AIS – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 05 Dec 2024 13:06:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เน็ตบ้านกำไรน้อย! ‘เอไอเอส’ แก้เกมออก ‘SMART SOUNDBAR’ สร้างมูลค่าเพิ่ม มั่นใจปิดปีโกยลูกค้าทะลุ 5 ล้านราย! https://positioningmag.com/1502196 Wed, 04 Dec 2024 13:45:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502196 ธุรกิจฟิกบอร์ดแบนด์ หรือ เน็ตบ้าน แม้จะเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับ โมบาย แต่ความยากถือว่าต่างกัน เพราะมีต้นทุนที่สูง แถมมีความเสี่ยงมากกว่า ทำให้ กำไร น้อยกว่าธุรกิจโมบาย ดังนั้น ความท้าทายคือ การเพิ่มกำไรโดยไม่ขึ้นราคา

ธุรกิจเน็ตบ้าน ต้นทุนสูงกว่าโมบาย

ดูเหมือนสงครามราคาในตลาด เน็ตบ้าน แม้จะยังมี แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ต้นทุน ที่สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจโมบาย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการติดตั้ง อุปกรณ์ที่ต้องมีให้ลูกค้า แถมยังมีความเสี่ยงเรื่องของความเสียหายสายไฟเบอร์ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น ผู้ในตลาดทุกรายคงไม่อยากจะแข่งราคาแน่นอน แต่แข่งกัน เข้าใจผู้บริโภค ว่าต้องการอะไรมากกว่า และเพิ่มบริการต่าง ๆ เพื่อ สร้างมูลค่า

“แน่นอนว่าธุรกิจเน็ตบ้านกำไรไม่ได้ดีเท่ามือถือ เพราะมีต้นทุนสูงกว่า อย่างโมบายลูกค้าลงทุนซื้อมือถือเอง มือถือพังลูกค้าเปลี่ยนเอง แต่เน็ตบ้านไม่ใช่ ต้องมีช่างเข้าไปดูที่บ้าน สายขาดก็ต้องซ่อมเอง เราเตอร์ก็ต้องเปลี่ยนให้ลูกค้า” ธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจบรอดแบนด์ AIS อธิบาย

ชูความบันเทิง สร้างรายได้ใหม่

การจะทำกลยุทธ์เรื่องราคาอาจไม่ใช่ทางที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะที่ ธีร์ มองว่า ผู้บริโภคเองก็ ไม่ได้ต้องการของถูกที่สุด แต่ต้องการบริการที่เหมาะสมกับราคา ซึ่งปัจจุบัน ARPU เฉลี่ยของเอไอเอสไฟเบอร์อยู่ที่ 505 บาท ซึ่ง ธีร์ มองว่า เป็นราคาเฉลี่ยที่ลูกค้า จ่ายไหว

ดังนั้น เพื่อไม่ต้องลดกำไรของตัวเอง กลยุทธ์ของเอไอเอสจึงชูเรื่องของ ความบันเทิง เพื่อสร้าง จุดแตกต่าง และเป็นการ เพิ่มมูลค่า ไปในตัว เอไอเอสจึงเปิดตัว Sound Bar Android TV รุ่นแรกของไทย ที่รวมความบันเทิงทั้งคาราโอเกะ และบริการสตรีมมิ่งในตัวเดียว โดยจะมี ค่าสมาชิกรายเดือน 350 บาท/เดือน พร้อมค่าแรกเข้า 1,000 บาท โดยผู้สมัคร 5,000 คนแรกจะได้รับแพ็กเกจสตรีมมิ่ง Max Ultimate ฟรี 12 เดือน พร้อม AIS Karaoke นาน 24 เดือนด้วย

“เรามองว่าพฤติกรรมคนเดี๋ยวนี้สามารถหาความสุขได้จากที่บ้าน ดังนั้น เรามองว่าสิ่งที่ตอบโจทย์ว่าอะไรจะทำให้อยู่ร่วมกันได้ ก็คือการดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลง และการทำตลาดของไฟเบอร์ไม่ใช่การนำเสนอแค่เรื่องความเร็ว แรง แต่ต้องแข่งขันกันที่ความเร็วในการให้บริการด้วย และต้องเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อสร้างจุดแตกต่าง”

กลุ่มที่อยู่ตัวคนเดียว โอกาสใหญ่ขยายตลาด

ปัจจุบัน ตลาดไฟเบอร์มีการเติบโตเฉลี่ย +5% ต่อปี ปัจจัยที่เติบโตคือ การเติบโตของตัวเมือง ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าและบริการที่ตรงใจมากขึ้น แต่มีอีกโอกาสใหญ่ที่เอไอเอสเห็นก็คือ กลุ่มคนที่อยู่คนเดียว ที่มักมองว่า ใช้โมบายก็เพียงพอ ดังนั้น การจับลูกค้ากลุ่มนี้จะช่วยขยายตลาดได้ แต่โจทย์คือ ทำอย่างไรให้เขาเห็นประโยชน์ของเน็ตบ้าน

สำหรับ 9 เดือนแรก เอไอเอสมีลูกค้าเพิ่ม +2 แสนราย และคาดว่ารวมไตรมาส 4 จะมีลูกค้าใหม่ทะลุ 2.7 แสนราย ส่งผลให้ภายในสิ้นปี เอไอเอสจะมีลูกค้ากว่า 5 ล้านราย จากที่ต้นปีมีประมาณ 4.7 ล้านราย และเมื่อคิดจากผู้ใช้งานเน็ตบ้านในประเทศไทยทั้งหมด 10.6 ล้านครัวเรือน เอไอเอสจะมีส่วนแบ่งตลาดที่ 46.6% 

สำหรับเป้าหมายปีหน้ามั่นใจว่า จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 2.7 แสนราย และเชื่อว่าการควบรวมระบบจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า และถ้าควบรวมเสร็จมีโอกาสจะเหลือแบรนด์เดียว

