สำหรับ ‘Ray-Ban Stories’ จะมีกล้องขนาด 5MP จำนวน 2 ตัว ทำให้สามารถถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ โดยสามารถบันทึกได้นานสุด 30 วินาที สามารถสั่งได้ด้วยคำสั่งเสียงของ Facebook Assistant โดยเมื่อเกิดการบันทึกภาพแว่นตาจะสว่างขึ้นเพื่อให้รับรู้ได้ว่าแว่นกำลังบันทึกภาพเพื่อความเป็นส่วนตัว
ในตัวแว่นตายังมีลำโพงแบบ open-ear และอาร์เรย์ไมโครโฟน 3 ตัว และมีฟังก์ชันลดเสียงรบกวนภายนอก เพื่อให้รับเสียงได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะใช้ฟังเพลง ฟังพอดแคสต์ คุยโทรศัพท์ได้ รวมถึงการบันทึกเสียงเวลาถ่ายวิดีโอให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ไม่ใช่แค่การถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ และคุยโทรศัพท์ แต่ Ray-Ban Stories สามารถจับคู่ใช้งานร่วมกับแอป ‘Facebook View’ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแชร์เนื้อหากับเพื่อนและผู้ติดตามโซเชียลมีเดียได้ผ่านทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger, Twitter, TikTok, Snapchat และสามารถส่งคอนเทนต์ที่ได้จากแว่นไปบันทึงยัง camera roll ของสมาร์ทโฟนได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับ Ray-Ban Stories จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ $299 หรือประมาณ 9,800 บาท จากร้านค้าออนไลน์ของ Ray-Ban โดยมีจำหน่ายแล้วทางออนไลน์และในร้านค้าบางแห่งในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, ไอร์แลนด์, อิตาลี และสหราชอาณาจักร
แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Stories นั้นมีให้เลือกมากมายถึง 20 รูปแบบในสไตล์ Ray-Ban สุดคลาสสิก — Wayfarer, Wayfarer Large, Round และ Meteor และมีสีให้เลือก 5 สีพร้อมเลนส์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น เลนส์ใส, เลนส์กันแดด, เลนส์ทรานซิชันและเลนส์พรีสคริปชัน
]]>ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Facebook ได้เปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับผลงานที่ออกมาจาก Reality Labs ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เพื่อทำงานในโครงการทดลองต่าง ๆ และล่าสุดที่เปิดเผยออกมาก็คือ ‘แว่นอัจฉริยะ’ แม้ไม่ได้เปิดเผยถึงคุณสมบัติของแว่นตาอัจฉริยะมากนัก แต่ Mark Zuckerberg CEO Facebook ยังยืนยันว่าไม่ใช่ ‘แว่น AR’ แต่จะคล้ายกับ Snap Spectacles หรือ Echo Frames ของ Amazon มากกว่า พร้อมระบุว่า แว่นตาอัจฉริยะดังกล่าวถือเป็นก้าวหนึ่งในงานพัฒนาด้าน AR และถือเป็นต้นแบบของโปรเจกต์ที่เรียกว่า ‘Project Aria’ ซึ่งเป็นแว่นตา AR
แม้จะยังไม่มีรายละเอียดว่าแว่น AR ของ Facebook จะถูกเรียกว่าอะไร หน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงจะมีราคาเท่าไหร่ แต่จะมีการเปิดตัวปีหน้า และเนื่องจากต้องการให้ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ลักษณะหน้าตาก็น่าจะคล้ายกับแว่นทั่วไป อย่างที่บริษัทอย่าง North และ Nreal ได้พัฒนาขึ้น
อย่างที่รู้ว่าไม่ใช่แค่ Facebook ที่คิดจะพัฒนาแว่นอัจฉริยะ แต่รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ อาทิ ส่วนบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เจ้าอื่น ๆ เช่น Amazon, Apple, Google และ Intel ก็เคยพัฒนาแว่นอัจฉริยะหรือหมวด AR มาก่อน ดังนั้นอาจต้องรอดูอีกทีว่าแว่นอัจฉริยะของ Facebook นั้นจะล้ำแค่ไหน แล้วราคาจะสามารถจับต้องได้ อย่างที่ต้องการให้ใช้ในชีวิตประจำวันแค่ไหน
]]>