แต่งงาน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Jan 2024 02:35:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดสถิติ 5 ปีย้อนหลัง คนไทยจดทะเบียนสมรส 185,506 คู่ จดทะเบียนหย่า 42% คนกรุงครองแชมป์หย่ามากสุด! https://positioningmag.com/1460460 Sun, 28 Jan 2024 13:23:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460460 บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching เปิดอินไซต์ “รัก ๆ เลิก ๆ” ของชาวกรุง จากสถิติที่น่าสนใจจากกรมการปกครอง ที่เผยตัวเลขจำนวนการจดทะเบียนสมรสประจำปี พ.ศ. 2566 ที่ชี้ให้เห็นว่า จ.กรุงเทพมหานคร ครองแชมป์ทั้งด้านการจดทะเบียนสมรสที่สูงที่สุด และอัตราการจดทะเบียนหย่าที่ก็สูงเกินหน้าจังหวัดอื่นเช่นกัน

“ทำไมคนกรุงเทพฯ ถึงได้เป็นจังหวัดที่มีสถิติการสมรสสูงที่สุด และยังมีอัตราการหย่าที่สูงที่สุดในไทยทุกปีด้วยเช่นกัน” สาเหตุที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวเลขสถิติเหล่านี้คืออะไร วันนี้แม่สื่อจะพาทุกท่านลงลึกไปสำรวจความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และสาเหตุที่ก่อให้เกิดตัวเลขเหล่านี้ขึ้นมา พร้อมทั้งสำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กันเกี่ยวกับแนวคิด และทัศนคติ ค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้คนตัดสินใจหย่ากันง่ายขึ้นนั้นจริงหรือไม่

ปี 66 กรุงเทพฯ อัตราจดทะเบียนสมรสสูงสุดยืน 1

Bangkok Matching ได้ทำการสำรวจสถิติอัตราการจดทะเบียนสมรสของคนไทยที่เก็บโดยกรมการปกครอง พบว่าในปี 2566 จังหวัดกรุงเทพมหานครมีอัตราการจดทะเบียนสมรสที่สูงถึง 39,150 คู่ เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่ดูดี และพาใจฟูอยู่ไม่น้อย รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี จดทะเบียนสมรสอยู่ที่ 14,593 คู่ และอันดับสามได้แก่จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 10,568 คู่

โดยเขตที่คนกรุงเทพฯ นิยมไปจดทะเบียนสมรสก็เดาไม่ยาก เพราะมักจะเป็นเขตที่ได้รับความนิยมด้วยชื่อที่เป็นมงคลอย่าง เขตบางรัก และในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 66 ที่ผ่านมา ก็ได้มีจำนวนคู่รักไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันที่เขตนี้สูงถึง 640 คู่เลยทีเดียว

ซึ่งจังหวัดกรุงเทพฯ เองไม่ใช่เพิ่งจะมาเป็นแชมป์ยอดจดทะเบียนสมรสสูงในปีนี้นะคะ แต่กรุงเทพฯ เป็นแชมป์เก่าที่ครองตำแหน่งมานาน หากจะลองมองย้อนไปให้ลึกกว่านั้น หยิบยกเอาสถิติย้อนหลัง 5 ปี จากกรมการปกครองมาให้ทุกคนดูตัวเลขจำนวนการจดทะเบียนสมรส ที่แตะทะลุหลักหมื่นต่อเนื่อง ยืน 1 จังหวัดที่จดทะเบียนสมรสสูงสุดมายาวนาน ด้วยตัวเลขการจดทะเบียนสมรสดังนี้

  • พ.ศ. 2562 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 47,017 คู่
  • พ.ศ. 2563 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 35,969 คู่
  • พ.ศ. 2564 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 23,595 คู่
  • พ.ศ. 2565 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 39,775 คู่
  • พ.ศ. 2566 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 39,150 คู่

รวมแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ ได้จดทะเบียนสมรสไปทั้งหมดอยู่ที่ 185,506 คู่ เลยทีเดียว

รักแรง เลิกแรง คนกรุงหย่า 17,000 คู่

ที่น่าตกใจก็คือตัวเลขจากสถิติการจดทะเบียนหย่าภายในช่วงระยะเวลาแค่ 1 ปี ที่ทำการเก็บข้อมูลคือปี พ.ศ. 2566 กลับพบว่าจังหวัดกรุงเทพมหานครก็นำโด่งครองแชมป์เป็นจังหวัดที่มีอัตราการหย่าสูงถึง 17,410 คู่ ภายในปีเดียว ! รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี ที่มีการจดทะเบียนหย่าที่ 8,060 คู่ และอันดับสามคือจังหวัดนครราชสีมาอยู่ที่ 5,880 คู่

