แผ่นดินไหว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 19 Dec 2025 04:33:11 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ที่สุดของปรากฏการณ์แห่งปี 2025 ของคนไทย’ มีอะไรบ้าง? https://positioningmag.com/1552456 Thu, 18 Dec 2025 15:05:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1552456 LINE TODAY ได้เผยอินไซต์การเสพข่าวของคนไทยตลอดปี 2025 ผ่าน A YEAR IN REVIEW 2025 รวบรวมทุกเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนภาพ ‘ปีแห่งความสั่นสะเทือน’ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งเปิดให้คนร่วมโหวตในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. 2568 ด้วยคะแนนโหวตรวมกว่า 1.2 ล้านคะแนน

 

1.บรรยากาศแห่งความอาลัย พระพันปีหลวงเสด็จสวรรคต

 

การเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความโศกาดูรและสะเทือนใจคนไทยทั้งแผ่นดิน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนต่างร่วมกันแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาอย่างยาวนาน และจะสถิตอยู่ในใจของปวงชนตราบนิรันดร์

 

2.จากแผ่นดินไหวถึงมหาอุทกภัย ปีแห่งภัยพิบัติที่หนักหนาที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

 

ต้นปี 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งแรงสะเทือนรับรู้ได้ตั้งแต่ภาคเหนือจรดกรุงเทพฯ อาคารสูงหลายแห่งต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แต่ความเสียหายรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นกับ “อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่” ที่พังถล่มลงมาอย่างไม่คาดคิด เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก พร้อมมีผู้บาดเจ็บและสูญหายอีกหลายราย กลายเป็นเหตุสะเทือนใจไปทั่วประเทศ และถูกจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งในความทรงจำของคนไทย

 

เหตุสะเทือนใจในครั้งนี้ยังสะท้อนให้สังคมหันกลับมาตระหนักถึงมาตรฐานความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารทั่วประเทศอีกครั้ง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างเร่งทบทวนมาตรการตรวจสอบและเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างจริงจัง ทำให้ประเด็นข่าวนี้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้บน LINE TODAY จนมียอดการเข้าชมกว่า 155 ล้านครั้ง และได้รับการโหวตให้เป็น “ข่าวแห่งปี 2025” ด้วยคะแนนสูงถึง 17.61%

 

ปี 2025 ประเทศไทยต้องรับมือกับภัยธรรมชาติหลายระลอก เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เมื่อพายุหลายลูกพัดถล่มเข้าประเทศ ทำให้เกิดฝนตกหนัก ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคกลาง รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก

 

ต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยต้องเผชิญกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่จากปรากฏการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังครอบคลุม 9 จังหวัด ประชาชนกว่า 1 ล้านครัวเรือนประสบความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือน และสมาชิกในครอบครัว ความเสียหายทางเศรษฐกิจประเมินเบื้องต้นกว่า 25,000 ล้านบาท นับเป็นหนึ่งในวิกฤตน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้คนไทย คือกรณีถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักและได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน LINE TODAY กว่า 12 ล้านครั้ง

 

เมื่อรวมเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งหมดตลอดปี เนื้อหาหมวด “ภัยพิบัติ” บน LINE TODAY มียอดการติดตามสูงถึง 295 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 133% จากปีก่อน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “ปี 2025 คือปีแห่งการสั่นสะเทือนอย่างแท้จริง”

 

3.ฉาววงการผ้าเหลือง ปมศรัทธาที่สังคมตั้งคำถาม

 

วงการศาสนาร้อนแรงไม่แพ้การเมือง เมื่อเกิดคดีฉาวต่อเนื่องสะเทือนศรัทธาคนไทยทั่วประเทศ เริ่มจากกรณี “วัดไร่ขิง” ที่ถูกตรวจสอบพบการยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท ไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อด้วยคดี “เจ้าคุณอาชว์” เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ ถูกแฉสัมพันธ์สีกากอล์ฟ ซึ่งมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 385 ล้านบาท

 

อีกหนึ่งคดีใหญ่คือกรณี “หลวงพ่ออลงกต” และ “หมอบี” ที่ถูกโยงเข้ากับการยักยอกและฟอกเงินวัดพระบาทน้ำพุ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถยึดทรัพย์คืนได้มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท รวมแล้วหมวดข่าว “ศาสนา” บน LINE TODAY มียอดการเข้าชมทะลุ 144 ล้านครั้ง ตอกย้ำว่า “ปี 2025” คือปีที่ความศรัทธาถูกตั้งคำถามมากที่สุดในรอบหลายปี

 

4.เศรษฐกิจสั่นคลอน – ทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดในประวัติการณ์

 

ปีนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากหลายปัจจัย ทั้งสงครามการค้าโลกและมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หรือ “ภาษีทรัมป์” ที่ได้เปิดศึกกับประเทศหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งประเทศไทยโดนไปเต็ม ๆ ถึง 36% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ข่าวนี้กลายเป็นกระแสร้อนแรงบน LINE TODAY มียอดการติดตามกว่า 65 ล้านครั้ง และถูกโหวตให้เป็นหนึ่งใน “ข่าวต่างประเทศแห่งปี” ด้วยคะแนนสูงถึง 25.4%

 

ภาคท่องเที่ยวของไทยก็เผชิญภาวะซบเซาต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2” และ “คนละครึ่งพลัส” ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้อง “รัดเข็มขัด” อย่างต่อเนื่อง

 

ในอีกด้านหนึ่ง คนไทยหันไปมองหาช่องทางเพิ่มรายได้ จากการลงทุนใน “ทองคำ” ที่ราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์บาทละกว่า 60,000 บาท ทำให้ฟีเจอร์การ “เช็กราคาทองแบบเรียลไทม์” กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผู้คนกว่า 29,000 ครั้งต่อวัน และได้รับการโหวตเป็นหนึ่งในข่าวยอดนิยมแห่งปี ด้วยคะแนน 21.52% อีกทั้งกระแสการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีก็ได้รับความสนใจและถูกจับตามองอีกครั้ง จากความทำสถิติราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ในรอบหลายปี

 

5.สงครามทั่วโลกร้อนแรง ด้านไทย-กัมพูชา ดุเดือดไม่แพ้กัน

 

ปี 2025 โลกยังคงเผชิญความร้อนแรงของสงครามหลายสมรภูมิ ทั้งสงครามรัสเซีย–ยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด ความขัดแย้งในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส รวมถึงการปะทะระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ยังคงเป็นจุดปะทะเชิงอำนาจระหว่างสหรัฐฯ และจีน

 

ด้านภูมิภาคอาเซียน ความขัดแย้งตามแนวชายแดน ไทย–กัมพูชา ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรง มีการใช้อาวุธหนักตอบโต้กันหลายครั้ง ส่งผลให้ทั้งทหารและพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสเดือดบนโลกโซเชียล ผู้คนรวมพลังภายใต้แฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด สะท้อนพลังความรักชาติและความห่วงใยต่อบ้านเมือง

 

แม้นายกรัฐมนตรีจากทั้งสองประเทศจะร่วมลงนามใน “ปฏิญญาสันติภาพ” เพื่อยุติความรุนแรงและถอนกำลังอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่สถานการณ์ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ข่าวหมวดนี้ได้รับการโหวตจากผู้ใช้งาน LINE TODAY ถึง 13.41% ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่คนไทยให้ความสนใจมากที่สุดในปี 2025

 

6.การเมืองไทยปีนี้ ไม่เหมือนชาติใดในโลก

 

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุขึ้น หลังมีคลิปเสียงหลุดระหว่าง “อดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร” และ “ฮุน เซน” เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ส่งผลให้คำว่า “อุ๊งอิ๊ง” ถูกค้นหาบน LINE TODAY ถึง 106 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 72 ล้านครั้งจากปีก่อน กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของปี และนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด

 

จากสถานการณ์ดังกล่าวนำมาสู่ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ เมื่อพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพันธมิตร จัดตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกิจ” เสนอชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย และขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งกลับประเทศได้ไม่นาน ก็ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 ปี หลังลูกสาวพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทั้งหมดนี้ทำให้ประเด็นเกี่ยวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับความสนใจสูงสุดบน LINE TODAY มียอดเข้าชมกว่า 190 ล้านครั้ง

 

ปิดท้ายด้วยการประกาศยุบสภาของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ในช่วงต้นปี 2026

 

7.กระแสมาสคอตมาแรงแห่งปี ครองกระแสไวรัลปี 2025

 

แม้ปี 2025 จะเต็มไปด้วยข่าวหนักและความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีพลังสดใสจากซอฟต์พาวเวอร์ตัวจิ๋วที่เข้ามาเติมรอยยิ้มให้คนไทยทั้งประเทศ กระแสมาสคอตมาร์เก็ตติ้งกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทุกแบรนด์ต้องมี ไม่ว่าจะเป็น “หมีเนย” “โพก้าซัง” และอีกหลากหลายมาสคอตไอดอลขวัญใจโซเชียล ที่กลายเป็นเทรนด์ไวรัลพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนได้รับการโหวตสูงสุด 34.19% คว้าตำแหน่ง “ปรากฏการณ์แห่งปี 2025” ไปครอง

 

