1 แถม 1 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 03 Mar 2021 04:47:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 The Pizza Company เล่นใหญ่! อัดฉีด 1 แถม 1 พ่วงลุ้นทอง หลังตลาดซบหนักกว่าโควิดรอบแรก https://positioningmag.com/1321421 Mon, 01 Mar 2021 16:31:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321421 The Pizza Company จัดแคมเปญใหญ่ในรอบปี ดึงโปรคู่บุญ 1 แถม 1 แต่ต้องเล่นใหญ่ลุ้นทอง อัดฉีดครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี หลังเจอศึกรอบด้าน ผู้บริโภคไม่เข้าร้านเพราะเราชนะ ตลาดซบหนักกระทบจาก COVID-19 หนักกว่ารอบแรก ต้องกระตุ้นหนักกว่าเดิม วอนภาครัฐรักลูกให้เท่ากัน เยียวยาทุกฝ่าย

1 แถม 1 ไม่พอ ต้องแจกทอง!

ที่ผ่านมาวงการร้านอาหารมีการอัดโปรโมชันไม่ว่าจะลดแลกแจกแถม หรือโปรร่วมกับฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น แต่ตอนนี้ร้านอาหารต้องมาถึงจุดที่ต้องกระตุ้นตลาดด้วยการอัดโปรโมชันลุ้นทองกันแล้ว! เพราะแค่โปรลดราคาไม่เพียงพออีกต่อไป

เป็นประจำทุกปีที่ The Pizza Company จะจัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 เป็นโปรคู่บุญที่จัดทุกเดือนมีนาคม จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 20 แล้ว เนื่องจากเป็นเดือนเกิดของแบรนด์นั่นเอง

ในปีที่แล้วเป็นช่วงล็อกดาวน์ของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้คนอยู่บ้านกันเยอะขึ้น โปร 1 แถม 1 จึงเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน จากปกติที่โปรโมชันจะมีแค่เดือนมีนาคมเท่านั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้า

แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของ COVID-19 จะยังไม่คลี่คลาย แถมยังดูแย่กว่าการแพร่ระบาดรอบแรกในปีที่แล้วอีกด้วยซ้ำ แม้ห้างจะไม่ปิด ไม่มีการล็อกดาวน์ แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคหาย บางคนไม่มีเงินแล้ว หรือไม่มีงาน ทำให้การขายยิ่งยากกว่าเดิม

โจทย์ของ The Pizza Company ในปีนี้แค่อัดโปรโมชัน 1 แถม 1 คงไม่พอแล้ว ต้องเล่นใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ในปีนี้เลยพ่วงแจกทองเข้ามา หวังกระตุ้นกำลังซื้อให้มากขึ้น เลยเอาทองเข้ามาดึงดูด เพราะเป็นไอเท็มที่คนไทยชอบ สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เล่าว่า

“การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่นี้ ทำให้ตลาดซึมกว่าที่คิด ก่อนที่จะมีแคมเปญแจกทองได้คิดว่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ มีการคิดเยอะแยะ แต่เราเห็นว่าตลาดซึมมาก มีสัญญาณตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ห้างฯ ใหญ่ๆ ยอดขายตกหมด เลยมาพลิกเกมใหม่ ได้คุยกับลูกค้าต่างจังหวัด พบว่าลูกค้าอยากได้เงิน แต่เราแจกเงินไม่ได้ เพราะไม่ได้รวยเหมือนรัฐบาล เลยทำเป็นแจกทอง เป็นอีกอย่างที่คนไทยอยากได้ เพราะเปลี่ยนเป็นเงินได้ เป็นการฉลอง 20 ปีไปในตัวด้วย”

แคมเปญใช้ชื่อว่า 1 แถม 1 พลัส ด้วยการแจกทองคำแท่ง หนักรวม 200 บาท มูลค่า 5 ล้านบาท ซื้อพิซซ่า 1 แถม 1 หน้าอะไรก็ได้ ราคา 239 บาทขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับทองได้ทุกสาขาทั่วประเทศ แจกทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2564