ซึ่งถ้าพิจารณาจากจังหวัด Top 3 จังหวัดที่มีอัตราการจดทะเบียนสมรสสูงอย่าง กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และนครราชสีมา ก็คือ 3 จังหวัดเดียวกันกับที่มีอัตราการจดทะเบียนหย่าสูงสุดเช่นกัน ! เรียกได้ว่ายิ่งแต่งเยอะเท่าไหร่ อัตราการไปกันไม่รอดก็ยิ่งพุ่งสูง จนทำให้อัตราการหย่านั้นกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอัตราการจดทะเบียนสมรสก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากเราลองกางสถิติการหย่าย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมาของคนกรุงเทพฯ ออกมาดูกัน ก็จะพบว่า

  • พ.ศ. 2562 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,266 คู่
  • พ.ศ. 2563 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 15,567 คู่
  • พ.ศ. 2564 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 10,258 คู่
  • พ.ศ. 2565 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,635 คู่
  • พ.ศ. 2566 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,410 คู่

จากสถิติจะพบว่า อัตราการหย่าของคนไทยเฉพาะแค่ที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ มีจำนวนตัวเลขการหย่าร้างสูงทะลุ 78,136 คู่ ! คิดเป็น 42% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส หรือเกือบครึ่งหนึ่งของคู่ที่ทำการจดทะเบียนสมรสเลยก็ว่าได้

4 สาเหตุการหย่าร้างที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?

สำหรับการหย่าร้างนั้นถ้าหากว่าคนสองคนยังรักกันดีอยู่ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นถูกไหมคะ ดังนั้นแล้วการที่จะหย่าร้างนั้นก็ต้องมีสาเหตุปัจจัยที่ทำให้คนสองคนที่ตัดสินใจแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันมานั้นต้องจบความสัมพันธ์ลงด้วยการ “หย่าร้าง” ซึ่งจากการค้นคว้า จนพบว่าการหย่าร้างมักจะเกิดขึ้นจาก 4 สาเหตุสำคัญ อ้างอิงตามสถิติจากสำนักข่าวไทยรัฐ

การทะเลาะ การใช้ความรุนแรง

ปัญหาอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดการหย่าร้างขึ้นคือการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสามี-ภรรยา ลามไปจนถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อ้างอิงจากชุดข้อมูลสถิติความรุนแรงในครอบครัว 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ ประจำปี 2565 โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จะพบว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมามีรายงานการใช้ความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 2,347 ราย ซึ่งกรุงเทพฯ ก็นำโด่งอันดับ 1 ด้านพื้นที่เกิดความรุนแรงในครอบครัว จำนวน 142 ราย โดย 82% บอกว่าเป็นการเกิดเหตุภายในบ้านตนเอง และฝ่ายที่ถูกทำร้ายมักจะเป็นฝ่ายหญิง จำนวน 82.78%

การนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์

เป็นสาเหตุที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะประเทศไทยเพิ่งติดอันดับอัตราการนอกใจสูงสุด 61% ในระดับโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 4 จากผลสำรวจอัตราการนอกใจคู่รักคู่สมรสจากทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา จึงไม่เซอร์ไพรส์สักเท่าไหร่ใช่ไหมคะที่สาเหตุ “นอกใจ” จะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอัตราการจดทะเบียนหย่าสูงขึ้นในประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจเดียวกันจาก World population reviews ได้บอกไว้ว่าการนอกใจมักมาจากสาเหตุของการสนใจความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย อยากลอง One Night Stand รวมถึงการเข้ามาของแอปหาคู่ เว็บไซต์หาคู่ ที่มีส่วนหนุนอัตราการนอกใจในรูปแบบเดทออนไลน์ให้พุ่งสูงขึ้นไปด้วย

ขาดการรับผิดชอบ

เพราะการสร้างครอบครัวนั้นไม่สามารถสร้างด้วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่คนสองคนจะต้องช่วยกันประคับประคองให้ไปจนถึงฝั่ง ซึ่งถ้าหากในขณะนั้นใครบางคนปล่อยมือไป ไม่ช่วยเหลือ ไม่สนับสนุนกันและกัน ทำให้อีกคนรู้สึกเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งในความสัมพันธ์ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นเจือจางจนหมดไปในที่สุด โดยการขาดความรับผิดชอบนั้นสะท้อนได้ทั้งด้านการงาน การเงิน และการใช้ชีวิต ซึ่งถ้าหากทัศนคติและเป้าหมายในการใช้ชีวิตไม่ตรงกันก็ทำให้เกิดการหย่าร้างตามมา

