โควิดสายพันธุ์เดลต้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 20 Dec 2021 06:13:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ไฟเซอร์’ ฟัน! โควิดจะกลายเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ ภายในปี 67 https://positioningmag.com/1367768 Mon, 20 Dec 2021 05:32:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367768 2 ปีผ่านไปสำหรับการระบาดของ COVID-19 แม้จะมีวัคซันออกมาแต่ไวรัสเองก็พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ๆ ออกมาหนีภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของ ‘ไฟเซอร์’ (Pfizer) ได้ออกมาคาดการณ์ว่า COVID-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น หรือเป็นเหมือน ‘ไข้หวัดใหญ่’ อย่างเร็วที่สุดในปี 2567

“เราเชื่อว่า COVID-19 จะเปลี่ยนไปเป็นสถานะเป็นโรคประจำถิ่นภายในปี 2024 ซึ่งหมายความว่าไวรัสจะไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินทั่วโลกอีกต่อไป” Nanette Cocero ประธานบริษัท Pfizer Vaccines กล่าว

ทั้งนี้ ไวรัส COVID-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นก็ต่อเมื่อ ประชากรมีภูมิคุ้มกันเพียงพอจากวัคซีนหรือจากการติดเชื้อ จนสามารถรักษาการแพร่เชื้อ การรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต แม้ว่าไวรัสจะแพร่ระบาดอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงของ COVID-19 ไปสู่สถานะเฉพาะถิ่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ตามข้อมูลของ Mikael Dolsten หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์

“สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของโรค ปริมาณการใช้วัคซีนและการรักษาว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด และการกระจายวัคอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำ แต่แน่นอนว่าการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่อาจส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง” Dolsten กล่าว

ความคิดเห็นจากผู้บริหารของไฟเซอร์เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วโลกยังต้องต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19 ที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะจากตัวแปรเดลต้า ในขณะที่ สายพันธุ์โอมิครอน เองกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยในสหรัฐฯ จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 7 วันเพิ่มขึ้น 4%

แองเจลา ฮวัง ประธานกลุ่มบริษัท Pfizer Biopharmaceuticals Group กล่าวว่า การเก็บวัคซีนและการรักษาโควิด เช่น ยาเม็ดต้านไวรัสของไฟเซอร์อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเนื่องจากโรคนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยคาดว่าประเทศต่าง ๆ จะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิดประจำปี

Source

]]>
1367768
‘WHO’ ชี้ 99% ของผู้ติดเชื้อโควิดเป็นสายพันธุ์ ‘เดลตา’ พร้อมเตือนการ์ดอย่าตก หลังผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5% https://positioningmag.com/1362449 Wed, 17 Nov 2021 08:30:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362449 COVID-19 สายพันธุ์เดลตา ตรวจพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสายพันธุ์ดังกล่าวกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการติดเชื้อทั่วโลก คิดเป็น 99% เนื่องจากสายพันธุ์เดลตา สามารถแพร่หลายมากกว่าสายพันธุ์อื่น 

มาเรีย แวน เคอร์โฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกด้านโควิด กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบทั้งหมด 900,000 รายทั่วโลก ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา มีต้นตอมาจากสายพันธุ์เดลตา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วทั่วโลกในขณะนี้ มีสัดส่วนหลัก ๆ มาจากฝั่ง ยุโรป โดยคิดเป็น 60% ของจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่มีมากกว่า 3.3 ล้านราย ทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

“สายพันธุ์เดลตามีอิทธิพลมากจริง ๆ และปัจจุบันก็พบว่ามันมีสองรูปแบบที่น่าสนใจ ได้แก่ mu และ lambda ที่เราได้ติดตาม”

สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มีจำนวนเกือบ 50,000 ราย เพิ่มขึ้น 5% โดยกว่าครึ่งมาจากยุโรป การใช้หน้ากากอนามัยที่ลดลงและการเว้นระยะห่างทางสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเข้าสู่ฤดูหนาว จะยิ่งนำไปสู่การเจ็บป่วยด้านทางเดินหายใจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งรวมถึงไข้หวัดใหญ่และเชื้อโรคอื่น ๆ