การแจกทองครั้งนี้เรียกว่าเป็นแคมเปญครั้งใหญ่ที่สุด ทางแบรนด์เคยจัดชิงโชครถมอเตอร์ไซค์ 20 คันมาแล้วในปีก่อน แต่ไม่ค่อยถูกใจผู้บริโภคเท่าไหร่ เพราะเปลี่ยนเป็นเงินยาก มองว่าแจกทองจึงถูกใจคนไทยมากที่สุด

“เราชนะ” พ่นพิษ ทำคนไม่เข้าร้าน

คนละครึ่ง เราชนะ COVID-19 โรงเรียนไม่ปิดเทอม… ล้วนเป็นส่วนผสมทำให้ The Pizza Company ต้องกุมขมับอย่างหนักในตอนนี้

ภาณุศักดิ์ เสริมว่า นอกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 พบว่าหลังจากมีมาตรการเยียวยาของทางรัฐบาลต่างๆ ได้สร้างผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะ คนละครึ่ง เราชนะ ที่จะให้เงินเยียวยาผ่านทางแอปพลิเคชัน เพื่อใช้จ่ายตามร้านเล็กๆ ในชุมชน แต่ไม่สามารถใช้จ่ายตามร้านในศูนย์การค้าได้

“หลังจากมีไทยชนะทำให้คนเข้าห้างฯ น้อยลง ผู้บริโภคเอาเงินเยียวยาไปซื้อร้านข้างนอกหมด แต่ธุรกิจเล็กใหญ่ก็เจ็บตัวเหมือนกัน วอนให้รัฐช่วยเหลือกันด้วย คนที่มีกิจการใหญ่ก็เจ็บมาก คนมีกิจการน้อยก็เจ็บน้อย แต่พอมีมาตรการช่วยบางคน ไม่ช่วยบางคน”

เหมือนรัฐบาลรักลูกไม่เท่ากัน อย่างน้อยต้องให้ทุกบริษัทเข้าร่วมมาตรการ ให้โอกาสคนมาใช้เงินกับเราบ้าง ให้เราได้ใช้บ้าง

นอกจากไทยชนะแล้ว ร้านอาหารยังต้องเจอกับปัญหาใหญ่ก็คือ “โรงเรียนยังไม่ปิดเทอม” หลายๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะศูนย์การค้า ร้านอาหาร ล้วนเฟื้องฟูในช่วงปิดเทอมอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ผู้ปกครองพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่นในห้างฯ มาจับจ่ายใช้สอย

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่เพิ่งมีการเปิดเรียนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ยังไม่ทราบเลยว่าจะมีการปิดเทอมหรือไม่ การเข้าห้างฯ ก็ยิ่งลดลง แถมเลยเทศกาลปาร์ตี้ จัดเลี้ยงไปแล้วด้วย ทำให้การขายเหนื่อยหนักเป็น 2 เท่า

ปรับแผนกันรายอาทิตย์!

จากแผนการตลาดที่มีการวางเป็นรายปี ก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนทุกไตรมาส ทุกเดือน จนตอนนี้ต้องมีการประเมินสถานการณ์ ปรับเปลี่ยนทุกสัปดาห์เลยทีเดียว

“ตอนนี้การทำงานต้องคุยกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ตอนแรกเตรียมแผนเปิดสินค้าที่เน้นการทานในร้านก็ต้องหยุด เพราะไม่มีคนมาทาน นิวยอร์ก พิซซ่าต้องปรับให้มีไซส์ 15 นิ้วเพื่อให้ส่งบ้านได้ ต้องมีการปรับแผนกันหมด แต่ยังดีที่พิซซ่าเป็นสินค้าที่เหมาะสั่งทานที่บ้าน” 

Photo : Shutterstock

สำหรับเดือนมีนาคมปีที่แล้วที่มีโปร 1 แถม 1 สามารถสร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนๆ 10% เป้าหมายของปีนี้ ภาณุศักดิ์บอกว่า อยากได้ยอดขายเท่าปีที่แล้ว หรืออยู่ที่ 800-1,000 ล้านบาท ไม่หวังให้เติบโตมากกว่าเดิม เป็นการหวังสูงไป เพราะปีที่แล้วมีปิดเทอม มีการล็อกดาวน์ที่ชัดเจน แต่ปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะปิดเทอมเมื่อไหร่ กำหนดอนาคตยาก