อีกหนึ่งพลังแห่งความน่ารักที่ยึดหัวใจคนไทยที่ตามมาในอันดับ 2 คือ “น้องเกล” หรือ “เจ๊เกล” ลูกสาววัย 3 ขวบของ “ชมพู่ อารยา” ที่ไม่ว่าจะขยับตัว พูดคำไหน หรือทำท่าใด ก็กลายเป็นกระแสทันที จนคำว่า “เติมเกล” กลายเป็นคีย์เวิร์ดประจำปี ภาพและคลิปไวรัลอย่าง “มอสมีแม่ไหม” หรือท่าเต้นโก๊ะ ๆ ในเพลง When I’m with You ของ “ลิซ่า – ลลิษา” ต่างถูกแชร์ต่ออย่างถล่มทลาย ด้วยคาแรกเตอร์ใส ๆ ปนความกวนเบา ๆ ที่ทำให้ “เจ๊เกล” เป็นที่รักของแฟนคลับ

 

8.แฟนนางงามเฮลั่น! “โอปอล” คว้ามงฟ้า – “วีนา” คว้ารองจักรวาล

 

ทางฟากนางงามก็มีเรื่องให้คนไทยได้เฮ เมื่อ “โอปอล–สุชาตา” สร้างประวัติศาสตร์คว้ามงกุฎ Miss World 2025 ให้ประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 57 ปี สร้างความปลื้มปีติให้แฟนนางงามทั่วประเทศ จนได้รับการโหวตให้เป็น ข่าวบันเทิงแห่งปี ด้วยคะแนนสูงสุดกว่า 35.05%

 

ขณะเดียวกัน เวที Miss Universe 2025 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เจ้าภาพ ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อ “วีนา–ปวีนา” ตัวแทนสาวไทยคว้าตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1 มาครองอย่างงดงาม สะกดทุกสายตาทั่วโลก

 

ความสำเร็จจากทั้งสองเวทีใหญ่ ทำให้ปีนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการนางงามไทย และตอกย้ำศักยภาพของตัวแทนสาวไทยที่ก้าวไกลขึ้นบนเวทีระดับโลกอย่างสง่างาม

 

9.ลุ้นสนุก! นักกีฬาไทยสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง

 

ทางฝั่งกีฬาปีนี้ถือเป็นปีทองของวงการกีฬาไทย เมื่อนักกีฬาหลายคนสร้างผลงานระดับโลกอย่างต่อเนื่อง“บิว–คีริน” คว้าเหรียญเงินกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย “จีโน่–อาฒยา” ทวงบัลลังก์โปรกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ขณะที่ “สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์นักบิดไทยหนึ่งเดียวผงาดคว้าแต้มแรก MotoGP และ “วิว–กุลวุฒิ” ทำสถิติเป็นนักแบดมินตันเดี่ยวมือ 1 คนแรกของไทย คว้าทั้งตำแหน่ง “ข่าวกีฬาแห่งปี” ด้วยคะแนนโหวต 31.65% และ “นักกีฬาแห่งปี” ด้วยคะแนนสูงสุด 44.33%

 

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในรอบ 18 ปี ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการกีฬาไทย ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ

 

10.หนัง ซีรีส์ไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

วงการภาพยนตร์ไทยยังคงสร้างชื่อเสียงบนเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” กลายเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่คว้ารางวัลสูงสุดในสาย Critics’ Week จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ขณะที่ซีรีส์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ “สงครามส่งด่วน” ก็กระแสแรงไม่แพ้กัน ขึ้นแท่นอันดับ 1 บน Netflix ประเทศไทย และติดอันดับ 4 ซีรีส์ Non-English ที่มียอดชมสูงสุดทั่วโลก

 

ด้านซีรีส์ Boy Love และ Girl Love ของไทยยังคงครองกระแสทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย “เขมจิราต้องรอด” จากค่าย Domundi คว้าตำแหน่ง ซีรีส์ Boy Love แห่งปี ไปพร้อมกับ “เก่ง–หฤษฎ์” และ “น้ำปิง–นภัสกร” ที่คว้ารางวัล คู่จิ้นแห่งปี ด้วยคะแนน 38.77%

 

ขณะที่ฝั่ง Girl Love สองนักแสดงสาว “หลิง–ออม” จากซีรีส์ “เพียงเธอ” คว้ารางวัล ซีรีส์ Girl Love แห่งปี ด้วยคะแนนสูงถึง 57.09% และสร้างวลีฮิต “ไอร่ารู้ไหม..” ที่กลายเป็นคำพูดยอดนิยมแห่งปี สะท้อนถึงพลังของคอนเทนต์ไทยที่ยังคงครองใจผู้ชมทั่วโลกได้อย่างงดงาม

 

11.T-POP ฟีเวอร์ แรงไม่ตก กวาดครบทุกกระแส

 