ปัญหายาเสพติด

ปัญหาด้านการใช้ยาเสพติดนั้นคือสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว สถิติปี 2565 จากกรมกิจการสตรีและครอบครัวเผยว่าปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการทำร้ายร่างกายในครอบครัว ได้แก่

  • ยาเสพติด 19.5%
  • สุรา 11.8%
  • หึงหวง 10.08%
  • สุรา+บันดาลโทสะ 9.9%
  • บันดาลโทสะ 8.6%
  • รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจมากกว่า 8.1%

จึงทำให้ปัญหายาเสพติดนอกจากเป็นปัญหาของสังคมโดยรวมแล้ว ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการหย่าร้างในครัวเรือน และเป็นปัจจัยหนุนหลาย ๆ ด้าน เรียกว่าทั้งสร้างปัญหาสังคมและยังทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวแตกแยกอีกด้วย

การหย่าร้างคือทางออกที่แฟร์ต่อกัน หรือเป็นการหนีปัญหา ?

หลายครั้งที่เคยได้ยิน และพบเห็นประโยคว่า “การหย่าร้างคือทางออกของคนที่หนีปัญหา” หรือ “สมัยนี้หย่าร้างกันง่ายเพราะมีสิ่งเร้ารอบตัวเยอะกว่าสมัยก่อน” ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคำนี้อาจจะทรงพลังและทำให้คนที่รู้สึกอยากหย่าร้างนั้นต้องกลับไปทบทวนความคิดตัวเองใหม่ ว่าตัวเองกำลังเลือกหนีปัญหาอยู่จริงหรือไม่ หรือเราสามารถกลับไปแก้ไขปัญหารอยร้าวในครอบครัวได้หรือไม่

แต่สำหรับปัจจุบันนี้การหย่าก็เหมือนกับการตัดสินใจที่จะจบเกม พาตัวเองออกมาจากเกมที่รู้ดีว่าเล่นไปยังไงก็คงจะวนอยู่ที่ด่านเดิม ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รังแต่จะทำให้เสียเวลา เสียใจ และเสียคุณค่าความเป็นตัวเองไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น โดยสำนักข่าว The Momentum ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า “การหย่าคือการหนีปัญหาจริงหรือไม่?” ซึ่งคอลัมนิสต์ผู้ให้คำตอบก็ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การหย่าไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการรู้ตัวเอง รู้ถึงปัญหาที่พบ ไม่ต้องกังวลเหมือนกับคนสมัยก่อนที่กลัวคำครหา กลัวลูกมีปัญหา กลัวเสียสถานะในสังคมต่าง ๆ และกล้าก้าวออกมาจากจุดนั้น” โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การหย่าคือการหาทางออก แต่การทนอยู่คือการหนีปัญหามากกว่า”

และนี่คือความต่างของค่านิยม ทัศนคติที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย

หรือหากมองในด้านกฎหมายการฟ้องหย่ากันบ้าง ผลงานวิจัยเรื่อง “เหตุหย่าเพราะครอบครัวแตกร้าว: ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ” ได้ให้บทสรุปไว้ว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการหย่าร้างที่สูง เป็นเพราะว่าการหย่าในประเทศไทยนั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่คู่สมรสทั้ง 2 ฝ่ายมีความสมัครใจยินยอมก็สามารถหย่าขาดจากกันได้ทันที หรือถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมก็สามารถฟ้องหย่าหรือยื่นหย่าต่อศาลได้ ต่างจากกฎหมายต่างประเทศที่จะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขในการฟ้องหย่าที่ยากกว่า เช่น ในประเทศออสเตรเลีย คู่รักที่จะมาฟ้องหย่าต่อกันได้นั้นจะต้องเป็นคู่สมรสกันมาไม่น้อยกว่า 2 ปี เว้นแต่จะมีคำรับรองให้คู่สมรสสามารถฟ้องหย่าก่อนครบกำหนดได้ เป็นต้นค่ะ