]]>
1502196
เจาะกลยุทธ์ ‘เอไอเอส’ กับการปั้น ‘Entertainment Hub’ เพื่อตรึงลูกค้าให้อยู่กับค่ายไปนาน ๆ https://positioningmag.com/1501739 Tue, 03 Dec 2024 08:27:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1501739 แม้ว่าตลาด โทรคมนาคม หรือ Telco จะเหลือผู้เล่นแค่ 2 ราย (แม้ตอนนี้จะให้บริการอยู่ 3 ค่ายก็ตาม) แต่การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นเบอร์ 1 ก็ยังคงดำเนินต่อไป แต่บริบทไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แรง ของสัญญาณ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของ คอนเทนต์

หากพูดถึงการแข่งขันของโอเปอเรเตอร์ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของ คอนเทนต์ ที่ไม่มีใครยอมใคร โดยค่ายสีเขียวอย่าง เอไอเอส (AIS) ก็จะมีแพลตฟอร์ม เอไอเอส เพลย์ (AIS Play) โดยเปิดให้ดูคอนเทนต์ฟรีไม่จำกัดค่าย ไม่ว่าจะเป็นทีวีสด ละครย้อนหลัง ภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูน คอนเสิร์ต รวมถึงออริจินอลซีรีส์ หรือถ้าใครไม่จุใจก็มีแพ็กเกจ พรีเมียม ให้ดูคอนเทนต์ที่มากขึ้น เช่น ช่องกีฬา

เช่นเดียวกันกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น (True) ที่มีแพลตฟอร์ม ทรู ไอดี (True ID) ที่จะมีคอนเทนต์ให้ดูฟรีเหมือนกัน รวมถึงมีแพ็กเกจพรีเมียมให้ซื้อด้วยเช่นกัน เพียงแต่ของฝั่งทรูจะเน้นไปที่ กีฬา เพื่อย้ำถึงการเป็น King of sports โดยมีคอนเทนต์พระเอกอย่างฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ซึ่งทรูวิชั่นส์ได้ลงทุนไปมหาศาลเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ (แม้ว่า 6 ฤดูกาลจากนี้จะพลาดก็ตาม)

จะเห็นว่าการแข่งขันเรื่องคอนเทนต์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งคู่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม ดังนั้น การจะลงทุนสร้างคอนเทนต์ของตัวเองเพื่อดึงดูดหรือรักษาฐานลูกค้าอาจเป็นเรื่องที่ ยากเกินไป และต้อง ลงทุนมหาศาล ดังนั้น กลยุทธ์ที่ เอไอเอส ทำจึงเป็นการเดินหน้าหา พันธมิตร ซึ่งก็คือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ตบเท้าเข้ามาในประเทศไทย

เพราะการจะดูคอนเทนต์ต้องใช้ อินเทอร์เน็ต ดังนั้น หากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจะเริ่มรุกตลาด จะมีอะไรดีไปกว่าการ พาร์ทเนอร์กับ โอเปอเรเตอร์ เพราะนอกจากจะมี ฐานลูกค้า จำนวนมหาศาล (ปัจจุบันเอไอเอสมีฐานลูกค้า 51 ล้านราย) ทำให้แพลตฟอร์มสามารถ Bundle แพ็กเกจ และ ชำระเงิน ผ่านโอเปอเรเตอร์ได้เลย อีกทั้งยังช่วยให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้าถึง จอทีวี ด้วยกล่อง AIS Play

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังได้ตัวช่วยในการโปรโมตอีกด้วย ดังนั้น จะเห็นว่าการผนึกกับโอเปอเรเตอร์ช่วยตัดขั้นตอนความต่าง ๆ ในการสร้างฐานลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ การเข้าถึง และสร้างยอดขาย

รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าส่วนงาน AIS PLAY

ส่วนของประโยชน์ที่เอไอเอสจะได้ หลายคนน่าจะมองว่าการมีพาร์ทเนอร์เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกจะช่วย ดึงลูกค้าใหม่ ๆ แต่ในความเป็นจริงอาจ ไม่ได้ช่วยขนาดนั้น เพราะต้องยอมรับไม่ใช่ทุกคนที่ยอมยอม เปิดเบอร์ใหม่ หรือ ย้ายค่าย ดังนั้น สิ่งหลักที่เอไอเอสได้ประโยชน์จริง ๆ จากการเป็นพันธมิตรกับทุกแพลตฟอร์มก็คือ ทำให้ลูกค้าอยู่กับค่ายนานขึ้น เพราะแพ็กเกจของหลาย ๆ แพลตฟอร์มมีให้สมัครแบบ รายปี ซึ่ง รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าส่วนงาน AIS PLAY ยืนยันว่า “ลูกค้าที่มีแพ็เกจสตรีมมิ่ง มี Churn rate ที่ต่ำกว่าลูกค้าทั่วไป”

อีกประโยชน์ที่ทางเอไอเอสได้ก็คือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะเอไอเอสถือเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่เป็นพันธมิตร ครบทุกแพลตฟอร์ม ที่ให้บริการในไทย ทำให้มีภาพความเป็น Entertainment Hub อย่างฝั่งตะวันตกก็มี Netflix, Disney+ Hotstar, Max และ Prime ส่วนฝั่งเอเชียก็มี iQiYi,Viu และ WeTV จนล่าสุดได้ออกแพ็กเกจ PLAY ULTIMATE ที่มัดรวม 6 แพลตฟอร์ม ราคา 999 บาท นอกจากนี้ยังเตรียมออกแพ็กเกจ 5G Max Play Ultimate สำหรับดึงลูกค้าเติมเงินให้เป็นรายเดือน ลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่าย

จับตา พรีเมียร์ลีก จะอยู่ในมือใครบ้าง

แม้ว่าตอนนี้เอไอเอสจะเรียกได้ว่ามีพันธมิตรแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในมือมากที่สุด แต่หลายสิ่งที่คนสนใจก็คือ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ในไทย ใครจะได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบ้าง เพราะสิทธิ์ถ่ายทอด 6 ฤดูกาลจากนี้เป็นของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ที่ทุ่มเงินลงทุนถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และเอฟเอคัพ แต่เพียงผู้เดียวใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา และลาว อย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง 6 ฤดูกาล