อุตสาหกรรมเพลงและอีเวนต์ไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กันเมื่อกระแส T-POP กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์สำคัญที่ผลักดันศิลปินไทยให้ก้าวสู่เวทีสากล ขณะเดียวกันประเทศไทยยังกลายเป็น ศูนย์กลางคอนเสิร์ตระดับภูมิภาค ดึงดูดทั้งศิลปินไทยและต่างชาติให้จัดแสดงอย่างคึกคัก ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ

 

นอกจากนี้ศิลปินสาวไทยที่มีชื่อบนเวทีโลกอย่าง “ลิซ่า – ลลิษา” ก็ได้รับบทบาทในซีรีส์ระดับโลก The White Lotus ซีซัน 3 จุดกระแสแฟนทั่วโลกให้มาตามรอยสถานที่ถ่ายทำในไทย ทั้งภูเก็ต สมุย และกรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 ข่าวบันเทิงต่างประเทศแห่งปี ด้วยคะแนนโหวต 24.44%

 

เช่นเดียวกับ “แบมแบม – กันต์พิมุกต์” ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการเพลงไทย ด้วยการนำเพลงไทยขึ้นแสดงในคอนเสิร์ต Grace for the World ณ นครรัฐวาติกัน ถือเป็นการ “ส่งเสียงของประเทศไทยให้ดังก้องไปทั่วโลก” ได้อย่างภาคภูมิ และ คว้ารางวัล “ความภูมิใจแห่งปี” ด้วยคะแนนโหวตสูงสุดถึง 60.72%

นอกจากนี้ยังมีการจัดที่สุดแห่งปี แบ่งออกเป็น

  • ข่าวแห่งปี: ตึก สตง.ถล่ม ด้วยผลโหวต 17.61%
  • ข่าวกีฬาแห่งปี: วิว กุลวุฒิ ขึ้นมือ 1 โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย ด้วยผลโหวต 31.65%
  • นักกีฬาแห่งปี: วิว กุลวุฒิ ด้วยผลโหวต 44.33%
  • ประโยคเด็ดแห่งปี: ชีเสิร์ฟ ด้วยผลโหวต 55.72%
  • เมนูฮิตแห่งปี: มัตจะ ด้วยผลโหวต 27.44%
  • เพลงแห่งปี: สมมติ – NAMPING ด้วยผลโหวต 34.37%
  • ข่าวต่างประเทศแห่งปี: ภาษีทรัมป์ ด้วยผลโหวต 25.4%
  • ความภาคภูมิใจแห่งปี: Banbam ร้องเพลงที่วาติกัน ด้วยผลโหวต 60.72%
  • ผู้ทรงอิทธิพลโลกโซเชียล: หนุ่ม กรรชัย ด้วยผลโหวต 44.1%
  • ปรากฎการณ์แห่งปี: มาสคอตไอดอล ด้วยผลโหวต 34.19%
  • ข่าวบันเทิงแห่งปี: โอปอลคว้ามงฟ้าคนแรกของไทย ด้วยผลโหวต 35.05%
  • ดาราชายแห่งปี: พีพี กฤษฏ์ ด้วยผลโหวต 57.3%
  • ดาราหญิงแห่งปี: เจนิส เจณิสตา ด้วยผลโหวต 71.13%
  • ศิลปินยอดนิยมแห่งปี: Bambam ด้วยผลโหวต 32.38%
  • ข่าวบันเทิงต่างประเทศแห่งปี: ปรากฏการณ์ลิซ่าครองโลก ด้วยผลโหวต 24.44%
  • ซีรีส์ Girl Love แห่งปี: เพียงเธอ ด้วยผลโหวต 57.09%
  • คู่จิ้น Girl Love แห่งปี: หลิงออม ด้วยผลโหวต 55.01%
  • ซีรีส์ Boy Love แห่งปี: เขมจิรา ต้องรอด ด้วยผลโหวต 53.02%
  • คู่จิ้น Boy Love แห่งปี: เก่งน้ำปิง ด้วยผลโหวต 38.77%
  • นักร้องลูกทุ่งแห่งปี: นุ๊ก ธนดล ด้วยผลโหวต 49.66%
]]>
1552456
“แผ่นดินไหว-ภาษีทรัมป์” พ่นพิษ กดดันตลาดอสังหาปี 68 คาดเปิดตัวน้อยสุดรอบ 15 ปี https://positioningmag.com/1524700 Thu, 05 Jun 2025 12:50:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1524700 ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไม่ได้ดีกว่าที่ทุกคนคาดหวัง จากปีก่อนเราคิดว่าตลาดจะกระเตื้องขึ้นจากข่าวดีเรื่องอัตราดอกเบี้ยลดลง และการปลดล็อก LTV

แต่ก็มีข่าวร้ายเข้ามาด้วยเช่นกัน ทั้งแผ่นดินไหวเมียนมาที่กระทบตลาดคอนโดมิเนียมไฮไรส์ในไทย ซึ่งปัจจุบันกำลังซื้อเริ่มกลับมา 70% จากช่วงปกติ (คาดกลับมา 100% ในปี 2569) ประกอบกับทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าไทย ทำให้ลูกค้าที่ทำธุรกิจส่งออกชะลอหรือยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์บ้านออกไป