“การระบาดใหญ่กำลังไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องในขณะนี้” มาเรีย แวน เคอร์โฮฟ กล่าว

ปัจจุบัน บางประเทศในยุโรปกำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรง อาทิ เยอรมนี สร้างสถิติผู้ป่วยใหม่เกือบ 39,300 รายในวันจันทร์เป็นประวัติการณ์โดยเฉลี่ย 7 วัน เพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากสัปดาห์ก่อน

ด้าน สหราชอาณาจักร มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 38,500 ราย ในวันจันทร์โดยเฉลี่ยต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 13% จากสัปดาห์ก่อน ค่าเฉลี่ย 7 วันในฝรั่งเศสและอิตาลี ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เช่นกัน

รัสเซีย ยังพบการระบาดของไวรัสในระดับสูงโดยเฉลี่ย 7 วัน โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,199 คน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเฉลี่ย 7 วัน มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 38,000 ราย ลดลงมากกว่า 2%

Source

]]>
1362449
‘เดลต้าแอร์ไลน์’ สั่งปรับพนักงาน 6,600 บาท/เดือน หากไม่ฉีดวัคซีน https://positioningmag.com/1348845 Fri, 27 Aug 2021 04:38:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348845 เดลต้าแอร์ไลน์ จะเรียกเก็บเงินจากพนักงานตามแผนประกันสุขภาพของบริษัทที่ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หากพวกเขาไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ซึ่งเป็นนโยบายที่ผู้บริหารระดับสูงของสายการบินมองว่ามีความจำเป็น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลโดยเฉลี่ยสำหรับไวรัสมีค่าใช้จ่าย 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.3 ล้านบาท

เอ็ด บาสเตียน ซีอีโอ เดลต้าแอร์ไลน์ กล่าวว่า พนักงานทุกคนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากไวรัสในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน ดังนั้น สายการจะหยุดขยายการคุ้มครองการจ่ายเงินให้กับคนงานที่ไม่ได้รับวัคซีนที่ติดเชื้อ COVID-19 ในวันที่ 30 กันยายน และจะกำหนดให้คนงานที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนได้รับการ ตรวจเชื้อทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน และพนักงานทุกคนจะต้องสวมหน้ากากในทุกสถานที่ในบริษัท

ขณะที่ค่าปรับรายเดือน ที่บริษัทจะเก็บจากพนักงานที่ไม่ฉีดวัคซีนในจำนวน 200 ดอลลาร์สหรัฐ จะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน โดยค่าธรรมเนียมนี้มีความจำเป็นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินให้กับบริษัท เนื่องจากเดลต้าเป็นผู้ประกันตนและกำหนดเบี้ยประกันสำหรับแผนซึ่งบริหารงานโดย United Healthcare

บาสเตียน กล่าวว่า 75% ของพนักงานได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นจาก 72% ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา หมายความว่าบริษัทต้องให้พนักงานฉีดวัคซีนมากขึ้น และใกล้ถึง 100% มากที่สุด

การระบาดของ COVID-19 ที่รายงานใหม่ในสหรัฐอเมริการุนแรงขึ้นเนื่องจากสายพันธุ์เดลตา ทำให้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 150,000 รายต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม และการระบาดที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้การจองเที่ยวบินชะลอตัว โดยการเดินทางทางอากาศของสหรัฐฯ ยังคงลดลงมากกว่า 20% จากช่วงก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2019

Source

]]>
1348845
ยาแรงได้ผล! จีนอาจเป็นประเทศแรกสกัด ‘เดลตา’ สำเร็จ หลังผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศเป็นศูนย์ https://positioningmag.com/1348267 Tue, 24 Aug 2021 03:14:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348267 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) รายงานเมื่อวันจันทร์ (23 ส.ค.) ว่าจีนไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากทางการจีนได้ออกมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ที่เข้มงวดของประเทศเป็นสองเท่า