เบื้องต้น ทาง JAS ยืนยันว่า จะดูผ่านแพลตฟอร์ม Monomax เป็นหลัก โดยค่าแพ็กเกจจะไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน และจะมีดูฟรีสัปดาห์ละ 1 คู่ผ่านช่อง Mono29 ซึ่ง Monomax ก็ถือเป็นหนึ่งใน พันธมิตรของเอไอเอส ทำให้หลายคนตั้งตารอดูว่าเอไอเอสจะเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

]]>
1501739
เปิดอินไซต์ ‘เบอร์มงคล’ การตลาดสายมูของ ‘เอไอเอส’ ที่ช่วยโกย ‘ลูกค้าคุณภาพ’ เข้าค่าย https://positioningmag.com/1487403 Mon, 26 Aug 2024 04:07:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1487403 ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไทย กับความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง โชคลาง หรือ สายมู (มูเตลู) ที่หลายคนเรียกกัน เรียกได้ว่าเป็น วิถีชีวิต มากกว่าจะใช้คำว่างมงาย และหลายแบรนด์ก็หยิบเรื่องมูเตลูมาใช้กับ การตลาด และยิ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับตัวเลขอย่าง ธุรกิจโทรคมนาคม ที่ขาย เบอร์มือถือ มีหรือจะไม่มีการตลาดสายมู

ส่องอินไซต์ตลาดเบอร์มงคล

คณาธิป ธีรทีป หัวหน้าแผนกการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด เล่าให้ฟังว่า ตลาดรวม เบอร์มงคล อาจมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท เพราะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในการขายของพ่อค้า-แม่ค้าที่ขายเบอร์มงคล แต่ถ้านับเฉพาะยอดขายของเบอร์มงคลของเอไอเอสอยู่ที่ปีละ 1,000 ล้านบาท โดยลูกค้าที่เปิดเบอร์มงคล 70% จะมี 2 เบอร์ขึ้นไป และ 90% เมื่อเปิดเบอร์แล้วจะไม่ทิ้ง ดังนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีอัตรา Churn Rate หรือยกเลิกการใช้บริการที่ต่ำกว่าเบอร์ทั่วไป 5%

ที่สำคัญ ลูกค้าเบอร์มงคลจะมียอดใช้งานเฉลี่ย หรือ ARPU (Average Revenue Per User) ที่สูงกว่าลูกค้าโพสต์เพด (ลูกค้ารายเดือน) ปกติเกือบ 2 เท่า อยู่ที่ประมาณ 800 บาทต่อเดือน จากปกติเฉลี่ย 448 บาทต่อเดือน

“80% ของคนไทยมีความเชื่อเรื่องโชคลางเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขมันเป็นพื้นฐานของความเชื่อ ซึ่งเราเข้ามาเติมในส่วนนั้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเบอร์คงมคลถือเป็นกลุ่มลูกค้าคุณภาพ เพราะ Chun rate ต่ำ, ยินดีใช้แพ็กสูง และมีโอกาสซื้อต่อ เพราะเขาเชื่อมั่น” คณาธิป ธีรทีป กล่าว

คณาธิป ธีรทีป หัวหน้าแผนกการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด

เริ่มทำตลาดมา 10 ปี โตทุกปี

คณาธิป เล่าต่อว่า สำหรับเอไอเอสได้เริ่มทำตลาดเบอร์มงคลตั้งแต่ปี 2014 โดยเริ่มจากการดึง แมน การิน (แมน แมทจิเซียน) มาช่วยคัดเบอร์มงคล โดยเริ่มจากเลขสี่ตัวท้าย จนปัจจุบันเป็นเบอร์มงคลผลรวม นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับอาจารย์ท่านอื่น ๆ อีก แต่เบอร์ของแมน การิน ถือว่าได้รับความนิยมที่สุด

ปัจจุบัน เอไอเอสมียอดขายเบอร์มงคลเฉลี่ย 3 หมื่นเบอร์/เดือน นับตั้งแต่เอไอเอสได้เริ่มทำตลาดเบอร์มงคลตั้งแต่ปี 2014 ปัจจุบัน เอไอเอสมีจำนวนเบอร์มงคลในตลาดสะสมกว่า 1.2 ล้านเบอร์ และเบอร์มงคลสามารถเติบโตเฉลี่ย 5-10% ทุกปี ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีก็ตาม

“30% ของคนเปิดเบอร์ใหม่ ถ้าเลือกได้เขาจะเลือกเบอร์มงคลหรือเบอร์สวย โดยส่วนใหญ่ต้องการไปเสริมเรื่องการเงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องของค่าใช้จ่ายก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาจะเลือก”

เห็นความต้องการจาก New Gen มากขึ้น

แม้ว่าจำนวนเบอร์จะมีมากกว่าจำนวนประชากร แต่เบอร์มงคลยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากจำนวน ดีไวซ์อื่น นอกเหนือจากสมาร์ทโฟน แม้บางดีไวซ์จะใช้ อีซิม แต่ผู้บริโภคไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา ขอแค่ได้เบอร์ที่ความหมายดี นอกจากนี้ กลุ่ม New Gen อายุต่ำกว่า 30 ปี ก็เป็นกลุ่มที่สนใจเลือกใช้เบอร์มงคลด้วย โดยจะช่วยกระตุ้นให้ เปลี่ยนจากพรีเพด เป็นโพสต์เพดเพื่อใช้เบอร์มงคล

“ตอนแรกเราคิดว่าพอเป็นอีซิมแล้วจะไปไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าเบอร์มันกลายเป็น Identity ที่สร้างความเชื่อมั่น ดังนั้น ขอแค่มีเบอร์ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้ากลุ่มนี้ แม้จะไม่มีซิม”