ศุภาลัย ไตรเตชะ
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

“ไตรมาส 4 ปี 2567 เราคิดว่าแย่ที่สุดที่เคยเห็นมา แต่ไตรมาส 1 ปี 2568 แย่ยิ่งกว่า สะท้อนจากกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของกลุ่มอสังหาเฉลี่ย 28% ซึ่งปกติไม่เคยเห็นต่ำกว่า 30% และมีช่วงพีกสุดที่ 35%”

ขณะที่เรามองว่า “ภาษีทรัมป์” น่ากลัวกว่าแผ่นดินไหว เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวคนชะลอโอนกรรมสิทธิ์ออกไป แต่ภาษีทรัมป์ผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับส่งออก เขาทิ้งเงินจองทันที และไม่โอนกรรมสิทธิ์ คนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีเงินอยู่แล้ว

ขณะที่ การเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ ปี 2568 คาดว่าจะเปิดตัวเพียง 60,000-70,000 ยูนิต “น้อยสุดในรอบ 15 ปี” นับตั้งแต่ปี 2553 ที่มีการเปิดตัวราว 110,000 ยูนิต และเคยพีกสุดในปี 2556 ด้วยจำนวน 130,000 ยูนิต

“จากภาพรวมเศรษฐกิจ คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยคงไม่สามารถกลับไปเท่าจุดพีกที่เปิดตัวใหม่ 130,000 ยูนิต/ปี    ได้อีก แต่อาจจะกลับมาเปิดตัวใหม่ได้ราว 90,000-110,000 ยูนิต/ปี เมื่อเซนติเมนต์เศรษฐกิจและการจับจ่าย      ผู้บริโภคดีขึ้น“

ส่วนกลุ่มราคาที่ยังพอไปได้มากสุด คือ ที่อยู่อาศัยราคา 4-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ และต้องการที่อยู่อาศัยจริง ๆ โดยกลุ่มราคานี้มักไม่มีปัญหาการกู้ไม่ผ่านเหมือนกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ที่มีปัญหาหนี้ และถ้าระดับราคาสูงกว่า 7 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีบ้านกันอยู่แล้วจึงไม่ซื้อเพิ่มนัก

“ตอนนี้เรื่องกู้ไม่ผ่านไม่น่ากังวล เท่าเรื่องความเชื่อมั่น และภาระหนี้ครัวเรือนของลูกค้า การฟื้นความเชื่อมั่นต้องอาศัยทุกภาคส่วนร่วมทำด้วยกัน“

อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกของธุรกิจอสังหายังมีอยู่บ้าง ในด้านราคาวัสดุก่อสร้างลดลง อาทิ เหล็ก และราคาที่ดินลดลง 10-15% เอื้อต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ได้ต้นทุนที่ดีขึ้น

เบื้องต้น ปี 2568 บริษัทฯ วางงบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท (จากปีก่อน 6,800 ล้านบาท) ซึ่งพยายามมองหาที่ดินราคาคุ้มค่าที่สุด โดยเปิดรับทุกพื้นที่ ปัจจุบันใช้งบประมาณส่วนนี้ไปแล้ว 3,000 ล้านบาท

ที่ดิน บ้าน
ที่มาภาพ Shutterstock

ไตรเตชะ ย้ำว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาชะลอตัวลง แต่บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนเดิม ไม่ปรับเป้าใหม่ โดยวางเป้าปี 2568 ทำรายได้ 30,000 ล้านบาท และยอดขาย 32,000 ล้านบาท

โดยเปิดตัวโครงการใหม่รวม 36 โครงการ แบ่งเป็น

  • บ้าน จำนวน 28 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 28,000 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียม จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 13,000 ล้านบาท

สำหรับคอนโดมิเนียม ช่วงครึ่งปีแรกเตรียมเปิดตัว 3 โครงการ นำร่องด้วย “ศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่” อาคารโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่ 2 ไร่ ราคาเริ่มต้น 1.44 – 4.09 ล้านบาท เฉลี่ย 55,000 บาท/ตร.ม.

ถือเป็นการบุกทำเล “แจ้งวัฒนะ-หลักสี่” ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ (New Urban Hub) ของโซนกรุงเทพตะวันตก ด้วยศักยภาพด้านเศรษฐกิจ จากแหล่งงานขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์ราชการ, อิมแพ็ค เมืองทองธานี, สนามบินดอนเมือง, กลุ่ม รพ.มงกุฏวัฒนะ และ รพ.เวชธานี

ศุภาลัย คอนโด แจ้งวัฒนะ
โครงการศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่

คอนโดแจ้งวัฒนะราคาต่ำกว่า 70,000 บาท/ตร.ม. แทบไม่เหลือ ส่วนใหญ่ทำเลใกล้ศูนย์ราชการ ก็มีราคาสูงกว่า 67,000 บาท/ตร.ม.

