7-Eleven – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 22 Oct 2025 05:11:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 iQIYI (อ้ายฉีอี้) จับมือ 7-Eleven เปิดตัว “iQIYI VIP Gift Card” พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม ดูสนุก ดูฟิน สะดวกทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ https://positioningmag.com/1543827 Fri, 24 Oct 2025 04:02:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1543827

iQIYI (อ้ายฉีอี้) แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ชั้นนำระดับโลก เดินหน้าขยายการเข้าถึงผู้ใช้งานไทยอย่างต่อเนื่อง ประกาศเปิดจำหน่าย iQIYI VIP Gift Card ผ่านร้าน7-Eleven ทั่วประเทศ เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และสร้างทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงความบันเทิงระดับพรีเมียมจาก iQIYI (อ้ายฉีอี้) ได้ง่ายกว่าที่เคยผ่าน iQIYI VIP Gift Card เพียงขูดโค้ดหลังบัตรและนำไปแลก iQIYI VIP ที่ www.iQ.com/vip/codekey

โดยการวางจำหน่าย iQIYI VIP Gift Card  มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ iQIYI VIP มาตรฐาน 1 เดือน ราคา 119 บาท และ iQIYI VIP มาตรฐาน 3 เดือน ราคา 339 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ “คุ้ม X2” สำหรับการซื้อที่ 7-Eleven ทั่วประเทศ

คุ้มที่ 1: ซื้อ Gift Card iQIYI VIP มาตรฐาน 3 เดือน ราคา 339 บาท รับฟรี แสตมป์เซเว่นฯ 20 ดวง มูลค่า 60 บาท ระยะเวลาเริ่มโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. ถึง 23 พ.ย. 2568

คุ้มที่ 2: ซื้อ Gift Card iQIYI VIP มาตรฐาน 3 เดือน รับสิทธิ์ VIP ฟรีเพิ่มอีก 7 วัน มูลค่า 75 บาท ระยะเวลาโปรโมชั่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. – 23 ธ.ค 2568

ความร่วมมือระหว่าง iQIYI (อ้ายฉีอี้) และ 7-Eleven ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการมอบความบันเทิงคุณภาพระดับโลกให้เข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบาย และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และผู้บริโภคทุกวัย ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์หลากหลายจาก iQIYI (อ้ายฉีอี้) ได้ทุกที่ทุกเวลา

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก VIP ด้วยภาพคมชัดระดับ Full HD และเสียงระบบ Dolby Atmos เสมือนดูในโรงภาพยนตร์ สามารถดูได้พร้อมกัน 2 จอ ดาวน์โหลดเพื่อดูแบบออฟไลน์ไม่มีโฆษณาคั่น
บนแอปพลิเคชัน iQIYI (อ้ายฉีอี้) และ เว็บไซต์ www.iQ.com เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ตได้ใน App Store และ Google Play – กดดาวน์โหลดฟรี https://i.qy.net/f34caJ-b7 และติดตามความเคลื่อนไหวสาระบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชียได้ทาง

FB : https:// https://www.facebook.com/iQIYIThailand 

IG: @iQIYIThailand

Twitter: @iQIYIThailand

YT: iQIYI Thailand

Tiktok: iQIYI Thailand

]]>
1543827
จับตาการกลับมา ‘น้องเนย’ พนักงาน 7-Eleven ที่ครั้งนี้ควงคู่มากับ ‘เฮลโล คิตตี้’ https://positioningmag.com/1534488 Tue, 19 Aug 2025 12:34:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1534488 น่าสนใจเป็นอย่างมากเมื่อ ‘7-Eleven’ (เซเว่น อีเลฟเว่น) ประกาศถึงการกลับมาของ ‘น้องเนย’ (BUTTERBEAR) พนักงานเซเว่นฯ ซึ่งครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ที่ดังระดับตำนาน อย่าง ‘เฮลโล คิตตี้’ (Hello Kitty)

 

อย่างที่ทราบกับดีน้องเนย หรือหมีเนย เป็นคาแรกเตอร์ที่มีพลังทางการตลาดมาก โดยเมื่อไป Collab กับแบรนด์ใด ก็สามารถสร้างกระแสไวรัลและยอดขายได้เป็นอย่างดี 

 

อย่างกรณีการไป Collab กับ KFC ในช่วง 3 เดือน สามารถสร้างยอดขายเพิ่มให้ 49% และในช่วงสัปดาห์แรกของแคมเปญมีจำนวนในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 59%เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนของปีที่ผ่านมา

.