อาจารย์ดัง ๆ มีผลต่อความมั่นใจ

อย่างไรก็ตาม ตลาดเบอร์มงคลก็ใช่ว่าจะไม่มีการแข่งขัน แต่แข่งขันกันที่ อาจารย์ ซึ่งเป็นส่วนที่มีผลมากในการตัดสินใจ โดยเอไอเอสร่วมกับแมน การินมาเป็นสิบปี ทำให้มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น ซึ่งจุดนี้ทำให้เอไอเอสสามารถทำตลาดได้ง่าย เพราะต้องยอมรับว่าเอไอเอสเป็นบริษัทเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ดังนั้น การจะทำการตลาดเกี่ยวกับเรื่องสายมูถือเป็น ความท้าทาย ดังนั้น เอไอเอสจะทำการตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีความเชื่อหรือสนใจมากกว่าทำแบบแมส

“ตอนแรกเราก็กังวลว่าการตลาดแบบนี้จะทำให้กระทบภาพลักษณ์ของบริษัทที่ทำเรื่องเทคโนโลยีหรือเปล่า ดังนั้น เราก็มีการทำรีเสิร์ชเยอะ แต่เราไม่ได้ทำให้เขาเชื่องมงาย ไม่ได้ไปคอมมิดว่าใช้แล้วจะได้นั่นนี่ แค่เสริมสร้างความมั่นใจกับลูกค้ากลุ่มนี้

เปิดตัวเบอร์ตระกูลกวนอู 639

ล่าสุด เอไอเอสได้เปิดตัว เบอร์ตระกูลกวนอู 639 ซึ่งถือเป็นตระกูลเลขอันดับ 3 ที่ได้รับความนิยมต่อจาก กลุ่มเลขเบอร์หงส์-มังกร 789 / 289 สำหรับเบอร์ตระกูลกวนอูมีจำหน่ายทั้งหมด 20,000 เบอร์ เอไอเอสจำหน่ายในราคา 199 บาท แพ็กเกจเริ่มต้น 399 บาท สัญญาขั้นต่ำ 6 เดือน

“คนจีนยกให้กวนอูเป็นเทพแห่งสวรรค์ อยากชนะเหนือคู่แข่ง เติบโตในหน้าที่การงาน เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือการสอบแข่งขัน และเรื่องของความยุติธรรม ใครโดนกลั่นแกล้งให้บูชาเทพกวนอู โดยเลข 639 เป็นเลขวีรบุรุษ ฝ่าฟันอุปสรรค เลขแห่งชัยชนะแมน การิน เล่า

สำหรับรายได้จากกลุ่มเบอร์มงคล เอไอเอสคาดว่าจะเติบโต 10% มีรายได้ 1,300 ล้านบาท

]]>
1487403
AIS แท็กทีม Oracle ปลดล็อกบริการ AIS Cloud ระดับ Hyperscale Cloud ครั้งแรกในไทย ทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ Digital Economy https://positioningmag.com/1485998 Wed, 14 Aug 2024 03:52:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485998

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความร่วมมือระดับประเทศ ที่ช่วยยกระดับบริการคลาวด์ในประเทศไทยให้ล้ำขึ้นไปอีกก้าว สำหรับการจับมือร่วมกันของ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง AIS และ Oracle ที่ได้ประกาศความร่วมมือในการเปิดตัวบริการคลาวด์ในระดับ Hyperscale Cloud เป็นครั้งแรกในไทย โดยความร่วมมือนี้เป็นการผสานเอาจุดแข็งของทั้งสองในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่ Digital Economy ได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต

AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ตลอดระยะเวลา 34 ปี ได้พัฒนาเครือข่าย และบริการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งระดับผู้บริโภค และระดับองค์กร ซึ่งได้เปิดตัวกลุ่มธุรกิจ Business Cloud และ IoT Solution ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อตอบรับลูกค้าองค์กรภาคธุรกิจ

ส่วนทาง Oracle มีบริการคลาวด์มากกว่า 100 บริการ ความร่วมมือนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการปลดล็อกขีดจำกัดในการใช้งานคลาวด์ระดับ Hyperscale Cloud สำหรับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center

ภายใต้ความร่วมมือนี้องค์กรสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ของ Oracle (OCI) ที่มีมากกว่า 100 บริการ รวมถึงความสามารถด้าน AI ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ด้วยระบบ และบริการ Sovereign Cloud ที่มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (DR: Disaster Recovery) ในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย เพื่อให้ใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า

“กว่า 34 ปีที่ผ่านมา AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดียิ่งกว่า ควบคู่ไปกับการนำศักยภาพโครงข่ายมาผสมผสานผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการทำงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน

โดยเฉพาะเทคโนโลยีคลาวด์ที่มีส่วนสำคัญในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร จากการศึกษาข้อมูล พบว่าในช่วงปี 2565-2570 ใน 4 ธุรกิจ ได้แก่ คลาวด์ ไอโอที (IoT) ดาต้าเซ็นเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นธุรกิจที่มาแรง เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% ต่อปี จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ AIS ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle

บริการ AIS Cloud สร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยบริการคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัย และการปกป้องข้อมูลที่สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทย เน้นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการที่ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ ความสำคัญอีกหนึ่งอย่างของความร่วมมือนี้ก็คือ การที่ประเทศไทยมีบริการ Hyperscale Cloud เป็นครั้งแรก จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีในภูมิภาค และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน และบริษัทข้ามชาติได้

รวมไปถึงการนำเสนอความสามารถด้าน AI และบริการคลาวด์ที่หลากหลายของ Oracle ช่วยสร้างความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ AIS ในตลาดได้อีกด้วย

ทางด้าน การ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า

“การมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเราเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า”