เราเห็นช่องว่างด้านราคา โดยเราเขยิบที่ดินออกมาจากศูนย์ราชการ มาตรงใกล้ ๆ ไอทีสแควร์ ได้ราคาขายเหลือ 55,000 บาท/ตร.ม. แถมอยู่ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีแดง สถานีหลักสี่ 390 เมตร และสายสีชมพู สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ 490 เมตร

โดยเน้นจับกลุ่ม 50% เป็นข้าราชการ และที่เหลือ 40% เป็นพนักงานสนามบินและนักเรียน/นักศึกษา ส่วนอีก 10% เป็นบุคลากรการแพทย์

”ด้วยเราตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้ทำห้องกว่า 14 แบบ รองรับการใช้งานที่หลากหลายไลฟ์สไตล์ โดยโครงการนี้จะเริ่มสร้างปี 2569 ก่อนแล้วเสร็จในปี 2570“

]]>
1524700
เสนา มองอสังหาหลังแผ่นไหวดีมานด์เปลี่ยนแนว “คอนโด” ฟื้นใน 1 ไตรมาส https://positioningmag.com/1518303 Fri, 11 Apr 2025 06:01:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518303 ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค. 68 ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มอสังหาเผชิญ หลังเกิดเหตุการณ์ได้ตั้งทีม War Room ปฏิบัติการเชิงรุกติดตามผลกระทบทันที

หลังเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ ได้เข้าตรวจความเสียหายทุกโครงการ 108 แห่ง (รวมโครงการระหว่างก่อสร้างด้วย) ด้านโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ 62 โครงการ พบความเสียหายส่วนใหญ่อยู่ที่งานสถาปัตยกรรม มีรอยร้าวเล็กน้อย ฝ้าเปิด ผนังร้าวบางส่วน เคสหนักสุดเป็นประตูปิดไม่ได้ คำนวณความเสียหายคร่าว ๆ ประมาณ 20 ล้านบาท

“ตามกฎหมายบังคับทุกอาคารที่ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2564 ต้องออกแบบเพื่อรองรับแผ่นดินไหว ซึ่งหากมองในเชิงโครงสร้างความเสียหายที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นผลที่รับได้ผ่านตามเกณฑ์”

เสนา ตรวจสอบตึกที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

เบื้องต้น เสนาฯ ทำมาตรการช่วยเหลือและแก้ไข แบ่งออกเป็น 3 เฟส

  • เฟส 1 : สร้างความมั่นใจ ตรวจสอบความปลอดภัยอาคาร และรับรองโดยทีมเสนาและวิศวกรภายนอก ดำเนินการไปแล้วครบ 100% (จากทุกโครงการ 108 แห่ง)
  • เฟส 2 : ตรวจสอบ ตรวจสอบเชิงลึก เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ลูกบ้านแจ้งปัญหาได้ง่ายขึ้นผ่านแอป SEN PROP
  • เฟส 3 : แก้ไข โดยร่วมกับพันธมิตร และผู้ที่เกี่ยวข้อง แก้ไขและซ่อมแซม ในโครงการที่ได้รับความเสียหาย

”ความมั่นใจของลูกค้าตอนนี้กลับมาประมาณ 80% แล้ว“

นอกจากการเยียวยาความเสียหายแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เสนา หันกลับมาทำแผนรับมือภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวมากขึ้น โดยรับคำปรึกษาจากพาร์ตเนอร์อสังหาญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่าง “ฮันคิว”

ผ่านแนวคิด Geo fit+ เติมสิ่งที่จำเป็นให้ลูกค้าในอนาคต เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เลื่อน ไม่ตก เมื่อเจอแผ่นดินไหว หรือกระทั่งการนำห้องน้ำเคลื่อนที่มาไว้ส่วนกลาง เพื่อรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์อีก เป็นต้น

ดร.ยุ้ย กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ผลกระทบเกิดกับสินค้าประเภทห้องชุด (คอนโดมิเนียม) โดยเฉพาะตึกสูง ทำให้ดีมานด์อสังหาเปลี่ยนแนว มาสู่แนวราบ (บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์) มากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ที่ดีมานด์เบนจากกลุ่มบ้านมาหาคอนโด

”ครั้งน้ำท่วมใหญ่ ผลกระทบเกิดเป็นทำเล ๆ ไป แต่รอบนี้เกิดจากประเภท ทำให้ประเมินว่าคอนโดจะชะลอตัวไป 1 ไตรมาส และค่อยกลับมา“