สำหรับ 7-Eleven ก่อนหน้านี้ได้มีความร่วมมือกับน้องเนย ภายใต้แคมเปญ ‘เพื่อนที่ฮีลใจ ใกล้ๆคุณ’ ให้เป็นพลังซอฟท์ พาวเวอร์ของไทย และเข้าถึงทุกคนได้มากขึ้นผ่านสินค้าอาหารและเครื่องดื่มแพ็กเกจจิง

 

รวมไปถึงของพรีเมียมที่น่าสะสม อาทิ กระเป๋านุ่มนิ่ม กระเป๋าขนปุย ผ้าห่มมีฮู้ด สมุด แก้วน้ำ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งต้องบอกว่า ผลตอบรับของแคมแปญนี้ดีมาก ๆ ทั้งกระแสการพูดถึงและกลายเป็นไอเท็มตามหาของผู้คน

 

ขณะที่ความแรงของ ‘เฮลโล คิตตี้’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นคาแรกเตอร์ดังระดับตำนานที่มีอายุยาวนานกว่า 50 ปี มีความร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย และหลากหลาย จนสามารถสร้างรายได้ให้กับ Sanrio ได้อย่างมหาศาล

 

สำหรับการโคจรมาพบกันของ ‘2 สาวเพื่อนซี้คู่ใหม่’ หมีเนยและเฮลโล คิตตี้ ครั้งนี้ จะมาภายใต้แคมเปญ ‘น่ารัก แพ็คคู่…ดูแลทั่วไทย’ ส่วนจะมี ‘พลัง’ และ ‘ปัง’ แค่ไหน ต้องรอติดตามในวันที่ 24 สิงหาคม 2568 นี้!

]]>
1534488
ปี 67 CPALL เจ้าของ 7-Eleven ในไทย มีกำไร 25,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.1% https://positioningmag.com/1512293 Tue, 25 Feb 2025 13:54:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1512293 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย พบว่า มีรายได้รวมอยู่ที่ 987,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อน และ มีกำไรสุทธิ 25,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.1% จากการที่ทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

 

สำหรับรายได้ดังกล่าว มาจาก 3 ธุรกิจหลัก แบ่งตามสัดส่วนรายได้ ดังต่อไปนี้

 

กลุ่มที่ 1 รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven 45%

กลุ่มที่ 2 รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า อาทิ Makro และ Lotus’s 48%

กลุ่มที่ 3 รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย 7%

 

ในปี 2567 หากเจาะลงมาที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven พบว่า

– มีรายได้ขายสินค้าและบริการ 439,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1%

– กำไรสุทธิอยู่ที่ 21,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%

-มีสาขาทั่วประเทศ 15,245 สาขา เพิ่มขึ้น 700 สาขาจากปีก่อน

– ยอดขายต่อสาขาเฉลี่ย 83,906 บาท/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 80,837 บาท/วัน

– จำนวนลูกค้าต่อวันต่อสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 978 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 965 คน

– ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิล 85 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 83 บาท

– 7Delivery และ All online สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วน 11% ของยอดขายรวม

 

สำหรับในต่างประเทศ CPALL มีการขยายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในกัมพูชา 30 สาขา และ สปป.ลาว 7 สาขา ทำให้กัมพูชามีสาขา 7-Eleven รวมแล้ว 112 สาขา และในสปป.ลาวรวมแล้ว 10 สาขา

 

ส่วนในปี 2568 ทาง CPALL มีแผนจะลงทุนเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทยอีก 700 สาขา รวมถึงมีเป้าหมายจะเปิดร้านสาขาใหม่ในกัมพูชา และ สปป.ลาว

