดเงินจำนวน 50,000 ล้านหยวน และอีก 50,000 ล้านหยวน ซึ่งไม่ได้ใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

แอลวิน แทน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในเอเชียของ Royal Bank กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่จะบอกว่าสถานการณ์ของ เอเวอร์แกรนด์ และผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในวงกว้างจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของจีนมากกว่าการปราบปรามด้านกฎระเบียบอื่นๆ ของแคนาดาในฮ่องกง “ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ธนาคารกลาง ทำหน้าที่ควบคุมผลกระทบในตลาดเงิน”

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเอเวอร์แกรนด์กำลังกระตุ้นให้ผู้เฝ้าดูจีน จับตาดูสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงความเจ็บปวดที่พรรคคอมมิวนิสต์ยินดีจะยอมทน และใช้แรงกดดันในการแทรกแซงเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีสัญญาณของการลุกลามบานปลายทางการเงินเพิ่มขึ้น

อุตสาหกรรมจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านเครดิตหากเอเวอร์แกรนด์ ผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้ฯ ฟิทช์เรทติ้งส์เตือน ธนาคารขนาดเล็กและนักพัฒนาที่มีช่องโหว่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยหนี้สินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ความเครียดด้านสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนในวงกว้าง ทั้ง มอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley) และ โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ลดการคาดการณ์สำหรับอุตสาหกรรมฯ โดยอ้างถึงการผิดนัดของเอเวอร์แกรนด์

Source

]]>
1352495
“เอเวอร์แกรนด์” ยักษ์ใหญ่อสังหาจีน เสี่ยงล้มพร้อมหนี้ 10 ล้านล้าน ลามวิกฤตซับไพรม์เอเชีย https://positioningmag.com/1352027 Thu, 16 Sep 2021 07:25:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352027 เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ประชาชนจีนกว่าร้อยคน ได้บุกเข้าไปยังอาคารสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเหิงต้า หรือ ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ พร้อมเรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน หุ้นกู้ และเงินดาวน์โครงการพัฒนาต่างๆ หลังมีข่าวแพร่สะพัดว่า บริษัทกำลังประสบปัญหาทางการเงิน มีหนี้สินสูงถึง 1.97 ล้านล้านหยวน (ราว 10 ล้านล้านบาท หรือราว 3.56 แสนล้านดอลลาร์) ถือเป็นธุรกิจเอกชนที่มีหนี้มากที่สุดในโลก

เอเวอร์แกรนด์ เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นหนี้สินมากที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับภาวะล้มละลายหลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการไล่ซื้อกิจการต่างๆ หลายปีที่ผ่านมา

ขณะที่วิกฤติสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของเอเวอร์แกรนด์ ทำให้เกิดความกลัวว่า จะผิดนัดชำระหนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงในวงกว้างต่อระบบการเงินของจีน

เอเวอร์แกรนด์นั้น ใหญ่แกรนด์แค่ไหน ว่ากันว่าก็คงขนาดที่ว่าหากล้มละลาย นับเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และอาจรวมถึงโลกด้วย

เป็นเหตุให้หลายฝ่ายจับตาว่ารัฐบาลจีนยื่นมือเข้าอุ้มหรือไม่ เพราะการล้มของเอเวอร์แกรนด์มีนัยสำคัญกับเศรษฐกิจจีนและเชื่อมโยงกับตลาดโลก

1. เอเวอร์แกรนด์ (Evergrande) คือใคร?

เอเวอร์แกรนด์ หรือไชน่าเอเวอร์แกรนด์ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของบริษัท มีการดำเนินธุรกิจโครงการมากกว่า 1,300 โครงการ ในกว่า 280 เมือง เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศจีน และติดอันดับหนึ่งใน 150 บริษัทชั้นนำของโลก เมื่อพิจารณาจากรายได้ จากข้อมูลของ Fortune 500 บริษัทมีพนักงานมากกว่า 123,000 คน และมีรายได้รวม 7.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2020

การปฏิรูปของจีนได้เปิดเศรษฐกิจการพัฒนาที่ดิน บริษัทได้สร้างและสะสมความมั่งคั่งในช่วงหลายทศวรรษของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว

Xu Jiayin, boss of Evergrande (Photo credit should read Feature China/Barcroft Media via Getty Images)

บริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยนักธุรกิจมหาเศรษฐี สีว์จยาอิ้น ปัจจุบันเขาได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์ ให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในประเทศจีนและเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 31 ของโลก อีกทั้งได้รับการจัดอันดับในรายงานความมั่งคั่งล่าสุดจากรายงานของหูรุ่น ยกให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของประเทศ

สีว์จยาอิ้น วัย 62 ปี มหาเศรษฐีที่สร้างฐานะตัวเอง เติบโตจากความยากจนในชนบท มาเป็นเจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ กำลังต่อสู้เพื่อกอบกู้กลุ่มบริษัทของเขาจากหนี้มหาศาล และอาจเป็นต้นเหตุแห่งการล่มสลายที่ใกล้เข้ามาแล้ว ของชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

การประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน เอเวอร์แกรนด์เรียลเอสเตทกรุ๊ป (Evergrande Real Estate Group) เมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ก็ยิ่งย้ำให้เห็นภาพของต้นหนที่สละเรือซึ่งกำลังใกล้จะจม

2. เอเวอร์แกรนด์ ทำอะไร-ที่ไหน?

ในขณะที่กิจการส่วนใหญ่ของเอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้เริ่มดำเนินการกระจายความเสี่ยงทั้งหมดไปยังกิจการนอกกลุ่ม

โดยนอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้เอเวอร์แกรนด์ยังซื้อสโมสรฟุตบอลกว่างโจว เอฟซี (เดิมคือกวางโจว เอเวอร์แกรนด์)

Photo : Shutterstock

เอเวอร์แกรนด์ ยังเข้าไปในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม มีทั้งกิจการน้ำแร่และอาหารที่กำลังเฟื่องฟูด้วยแบรนด์ Evergrande Spring

นอกจากนี้ ยังสร้างสวนสนุกสำหรับเด็ก ซึ่ง “มโหฬาร” กว่าของค่ายดิสนีย์ คู่แข่ง

เอเวอร์แกรนด์ ยังได้ลงทุนในภาคการท่องเที่ยว ดิจิทัล อินเทอร์เน็ต ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ และกิจการประกันภัย รวมทั้งลงทุนกิจการรถยนต์ไฟฟ้า (Evergrande Auto) ในปี 2019 (ทั้งที่ไม่ได้เคยทำการตลาดยานพาหนะใดๆ เลย)

3. เอเวอร์แกรนด์ มีปัญหาอะไร?

ปัญหาในระยะสั้นของเอเวอร์แกรนด์ คือ หนี้สิน ซึ่งกลุ่มบริษัทกล่าวว่าในสัปดาห์นี้ หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.97 ล้านล้านหยวน (ราว 10 ล้านล้านบาท หรือราว 3.56 แสนล้านดอลลาร์) และเตือนถึง “ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หากบริษัทผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้”

หนึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นเอเวอร์แกรนด์ ตกมากกว่า 70% ขณะที่ผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์หลายรายบ่นว่าไม่ได้รับเงินตรงเวลา มีข่าวเจ้าหนี้ต่าง ๆ ของยักษ์ใหญ่รายนี้ พากันฟ้องเรียกร้องหนี้ตลอดมา

ปีที่แล้ว มีจดหมายภายในรั่วไหลจาก สวี่ เจียหยิ่น ประธานฯ ว่าขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในการปรับโครงสร้างใหม่ จนตลาดตื่นตระหนก แม้ว่าภายหลัง บริษัทฯ จะบอกว่าเป็นข่าวเท็จก็ตาม

4. การล่มสลายของเอเวอร์แกรนด์ จะก่อให้เกิดวิกฤตในเอเชียหรือไม่?