โดยที่ทาง IDC ได้คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31.5% ต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่เอเซียแปซิฟิค แสดงให้เห็นถึง 19% ขององค์กรในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการคาดการณ์การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ระบบคลาวด์แบบกระจายของ Oracle มอบประโยชน์ของคลาวด์พร้อมการควบคุมและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • คลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) : ภูมิภาคคลาวด์สาธารณะขนาดใหญ่สามารถให้บริการแก่องค์กรทุกขนาด รวมถึงองค์กรที่ต้องการการควบคุมความเป็นส่วนตัวในสหภาพยุโรปอย่างเข้มงวด ดูรายการภูมิภาคทั้งหมดได้ที่ https://www.oracle.com/emea/cloud/public-cloud-regions/
  • คลาวด์เฉพาะ (Dedicated Cloud) : ลูกค้าสามารถใช้งานบริการคลาวด์ของ OCI ทั้งหมดในศูนย์ข้อมูลของตนเองด้วย OCI Dedicated Region ขณะที่พันธมิตรสามารถขายต่อบริการคลาวด์ของ OCI และปรับแต่งประสบการณ์ด้วย Oracle Alloy ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แต่ละรายการให้บริการคลาวด์และ AI ที่ครบถ้วนซึ่งลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็น Sovereign Cloud ได้
  • ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) : OCI ให้บริการคลาวด์หลักในสถานที่ของลูกค้าผ่าน Oracle Exadata Cloud@Customer และ Compute Cloud@Customer และกำลังจัดการการปรับใช้งานในกว่า 60 ประเทศแล้ว
  • มัลติคลาวด์ (Multi Cloud) : ตัวเลือกต่างๆ รวมถึง Oracle Database@Azure, HeatWave MySQL บน AWS และ Microsoft Azure, Oracle Interconnect สำหรับ Microsoft Azure และ Oracle Interconnect สำหรับ Google Cloud ช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมความสามารถหลักจากคลาวด์ต่างๆ ได้

 

]]>
1485998
เดินหน้าต่อเนื่อง! ‘AIS’ ยกเครื่องใหม่ ‘AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์’ สานต่อภารกิจป้อน ‘บุคลากรอีสปอร์ต’ เข้าสู่อุตสาหกรรม https://positioningmag.com/1485017 Sat, 03 Aug 2024 03:51:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485017

นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ เอไอเอส (AIS) ประกาศวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนอุตสาหกรรม เกม ของไทย เอไอเอสก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมจนปัจจุบันคาดว่าจะมีมูลค่าทะลุ 4 หมื่นล้านบาท และหนึ่งในตัวช่วยสำคัญก็คือ AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์


4 ปี ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมไทย

นับตั้งแต่ประเทศไทยมี สมาคมอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย เกิดขึ้นในปี 2017 และในปี 2019 เอไอเอส (AIS) ก็ประกาศ 3 นโยบายสนับสนุนโดยมีจุดมุ่งหมาย ยกระดับเกมเมอร์ไทยไปมืออาชีพ ได้แก่ 1. สร้างเน็ตเวิร์คอินฟราสตรัคเจอร์สำหรับอีสปอร์ต 2. สร้างเวทีการแข่งขัน เพื่อเสริมสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้นักกีฬาอีสปอร์ต และผู้ที่มีความสนใจในวงการนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และ 3. สร้างคอมมูนิตี้อีสปอร์ตให้แข็งแรงผ่านทาง AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ และ AIS eSports STUDIO at SIAM

สำหรับ AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ซึ่งถือเป็น คอมมูนิตี้ฮับอีสปอร์ตแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ชั้น 2 สามย่านมิตรทาวน์ และมาปลายปี 2023 เอไอเอสก็เปิด AIS eSports STUDIO at SIAM ตามมา ปัจจุบัน AIS eSports STUDIO ทั้ง 2 สาขามีจำนวนผู้ใช้งานรวมกันเฉลี่ยกว่า 300 คน/วัน หรือราว 10,000 คน/เดือน และมีจำนวน Members กว่า 30,000 ราย

“ในปี 2019 ที่เราประกาศวิสัยทัศน์ว่าจะสนับสนุนอีสปอร์ต ซึ่งอาจจะเกิดคำถามว่าถึงการสนับสนุนดังกล่าวเพราะคนทั่วไปอาจจะยังติดภาพจำในอดีตของการเล่นเกม แต่ในปัจจุบันนี้ เราเห็นนักกีฬาที่ได้เหรียญในการแข่งขันซีเกมส์ และอีกจุดเปลี่ยนคือ ในปี 2021 ที่ราชกิจจาฯ ประกาศให้อีสปอร์ตเป็นกีฬา” รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าว


ความต่อเนื่อง หัวใจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ที่เอไอเอสประกาศวิสัยทัศน์ด้านอีสปอร์ต เอไอเอสก็ได้ทำงานร่วมกับ พันธมิตร หลากหลายด้าน รวมถึงมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันอีสปอร์ต, โครงการ AIS eSports Young Caster Talent ที่ช่วยฝึกฝนให้เด็กรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนักพากย์แข่งเกม จนสามารถป้อนบุคลากรด้านอีสปอร์ตใหม่ ๆ เข้าสู่อุตสาหกรรม อาทิ ณัฏฐณิชชา ภูวสิริโรจน์ หรือ MORFINN ที่เคยเข้าโครงการ AIS eSports Young Caster Talent ปี 2 โดยปัจจุบันเป็นทั้งนักกีฬาอีสปอร์ตและแคสเตอร์

“เรามองว่าความครบและความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ ดังนั้น เราพยายามทำให้ครบและต่อเนื่อง อย่างโครงการ AIS eSports Young Caster Talent เราทำมา 3 ปีติดต่อกัน แต่เราไม่ได้มองว่าจะไปสร้างสังกัดส่งนักกีฬาแข่ง เราเป็นแค่เวทีให้เด็ก ๆ แสดงความสามารถ เพื่อให้สังกัดหรือค่ายที่เห็นแววมานำเข้าไปในอุตสาหกรรม” รุ่งทิพย์ อธิบาย