]]>
1512293
CPALL โชว์ฟอร์ม 9 เดือน 67 มีรายได้รวม 730,233 ล้านบาท กำไรโตกว่า 46% https://positioningmag.com/1499283 Fri, 15 Nov 2024 07:00:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499283 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ) 6,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.1%

การเติบโตดังกล่าวมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, ค้าส่งค้าปลีก และศูนย์การค้า ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน CPALL มีรายได้รวมจำนวน 730,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสุทธิ 18,167 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ) 18,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 46.3%

สัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และอื่น ๆ รวม 52% อีก 48% มาจากธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และศูนย์การค้า

เมื่อมาเจาะมาที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven พบว่า มีการเติบโตที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

ในไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากเศรษฐกิจฟื้นตัวทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ผ่านบริการ 7-Delivery และ All Online

ขณะที่การขยายสาขา ในไตรมาสนี้มีการเปิดสาขาใหม่ 199 สาขา ทำให้มีจำนวนสาขาทั้งหมด 15,053 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 98 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 9 สาขา

]]>
1499283
7-Eleven ในญี่ปุ่นเตรียมเปิดบริการให้ลูกค้าสั่งพิซซ่าจากร้านได้ในบางพื้นที่ แถมมีแผนขยายไปยังทั่วประเทศ https://positioningmag.com/1481696 Sun, 07 Jul 2024 10:10:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481696 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดบริการให้ลูกค้าสามารถที่จะสั่งพิซซ่าอบร้อนจากร้านสะดวกซื้อได้ ซึ่งลูกค้าจะเริ่มต้นสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ในช่วงเดือนสิงหาคม และจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมหลังจากนี้

7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น เตรียมหารายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ล่าสุดบริษัทเตรียมนำสาขามากถึง 12,000 สาขาใน 3 เขตใหญ่ของประเทศให้บริการในการส่งพิซซ่าอบร้อน ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชัน 7 Now และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมหลังจากนี้

ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่นในสาขาในเขต Hokkaido เขต Kyushu รวมถึงเขต Kanto มากถึง 12,000 สาขาจะพร้อมให้บริการพิซซ่าอบร้อนส่งถึงบ้านของลูกค้า โดยค่าส่งพิซซ่าจะอยู่ในช่วง 110 เยน จนถึง 550 เยน

โดยระยะเวลาในการจัดส่งพิซซ่าของทางบริษัทนั้นจะอยู่ในช่วง 30 นาที แต่ทางบริษัทได้กล่าวว่าจะพยายามส่งพิซซ่าให้ได้ไวที่สุดภายใน 20 นาที

ผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นสามารถเริ่มสั่งพิซซ่าอบร้อนจากร้านสะดวกซื้อรายดังกล่าวในช่วงเริ่มต้นจะมีพิซซ่า 2 หน้าให้เลือกคือหน้าไก่เทอริยากิในราคา 880 เยน กับ หน้ามาร์การิต้าในราคา 780 เยน ซึ่งผู้บริหารของบริษัทในประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่าหน้าพิซซ่าทั้ง 2 เป็นหน้าที่คนญี่ปุ่นต้องการรับประทานมากที่สุด

ในช่วงที่ผ่านมา 7-Eleven ในญี่ปุ่นได้ปรับตัวในด้านธุรกิจ และมีบริการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการ Delivery หรือแม้แต่การวางจำหน่ายสินค้าประเภทใหม่ๆ เพื่อที่จะเจาะกลุ่มลูกค้า หรือแม้แต่ขยายรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มมากขึ้น

แผนของ 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่นยังเตรียมที่จะขยายบริการดังกล่าวไปยังส่วนที่เหลือภายในประเทศในภายหลัง ซึ่งขึ้นกับการขยายบริการในส่วนของแอปฯ 7 Now ของบริษัทด้วย