ประเทศจีนได้ต่อสู้กับการแพร่กระจายของตัวแปรเดลตาที่แพร่ระบาดได้สูงตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เมื่อตรวจพบคลัสเตอร์ของการติดเชื้อ COVID-19 ในหมู่เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดสนามบินในเมืองหนานจิง ทางตะวันออกของประเทศจีน

นับแต่นั้นเป็นต้นมา การระบาดก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2020 โดยได้แพร่กระจายไปยังกว่าครึ่งของ 31 มณฑลของประเทศ และทำให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,200 คน โดยอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีปัจจัยมาจากสายพันธุ์เดลตา ซึ่งถูกมองว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสกัดกั้นไวรัสของจีน

ทางการในแต่ละมณฑลได้ใช้ยาแรงในการสกัดการระบาด ด้วยนโยบาย Zero-Covid ที่กำหนดให้ผู้อยู่อาศัยหลายสิบล้านคนอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด และเดินหน้าทดสอบในเชิงรุกจำนวนมาก และจำกัดการเดินทางภายในประเทศ โดยมาตรการที่เข้มงวดดูเหมือนจะได้ผล เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นตัวเลขหลักเดียว

โดยในวันจันทร์ (23 ส.ค.) ทางการจีนรายงานผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศ 21 ราย และไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ 16 ราย โดยหากแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไป จีนอาจเป็นประเทศแรกของโลกที่ควบคุมการระบาดใหญ่ของเดลตาได้

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ออกมาเตือนว่าการระบาดใหญ่ยังไม่สิ้นสุด และผู้คนไม่ควรประมาทในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยประเทศยังคงเพิ่มการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา NHC ได้จัดการวัคซีนที่ผลิตในประเทศแล้วมากกว่า 1.94 พันล้านโดส มีการให้ฉีดมากกว่า 135 โดสต่อ 100 คน ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในหลายประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่พยายามขจัด COVID-19 ให้หมดสิ้นภายในพรมแดนของตน โดยเจ้าหน้าที่ได้กักกันผู้โดยสารขาเข้าอย่างเข้มงวด และเริ่มล็อกดาวน์ตามเป้าหมาย ตลอดจนนโยบายการทดสอบและติดตามเชิงรุกเพื่อขจัดกรณีใด ๆ ที่ผ่านการป้องกัน และเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ที่มาตรการเหล่านี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใกล้เป็นศูนย์

แต่ในบางประเทศก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ อาทิ ในออสเตรเลีย เมืองใหญ่ ๆ หลายแห่ง รวมถึงซิดนีย์ เมลเบิร์น และเมืองหลวงแคนเบอร์รา ถูกล็อกดาวน์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Source

]]>
1348267
‘Airbnb’ รายได้พุ่งแต่หุ้นร่วง เหตุนักลงทุนหวั่นโควิดสายพันธุ์ ‘เดลตา’ ทำคนเบรกท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1346773 Sat, 14 Aug 2021 04:51:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346773 หุ้นของ ‘Airbnb’ ในวันพฤหัสบดีลดลงมากกว่า 4% แม้ผลประกอบการในไตรมาสสองของบริษัทจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดก็ตาม ซึ่งสาเหตุมาจากความผันผวนที่อาจจะเกิดเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา

บริษัทรายงานว่าไตรมาส 2 มีรายได้ที่ 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 300% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะมีรายได้ 1.26 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การจองที่พักและประสบการณ์มีทั้งหมด 83.1 ล้านคืน เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสแรกและเพิ่มขึ้น 197% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจากการสำรวจของ StreetAccount คาดว่าจะปีที่ผ่านมามีการยกเลิกการจองกว่า 79.2 ล้านคืน

อัตราการใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 161 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 160 ดอลลาร์ในไตรมาสก่อน ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนเงินที่ลูกค้าใช้จ่ายเพื่อที่พักและประสบการณ์ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่เติบโตทำให้ผลขาดทุนสุทธิของ Airbnb ลดลงเหลือ 68 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ลดลงมากกว่า 88% จากขาดทุนสุทธิ 575.6 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดของ Airbnb เพิ่มขึ้น 175% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 315 ล้านดอลลาร์ บริษัทระบุว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาจากแคมเปญ Made Possible by Hosts Airbnb

