AEC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 19 Oct 2020 08:32:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปิดฉาก “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” พลิกโฉมศูนย์ไอที สู่ศูนย์ค้าส่ง AEC Trade Center Pantip Pratunam https://positioningmag.com/1302056 Mon, 19 Oct 2020 08:16:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302056 AWC ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ยกเครื่อง “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” ศูนย์ไอทีแห่งใหญ่ในตำนาน ปรับโฉมสู่ AEC Trade Center Pantip Pratunam ศูนย์ค้าส่งแห่งใหญ่ใน AEC คาดเปิดเฟสแรกจำนวน 2 ชั้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

ยุคสมัยเปลี่ยน รีเทลต้องเปลี่ยน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” เป็นเดสติเนชั่นแรกๆ ที่คนไทยจะนึกถึงเมื่อต้องการซื้อหาสินค้าไอทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ ในช่วงหนึ่งพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำรุ่งเรืองสุดขีด เป็นแลนด์มาร์กที่คนไอทีต้องไป ถึงขนาดเข้าไปอยู่ในเพลง “พันธุ์ทิพย์” ของเสก โลโซ! และยังมีการขยายสาขาไปยังพันธุ์ทิพย์ บางกะปิ และพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วานอีกด้วย

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เราสามารถซื้อสินค้าไอทีได้ทั่วไป แม้กระทั่งอยู่บ้านก็สามารถซื้อได้ผ่านออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ห้าง หรือร้านอีกต่อไปแล้ว

พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เริ่มมีการปรับปรุง ปรับโฉม ปรับคอนเทนต์ภายในศูนย์เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เมื่อตอนปี 2016 ได้ปรับโฉมครั้งใหญ่ในคอนเซ็ปต์ “เทค-ไลฟ์ มอลล์” เป็นการรวมเรื่องเทคโนโลยี และเพิ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ รวมถึงโซนพระเครื่องที่ก็ได้รับความนิยม

พร้อมกับได้ยกระดับตามยุคสมัยในช่วงนั้น เพิ่มโซน Co-working Space สำหรับผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพให้มีมุมทำงานเล็ก รวมถึงเอาใจคอเกมด้วยการเนรมิต E-Sport Arena เรียกว่าสถานที่แห่งแรกๆ ที่บุกเรื่องอีสปอร์ต เป็นพื้นที่ให้คอเกมและนักกีฬา E-Sport อย่างจริงจัง

แต่การแข่งขันในวงการค้าปลีก แม้กระทั่งวงการสินค้าไอทีก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สถานการณ์ของพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา หลายคนที่ต้องการซื้อสินค้าไอที ก็ไม่ได้มองพันธุ์ทิพย์เป็นเดสติเนชั่นหลักแล้ว เพราะสามารถหาซื้อที่ไหนก็ได้ หนำซ้ำกับสถานการณ์ค้าปลีกในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น

จากศูนย์ไอที เป็นศูนย์ค้าส่ง

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” จึงได้หมดลง พร้อมกับการตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบ 36 ปีของการเปิดพันธุ์ทิพย์ ในการยกเครื่องศูนย์ไอทีขนาดใหญ่ย่านประตูน้ำ สู่ศูนย์ค้าส่ง AEC

กลุ่ม AWC หรือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศเปลี่ยนพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เป็น AEC Trade Center Pantip Pratunam ใช้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาทในการปรับพื้นที่ วางระบบต่างๆ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์ค้าส่งแห่งใหญ่ใจกลางเมือง ด้วยพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม.