ที่มา – Yahoo News Japan, Asahi Shimbun, SoraNews24

]]>
1481696
‘ร้านสะดวกซื้อ’ ในญี่ปุ่นเริ่มเปิด-ปิดเป็นเวลามากขึ้น เหตุ ‘ขาดแคลนแรงงาน’ ทำให้เปิดบริการ 24 ชม. ไม่ได้ https://positioningmag.com/1472227 Tue, 07 May 2024 02:33:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1472227 การเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นอีกเสน่ห์ของร้านสะดวกซื้อ แต่เพราะปัญหาขาดแคลนแรงงานของญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมานาน ส่งผลให้เชนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่หลายราย ไม่สามารถให้บริการ 24 ชั่วโมงได้อีกต่อไป

จากการสํารวจผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ 7 รายของญี่ปุ่นโดย Kyodo News ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาทิ 7-Eleven และ Lawson พบว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ร้านสะดวกซื้อประมาณ 6,400 แห่ง จาก 55,000 แห่ง ในประเทศ หรือคิดเป็นประมาณ 12% ไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

โดยผู้นําตลาดอย่าง 7-Eleven ได้ยกเลิกการให้บริการ 24 ชั่วโมงในกว่า 200 สาขา นับตั้งแต่ปี 2020 ในขณะที่ Lawson ได้ใช้มาตรการที่คล้ายกันในร้านค้าอีกประมาณ 100 สาขา โดยสาเหตุที่บริษัทไม่สามารถเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงได้ เป็นผลมาจากการ ขาดแคลนแรงงาน และความต้องการ การใช้บริการช่วงกลางดึกลดลง

ทั้งนี้ สัดส่วนของสาขาที่ไม่เปิด 24 ชั่วโมง ของเชน Top 3 ร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น ได้แก่ 7-Eleven, Lawson และ FamilyMart จะอยู่ที่ 8-10% ของสาขาทั้งหมด แต่ผู้ให้บริการรายย่อยอื่น ๆ มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่ามาก อาทิ Seicomart เครือร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด มีอัตราร้านค้าที่ลดเวลาทําการสูงสุดที่ 87% รองลงมาคือ Poplar ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในฮิโรชิมาอยู่ที่ 79%

“เรากําลังดําเนินมาตรการโดยคํานึงถึงยอดขายและความยั่งยืน” เจ้าหน้าที่ของ Ministop กล่าว ซึ่งอนุญาตให้ร้านค้า 22% เปิดให้บริการในเวลาที่สั้นลง

ด้วยปัญหาดังกล่าว ทำให้เชนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่อย่าง 7-Eleven เปิด ร้านสะดวกซื้อ ไร้พนักงาน ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะแก้ปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน เพราะลูกค้าไม่เพียงแต่แวะซื้อของทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการทางการเงิน การจัดส่งพัสดุ และสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ ด้วย

นับตั้งแต่ 7-Eleven เปิดร้านสะดวกซื้อแห่งแรกของประเทศใน Koto Ward ของโตเกียวในเดือนพฤษภาคม 1974 ร้านค้าดังกล่าวที่มีการดําเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง และแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว และเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการทํางานหนักเกินไป ประกอบกับวิกฤตแรงงานที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เริ่มเกิดคำถามถึงการให้บริการ 24 ชั่วโมงของร้านสะดวกซื้อ

Source

]]>
1472227
7-Eleven ตั้งเป้าภายในปี 2030 จะมี 100,000 สาขาทั่วโลก เจาะตลาดยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง เพิ่ม https://positioningmag.com/1470845 Wed, 24 Apr 2024 01:20:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470845 เซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ได้ตั้งเป้ามีร้านสะดวกซื้อทั่วโลกแตะ 100,000 สาขาภายในปี 2030 โดยเน้นตั้งเป้าขยายสาขาในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่แอฟริกา 

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Seven & i Holdings บริษัทแม่เจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น ได้เตรียมที่ขยายสาขาทั่วโลก โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มอีก 18% หรือคิดเป็น 100,000 สาขา เมื่อเทียบตัวเลขดังกล่าวกับตัวเลขล่าสุด