อย่างไรก็ตาม ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น บริษัทเตือนว่ากำลังเผชิญกับความผันผวนอันเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา โดย Airbnb กล่าวว่า การระบาดอาจจะส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความถี่และเวลาที่แขกจองและยกเลิก

“เมื่อเราออกจาก Q2 และเข้าสู่ Q3 เรามีการจองน้อยลงสำหรับฤดูใบไม้ร่วง โดยพิจารณาจากลักษณะของฤดูกาล และผลกระทบใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับข้อกังวลของ COVID-19 ดังนั้น เรายังไม่รู้ว่าผู้คนเต็มใจที่จะเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอย่างไรเมื่อเทียบกับฤดูร้อน” Dave Stephenson ซีเอฟโอของ Airbnb กล่าว

Source

]]>
1346773
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงสหรัฐฯ รับ ‘ล้มเหลว’ จากการสกัดโควิดระลอกใหม่ https://positioningmag.com/1345755 Mon, 09 Aug 2021 05:09:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345755 ในช่วงวันที่ 2-6 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงได้เตือนว่าประเทศกำลัง ‘ล้มเหลว’ ในการต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 เนื่องจากตัวแปรเดลตาที่ระบาดอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันมีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 6.16 แสนราย ซึ่งสูงสุดของโลก

ยอดผู้ป่วยรายใหม่รายวันในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 118,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 89% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่โรงพยาบาลเด็กในสหรัฐอเมริกา เช่น ฟลอริดา กำลังมีคนไข้มากขึ้น เนื่องจากคนหนุ่มสาวได้รับผลกระทบมากขึ้น

“เราไม่ควรไปถึงที่ที่เราอยู่เลยจริง ๆ และเรากำลังล้มเหลว” ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) กล่าว

ปัจจุบัน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปียังไม่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน แต่ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า แม้แต่เด็กที่ไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่เชื้อ COVID-19 ได้ ดังนั้น เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปควรสวมหน้ากากในที่สาธารณะซึ่งรวมถึงโรงเรียนด้วย

อย่างไรก็ตาม มีการเตือนว่าหากเด็กหลายล้านคนที่กลับไปเรียนที่โรงเรียนและไม่สวมหน้ากาก ไวรัสจะ แพร่กระจายไปในวงกว้างมากขึ้น

แม้ความกลัวเกี่ยวกับตัวแปรเดลตาได้ทำให้ประชาชนกระตือรือร้นที่จะฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น แต่คนนับล้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เอนเอียงไปทางอนุรักษ์นิยมของประเทศยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน

“เราจะไม่อยู่ในจุดที่เราอยู่ตอนนี้แม้จะมีตัวแปรเดลตาที่ระบาดเพิ่มขึ้น ถ้าเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นในการฉีดวัคซีนทุกคน”

Photo : Shutterstock

Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงอีกคนเตือนว่า ความล้มเหลวในการควบคุมตัวแปรเดลตา อาจจะเพิ่มโอกาสที่เชื้อจะกลายพันธุ์รูปแบบใหม่ซึ่งอาจมีปัญหามากกว่าเดลตา

จากการระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้จัดงาน New Orleans Jazz Fest ได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่างานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8-17 ตุลาคมได้ถูกยกเลิก ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น

ย้อนไปช่วงเดือนพฤษภาคม ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หลังจากที่มีหลักฐานยืนยันว่าวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดลงอย่างมาก และยังมีประสิทธิภาพต่อไวรัสกลายพันธุ์ จนกระทั่งการมาของสายพันธุ์เดลตา ทำให้ในเดือนกรกฎาคม บางรัฐออกกฎบังคับให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง

Source

]]>
1345755
Amazon ให้พนักงาน ‘Work from Home’ ยาวถึงปี 2022 หลังโควิดกลับมาระบาดอีกครั้ง https://positioningmag.com/1345712 Sat, 07 Aug 2021 15:35:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345712 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายวันในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง โดยในช่วงวันที่ 2-6 ส.ค. 64 นั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทะยานกว่า 1 แสนราย เนื่องจากสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้สหรัฐฯ ต้องกลับมาแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงกลับมาสวมหน้ากากอีกครั้งแม้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว

ย้อนไปในปลายเดือนพฤษภาคม Amazon แจ้งพนักงานว่าจะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากสำหรับพนักงานในโกดังที่ได้รับวัคซีนครบชุด โดยคำสั่งดังกล่าวมาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่ต้องสวมหน้ากากได้

แต่จากการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์เดลตาทำให้ Amazon อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเลื่อนวันกลับเข้าทำงานในออฟฟิศยาวไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2022 จากเดิมที่มีกำหนดในการกลับเข้าออฟฟิศในวันที่ 7 กันยายน และเมื่อกลับมาทำงานในออฟฟิศอีกครั้ง พนักงานจะต้องสวมหน้ากากภายในสำนักงาน เว้นแต่จะได้แสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลายแห่งถือเป็นกลุ่มบริษัทแรก ๆ ที่ปิดสำนักงานในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว และได้กำหนดว่าจะกลับมาทำงานในออฟฟิศอีกครั้งในเดือนกันยายน แต่ปัจจุบันบริษัทเหล่านี้กำลังชะลอแผนดังกล่าวเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตัวแปรเดลตาที่ระบาดเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Google ประกาศว่าจะเลื่อนวันกลับมาทำงานที่สำนักงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนถึงวันที่ 18 ตุลาคม ในขณะที่ Uber ระบุว่าจะไม่เปิดสำนักงานอีกครั้งจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม Tim Cook CEO ของ Apple ก็ยืนยันเช่นกันว่าบริษัทจะชะลอการเปิดจากเดือนกันยายนไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือน ส่วน Microsoft คาดว่าจะไม่กลับเข้ามาทำงานวันที่ 4 ตุลาคม

อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Lyft วางแผนที่จะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอีกครั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2022

Source

]]>
1345712
‘WHO’ กำลังเร่งหาสาเหตุทำไมสายพันธุ์ ‘เดลตา’ ถึงอันตรายกว่าสายพันธุ์อื่นมาก https://positioningmag.com/1344786 Mon, 02 Aug 2021 06:58:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344786 เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า พวกเขายังคงพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมไวรัส COVID-19 สายพันธุ์เดลตาจึงแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า และอาจทำให้คนป่วยหนักกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยที่ผ่านมา CDC ได้ออกมาเตือนว่ามันสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนกับอีสุกอีใส และอาจทำให้ผู้สูงอายุป่วยมากขึ้น แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม

ดร.มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกด้าน COVID-19 กล่าวว่า WHO กำลังพยายามหาสาเหตุว่าทำไม COVID-19 สายพันธุ์เดลตาจึงแพร่เชื้อได้มากกว่าเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์อื่น หลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการรบาดของสายพันธุ์เดลตาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูง

โดยงานวิจัยใหม่ระบุว่าสายพันธุ์เดลตา ติดต่อได้ง่ายกว่าไข้หวัดหมู ไข้หวัดธรรมดา และโปลิโอ เป็นโรคติดต่อได้เหมือนกับโรคอีสุกอีใส และดูเหมือนว่าจะมีระยะเวลาการแพร่เชื้อนานกว่าเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม และอาจทำให้ผู้สูงอายุมีอาการหนักขึ้น แม้ว่าจะได้รับการ ฉีดวัคซีนครบถ้วน แล้วก็ตาม

“ในแบบจำลองปล่อยให้ไวรัสเกาะติดกับเซลล์นั้นพบว่าสายพันธุ์เดลตา สามารถเกาะติดได้ง่ายขึ้น ซึ่งมันแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 2 เท่า ไวรัสมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับการแพร่กระจาย ดังนั้นไวรัสจึงมีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อได้มากขึ้น เพราะนี่คือสิ่งที่ไวรัสพัฒนาขึ้น ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา” มาเรีย แวน เคอร์คอฟ กล่าว

เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกคาดว่ายังไม่จบแค่นี้ แต่อาจจะมีสายพันธุ์ที่เป็นอันตรายอื่น ๆ จะเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ประเทศต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากาก โดยเฉพาะการแจกจ่ายวัคซีนให้มากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