อัพเกรด AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ ย้ำความเป็น Hub อาเซียน

อีกความต่อเนื่องที่ทำก็คือ อักเกรด AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ โดยครั้งนี้เอไอเอสตั้งใจจะพลิกโฉมให้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย บรอดแบนด์ไฟเบอร์ระดับ 5000/5000 Mbps ควบคู่ไปกับ สุดยอดเทคโนโลยีเกมมิ่งพีซี เกมมิ่งเกียร์สเปกไฮเอนด์ระดับโปรเพลเยอร์แบบครบวงจร อาทิ การใส่ INTEL CORE i7-14700KF และการ์ดจอตัวแรงระดับเทพ VGA GALAX RTX 4080 SUPER SG PCI-E 16GB GDDR6X ในคอมพิวเตอร์ การใช้จอภาพ Samsung Odyssey G7 Series 28” 4K 144Hz เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ RIOT Games นำเกมยอดนิยมอย่าง Valorant, League of Legends และ Teamfight Tactics มาเปิดให้บริการที่นี่ที่เดียว

นอกจากอัพเกรดเครื่องและได้พาร์ทเนอร์ค่ายเกมระดับโลกเป็นพันธมิตร AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ ยังการเปิด Arena Zone ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับจัดการแข่งขันอีสปอร์ต และกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยการจัดการที่ครบครันทั้งระบบแสง สี เสียง ที่ทันสมัย เพื่อรองรับการแข่งขันอีสปอร์ตที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเปิดกว้างให้กับโปรโมเตอร์, แบรนด์, และองค์กรต่าง ๆ เข้ามาใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมและการแข่งขัน โดยที่ผ่านมา Arena Zone ได้จัดกิจกรรมและการแข่งขันมาแล้ว มากกว่า 100 รายการ

“เอไอเอสย้ำมาตลอดเรื่องการไปกับพันธมิตร ดังนั้น เราคิดว่าเอไอเอสทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มมากกว่าจะสร้างทั้งต้นน้ำและปลายน้ำเอง”


ตลาดอีสปอร์ตไทย 4 หมื่นล้านยังโตได้อีก

สำหรับอุตสาหกรรมเกมไทยถือเป็น อันดับ 2 ของอาเซียน โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 41,000 ล้านบาท มีจำนวนประชากรที่เล่นเกมราว 42 ล้านคน และกว่าครึ่ง (23 ล้านคน) มีการใช้จ่ายกับเกมโดยเฉลี่ยแตะเกือบ 1,800 บาท เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมเกมไทยจะใหญ่ และภาพลักษณ์ก็ดีขึ้นกว่าอดีต แต่ รุ่งทิพย์ มองว่า อุตสาหกรรมยัง มีความท้าทาย คือ ไทยยังเป็นประเทศผู้บริโภค ยังขาดส่วนของ การผลิต นี่จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาในอนาคต

“อุตสาหกรรมเกมไทยพัฒนาขึ้นมาก แต่เราพัฒนาแต่ยังไม่สุด โดยเฉพาะเกมจากคนไทยที่ยังมีน้อย ส่วนใหญ่ยังเป็นเกมอินดี้เล็ก ๆ ดังนั้น ขาของเดเวลอปเปอร์ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ อีกเรื่องคือ เรายังไม่มีสถานที่ที่จัดแข็งระดับโปรจริง ๆ ส่วนใหญ่จะจัดในห้างฯ ยังไม่มีสเตเดี้ยมเฉพาะ ซึ่งถ้าเป็นประเทศใหญ่ ๆ อย่างเกาหลีมี แต่ในอาเซียนยังไม่มีใครมี” รุ่งทิพย์ ทิ้งท้าย

 

]]>
1485017
AIS ผนึก GULF และ สวพส. เดินหน้าติดตั้งไฟฟ้า-เครือข่ายสัญญาณดิจิทัล ปักเป้า 30 พื้นที่ใน 5 ปี https://positioningmag.com/1477189 Sat, 08 Jun 2024 03:12:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477189 ปฏิเสธไม่ได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในยุคปัจจุบันนี้ก็คือ ระบบสื่อสาร และในไทยเองก็ยังมีพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึง ซึ่ง GULF และ AIS ได้ผนึกกำลัง พร้อมร่วมกับ สวพส. เพื่อนำโครงสร้างพื้นฐานเข้าไปสู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

แค่ไฟฟ้าไม่พอ

หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นองค์กรชั้นนำด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค แต่ที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ GULF ได้ทำโครงการ CSR มากว่า 30 ปี และหนึ่งในโครงการที่ทำอยู่ก็คือ การติดตั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ในพื้นที่ทุรกันดาร โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2566 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ บ้านห้วยน้ำไซ อ.นครไทย จ.พิษณุโลกเกาะทุ่งนางดำ อ.คุระบุรี จ.พังงา และบ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

หลังจากที่ไปติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ GULF ก็เห็นปัญหาว่าในหลายพื้นที่ที่ไปนั้น ไม่มีเสาสัญญาณดิจิทัล ดังนั้น เพื่อจะให้พื้นที่นั้น ๆ เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน GULF จึงได้ร่วมกับ AIS ทำโครงการ Green Energy Green Network for THAIs เพื่อผนึกกำลังขยายสัญญาณสื่อสาร มอบโอกาสในการเข้าถึงพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข

“ที่ที่เราไปถนนก็ไม่มี สายไฟไม่มี และเพราะเป็นพื้นที่ห่างไกลมีคนไม่หนาแน่น อาจไม่คุ้มกับการลงทุนของรัฐ ทำให้ระบบสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ ซึ่งเมื่อก่อนเราทำได้แค่ให้พลังงาน ทำให้ไม่มีการต่อยอด ไม่มีแวร์ลูแอดไป เราจึงร่วมกับเอไอเอสเพื่อต่อยอด” ธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปักเป้า 60 พื้นที่ใน 3-5 ปี