ตลาดที่ Seven & i Holdings จะเจาะโดยการขายสิทธิแฟรนไชส์สาขาก็คือ ยุโรป ลาตินอเมริกา นอกจากนี้ยังรวมถึงตะวันออกกลาง และแอฟริกา และจะทำให้เชนร้านสะดวกซื้อนั้นขยายสาขาได้เป็น 30 ประเทศทั่วโลก จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 20 ประเทศ

แผนดังกล่าวนั้นตามมาจากแผนของ Seven & i Holdings ที่ตั้งเป้าในปี 2026 จะมีสาขาในทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นอีก 3,600 สาขา โดยมองปัจจัยสำคัญมาจากชนชั้นกลางที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นตาม ขณะเดียวกันร้านสะดวกซื้อเองก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนมากถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเร่งขยายสาขาในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ออสเตรเลียหลังจากในปีที่ผ่านมา Seven & i Holdings ได้ซื้อธุรกิจร้านสะดวกซื้อจำนวน 751 สาขากลับมา เพื่อที่จะขยายธุรกิจได้รวดเร็วมากขึ้น

นอกจากนี้แรงกดดันจากนักลงทุนยังทำให้ Seven & i Holdings เตรียมขายสินทรัพย์ที่ไม่สร้างกำไรให้กับบริษัทอย่างธุรกิจ Supermarket ในประเทศญี่ปุ่นออกไปอีกด้วย

ข้อมูลล่าสุดช่วงปลายปี 2023 จำนวนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven นั้นมีอยู่มากกว่า 80,000 สาขาทั่วโลก โดยจำนวนสาขาที่เยอะมากสุดคืออยู่ในทวีปเอเชีย 

]]>
1470845
7-Eleven วางเป้ามีร้านสะดวกซื้อในเอเชียแตะระดับ 50,000 สาขาภายในปี 2026 จากปัจจัยชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1458325 Thu, 11 Jan 2024 03:45:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458325 เซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ได้ตั้งเป้ามีร้านสะดวกซื้อในเอเชียแตะระดับ 50,000 สาขาภายในปี 2026 นอกจากนี่ยังรวมถึงเชนร้านสะดวกซื้อจากญี่ปุ่นหลายแห่งที่มองถึงการขยายสาขาในประเทศต่างๆ ในเอเชีย จากปัจจัยชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า 7-Eleven เจ้าของเชนร้านสะดวกซื้อจากญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าที่จะมีสาขาในทวีปเอเชียให้แตะระดับ 50,000 สาขา ขณะเดียวกันคู่แข่งร้านสะดวกซื้อรายอื่นจากญี่ปุ่นก็ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสาขาให้ได้เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในทวีปเอเชีย

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า Seven & i Holdings เจ้าของ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น ตั้งเป้าในปี 2026 จะมีสาขาในทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นอีก 3,600 สาขา ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมกันแตะระดับใกล้ 50,000 สาขา มากกว่าจำนวนสาขาในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2023 ซึ่งมีสาขาราวๆ 46,000 สาขาเท่านั้น

โดยโมเดลของ Seven & i Holdings เจ้าของ 7-Eleven คือการให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับพันธมิตรในแต่ละประเทศ ปัจจุบันสาขา 7-Eleven นอกประเทศญี่ปุ่นที่มีจำนวนสาขาจำนวนมากกว่า 5,000 สาขา เช่น ไต้หวันที่มีสาขามากกว่า 6,600 สาขา หรือแม้แต่ในเกาหลีใต้ที่มีสาขามากกว่า 14,000 สาขา

สำหรับในประเทศไทย CPALL ซึ่งเป็นผู้รับสิทธิ์เปิดร้าน 7-Eleven ในไทย ลาว รวมถึงกัมพูชา ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทมีจำนวนร้านสะดวกซื้อเป็นจำนวนมากถึง 14,391 ในประเทศไทย 1 สาขาในประเทศลาว และ 72 สาขาในกัมพูชา