ปักกิ่ง ได้ตั้งฉายาเรียกกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีหนี้สิน และความเสี่ยงทางการเงินมหาศาล แต่ผู้รับผิดชอบมองไม่เห็นสัญญาณ หรือเห็นแต่คิดว่าไม่สำคัญ ว่าเป็น “แรดสีเทา” และ “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” เคยถูกพูดถึงหลายครั้งว่าเป็น “แรดสีเทาตัวยักษ์ของจีน”

ผู้เชี่ยวชาญ เคยเตือนกังวลเรื่องหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกรายนี้เสมอ และถกเถียงคาดการณ์กันว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคหรือไม่หากบริษัทนี้ล่มสลาย นักวิเคราะห์เอเชีย บางคนชวนคิดถึงสถานการณ์เช่นเดียวกับความล้มคว่ำ เรื่องอื้อฉาวของฮันโบ (Hanbo Steel) ในเกาหลีใต้ เดือนมกราคม 1997 ชนวนหนึ่งของวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย

Photo : Shutterstock

 

วิกฤตหนี้สินทั่วโลกของ เอเวอร์แกรนด์ ที่มีมากกว่า 3.56 แสนล้านดอลลาร์ แม้จะเป็นผู้ออกพันธบัตรในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐรายใหญ่ที่สุด แต่ก็กลายเป็นพันธบัตรขยะที่นักลงทุนเพียงไม่กี่รายต้องการถือในตอนนี้

ฮิลลาร์ด แม็คเบธ ผู้เขียน When the Bubble Bursts ได้โพสต์ไว้ในบล็อกของ Richardson Wealth ว่า “พันธบัตรเอเวอร์แกรนด์ ที่จะครบกำหนดในปี 2568 ปัจจุบันราคาซื้อขายต่ำกว่า 40 เซนต์ ซึ่งหมายความว่าตลาดเชื่อว่ามีโอกาสน้อยที่เอเวอร์แกรนด์จะสามารถชำระหนี้นี้ได้”

เอเวอร์แกรนด์ถูกฟ้องร้องชำระหนี้มาต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคาร ไชน่ากวงฝ่า (China Guangfa Bank Co) ชนะคดีอายัดเงินฝากของเอเวอร์แกรนด์ได้ราว 20 ล้านดอลลาร์ แต่นั่นเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์

ไม่กี่วันต่อมา ซัพพลายเออร์ของเอเวอร์แกรนด์ พากันเริ่มฟ้องร้องคดีเบี้ยวหนี้ ซึ่งรวมถึง Huaibei Mining Holdings Co ที่ฟ้องเรียกหนี้ค้างชำระจากเอเวอร์แกรนด์ 84 ล้านดอลลาร์ ฯลฯ

นอกจากนี้ สำนักงานที่ดิน เมืองหลานโจว ยังได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเอเวอร์แกรนด์ก็ค้างหนี้เช่นกัน

ปัญหาหนี้ที่พอกพูนมหาศาลทำให้หน่วยงานจัดอันดับเครดิต ลดความน่าเชื่อถือเอเวอร์แกรนด์ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจาก B- เป็น CCC (สองระดับ) ในวันที่ 5 สิงหาคม ขณะเดียวกันก็ลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนบัตรดอลลาร์สหรัฐที่ออกโดยเอเวอร์แกรนด์ จาก CCC+ เป็น CC-

S&P กล่าวว่า สถานะสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดลงอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้

“ความเสี่ยงจากการไม่ชำระเงินของบริษัทกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับพันธบัตรสาธารณะที่จะถึงครบกำหนดในปี 2565 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินเชื่อธนาคารและทรัสต์ และหนี้สินอื่นๆ ในอีก 12 เดือนข้างหน้าด้วย”

เช่นเดียวกับ หน่วยงานจัดอันดับเครดิตรายใหญ่อื่นๆ รวมถึง Moodys และ Fitch ได้ประกาศการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่คล้ายกัน

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนได้เคยพูดเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ของจีนมานานแล้ว และหากเอเวอร์แกรนด์ล่มสลายจริง … ตลาดโลกก็ย่อมตกต่ำเช่นกัน

Photo : Shutterstock

แม้ว่าปักกิ่งจะต้องการพยายามบรรเทาภัยพิบัติอย่างดีที่สุด แต่ฝ่ายบริหารก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังดูจะมีแนวทางนโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้นในการจัดการปัญหาหนี้สินในหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนและคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ไม่ปกติ ในการกระตุ้นให้เอเวอร์แกรนด์ ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงด้านหนี้สิน

ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารของบริษัท ได้ออกแถลงการณ์สาธารณะว่า “เอเวอร์แกรนด์ ในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ต้องใช้การจัดการเชิงกลยุทธ์ที่จัดทำโดยรัฐบาลกลางอย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีเสถียรภาพ และมุ่งมั่นที่จะทำให้การดำเนินงานมีความมั่นคง”