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS เล่าเสริมว่า สำหรับการร่วมมือกับ GULF จะเป็นโครงการระยะยาว โดยภายในปีนี้คาดว่าจะดำเนินโครงการ Green Energy Green Network for THAIs เพิ่มอีกประมาณ 5-6 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ในการคัดเลือกพื้นที่ที่ไฟฟ้าหรือสัญญาณยังเข้าไม่ถึง และภายใน 3-5 ปี คาดว่าจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ประมาณ 30 แห่ง 

โดยหลังจากติดตั้งเสาสัญญาณ ทาง AIS จะมีการประเมินงาน 3 ระยะ เกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมโดย สมชัย ย้ำว่า โครงการดังกล่าวเป็น โครงการระยะยาว และ AIS ต้องการให้ชุมชนใช้เทคโนโลยีสร้างโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ และต่อยอดการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งบริการด้านสาธารณสุข การศึกษา การพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และการตลาด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างประโยชน์ทั้งชุมชน เศรษฐกิจ และยังเป็นการดูแลรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

“ตลอด 34 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน จนปัจจุบันสัญญาณโมบายครอบคลุม 98% และ 5G ครอบคลุม 90% ของพื้นที่ประเทศไทย ส่วนอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ครอบคลุม 13 ล้านครัวเรือนจากทั้งหมด 20 ครัวเรือน แต่เป้าหมายของ AIS ไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่ต้องยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น”

มีพื้นที่อีกนับพันที่ยังเข้าไม่ถึงระบบสาธารณูปโภค 

ชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สวพส. ดูแลพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลปากลาง 500 เมตร ซึ่งในประเทศไทยมีพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20 ล้านไร่ กระจายใน 20 จังหวัด รวมแล้วกว่า 4,000 ชุมชน ซึ่งปัจจุบัน สวพส. สามารถเข้าถึงได้ประมาณ 2,000 ชุมชน และคาดว่ามีประมาณ 1,000 ชุมชนที่ยังไม่มีไฟฟ้าหรือคลื่นสัญญาณดิจิทัลเข้าถึง โดย สวพส. จะทำหน้าที่ให้ข้อมูลและจัดลำดับความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ

“AIS ยังเชื่อมั่นใน Ecosystem Economy หรือการทำงานร่วมกัน ทั้ง GULF และ AIS เข้าไปช่วยก็ทำให้มันดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่าเทียม ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องช่วยเหลือ ดังนั้น ก็หวังว่าจะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมมือกันช่วยเหลืออีก” สมชัย ทิ้งท้าย

]]>
1477189
เจาะกลยุทธ์การดัน ‘eSports’ ของ ‘AIS’ ที่ได้ทั้งใจ ‘วัยรุ่น’ และโอกาสสร้างรายได้จากบทบาท ‘Promoter’ https://positioningmag.com/1457078 Mon, 25 Dec 2023 12:26:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1457078 ตลาด เกม และ อีสปอร์ต ถือเป็นตลาดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากเข้ามา เพราะไม่ใช่แค่เม็ดเงินมหาศาล แต่ New Gen ก็ถือเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมากับเกม ดังนั้น อีสปอร์ตก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้แบรนด์ยังอยู่ในสายตาของคนรุ่นใหม่ ซึ่ง เอไอเอส ก็เห็นถึงความสำคัญข้อนี้ดี

เริ่มเข้าสู่อีสปอร์ตตั้งแต่ 2019

การเล่นเกมในปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกหาก เอไอเอส จะโดดเข้ามาในอีโคซิสเต็มส์นี้ตั้งแต่ปี 2019 ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน Thailand Game Expo การสร้าง Facebook AIS eSports ไว้สำหรับเป็นช่องทางพูดคุยกับเหล่าแฟนเกม จนมาปี 2020 เอไอเอสได้เปิดตัว AIS eSports STUDIO ที่สามย่านมิตรทาวน์ และเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันต่าง ๆ จากนั้นก็ได้ขยับไป จัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขันเป็นของตัวเอง

“เอไอเอสมี 4 ยุทธศาสตร์หลักในด้านอีสปอร์ต คือ Connect โดยมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ, Complete คือมีเวทีแข่งขันอีสปอร์ต, Co-Educate เป็นแหล่งให้ได้มาเรียนรู้ และ Share เผยแพร่กีฬาอีสปอร์ตให้คนได้รับรู้ในวงกว้าง” รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าว

เปิด AIS eSports STUDIO สาขาใหม่ใจกลางสยาม

หลังจากที่ AIS eSports STUDIO ที่สามย่านมิตรทาวน์ จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉลี่ยจะมีทราฟฟิกประมาณ 200 คน/วัน ปัจจุบันมี Members แล้วกว่า 2 หมื่นราย โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็น First Jobber และนักศึกษาเป็นหลัก ล่าสุด เอไอเอสก็เปิด AIS eSports STUDIO แห่งที่สอง ที่สยามสแควร์ ซอย 7

โดยเอไอเอสมองว่าพื้นที่ย่านสยามแคร์ จะช่วยให้เอไอเอสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็น กลุ่มวัยรุ่น นักเรียน และนักศึกษา โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้วันละกว่า 100 คน โดยมอง่าช่วงที่พีคจะเป็นแต่ละช่วง เช่น ช่วงบ่ายที่น้อง ๆ นักเรียนเลิกเรียน, ช่วงเย็นเป็นกลุ่มคนทำงาน ส่วนนักศึกษาจะมาช่วงค่ำ และตอนเช้าก่อนเรียน

อีสปอร์ตช่วยให้เอไอเอสเด็กลง

จะเห็นว่าเป้าหมายการเข้าถึงของเอไอเอสจะเด็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งนับตั้งแต่เอไอเอได้เข้ามาในอีสปอร์ต รุ่งทิพย์ ยอมรับว่า ช่วยให้แบรนด์ ดูเด็กลง และกลายเป็น เพื่อน กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบัน ยอดผู้ติดตามในเพจ AIS eSports ก็มีกว่า 2.8 แสน Followers