“ความคุ้มครองประมาณ 70% ทั่วโลก เพื่อชะลอการแพร่เชื้อและลดความเสี่ยงของการเกิดสายพันธุ์ใหม่ เพราะเราเชื่อว่านี่จะไม่ใช่ไวรัสตัวสุดท้ายที่เกิดขึ้น” ดร.บรูซ เอิลเวิร์ด ที่ปรึกษาอาวุโสของ WHO กล่าว

ทั้งนี้ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยข้อมูลเทียบอาการ COVID-19 ของสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ระบาดในประเทศไทย

  • สายพันธุ์เดลตาพบอาการส่วนใหญ่ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีอาการคล้ายหวัดธรรมดา ไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับรส
  • สายพันธุ์อัลฟ่า มีไข้ ปวดเมื่อย ไอ เจ็บคอ หนาวสั่น อาเจียนหรือท้องเสีย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ
  • สายพันธุ์เบต้า เจ็บคอ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง นิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ
  • สายพันธุ์ S (สายพันธุ์ที่ระบาดระลอกแรก) ไอต่อเนื่อง ลิ้นรับรสไม่ได้ จมูกไม่ได้กลิ่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาเซลเซียส

Source

]]>
1344786
‘อิสราเอล’ เตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 3 พร้อมกลับมาสวมหน้ากาก, เว้นระยะห่างอีกครั้งหลังเชื้อ ‘เดลตา’ ระบาด https://positioningmag.com/1341997 Tue, 13 Jul 2021 07:10:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341997 ย้อนไปเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน ‘อิสราเอล’ ได้ประกาศชัยชนะเหนือ ‘COVID-19’ โดยให้ประชาชนไม่ต้องใส่หน้ากากและใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากที่รัฐบาลใช้เวลาเพียง 3 เดือนในการระดมฉีดวัคซีน ที่เรียกว่า Mass Vaccination ครอบคลุมประชากรได้ถึง 50%

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โลกเจอกับตัวแปร ‘เดลตา’ ที่แพร่ระบาดมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในอิสราเอลเริ่มพุ่งสูงขึ้น โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 450 ราย ต่อวัน 90% เป็นสายพันธุ์เดลตา

นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ต้องออกมากำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับ COVID-19 ใหม่ โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีแนวคิดที่จะให้ชาวอิสราเอลเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส ดังนั้น ข้อจำกัดต่าง ๆ จะมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว มาตรการที่ออกมาจึงไม่รุนแรงมาก

โดยอิสราเอลได้กลับมาบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในอาคารและที่สาธารณะ รวมถึงการกักกันทุกคนที่เดินทางมาถึงอิสราเอล เนื่องจากมีคนจำนวนน้อยกว่าก่อนที่จะล้มป่วยหนักเมื่อมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยตัวบ่งชี้หลักคือ จำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่รุนแรงในโรงพยาบาล ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 45 ราย

“การล็อกดาวน์ครั้งสุดท้ายของอิสราเอลมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคมปี 2020 ดังนั้น ในการพิจารณาโดยรวม ซึ่งรวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ นี่คือความสมดุลที่จำเป็น เพราะการล็อกดาวน์ระดับประเทศครั้งที่ 4 เพราะอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก” เบนเน็ตต์กล่าว

Photo : Reuters /Corinna kern

ประมาณ 60% ของประชากร 9.3 ล้านคนของอิสราเอลได้รับวัคซีน Pfizer/BioNtech อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และรัฐบาลเริ่มเสนอการฉีดวัคซีนครั้งที่สามให้กับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น แต่ยังไม่มีแผนที่จะบังคับให้ทุกคนต้องฉีดเข็มที่ 3 เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดที่แสดงว่ามีความจำเป็น