“แต่ก่อนถ้ามีโปรแบบนี้จะสบายใจแล้ว คนพร้อมจะกินได้ทุกเมื่อ เดี๋ยวเงินก็เข้า แต่ตอนนี้เราไม่รู้เงินในกระเป๋าลูกค้าว่ามีมากน้อยแค่ไหนแล้ว” 

สำหรับปีนี้ยังมีแผนที่จะขยายอีก 4-5 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัด ทำให้ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งหมด 417 สาขา เป็นสาขาแฟรนไชส์ 50%

]]>
1321421
กินจน ‘เบื่อ’ ตั้งแต่ล็อกดาวน์ โจทย์ใหญ่ ‘The Pizza Company’ ต้องใช้มากกว่า 1 แถม 1 แก้เกม https://positioningmag.com/1300636 Thu, 08 Oct 2020 12:01:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300636 ในช่วงล็อกดาวน์ ตัวเลือกแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่จะสั่งอาหารมาทานที่บ้านคงหนีไม่พ้น ‘พิซซ่า’ เพราะง่ายและคุ้ม ยิ่งมีโปร ‘1 แถม 1’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่นั่นก็ถือเป็นปัญหาของ ‘The Pizza Company’ ที่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคหันมาทานพิซซ่าอีกครั้งแม้จะกินไปเยอะในช่วงล็อกดาวน์ และไม่ปันใจไปกิน ‘ชาบู’ หรือ ‘หมูกระทะ’ แทน

อัดแคมเปญเดือนเว้นเดือน

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ยอมรับว่าหลัง COVID-19 มาตลาดค่อนข้างเงียบ อีกทั้งการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ พิซซ่าแบรนด์อื่น แต่เป็นร้านชาบู, หมูกระทะ ฯลฯ เนื่องจากคน ‘เบื่อ’ ที่จะกินพิซซ่า แต่โหยหาอาหารที่ไม่มีบริการเดลิเวอรี่ในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้บริษัทต้องเปิดตัวสิน้คาใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ‘พิซซ่า พัฟ’ หรือล่าสุดที่ได้รับการตอบรับดีมากคือ พิซซ่าสไตล์นิวยอร์กขนาดยักษ์ 18 นิ้ว ที่ช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านได้ถึง 80% จากเดิมที่มีเพียง 30% หลังคลายล็อกดาวน์ ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เเคมเปญประสบความสำเร็จก็คือ การได้ ‘อัพรูป’ ลงโซเชียลฯ และความ ‘คุ้ม’

อย่างไรก็ตาม ความท้าทาย คือ เมนูใหม่ที่ออกมีอายุสั้นลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่กระตุ้นยอดขายได้ราว 6 เดือน ตอนนี้ก็เหลือ 2-3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากผู้บริโภคชอบอะไรที่คุ้นเคย ไม่ชอบลองอะไรใหม่ ๆ อย่างอดีตที่เคยมี 30 เมนู แต่ปัจจุบันมี 13 เมนู นอกจากนี้อาจเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ การตกแต่งร้านใหม่ และหาอะไรที่เป็นเซอร์วิสที่ลูกค้าชอบ

ในปีหน้าเราต้องคิดมากขึ้น เพราะตอนนี้โปร 1 แถม 1 เยอะมาก ขณะที่เปิดมาเขาเบื่อ เพราะล็อกดาวน์สั่งแต่พิซซ่า มาร์เก็ตติ้งต้องทำงานหนักมากขึ้น กลยุทธ์ตอนนี้ต้องมีเดือนเว้นเดือนเพื่อกระตุ้นตลาด”