นอกจากนี้เชนร้านสะดวกซื้อคู่แข่งอย่าง ลอว์สัน (Lawson) ยังตั้งเป้าที่จะเปิดร้านในทวีปเอเชียอีกราวๆ 6,800 สาขาในจีนและอาเซียน ภายในปี 2026 ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมกันราวๆ 13,000 สาขา

สื่อญี่ปุ่นรายดังกล่าวได้รวบรวมตัวเลขเชนร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นนั้นได้มีจำนวนสาขานอกประเทศญี่ปุ่นรวมกันราวๆ 60,000 สาขา แซงหน้าสาขาในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมากกว่า 50,000 สาขาไปแล้วเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชนร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นขยายสาขาในทวีปเอเชียเพิ่มมากขึ้นคืออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่หลายประเทศมี GDP เติบโตมากกว่า 5% ทำให้ชนชั้นกลางมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันร้านสะดวกซื้อเองก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันด้วย

เชนร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นได้เปลี่ยนสมรภูมิหลักจากประเทศญี่ปุ่นไปยังหลายประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งบริษัทเหล่านี้คาดหวังว่าจะสามารถเอาชนะคู่แข่งในแต่ละประเทศด้วยผลิตภัณฑ์และสินค้าคุณภาพ นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการต่างๆ ที่ได้รับการฝึกฝนมาจากญี่ปุ่น

]]>
1458325
‘Daiso’ เริ่มวางขายสินค้าใน ‘7-Eleven’ ญี่ปุ่น แก้ปัญหายอดขาดหดเพราะคนไม่เดินทาง https://positioningmag.com/1371277 Sun, 23 Jan 2022 12:18:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371277 เชื่อว่าหลายคนชอบเข้าไปหาซื้อของใน ‘Daiso’ (ไดโซะ) ร้านทุกอย่าง 60 ที่ขายของสากกะเบือยันเรือรบ แม้ที่ไทยจะไม่ได้มีสาขามากเท่าประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเชนร้าน 100 เยนใหญ่ที่สุด และจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ Daiso ในญี่ปุ่นได้รับผลกระทบทำให้ยอดขายหดตัว เนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าใกล้บ้านแทน Daiso จึงแก้เกมด้วยการ เข้าไปขายของใน 7-Eleven ซะเลย

เนื่องจากการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่อยู่แต่บ้าน และผลจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทำให้ยอดขายของ Daiso จึงลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ในครัวแบบใช้แล้วทิ้งมักจะไม่ค่อยอยากเดินทางไป Daiso ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงมองหาตัวเลือกที่สะดวกและใกล้บ้านมากขึ้นในการซื้อสินค้าเหล่านั้น ในราคาที่สมเหตุสมผล

นั่นคือเหตุผลที่ 7-Eleven และ Daiso ร่วมมือกันเพื่อนำผลิตภัณฑ์ Daiso มาสู่ชั้นวาง 7-Eleven จากการทดลองใช้งาน ร้าน 7-Eleven จำนวน 200 สาขา ในคานางาวะและฮอกไกโด ซึ่งผลการดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 ก็ออกมาดีเกินคาด โดยยอดขายของใช้ประจำวันที่ 7-Elevens ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Daiso เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2020

ด้วยความสำเร็จของการทดลองใช้งานเหล่านี้ Daiso และ 7-Eleven กำลังขยายความร่วมมือจาก 200 สาขาเป็น 1 หมื่นสาขา หมายความว่าร้านค้าของ 7-Eleven ประมาณครึ่งหนึ่งจะเริ่มทยอยเพิ่มผลิตภัณฑ์ Daiso โดยเน้นที่สินค้าสะดวกซื้อในชีวิตประจำวัน เช่น กระดาษเช็ดมือและน้ำยาฆ่าเชื้อ ผ้าเช็ดทำความสะอาด

ทั้งนี้ การเปิดตัวจะเริ่มต้นด้วย 7-Eleven ในญี่ปุ่นตะวันออก และหากยอดขายยังเป็นที่น่าพอใจ ก็จะค่อยๆ ขยายไปยังฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น สินค้า Daiso คาดว่าจะเริ่มปรากฏใน 7-Eleven เพิ่มเติมตั้งแต่เดือนมกราคมนี้