ราน บาลิเซอร์ ประธานคณะผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลด้าน COVID-19 กล่าวว่า อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อไวรัสร้ายแรงโดยเฉลี่ยประมาณ 5 ราย และเสียชีวิต 1 รายต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 เป็นเวลา 2 สัปดาห์แม้ผลการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีน Pfizer/BioNTech จะสูงเมื่อเทียบกับ COVID-19 หลายสายพันธุ์ แต่กับสายพันธุ์เดลตาถือว่าได้ผลน้อยที่สุด

ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อเพียงหลักร้อยจากประชากร 5.5 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในอิสราเอลเท่านั้นที่ติดเชื้อ COVID-19 ในเวลาต่อมา โดยก่อนที่ตัวแปรเดลตาจะระบาด ประมาณ 75% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อให้มี “ภูมิคุ้มกันหมู่” ซึ่งเป็นระดับที่ประชากรเพียงพอจะได้รับภูมิคุ้มกันเพื่อให้สามารถหยุดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกณฑ์โดยประมาณการณ์ตอนนี้คือ 80%

Source

]]>
1341997
WHO เตือน COVID-19 สายพันธุ์เดลตา เตรียมระบาดหนักครอง “ยุโรป” ส.ค. นี้ https://positioningmag.com/1340604 Sun, 04 Jul 2021 14:47:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340604 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการพบปะคนต่างครัวเรือน การเดินทาง การรวมตัวกัน และการผ่อนปรนข้อจำกัดทางสังคม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์

“เมื่อสัปดาห์ก่อน ยอดผู้ป่วยโรค COVID-19 เพิ่มขึ้น 10% ขณะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคยุโรปที่ยังมีประชาชนไม่ได้รับวัคซีนอีกหลายล้านคน แม้ประเทศสมาชิกจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” คลูเกอแถลงข่าวทางออนไลน์ที่กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก

“เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา อาจระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อัลฟาอย่างรวดเร็วผ่านการแพร่ระบาดซ้ำๆ หลายครั้ง และทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแล้ว”

คลูเกอคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา จะเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในภูมิภาคยุโรปภายในเดือนสิงหาคม พร้อมเตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ยอดการฉีดวัคซีนที่ลดต่ำ และการที่ประชาชนต่างครัวเรือนพบปะกันมากขึ้น จะทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและยอดการเสียชีวิตพุ่งสูงอีกระลอกก่อนฤดูใบไม้ร่วง

คลูเกอเรียกร้องประชาชนในภูมิภาค “มีระเบียบวินัยกันต่อไป” และฉีดวัคซีนเมื่อมีโอกาส เพื่อยับยั้งยอดผู้ป่วยที่คาดว่าจะพุ่งสูง

Photo : Shutterstock

“วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่คุณต้องฉีด 2 โดส ไม่ใช่แค่โดสเดียว ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ยิ่งเราฉีดวัคซีนช้า ยิ่งมีเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์เกิดขึ้นเพิ่ม”

คลูเกอแสดงความเสียใจต่อความแตกต่างที่ชัดเจนด้านความเท่าเทียมทางวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวย และยากจนในยุโรป พร้อมระบุว่าอัตราความครอบคลุมทางวัคซีนของภูมิภาคอยู่ที่ 24% เท่านั้น และนั่นเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้ ทั้งยังห่างไกลจากคำแนะนำให้อัตราครอบคลุมอยู่ที่ 80% ของประชากรวัยผู้ใหญ่”

“การระบาดใหญ่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยตัวเลขแบบนี้ และหากมีพลเมืองหรือผู้ออกนโยบายคนใดคิดว่ามันจะจบลงได้ พวกเขาคิดผิด”

หลายฝ่ายกังวลว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด เนื่องจากมีผู้ชมจำนวนหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสหลังเดินทางกลับประเทศ ซึ่งคลูเกอกล่าวย้ำให้ทุกคนระมัดระวังตัว และเรียกร้องผู้ชมทุกคนสวมหน้ากากอนามัย “โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ร่มและอยู่ท่ามกลางผู้คน”

“เรายังเผชิญความเสี่ยงสูง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและพฤติกรรมของเราในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐบาล ทั้งในปัจจุบันและหลายสัปดาห์ข้างหน้านี้ ความสามัคคีจะต้องได้ผลคุ้มค่า”

]]>
1340604