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด

‘สีสัน’ ต้องมี แต่ความ ‘คุ้ม’ ก็ขาดไม่ได้

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ พิซซ่าซึ้ง ๆ มาให้เธอ ผ่านกิมมิกพิเศษที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกข้อความเพื่อบอกแทนความในใจ ไม่ว่าจะทานที่ร้าน แวะซื้อกลับบ้าน รวมถึงบริการจัดส่งถึงบ้าน ทั้งนี้ ข้อความต่าง ๆ มีทั้งหมด 21 ข้อความ 7 หมวดหมู่ อาทิ การให้กำลังใจกัน บอกรัก ขอบคุณ หรือแม้แต่แอบรัก ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นได้จากการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ยังร่วมมือกับวง Tilly Birds มาขับร้องซิงเกิลรีเมค ‘ให้เธอ’ เพลงดังของ โต๊ะ วสันต์ โชติกุล พร้อมกับมิวสิกวิดีโอตัวใหม่

“ที่เราทำแคมเปญนี้ก็เพื่อสร้างสีสันเพราะเรามองว่าคนเครียด อีกอย่างแคมเปญนี้ก็จะช่วยให้เราได้อินไซต์ผู้บริโภคที่ลึกมากขึ้น”

นอกจากแคมเปญที่เล่นกับ Emotional แล้ว ยังมีการจัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 เพราะทุกวันนี้ไม่ใช่แค่แปลกใหม่ และรสชาติที่อร่อย แต่ความคุ้มค่าก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะพิซซ่าราคาอยู่ที่ 300-500 บาท ซึ่งถูกมองว่าเป็นอาหารที่ราคาค่อนข้างแพง ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ 8 ตุลาคม ถึง 22 พฤศจิกายน โดยบริษัทตั้งเป้าสร้างการเติบโต 20%

“ทุกครั้งที่จัดแคมเปญ 1 แถม 1 สามารถสร้างการเติบโตได้เท่าตัว แต่ตั้งแต่มี COVID-19 ส่งผลให้หลายแบรนด์มีโปรโมชัน 1 แถม 1 ออกมามากมาย แต่บางรายไม่ประสบความสำเร็จเพราะจัดมากเกินไป ทำให้ลูกค้าจะไม่รอ ซึ่งจากที่จะได้ กลับกลายเป็นทำร้ายแบรนด์ แต่สาเหตุที่เราจัดแคมเปญ 1 แถม 1 อีกครั้ง ก็เพราะว่าต้องการกระตุ้นผู้บริโภค เพราะตอนนี้คำสั่งซื้อเราเฉลี่ยที่ 500 บาทต่อบิล จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 700-800 บาท แน่นอนว่ากำไรอาจจะลดลงแต่ก็ต้องทำ”

COVID-19 กระทบแต่ตลาดยังโต

ตลาดพิซซ่าตอนนี้มีมูลค่าราว 13,000-15,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้ยังเติบโตไม่มากนัก ราว 7-8% ขณะที่ The Pizza Company ปีนี้ก็ยังสามารถเติบโตได้ประมาณ 5-6% ในช่วงที่ผ่านมา เพราะแม้ว่าในช่วงล็อกดาวน์ยอดหน้าร้านจะเป็นศูนย์ แต่ส่วนของเดลิเวอรี่สามารถเติบโตได้กว่าเท่าตัวจึงไม่กระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนประมาณ 15% ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์ ขณะที่สาขาในแหล่งท่องเที่ยวตอนนี้ก็ต้องปิดไปก่อน ทั้งถาวรและปิดชั่วคราวซึ่งรวม ๆ แล้วมีประมาณ 7 สาขา จากทั้งหมด 426 สาขา

“ปกติไตรมาส 4 จะเป็นไฮซีซัน แต่ปีนี้ไม่รู้จะไฮแค่ไหน เพราะท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดคือ ตลาดเงียบ คนเซฟเงิน เราก็พยายามกระตุ้นตลาดแม้ต้องใช้เงินเยอะและกระทบกำไร แต่เพราะตอนนี้เราคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย เราก็ได้แต่หวังว่าท่องเที่ยวจะกลับมาภายในตุลาคมปีหน้า แต่เชื่อว่าคงไม่ 100%”