คู่สมรสยุคใหม่ ถ้าหากรู้สึกว่าไม่ใช่ก็จะไม่ทนและเสียเวลา

ดังนั้นจากผลการสำรวจและสถิติต่าง ๆ ที่ Bangkok Matching ได้หยิบยกมาวิเคราะห์และนำเสนอให้เห็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าหักล้างกันดุเดือดสุด ๆ สำหรับชาวกรุงเทพมหานคร ที่จดทะเบียนสมรสว่าสูงแล้ว แต่อัตราการจดทะเบียนหย่าก็สูงจนเกือบจถึง 50% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส เรียกได้ว่า “ครึ่งหนึ่งรอด อีกครึ่งหนึ่งร่วง” ก็ไม่เกินจริงเลย รวมถึงทัศนคติค่านิยมของคนยุคนี้ก็ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มองว่าการหย่าคือการหนีปัญหา แต่ถือว่าเป็นการหาทางออกให้ปัญหาแบบซึ่งหน้ามากกว่า เพราะคิดว่าถ้าไม่ใช่ ก็ไม่จำเป็นต้องทน

]]>
1460460
‘จีน’ อัดฉีดเงิน 5 พันบาทให้คู่ ‘บ่าว-สาว’ ป้ายแดง หลังอัตราการแต่งงานลดลงต่อเนื่อง 9 ปี https://positioningmag.com/1443200 Fri, 01 Sep 2023 08:30:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1443200 ดูเหมือนว่าวิกฤตเรื่องอัตราการเกิดที่ต่ำของจีนจะหนักขึ้นทุกที เพราะแม้ว่าจะยกเลิกมาตรการ ลูกคนเดียวก็แล้ว ให้เงินสนับสนุนเด็กเกิดใหม่ก็แล้ว จนตอนนี้มาถึงการให้เงินสนับสนุนคู่บ่าวสาวอายุไม่เกิน 25 ปี เนื่องจากอัตราการแต่งงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

มณฑลฉางซานในจังหวัดเจ้อเจียง ได้ประกาศว่า ทางมณฑลจะ ให้เงินสนับสนุนคู่บ่าวสาวที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี จำนวน 1,000 หยวน (ราว 5,000 บาท) ทั้งนี้ ตามกฎหมายของประเทศจีน ผู้ชายต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป ส่วนผู้หญิงต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป ถึงจะสามารถแต่งงานตามกฎหมาย

นโยบายดังกล่าวคาดว่าออกมาเพื่อกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวแต่งงานกันมากขึ้น เนื่องจากในปี 2022 ที่ผ่านมา การจดทะเบียนสมรสในประเทศจีนลดลงเหลือ 6.83 ล้านครั้ง นับเป็นการ ลดลงติดต่อกัน 9 ปี และตัวเลขดังกล่าวก็อยู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 และไม่ใช่แค่ปริมาณที่น้อยลง แต่อายุของบ่าวสาวก็สูงขึ้นอีกด้วย

ไม่ใช่แค่กับมณฑลฉางซาน แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมืองเช่าซิง ของเจ้อเจียง ก็มีนโยบายที่กระตุ้นอัตราการเกิด เช่น การให้เงินสนับสนุน การให้สิทธิพิเศษวันหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตร รวมถึงการเสนอเงินมูลค่า 1,000 หยวนให้กับคู่บ่าวสาว โดยไม่จำกัดอายุ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีมาตรการออกมากระตุ้นมากแค่ไหน แต่นักประชากรศาสตร์ยอมรับว่า ผลกระทบในทันทีนั้นไม่น่าเป็นไปได้ และจีนควรยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับบรรทัดฐานใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราการเกิดของเด็กในประเทศจีนอาจลดลง ต่ำกว่า 8 ล้านคนในปี 2023 นี้

โดยในปีที่แล้ว ประชากรของจีนหดตัวลง 850,000 เหลือ 1.4118 พันล้าน นับเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1961 โดยปีที่แล้วอัตราการเกิดในประเทศจีนมีเพียง 9.56 ล้านคน ซึ่งลดลง 9.98% จาก 10.62 ล้านคนในปี 2021

วิกฤตด้านประชากรศาสตร์จากจํานวนการเกิดที่ลดลงและประชากรสูงอายุอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดสําหรับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีน โดยมีผลกระทบกระเพื่อมรวมถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ลดลงและตลาดผู้บริโภคที่อ่อนแอ ตลอดจนกลุ่มแรงงานที่หดตัว และความท้าทายต่อกองทุนบํานาญของรัฐ