Source

]]>
1371277
เอสซีบี ดีแบงก์ x เคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดสินเชื่อหมุนเวียน “ShopJai ผ่านแอปฯ 7-Eleven” รู้ผลไวสุดใน 5 นาที ด้วยพลัง AI https://positioningmag.com/1368651 Fri, 24 Dec 2021 11:00:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1368651

การขอสินเชื่อหมุนเวียนจะง่ายกว่าที่เคย เพราะ เอสซีบี ดีแบงก์ (SCB DBANK) หน่วยงานด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดตัวสินเชื่อหมุนเวียน ShopJai ผ่านแอปฯ 7-Eleven รู้ผลไวสุดใน 5 นาที ด้วยเทคโนโลยี AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำให้ไม่ต้องส่งเอกสาร ไม่ต้องไปหน้าสาขา ผนึกความร่วมมือฐานลูกค้าไทยพาณิชย์และลูกค้าเคาน์เตอร์เซอร์วิส เสริมการเติบโตกลุ่ม “Digital Lending” ปี 2567 คาดทั้งกลุ่มขึ้นไปแตะ 1 แสนล้านบาท!

“ดร.ชาลี อัศวธีระธรรม” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB DBANK) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อหมุนเวียน ShopJai” (ชอบใจ) สินเชื่อแบบ Digital Lending ที่ลูกค้าสามารถสมัครขอสินเชื่อ ทราบผล และรับวงเงินได้ผ่านระบบดิจิทัล

โดย เอสซีบี ดีแบงก์ (SCB DBANK) ผนึกความร่วมมือกับ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดให้ลูกค้าสมัครสินเชื่อ ShopJai ผ่านแอปฯ 7-Eleven และรับวงเงินผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY ได้เลย โดยมีรายละเอียดความพิเศษของสินเชื่อ ดังนี้

  • สมัครง่ายเพียงกรอกข้อมูลผ่านแอปฯ 7-Eleven
  • ไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม ไม่ต้องไปหน้าสาขา
  • รู้ผลการอนุมัติไวสุดใน 5 นาที
  • ผ่อนได้สูงสุด 36 เดือน
  • วงเงินตั้งแต่ 2,500-50,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
  • รับวงเงินผ่าน SCB EASY หรือกดเงินสดผ่านตู้ ATM ได้ทันที
  • เงื่อนไขการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ธนาคารไทยพาณิชย์ยังให้โปรโมชันพิเศษสำหรับผู้ที่สมัครและได้รับอนุมัติสินเชื่อ ShopJai ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 จะได้รับ “ดอกเบี้ย 0%” ระยะ 3 รอบบัญชี**

สำหรับเฟสแรกที่ยังอยู่ใน ‘แซนด์บ็อกซ์’ สินเชื่อนี้จะยังสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ที่ได้รับเชิญให้สมัครบริการสินเชื่อเท่านั้น แต่เฟสต่อไป จะขยายให้กับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์สามารถสมัครขอสินเชื่อได้เช่นกัน

**อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและวิธีการสมัครได้ที่นี่ >> https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/personal-loans/shopjai/shopjai-7-eleven.html


AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล แก้ปัญหาให้ลูกค้า

ดร.ชาลีกล่าวเพิ่มเติมว่า ความสามารถที่ทำให้สินเชื่อ ShopJai อนุมัติรู้ผลได้ง่ายและเร็ว เนื่องจากเอสซีบี ดีแบงก์ (SCB DBANK) มี เทคโนโลยี AI และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ที่ช่วยประเมินความสามารถชำระหนี้ของลูกค้าด้วยโมเดลใหม่ วิเคราะห์ทั้งจากการเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ และข้อมูลที่ได้จากแอปฯ 7-Elevenด้วย

การประเมินความเคลื่อนไหวบัญชีจะทำให้ทราบว่าสุขภาพการเงินลูกค้าเป็นอย่างไร มีรายได้เฉลี่ยเดือนละเท่าใด มีค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน และใช้จ่ายกับสิ่งใดบ้าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นวินัยทางการเงินของลูกค้า