]]>
1300636
‘เบอร์เกอร์ คิง’ ขอสลัดภาพ ‘ฝรั่ง’ เอาใจ ‘ลูกค้าไทย’ แก้ปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติหาย https://positioningmag.com/1299789 Fri, 02 Oct 2020 13:15:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299789 ปีที่ผ่านมา ‘ตลาดเบอร์เกอร์’ มีมูลค่าตลาดที่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องเพราะการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย แต่เพราะการระบาดของ ‘COVID-19’ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง ดังนั้นไม่บอกก็คงเดาได้ว่าตลาดเบอร์เกอร์นั้นเจ็บตัวแน่นอน

COVID-19 ทำให้ตลาดมีคู่แข่งเพิ่ม

ธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ‘เบอร์เกอร์ คิง’ (Burger King) กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีตัวเลขมูลค่าตลาดเบอร์เกอร์ในปี 2020 นี้ แต่ยอมรับว่า ‘เหนื่อย’ เพราะหากย้อนไปช่วงเดือน 4 ตลาดแข่งขันสูงมาก โดยผู้เล่นทุกรายต่างอัดโปรโมชั่นอย่างหนัก เนื่องจากต้องระบายสต็อก ขณะที่ต้องเจอกับคู่แข่งอื่น ๆ ที่หันมาส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่กันหมด แม้กระทั่ง ‘โรงแรม’ ดังนั้นการแข่งขันมีมาทุกช่องทาง แต่ตอนนี้กลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว

ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ COVID-19 ยังส่งผลให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป โดยการนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้านจากมีสัดส่วน 70% เหลือ 60% ในปีนี้ ส่วนเดลิเวอรี่เติบโตขึ้นจาก 10% เป็น 25% ในปีนี้ ส่วนไดรฟ์ทรูมีสัดส่วนประมาณ 15% ที่ไม่เติบโตมากเพราะสาขาไดรฟ์ทรูมีจำกัด

“เราวางแผนเรื่องเดลิเวอรี่มานานแล้ว โดยเรามีทั้งบริการเดลิเวอรี่ของตัวเองและพาร์ตเนอร์อย่าง Grab, Foodpanda และอื่น ๆ แต่พอมี COVID-19 มันส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมาก ซึ่งการซื้อเดลิเวอรี่มีข้อดีคือ มูลค่าคำสั่งซื้อจะสูงกว่าทานที่ร้าน และเรามองว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น เพราะเริ่มเห็นบริการฟู้ดเดลิเวอรี่เริ่มขยายไปในต่างจังหวัดมากขึ้น”

ผุดแคมเปญ คริสต์มาสไม่คิดมาก หวังโต 25%

ในปีที่ผ่านมา เบอร์เกอร์คิงสามารถเติบโตได้ 15% แต่เพราะพิษ COVID-19 ส่งผลให้ยอดขาย หายไปถึง 2 หลัก ดังนั้น จึงไม่อยากเทียบรายได้เป็นปีต่อปี แต่เทียบเป็นรายไตรมาสแทน ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตให้ได้ 25% พร้อมออกแคมเปญใหม่ ‘คริสต์มาสไม่คิดมาก’ เพื่อปลุกบรรยากาศเฉลิมฉลองตั้งแต่เดือนตุลาคมยาวไปถึงเดือนพฤศจิกายน โดยตกแต่ง 3 สาขาไฮไลต์ในธีมคริสต์มาส พร้อมออกโปรโมชัน ‘ซื้อ 1 แถม 1’ ซึ่งมั่นใจว่าเป็นที่นิยมของคนไทย และนี่ถือเป็นโปรโมชันที่ใหญ่ที่สุดของเบอร์เกอร์ คิงในปีนี้

“ทุกคนรู้ว่าปีนี้เป็นปีที่ยาก ดังนั้นเราจึงอยากเร่งเวลาให้เทศกาลมาเร็ว เพื่อเป็นข้ออ้างเฉลิมฉลองพร้อมกับโปรโมชัน 1 แถม 1 ซึ่งเรามั่นใจว่าเป็นโปรโมชันที่กระตุ้นได้ดีที่สุด เพราะเราเห็นจาก The Pizza Company ที่ลูกค้าต้องการความคุ้มค่า