โครงการนิช โมโน ติวานนท์ ของ บมจ.เสนาฯ

ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค มักจะ ‘ติดทำเลเดิม’ ด้วยความเคยชินกับไลฟ์สไตล์ย่านนั้น ๆ และด้วยข้อจำกัดด้านราคาที่อยู่บางโซน บ้านแนวราบมีราคาสูงกว่าคอนโดมาก ทำให้ท้ายสุดคนจะกลับมาซื้อคอนโด

ยกตัวอย่าง เดอะคิสท์ตรงนิคมอุตสาหรรม ราคาแต่ละประเภทห่างกัน “1 เท่าครึ่ง”

  • คอนโด ราคา 1 ล้านบาท
  • ทาวน์เฮ้าส์ ราคา 2.7 ล้านบาท
  • บ้านเดี่ยว ราคา 3-4 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เดินหน้าการทำตลาดต่อเนื่อง สำหรับ Livnex หรือ เช่าออมบ้าน เริ่มต้นล้านละ 4,100 บาท ให้ผู้ที่อยากซื้อบ้านแต่ยังไม่สามารถกู้ได้เข้าโปรแกรม 3 ปี โดยเงินเช่าที่จ่ายเสนาแต่ละเดือน จะถูกหักมาเป็นส่วนลด เมื่อผู้ทำสัญญาสามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั้น ๆ ได้ โดยขณะนี้จากเดิมมีเพียงคอนโด ได้เริ่มขยายไปสู่แนวราบมากขึ้น

ยกตัวอย่าง ต้องการบ้าน/คอนโด ราคา 2-3 ล้านบาท แต่ยังกู้ไม่ได้ โปรแกรมเช่าออมบ้าน จะให้ราคาเช่าอยู่ที่ล้านละ 5,500 บาท เพื่อที่ภายใน 36 เดือน จะสามารถยื่นสเตจเมนต์การชำระอย่างสม่ำเสมอนี้ เพื่อกู้แบงก์ได้นั่นเอง

“ปัจจุบันมีเข้าร่วมโครงการ 1,000 ยูนิต และอยู่ในไปป์ไลน์ 100 ราย ส่วนโมเดล Rentnex เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน อายุ 28-32 ปี ขณะนี้มีลูกค้า 70-80 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นโปรแกรม Silver เริ่มต้นเช่าเดือนละ 6,700 บาท และ Gold เริ่มต้น 10,000 บาท/เดือน“

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2568 ประเมินว่า จะลดการทำตลาดแนวสูงลงช่วงนี้ และโฟกัสแนวราบแทน เพื่อสอดคล้องกับดีมานด์แต่ละช่วง

ขณะเดียวกัน ธุรกิจอสังหาอาขเผชิญแรงกดดันจากการครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ หากครบในช่วงนี้บางรายอาจเหนื่อยหน่อย สำหรับเสนาเอง ก็มีแผน 3 ปีนี้จะลดสัดส่วนหุ้นกู้ลง จากตอนนี้มีประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท คิดเป็น 15% จากหนี้รวมทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท

]]>
1518303
แผ่นดินไหว ทำต่างชาติเข้าไทย ลดลง จีนหนักสุด คาดทั้งปี 68 หด 2-7 แสนคน https://positioningmag.com/1517701 Tue, 08 Apr 2025 10:18:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1517701 แผ่นดินไหว สะเทือนยอดยกเลิกเที่ยวบิน-ห้องพัก

หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย

ตัวเลขเบื้องต้นในช่วง 2 วันแรกหลังเหตุการณ์ พบว่า มีการยกเลิกการจองห้องพักแล้วประมาณ 1,100 บุกกิง ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยกเลิกห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯ

อีกทั้ง การสำรวจยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงสงกรานต์ (11-17 เมษายน 2568) ของสมาคมโรงแรมไทย ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 ยังพบว่า ยอดการจองห้องพักล่วงหน้าลดลงราว -25% YOY ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจเดินทาง

ภาพจาก Shutterstock

ศูนย์วิจัยกสิกร เผย คนจีนหดตัวมากสุด 24%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ ไตรมาส 2 ปี 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตเพียง 1.9% (YoY) โดยเดือน ก.พ. และ มี.ค. หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน

Top 5 ประเทศนักท่องเที่ยวในไตรมาส 1 ปี 2568

  1. จีน: 1.3 ล้านคน (-24%)
  2. มาเลเซีย: 1.2 ล้านคน (-1%)
  3. รัสเซีย: 0.7 ล้านคน (+16%)
  4. อินเดีย: 0.5 ล้านคน (+15%)
  5. เกาหลีใต้: 0.5 ล้านคน (-11%)

สาเหตุที่นักท่องเที่ยวลดลง

  • เหตุแผ่นดินไหวกระทบความเชื่อมั่น
  • ต่างชาติชะลอการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาวช่วงวันแรงงาน
  • ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีทิศทางลดลง

ส่งผลให้คาดการณ์ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยว ปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงเหลือ 35.9 ล้านคน จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 37.5 ล้านคน

ภาพจาก Shutterstock

EIC เปิด 3 สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 68 คาดหดตัว 2-7 แสนคน

SCB EIC ประเมินว่า ภาคท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเร็วในระยะสั้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มลดลงราว 2-7 แสนคน ตลอดการฟื้นตัว โดยให้ภาพ 3 สถานการณ์การฟื้นตัว

กรณีที่ 1 Better case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -9% MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 2 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 1.95 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 9.53 พันล้านบาท

กรณีที่ 2 Base case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -12% MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 4.2 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 2.06 หมื่นล้านบาท

กรณีที่ 3 Worse case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -15%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 4 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 6.8 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 3.30 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากภาครัฐเร่งออกมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เดิมที่ 38.2 ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

]]>
1517701
ตลาดคอนโด ปี 68 ส่อแย่ลง อาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว-ตึกถล่ม กทม. https://positioningmag.com/1516562 Sat, 29 Mar 2025 08:47:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516562 จากกรณีวานนี้ (28 มี.ค. 68) เกิดแผ่นดินไหว 8.2 ริกเตอร์ ในประเทศเมียนมา สร้างแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทย โดยเฉพาะ กทม. ที่ได้รับผลกระทบตึกถล่มบางพื้นที่ ตลอดจนอาคารต่าง ๆ เสียหายมีรอยร้าว

เอฟเฟกต์ที่ตามมา แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ ได้แก่
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ทั้งกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ มู้ดการจับจ่ายอีกสักระยะจึงกลับมาสู่ภาวะปกติ
  • กลุ่มลูกค้าที่รอโอนกรรมสิทธิ์ อาจจะยื้อระยะเวลาการโอนฯ หรือหนักสุดอาจจะยกเลิกการซื้อ
  • ผู้อยู่อาศัยคอนโด เรียกหาความรับผิดชอบ และการซ่อมแซมต่าง ๆ

ปัจจัยดังกล่าว อาจทำให้ ตลาดคอนโด ปี 2568 แย่ลง ซ้ำเติมสถานการณ์ตลาดคอนโด กทม. ที่เผชิญการหดตัวของยอดขายต่อเนื่อง 2 ปี ติด (ปี 2566 – 2567) อ้างอิงตัวเลข REIC พบว่า

  • ปี 2567 ยอดขายได้ใหม่ (New Sale) มีจำนวน 13,720 ยูนิต และมูลค่า 73,458 ล้านบาท
  • ปี 2566 ยอดขายได้ใหม่ มีจำนวน 18,880 ยูนิต และมูลค่า 85,604 ล้านบาท
  • (ก่อนโควิด) ปี 2562 ยอดขายได้ใหม่ มีจำนวน 38,731 ยูนิต และมูลค่า 168,090 ล้านบาท

“หากเทียบยอดขายใหม่ของปี 2567 กับปี 2566 พบว่า ยูนิตและมูลค่า ลดลง 27.3% และ 14.2% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดปี 2562 พบว่า ยูนิตและมูลค่า หดตัวหนักถึง 64.6% และ 56.3% ตามลำดับ“

ยอดขายได้ใหม่ (New sale) รายไตรมาส ตั้งแต่ปี 2562 – 2567 ด้านบนเป็นยูนิต ด้านล่างเป็นมูลค่า อ้างอิง REIC

แม้ภาพรวมซัพพลายใหม่ (New Supply) ของคอนโดที่เข้าสู่ตลาดในปี 2567 จะมีเพียง 22,477 ยูนิต ลดลง 27.4% และมูลค่า 146,555 ล้านบาท ลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

ทว่าด้วยซัพพลายเปิดตัวใหม่ (New Supply) มากกว่า ยอดขายได้ใหม่ (New Sale) ทำให้มีหน่วยเหลือขาย ณ ไตรมาส 4 ปี 2567 ประมาณ 65,247 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.6% และมูลค่า 375,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% (YoY)

“สวนทางกับอัตราการดูดซับ (Absorption Rate) ของคอนโด กทม. ณ ไตรมาส 4/68 ที่อยู่ที่เพียง 1.8% ทำให้ต้องใช้เวลาระบายสต๊อกนาน 52 เดือน (ประมาณ 4.3 ปี) จากช่วงก่อนโควิด ปี 2562 ใช้เวลาเพียง 13 เดือน (1 ปีเศษ)“

อย่างไรก็ดี หากประชาชนขาดความเชื่อมั่นในโครงการคอนโด และมีการแห่คืนห้อง และชะลอซื้อยาว ก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ รวมไปถึงสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจอสังหาได้

]]>
1516562