]]>
1443200
COVID-19 เล่นกล! ทำสถิติ “การหย่า” ในไทยลดลง 6% แต่แต่งงานก็ลดลง 17% https://positioningmag.com/1317096 Sat, 06 Feb 2021 14:54:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317096 จากเหตุการณ์โรคระบาด COVID-19 ทั่วโลกในปี 2563 บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ได้ติดตามสภาวการณ์การหาคู่ การหย่าร้าง การสมรส ทั้งในไทยและในต่างประเทศ และพบว่าในประเทศไทยช่วง COVID-19 จากตัวเลขสถิติจากกรมการปกครอง ภาพรวมของสถิติการหย่าของทั้งประเทศลดลงราว 6% และสถิติการสมรสของทั้งประเทศก็ลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่เมื่อมาดูเฉพาะจังหวัดกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีประชากรมากสุดถึงประมาณ 5.6 ล้านคน เมืองที่มีคนแต่งงาน และหย่ามากที่สุดในประเทศไทยแล้ว พบว่า สถิติการหย่าในกรุงเทพมหานคร ในปี 2563 ลดลงราว 10% และสถิติการสมรสก็ลดลงถึง 22% เมื่อเทียบกับปี 2562 เลยทีเดียว

ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ Bangkok Matching คิดว่า ตัวเลขสถิติการหย่าที่ลดลงนั้น จริงๆ แล้วส่วนหนึ่งอาจไม่ได้หมายความว่า คู่ชีวิตไม่ได้มีปัญหา แต่มันอาจเป็นไปได้ว่า ด้วยสภาวะ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบในด้านต่างๆ รวมถึงการเงิน และการต้องหาที่พักอาศัยใหม่ ทำให้คู่รักอาจเลือกที่จะอดทนในชีวิตสมรสต่อไปก่อน ยังไม่พร้อมจะแยกบ้าน และยังไม่พร้อมที่จะเริ่มทำเรื่องหย่า ณ ตอนนี้

รวมถึงบางส่วนอาจจะมาจากวัฒนธรรมการอดทน อดกลั้นในชีวิตคู่ และสำหรับยอดคู่แต่งงานที่ลดลง ก็อาจเป็นไปได้ว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคู่รักจำนวนมากได้เลื่อนงานแต่งงานออกไป หรือยกเลิกไปก่อนนั่นเอง อีกทั้งคนโสดบางส่วน อาจจะถูกชะลอการศึกษา ทำความรู้จักกันไปบ้าง จาก COVID-19 ทำให้จำนวนที่จะพัฒนาไปถึงขั้นแต่งงานในปี 2563 ลดลง ก็เป็นไปได้เช่นกัน

แต่งงาน
Photo : Pixabay

สถานการณ์หย่าร้าง สมรสทั่วโลก

ประเทศอเมริกา Bloomberg รายงานว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2563 ช่วงโควิด 19 ระบาดใหม่ๆ ในประเทศอเมริกา ดูเหมือนยอดการหย่าในประเทศอเมริกามีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น แต่พอปลายปีกลับพบว่ายอดรวมการหย่ากลับลดลง รวมถึงยอดคู่แต่งงานก็ลดลงด้วยเช่นกัน

ซึ่งสถาบันวิจัยด้านประชากร และครอบครัว Bowling Green State University’s Center สำรวจ และพบว่า ยอดการหย่าที่ลดลงในปี 2563 ไม่ได้แปลว่าคู่ชีวิตในอเมริกาไม่ได้มีปัญหา มันอาจเป็นไปได้ว่า ด้วยสภาวะ COVID-19 ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ รวมถึงการเงิน และการหาที่พักอาศัยใหม่ ทำให้คู่รักเลือกที่จะอดทนในชีวิตสมรสต่อไปก่อน และยอดคู่แต่งงานที่ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคู่รักจำนวนมากได้เลื่อนงานแต่งงานออกไป หรือยกเลิกไปก่อนนั่นเอง

ประเทศจีน อังกฤษ และสวีเดน BBC รายงานว่าจากสภาวะกดดันจาก COVID-19 การล็อกดาวน์ทำให้ต้องคู่ชีวิตต้องใช้เวลาด้วยกันแทบจะตลอดเวลา สภาพการเงินที่ถูกผลกระทบ ส่งผลให้สถานการณ์การหย่าพุ่งสูงในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศอังกฤษ จีน และสวีเดน