การวิเคราะห์ที่พิจารณาจากบัญชีธนาคารได้โดยตรง จะเป็นประโยชน์กับลูกค้าที่ทำงานอิสระ เช่น ฟรีแลนซ์ ขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งไม่ได้มีรายได้ประจำเท่ากันทุกเดือน ทำให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นกว่าการขอสินเชื่อแบบเดิมๆ

(จากซ้าย) “ปิติพร พนาภัทร์” รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Digital Platform and Products SCB DBANK, “ดร.ชาลี อัศวธีระธรรม” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking SCB DBANK และ “วีรเดช อัครผลพานิช” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด


เอสซีบี ดีแบงก์ ผนึก เคาน์เตอร์เซอร์วิส เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ง่ายขึ้น

“ปิติพร พนาภัทร์” รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Digital Platform and Products ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB DBANK) กล่าวถึงความร่วมมือกับ เคาน์เตอร์เซอร์วิสว่า ธนาคารมีความร่วมมือกันมานานตั้งแต่ริเริ่มโครงการ Banking Agent ให้สาขาของ 7-Eleven เปรียบเสมือนหน้าสาขาธนาคาร สามารถเปิดบัญชี SCB ได้ด้วยระบบ e-KYC ที่หน้าเคาน์เตอร์ ทำให้มีการต่อยอดความร่วมมือมาสู่การเป็นช่องทางปล่อยสินเชื่อผ่านแอปฯ 7-Elevenในครั้งนี้ และ เคาน์เตอร์เซอร์วิส จะยังเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ไทยพาณิชย์เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

ด้าน “วีรเดช อัครผลพานิช” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการผ่านช่องทางแอปฯ 7-Eleven กล่าวว่า บริษัทมองว่าจะสามารถช่วยเติมเต็มระบบนิเวศนี้ได้ เปรียบเสมือนแอปพลิเคชันเข้ามาเป็นช่องทางให้กับ SCB เพิ่มจากเดิมที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสเป็น Banking Agent มาแล้วในร้าน 7-Eleven 12,800 จุดทั่วประเทศ

ฐานลูกค้าปัจจุบันของ 7-Eleven หากนับเฉพาะยอดดาวน์โหลด 7-Eleven App มีถึง 20 ล้านดาวน์โหลด โดยมี Active Users ถึง 90% และในจำนวนนี้มีผู้ที่เป็นสมาชิก All Member แล้ว 15 ล้านคน ฐานลูกค้าเหล่านี้จะช่วยเสริมให้ SCB เป็นผู้นำในตลาด และเชื่อว่า ShopJai ผ่านแอปฯ 7-Eleven จะสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายขึ้นจาก 7-Eleven


Digital Lending ทะยานสู่ 1 แสนล้าน

ปิติพร เปิดเผยว่า สำหรับเป้าหมายของสินเชื่อหมุนเวียน ShopJai ผ่านแอปฯ 7-Eleven ปี 2565 ตั้งเป้าดึงลูกค้า 15,000 รายต่อเดือน และคาดว่าจะปล่อยวงเงินแตะ 300 ล้านบาทในปีหน้า

โดยสินเชื่อนี้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม Digital Lending ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดร.ชาลีกล่าวว่า เมื่อปี 2563 สินเชื่อกลุ่ม Digital Lending มีมูลค่าวงเงินปล่อยสินเชื่อ 9,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2564 นี้จะโตถึง 60% ขึ้นไปแตะ 15,000 ล้านบาท

เอสซีบี ดีแบงก์ ยังตั้งเป้าด้วยว่าวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยผ่าน Digital Lending จะไปแตะ 1 แสนล้านบาทได้ภายในปี 2567 ซึ่งหมายถึงการขยายตัว 10 เท่าภายในเวลา 3 ปี จากเทรนด์การก้าวสู่โลกดิจิทัลของลูกค้า และเทคโนโลยีที่รุดหน้าของธนาคารที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัลแม่นยำและรวดเร็ว

]]>
1368651