สามารถรองรับผู้ค้ากว่า 500 ราย ในช่วงแรกนี้ยกเว้นค่าเช่าฟรี 6 เดือน จะเป็นศูนย์รวมค้าส่งสินค้าต่างๆ เช่น ไลฟ์สไตล์ อาหาร เครื่องปรุง สแน็ก สินค้ากลุ่มเวลเนส เคหภัณฑ์ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เป็นต้น ในราคาต้นทาง คาดว่าจะเปิดเฟสแรก 2 ชั้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และเปิดครบต้นปีหน้า รวมทั้งช่องทางออนไลน์ด้วย

ล่าสุดกลุ่มธุรกิจค้าส่งได้ลงนามความร่วมมือกับองค์กรด้านการค้าการลงทุนระดับชาติของจีน 2 ฉบับ เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา คือ

1. การลงนามกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเชื่อมโยงตลาดจีนและอาเซียนแบบครบวงจรผ่าน AEC Trade Center เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าส่งของภูมิภาค และเสริมความแข็งแกร่งให้ AEC Trade Center เป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งระหว่างประเทศอย่างครบวงจร เป็นความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรสมาคมพัฒนาการค้าการลงทุนของจีน ประกอบด้วย สมาคมผู้ส่งสินค้าแห่งประเทศจีน, สมาคมการลงทุนแห่งประเทศจีน และสมาพันธ์ธุรกิจภายใต้นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและเขตการค้าเสรี

2. การลงนามความร่วมมือกับ Zhejiang China Commodities City Group Co., Ltd. (CCC Group) รัฐวิสาหกิจผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู (Yiwu) ประเทศจีน ในโครงการนำร่อง AEC Trade Center Pantip Pratunam ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยการจัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” และศูนย์ให้บริการด้านการส่งออกไปยังประเทศจีน “IC Mall” เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน

]]>
1302056
ตลาดสีเมืองไทยเล็กไปแล้ว “ทีโอเอ” ขอโก AEC https://positioningmag.com/1219423 Tue, 12 Mar 2019 14:16:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1219423 แม้ว่า “กลุ่มทีโอเอ” จะแตกไลน์ จับมือกลุ่มดองกิโฮเต้ (Don Quijote) นำอาคารสำนักงานในซอยทองหล่อ มาเปิดเป็นศูนย์การค้าดองกิ มอลล์ ทองหล่อ และดิสเคาท์สโตร์ ดองกิ จากญี่ปุ่นมาเปิดสาขาในไทย ให้ชาวไทยได้ช้อปกระจายกันไปแล้ว

แต่ในด้านธุรกิจ “สี” ของกลุ่มทีโอเอเวลานี้ ไม่ได้มองแค่ “ตลาดไทย” แต่ขอขยับขยายไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน CLMV

หากเปรียบเทียบ “จีดีพี” กลุ่มประเทศอาเซียน หลายประเทศมีแนวโน้มเติบโต “สูง” กว่าประเทศไทยที่ปี 2562 คาดการณ์อยู่ที่ 4% โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV เติบโตระดับ 7-8% อีกทั้งมีอัตราการขยายตัวของเมืองสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างและตลาดสีทาอาคาร ส่งผลให้ “ทีโอเอ” ผู้เล่นจากไทยเข้าไปช่วงชิงโอกาสจากตลาดอาเซียนที่มีประชากร 600 ล้านคน

จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน ทีโอเอ เป็นผู้นำในตลาดสีทาอาคาร ในไทย มีส่วนแบ่งการตลาด 48.7% ปีที่ผ่านมามีรายได้ 16,347 ล้านบาท เติบโต 4% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะโต 7% จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว

“ตลาดไทยเราเป็นเบอร์หนึ่งและเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศอยู่แล้ว ปกติภาพรวมตลาดสีทาอาคารจะเติบโตในอัตราเดียวกับจีดีพี ช่วงที่ผ่านมามีตัวเลขไม่สูง ทีโอเอจึงเดินหน้านโยบายขยายตลาดอาเซียน ที่หลายประเทศจีดีพีเติบโตในอัตรา 7-8% ทำให้ตลาดสีขยายตัวในอัตราสูง และเป็นโอกาสสร้างการเติบโตของทีโอเอ”