เพิ่มความเป็น ไทย อุดรูนักท่องเที่ยว

เพราะกว่า 40% ของสาขาเบอร์เกอร์ คิง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ส่งผลให้ลูกค้าเบอร์เกอร์ คิง 40% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อีก 60% เป็นลูกค้าไทย แต่หลังจากเกิด COVID-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ปัจจุบันลูกค้าคนไทยคิดเป็นสัดส่วน 90% ดังนั้น กลยุทธ์จากนี้ของเบอร์เกอร์ คิงจะต้องกลับมาโฟกัสที่ ‘ลูกค้าไทย’ มากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ทยอยปรับหลายอย่าง ตั้งแต่ตัวสินค้า เช่น เพิ่มเมนูข้าวไก่ทอด เป็นต้น การสื่อสาร โดยปรับโลโก้เป็นภาษาไทย ทำเมนูเป็นภาษาไทย มีการปรับไลน์สินค้าราคาประหยัด อาทิ นินจาเบอร์เกอร์ ราคา 49 บาท และมีโปรโมชัน 1 แถม 1

“ยอมรับว่าแบรนด์เราเข้าถึงคนไทยยาก แค่ชื่อเมนูคนก็เรียกถูกเรียกผิด ดังนั้นเราจึงเริ่มจากการปรับเมนูและโลโก้เป็นภาษาไทย ส่วนราคาที่สูงคงไม่ปรับลง แต่เน้นที่การทำโปรโมชัน เช่น ซื้อ 1 แถม 1 และออกเมนูใหม่ราคาประหยัด นอกจากนี้จะเพิ่มเมนูอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เบอร์เกอร์ อาทิ เมนูข้าว เพราะเรารู้ว่าคนไทยไม่ได้อยากกินแต่เบอร์เกอร์”

ขยายสาขายังต้องทำ

เพราะลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งหายไปเกือบ 100% ส่งผลให้ต้องปิดสาขาไปถึง 14 สาขา จากทั้งหมด 96 สาขา โดยแบ่งเป็น ภูเก็ต 7 สาขา, สมุย 1 สาขา กระบี่ 1 สาขา, พัทยา 2 สาขา และกรุงเทพฯ 3 สาขา โดย 1 ในสาขาที่ปิดไปนั้น ถือเป็นสาขาที่มียอดขายเป็น ‘อันดับ 1’ ซึ่งก็คือ สาขาสนามบินภูเก็ต ส่งผลให้แผนที่จะเปิดสาขาให้ได้ 10 สาขาในปีนี้ต้องเปลี่ยนไป โดยเปิดเพียง 5 สาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดแล้ว 2 สาขา อีก 3 สาขาจะเปิดภายในปีนี้

“คู่แข่งเราก็ปิดเยอะ และเชื่อว่าคงไม่มีเปิดใหม่ ขณะที่เรายังสามารถขยายได้ เพราะสาขาทั้งหมดเราเพิ่งครอบคลุมเพียง 10 จังหวัดในไทย และเราคงไม่ปิดกั้นตัวเองเรื่องทำเล ไม่ว่าจะห้างฯ หรือปั๊มถ้ามีศักยภาพเราก็เปิด ซึ่งปัจจุบันสาขาที่ขายดีอันดับ 1 เป็นสาขาในปั๊มแถวประชานุกูล เพราะตอนนี้คนไม่อยากเข้าเมือง เน้นซื้อใกล้บ้าน

ขณะที่ ‘ลูกค้าต่างชาติ’ เองอาจจะยังคาดหวังอะไรไม่ได้ ดังนั้น คงต้องมาดูกันว่าเมื่อเบอร์เกอร์ คิงปรับภาพให้ ‘เป็นมิตร’ กับคนไทยมากขึ้น พร้อมกับอัดโปรโมชันอย่างแน่นในไตรมาสสุดท้ายของปี จะได้ใจ ‘ลูกค้าไทย’ แค่ไหน เพราะภาพจำไม่ใช่อะไรที่สลัดออกได้ง่าย ๆ

]]>
1299789