Photo : Shutterstock

สำนักงานทนายด้านการหย่าร้างในอังกฤษแจ้งว่า ได้มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาสอบถามเรื่องขั้นตอนการหย่าร้างเพิ่มขึ้นถึง 122% ในเดือนกรกฎาคม และตุลาคม ปี 2563 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา องค์กรการกุศลในประเทศอเมริกาที่ให้คำแนะนำด้านการจบความสัมพันธ์ การหย่าร้างทางออนไลน์ ก็ได้รับการติดต่อสอบถามพุ่งสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งเว็บไซด์ออนไลน์ ขายแบบฟอร์มสัญญาข้อตกลงการหย่าร้าง ก็แจ้งว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34%

ประเทศออสเตรเลีย พบว่าอัตราการสมรสลดลงถึง 30% ในครึ่งปีแรกของปี 2563 และคาดการณ์ว่าอัตราการหย่าก็น่าจะพุ่งสูงขึ้น ดูจากการค้นหาคำว่า “หย่าร้าง” (divorce) บน Google ในประเทศออสเตรเลีย ได้พุ่งสูงเป็นอย่างมาก

ประเทศเกาหลีใต้ พบว่ายอดการหย่าของคนเกาหลีใต้ช่วง มกราคม – กรกฎาคม 2563 เพิ่มขึ้น 3.1% และยอดแต่งงานลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน

ประเทศญี่ปุ่น และประเทศที่ชายเป็นใหญ่ในครอบครัวอย่าง ฮ่องกง และเกาหลีใต้ มีรายงานการร้องเรียนการใช้กำลังในบ้านของสามีและภรรยา ในช่วงล็อกดาวน์พุ่งสูงมาก ในประเทศญี่ปุ่นเอง ได้รับการร้องเรียนมากเป็นกว่าเท่าตัว แค่ในเดือนเมษายน 2563 เท่านั้น แต่กลับพบว่า สถิติการหย่าในญี่ปุ่นระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน 2563 กลับลดลงราว 9.8%

Photo : Pixabay

ในกรณีประเทศญี่ปุ่น และประเทศแถบเอเชียที่ชายเป็นใหญ่ในบ้านนี้ Bangkok Matching วิเคราะห์ว่า อัตราการหย่าที่ลดลง หรือเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้การเลิกกัน หย่าขาดจากกัน เป็นไปได้โดยลำบาก และอีกส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของหญิงในประเทศนั้นเอง ที่อาจจะถือหลักอดทน อดกลั้น ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ปลูกฝังกันมาของตน

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไปคือ COVID-19 คงไม่ได้ส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์แง่เดียว ในทางกลับกันคู่ที่รอดจากความกดดันต่างๆ ในช่วงนี้มาได้นี้ ก็น่าจะมีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์จะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม รักกันมากกว่าเดิม ผูกพันกันมากกว่าเดิม จากการใช้เวลาด้วยกัน เป็นกำลังใจให้กันและกันผ่านวิกฤต COVID-19 นี้

อ้างอิง

]]>
1317096
เตรียมแพ็กกระเป๋า! กางโผ 10 จังหวัดแห่งความรัก มีอัตราการแต่งงานสูงสุดของไทย https://positioningmag.com/1317091 Mon, 01 Feb 2021 14:15:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317091 Bangkok Matching เปิดผลสำรวจ 10 จังหวัดในประเทศไทย ที่มีอัตราการแต่งงานสูงที่สุด โดยกรุงเทพฯ เข้าวินมาเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือชลบุรี และนครราชสีมา

ในเทศกาลวันแห่งความรัก ที่กำลังจะมาถึงบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching จะมาเพิ่มโอกาสให้ได้มีโอกาสพบคู่มากขึ้นให้มีโอกาสได้แต่งงานมากขึ้น หากเราพาตัวเองไปอยู่สถานที่ถูกที่ ถูกทาง เพราะ Bangkok Matching จะมาเผยความลับอย่างหนึ่ง ที่คนโสดหาคู่ทุกคนควรทราบ นั่นก็คือ

สิ่งที่น่าสนใจคือ

  • จังหวัดระยอง เป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรเป็นอันดับที่ 33 ของประเทศ แต่อัตราการสมรสสูงเป็นอันดับ 6 เลยทีเดียว จึงเป็นจังหวัดที่มีการแต่งงานสูงมากที่สุด หากวัดจากสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด
  • จังหวัดปทุมธานี ที่มีจำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 18 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 8
  • จังหวัดนนทบุรี จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 16 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 10
  • จังหวัดสมุทรปราการ จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 13 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 4
  • จังหวัดชลบุรี จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 9 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 2
แต่งงาน
Photo : Pixabay