สำหรับการทำตลาดไทยปีนี้ จะพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มแมส และกระตุ้นให้เกิดการทาสีซ้ำ ด้วยบริการครบวงจร เพราะตลาดหลัก 70% เป็นลูกค้าทั่วไป และอีก 30% เป็นลูกค้าโครงการ ปีนี้วางเป้าหมายรายได้เติบโต 7%

เปิด 3 โรงงานใหม่อาเซียน

ที่ผ่านมาทีโอเอได้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตสีในกลุ่มอาเซียน ตั้งแต่ปี 2538 เริ่มที่ประเทศเวียดนาม ลาว มาเลเซีย  อินโดนีเซีย เมียนมา และกัมพูชา รวม 7 แห่ง ส่วนในประเทศไทยมีโรงงาน 3 แห่ง รวมเป็น 10 แห่ง

ปีนี้จะเปิดโรงงานผลิตสีเพิ่มอีก 3 แห่งในกลุ่มอาเซียน ไตรมาส 2 เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่อินโดนีเซีย มีกำลังการผลิต 7.8 ล้านแกลลอน ใช้เงินลงทุน 670 ล้านบาท ไตรมาส 3 เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่เมียนมา กำลังการผลิต 3.4 ล้านแกลลอน ใช้เงินลงทุน 312 ล้านบาท และ ไตรมาส 4 เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่กัมพูชา กำลังการผลิต 3.3 ล้านแกลลอน ใช้เงินลงทุน 254 ล้านบาท

หลังจากโรงงานทั้ง 3 แห่งใหม่เปิดดำเนินการในปีนี้ จะทำให้กำลังการผลิตทุกโรงงานในปี 2562 เพิ่มจาก 88 ล้านแกลลอน เพิ่มเป็น 102 ล้านแกลลอน หรือเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน ปัจจุบันรายได้จากตลาดอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 14% วางเป้าหมาย 5 ปี จะเพิ่มเป็น 20-25%

อาเซียนเป็นตลาดที่อุตสาหกรรมสีทาอาคารยังเติบโตได้สูง จากการขยายตัวของพื้นที่เมืองและธุรกิจก่อสร้างและที่อยู่อาศัย

โรดแมปผู้นำตลาดสีอาเซียน

ประกรณ์ เมฆจำเริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ทีโอเอ มุ่งขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตในตลาด AEC ด้วยการรุกขยายช่องทางการจำหน่ายตลาดค้าปลีกในประเทศอาเซียน ปัจจุบันมีร้านจำหน่าย 2,484 แห่ง รวมทั้งการสร้างฐานผลิตสีในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมา และกัมพูชา เพื่อเร่งกาลังการผลิต รองรับตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การทำตลาดอาเซียน คือ การสร้างฐานผลิตใหม่ในตลาดที่มีโอกาสเติบโต เนื่องจากอุตสาหกรรมสีทาอาคาร เป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หากต้องนำเข้าจะมีต้นทุนค่าขนส่งสูง และไม่สามารถแข่งขันกลไกการตลาดและราคากับผู้ประกอบการที่มีฐานผลิตในประเทศได้ จะเห็นได้ว่าในอุตสาหกรรมผลิตสี แบรนด์ต่างๆ มักจะตั้งโรงงานผลิตในประเทศที่เข้าไปทำตลาด

พร้อมทั้งเร่งขยายช่องทางการจัดจาหน่ายเพิ่มขึ้น โดยการใช้จุดแข็งของผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่มสีทาอาคาร ควบคู่กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ รวมถึงการกระจายเครื่องผสมสีอัตโนมัติในประเทศต่างๆ

นอกจากนี้จะเน้น “สร้างแบรนด์” ในตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากตราสินค้า “ทีโอเอ” ที่แข็งแกร่ง ไปปรับใช้ในการขยายธุรกิจ

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan ปี 2559 ทีโอเอมีส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวในอาเซียน 13%

ทีโอเอวางโรดแมปก้าวสู่การเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สีตลาดอาเซียนภายใน 5 ปีจากนี้

]]>
1219423