Photo : Shutterstock

แถลงการณ์ดังกล่าวยังกระตุ้นให้เอเวอร์แกรนด์ “กระจายความเสี่ยงด้านหนี้สินอย่างแข็งขัน และรักษาเสถียรภาพของอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงิน”

ฝ่ายบริหารของเอเวอร์แกรนด์ ตอบว่าจะ “ดำเนินการอย่างเต็มที่” ตามข้อกำหนดของปักกิ่ง รวมถึงการลดความเสี่ยงด้านหนี้สินและรักษาเสถียรภาพของตลาด

มีความคืบหน้าบางอย่างในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ กำลังเจรจากับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเสี่ยวหมี่ เพื่อขายหุ้นในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ประสบผลสำเร็จกับการเจรจากับเจ้าหนี้รายใหญ่เพื่อขยายสินเชื่อ แต่ขนาดของหนี้สินมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องดำเนินการอีกมากเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่หลายคนกลัวว่าเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อตลาดโลก

5. เลห์แมน บราเธอร์ส ของจีน?

ตำนานวิปโยค เลห์แมน บราเธอร์ส (Lehman Brother) วาณิชธนกิจระดับโลก ที่ประกาศล้มละลายที่ใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ก่อวิกฤตซับไพรม์ 15 กันยายน ปี 2008 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก หลังขาดทุนมหาศาลจากการลงทุนในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ กำลังจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับประเทศจีนหรือไม่

นักวิเคราะห์มองว่า มีสาเหตุที่คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นกับ เอเวอร์แกรนด์ คือ การกู้มาลงทุน เติบโตด้วยหนี้ล้วน ๆ นี่คือต้นเหตุที่นำพาไปสู่หายนะอย่างแท้จริง ทุกอย่างเริ่มต้นในช่วงเวลาตลาดขาขึ้น ความโลภเริ่มเข้าครอบงำ

Xu Jiayin, chairman of Guangzhou’s Evergrande (Photo by Visual China Group via Getty Images/Visual China Group via Getty Images)

นอกจากนี้ ยังก่อหนี้ท่วม จนสภาพคล่องต่ำ โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น ซึ่งมักได้มาจากการกู้ยืมโดยใช้เครดิต ความน่าเชื่อถือ

การขาดความระมัดระวังต่อแผนการลงทุน ประมาทไปว่าช่วงแรกคือช่วงที่อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด จนเมื่อขาดทุน ขาดสภาพคล่อง เงินสดยังแทบไม่มี

การขยายตัวอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างบ้าคลั่งด้วยหนี้จำนวนมาก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เอเวอร์แกรนด์อยู่ในสถานะอันตรายเช่นนี้ในปัจจุบัน

การล่มสลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหนี้มากที่สุดในโลกอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตลาดการลงทุนทั่วโลก จะซ้ำรอย กลายเป็น เลห์แมน บราเธอร์ส ของจีน หรือไม่?

Photo : Shutterstock

เดวิด ลิลเวล-สมิธ ผู้เขียนร่วมของ The Great Crash of 2008 ที่กำลังจับตาดูบริษัทจีนรายนี้ กล่าวว่า

“เอเวอร์แกรนด์เคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีน ตอนนี้เป็นอาคารที่โยกเยกอย่างไม่น่าเชื่อ และมีพันธมิตรธุรกิจน้อยลง”

ลิลเวล-สมิธ ยังเน้นย้ำถึงบางสิ่งที่คนวงในในอุตสาหกรรมหลายคนสงสัยมานาน กล่าวเป็นนัยว่า

“หนี้ 3 แสนล้านเหรียญนี้ อาจทำให้ เอเวอร์แกรนด์ เป็นวิปโยค เลห์แมน บราเธอร์สของจีน เป็นหนี้ขยะใต้ดินให้กับคู่สัญญาจีน (และทั่วโลก) (ซึ่งอาจรวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี) หนี้มหาศาลเช่นนี้ มีแต่รัฐบาลจีนเท่านั้นที่สามารถอุ้มทนความเจ็บปวดนี้ได้”

Source

]]>
1352027