ซึ่งนั่นแปลว่า ในจังหวัด 10 อันดับ อัตราการสมรสสูงแล้ว หากคุณยังเจาะต่อ และเลือกที่จะไปอยู่ในจังหวัดที่มีจำนวนประชากรน้อยกว่า แต่อัตราการสมรสสูง นั่นแปลว่าคุณจะมีคู่แข่งขันน้อยลง อัตราการได้คู่แต่งงานของคุณก็จะมากขึ้นด้วย

สำหรับจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดอันดับ 1 ในทุกๆ ด้าน เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ว่าในกรณีนี้อัตราการสมรสสูงเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่หากเทียบกับจำนวนประชากรเกือบ 6 ล้านคนแล้ว ถือว่าอัตราการแต่งงานของหนุ่มสาวชาวกรุง กลายเป็นอัตราส่วนเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับจังหวัดชลบุรี อันดับ 2 ที่มีประชากรชายหญิงรวมเพียง 1.6 ล้านคน

จากการที่ Bangkok Matching ได้สัมภาษณ์หนุ่มโสด สาวโสดจากจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย จึงขอสรุปเรื่องนี้ได้ว่า การมีตัวเลือกเยอะๆ (ในที่นี้ คือจำนวนประชากรเยอะๆ) ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีโอกาสการแต่งงานสูงขึ้น ตามที่เห็นได้จากจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนประชากรมากกว่าจังหวัด Top 10 อัตราการแต่งงานสูงสุดในประเทศไทยกว่า 500% แต่มีอัตราการแต่งงานมากกว่าจังหวัดอันดับ 2 ชลบุรี เพียง 2 เท่าเท่านั้น

Photo : Pixabay

เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เมืองที่ต้องดิ้นรน แข่งขัน และใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ การจราจรที่ติดขัด ผังเมือง รวมถึงสภาพอากาศที่ไม่ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในสังคม ทำให้คนโสดชายหญิงต่างวุ่นวาย ภารกิจรัดตัว หรือไม่ก็เหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะใช้พลังงานหาแฟน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนโสดเหนื่อยหน่ายกับการสร้างครอบครัว มีลูก เพิ่มภาระ อยู่ตัวคนเดียว ปากท้องเดียวให้รับผิดชอบ อิสรเสรีมากกว่า ใช้ชีวิตตะลอนไปร้านกาแฟ ถ่ายรูปลงโซเชียล เลี้ยงหมาแมวก็พอแล้ว

อีกทั้งสังคมนิยมวัตถุที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การเลือกสรรในตัวคู่ครองมากขึ้น อย่างที่คนโสดชอบพูดกันโดยทั่วไปว่า “หากได้คู่ที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า”

หากเปรียบเทียบกับชีวิตในจังหวัดที่เล็กกว่า อย่างชลบุรี นครราชสีมา ชีวิตก็จะไม่กดดันเท่า เร่งรีบเท่าคนโสดในเมืองใหญ่ อารมณ์ก็เลยแจ่มใสกว่า สดชื่นกว่า มีเวลาพบปะสังสรรค์เพศตรงข้ามมากกว่า จึงมีอัตราการแต่งงานสูง

]]>
1317091
ติดโควิดก็ต้องแต่ง! แบรนด์ ‘ชุดแต่งงาน’ เผยยังมีความต้องการ พร้อมแนะแนวทางปั้นยอดช่วงวิกฤต https://positioningmag.com/1309437 Mon, 07 Dec 2020 23:54:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309437 ความต้องการชุดแต่งงานได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังมี แม้ว่าทั่วโลกจะอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ก็ตาม โดยคู่รักประมาณ 2 ใน 3 คนต้องเลื่อนงานแต่งงานออกไปตามรายงานของ American Wedding Study ประจำปีของนิตยสาร Brides แต่ประมาณ 36% เลือกที่จะแต่งงานแบบเรียบง่ายโดยลดขนาดลง และวางแผนที่จะมีงานเลี้ยงต้อนรับในภายหลัง ดังนั้น เมื่อเจ้าสาวลดขนาดการจัดงานลง พวกเขาอาจใช้จ่ายกับชุดมากขึ้น

“สิ่งที่เราเห็นคือการเพิ่มขึ้นของไมโครเวดดิ้งซึ่งเป็นงานแต่งงานที่สนิทสนมกับแขกน้อยกว่า 50 คน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและมีการวางแผนอย่างสวยงามอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ แต่มันเล็กกว่า” Roberta Correia ผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของ Brides กล่าว

David’s Bridal เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกจำนวนมากที่พยายามชดเชยยอดขายที่หายไปหลังจากเกิดวิกฤต COVID-19 เนื่องจากที่ผ่านมา David’s Bridal ที่มีร้านค้าเกือบ 300 แห่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและสหราชอาณาจักรต้องปิดทำการในช่วงกลางเดือนมีนาคม และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปลายเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ บริษัทยังเคยล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งการล้มละลายนั้นผลักดันให้ต้องปรับตัวเข้ากับรสนิยมที่เปลี่ยนไปของเจ้าสาวและเข้าถึงพวกเขาผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น โซเชียลมีเดีย โดยเริ่มให้คำปรึกษาโดยสไตลิสต์ผ่านวิดีโอคอล

“การแพร่ระบาดครั้งนี้ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงลูกค้าจากทางออนไลน์ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเริ่มจากใน Instagram ที่พวกเขามักเข้ามาเพื่อหาแรงบันดาลใจและก่อนที่พวกเขาจะแต่งงาน” Jim Marcum ซีอีโอ ฝ่ายเจ้าสาวของ David’s Bridal กล่าว

นอกจากนี้ David’s Bridal ได้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์โดยมีชุดเจ้าสาวแบบสบาย ๆ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าด้วยเดรสสีขาวตัวเล็ก จั๊มสูทและแยกชิ้น เช่น เสื้อเลื่อมและกระโปรงผ้าโปร่ง นอกจากนี้ยังขายอุปกรณ์เสริมสำหรับงานแต่งงานใหม่ อย่างหน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าแบบเดียวกับชุดเพื่อนเจ้าสาว (อย่างเก๋) และแม้ว่าการใช้จ่ายสินค้าอื่น ๆ เช่น ชุดเหย้าและชุดงานพรอมจะลดลง แต่เจ้าสาวก็ยังคงใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 600 ดอลลาร์สำหรับชุดของพวกเขา ซึ่งเท่ากับก่อนที่เกิดการระบาด

“ผู้คนต่างตกหลุมรักกัน นั่นคือความงดงามของอุตสาหกรรม แม้งานแต่งงานอาจล่าช้า แต่ก็ไม่หายไปไหน”

David’s Bridal ได้เปิดเผยว่า สิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าจ่ายมากขึ้นและแนะนำลูกค้าคนอื่นก็คือ ‘รางวัล’ โดย Kelly Cook หัวหน้าฝ่ายการตลาดและเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า การแจกคูปองให้คู่รักเพื่อสะสมคะแนนสำหรับการซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งทั้งหมด โดยสามารถแลกเป็นสินค้าที่เกี่ยวของได้ตั้งแต่ชุดเพื่อนเจ้าสาวไปจนถึงชุดของแขกในงานแต่งงาน หรือจะแลกรางวัลที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานแต่งงานได้อีกด้วย เช่น ชุดงานรับปริญญาในวิทยาลัยหรืองานราตรีของสาว ๆ

นอกจากนี้ แนวโน้มการจัดงานแต่งครั้งที่ 2 หรือ ‘งานแต่งงานภาคต่อ’ ยังมี เนื่องจาก COVID-19 ที่ทำให้เกิดข้อจำหัดหลายอย่างจึงอาจมีแนวโน้มที่จะจัดงานอีกครั้งหลังหมด COVID-19

เราต้องการเป็นเจ้าของชุดทั้งหมดในตู้ของเธอไม่ใช่แค่ชุดเจ้าสาว และสำหรับการแต่งตัวครั้งที่สอง ถือเป็นโอกาสใหญ่ของพวกเรา”

‘จั๊มสูท’ เป็น 1 ใน 5 รายการค้นหายอดนิยมทุกเดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเจ้าสาวบางคนกำลังมองหาเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันเนื่องจากพวกเขาวางแผนที่จะจัดพิธีแบบสบาย ๆ หรือจัดงานแต่งงานผ่าน Zoom และมีเจ้าสาวจำนวนมากเข้ามาที่ร้านค้าพร้อมกับกำหนดการแต่งงานในอีก 60 วัน นอกจากนี้บริษัทยังมีนัดวิดีโอคอลกับลูกค้ากว่า 3,300 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิเพื่อลองชุด

พวกเขาอาจคิดภาพในหัวตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่สวมชุดราตรีใหญ่ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นบางสิ่งบางอย่างให้เข้ากับสถานที่ที่เล็กกว่ามาก โดยเราพยายามให้พวกเขายังคงได้ช่วงเวลาพิเศษ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ยังคงเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของคุณ”

Source

]]>
1309437