นอกจากนี้ การเปิด AIS eSports STUDIO ยังไม่ได้แค่ช่วยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นพื้นที่ โชว์ศักยภาพ ของเอไอเอส อย่างที่สาขาสามย่านมิตรทาวน์ก็เป็นที่เปิดตัวความเร็วอินเทอร์เน็ต 1000/1000 Mbps จนทำให้ผู้ใช้งานบางคนใช้งานเพื่อน กดบัตรคอนเสิร์ต และสำหรับสาขาสยาม เอไอเอสก็เปิดตัวความเร็วอินเทอร์เน็ต 5000/5000 Mbps และจะรองรับเทคโนโลยี WiFi 7 ในอนาคตอีกด้วย

ดังนั้น จะเห็นว่าการมาของของ AIS eSports STUDIO สามารถใช้ทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์, สร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกดีกับแบรนด์ในกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของเอไอเอสในอนาคตได้ ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้งานครึ่งหนึ่งของ AIS eSports STUDIO ไม่ใช่ลูกค้าเอไอเอส ดังนั้น ก็มีโอกาสที่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอาจเปลี่ยนใจเมื่อได้สัมผัสกับ AIS eSports STUDIO

“ตอนนี้ลูกค้าที่ AIS eSports STUDIO ครึ่งหนึ่งไม่ใช่ลูกค้าเอไอเอส ซึ่งเราไม่ได้ปิดกั้นอยู่แล้ว เราเปิดให้ทุกค่ายได้มาใช้งาน”

จากเทลโคสู่ผู้จัดอีสปอร์ต

นับตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบันที่เริ่มจากการเป็นแบรนด์สปอนเซอร์ ซึ่งปัจจุบันเอไอเอสมองว่าตัวเองมาถึงสเต็ป 3  ก็คือการ ผันตัวจากเทเลคอมมาเป็นผู้รับจ้างจัดการแข่งขันอีสปอร์ต เนื่องจากมองว่าตอนนี้มีความพร้อมทั้งอีโคซิสเต็มส์และคอมมูนิตี้ ดังนั้น ส่วนนี้ก็จะเป็นรายได้ใหม่ ๆ จากฝั่งเกมของเอไอเอส นอกเหนือจากการที่ลูกค้าเข้ามาเติมเกม ซื้อเกมผ่านช่องทาง Google Store Apple Store และ Huawei Store ซึ่งที่ผ่านมาทั้งจำนวนผู้เล่นเกมและการใช้ดาต้าเพื่อเล่นเกมมีการเติบโตประมาณ 7-8% และเกมถือเป็นรายได้มากกว่าครึ่งของกลุ่มเอนเตอร์เทนต์เมนต์ (บริการสมัครสตรีมมิ่ง)

“รายได้จากเกมหลัก ๆ เรามาจากการเติมเกม ซื้อเกม และเราก็มีการออก Seed ซิม รวมถึงแพ็กเกจสำหรับเล่นเกม ส่วน AIS eSports STUDIO ไม่ได้ทำรายได้เยอะขนาดนั้น แค่พอเลี้ยงตัวเองได้ เพราะเราไม่ได้มองว่าจะมาเป็นแค่ส่วนเสริมให้การกลยุทธ์ด้านอีสปอร์ตของเอไอเอสแข็งแรงยิ่งขึ้น”

ในปีหน้า เอไอเอสจะการแข่งขันต่อเนื่อง แม้ปริมาณการจัดจะไม่เยอะเท่าปีก่อน ๆ แต่จะจัดใหญ่ขึ้น และให้นักกีฬาหรือผู้ชนะสามารถไปต่อในระดับต่างประเทศได้ ซึ่งปัจจุบันไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญ โดยค่ายเกมมองไทยเป็นหมุดหมายประเทศแรก ๆ

“ความยากของกีฬาอีสปอร์ตคือ หาสปอนเซอร์ เพราะในอุตสาหกรรมนี้คนที่ได้เงินเยอะคือสตรีมเมอร์ เนื่องจากเขามีแฟนคลับ เป็นเหมือนดารา ส่วนค่ายเกมที่อยู่รอดก็จะเป็นเกมรายใหญ่ ๆ ซึ่งจุดอ่อนของไทยตอนนี้คือ เราเป็นผู้บริโภคไม่ใช่ผู้ผลิต” รุ่งทิพย์ ทิ้งท้าย

]]>
1457078
กางแผน ‘MONO’ หลัง AIS เข้าซื้อ 3BB และการดันรายได้ MONOMAX แซงช่อง MONO 29 https://positioningmag.com/1452160 Thu, 16 Nov 2023 10:56:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452160 อย่างที่หลายคนรู้ก็คือ เอไอเอส (AIS) ได้เข้าซื้อกิจการของ 3BB และนอกจากสมาชิกของ 3BB แล้ว อีกสิ่งที่พ่วงตามไปด้วยก็คือ คอนเทนต์จาก MONOMAX ที่ร่วมกันทำ 3BB GIGATV ดังนั้น ในวันที่ 3BB เปลี่ยนเจ้าของ และธุรกิจทีวีดิจิทัลที่เป็นขาลง บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

มั่นใจเอไอเอสช่วยดันลูกค้าเพิ่ม 20%

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นความร่วมมือของ MONOMAX กับ 3BB จนเกิดเป็น 3BB GIGATV ว่า 3BB อยากได้อาปู้ (ARPU) Average Revenue Per User หรือ รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคนเพิ่ม เลยได้ MONOMAX เข้ามาพ่วงเพื่อหารายได้ร่วมกัน

ซึ่งจุดแข็งของ 3BB นั้นคือ ต่างจังหวัด โดยคิดเป็นถึง 70% ของลูกค้า ซึ่งคอนเทนต์ของ MONOMAX ตรงใจกับคนต่างจังหวัด เพราะเป็น พากย์ไทย 100% ไม่เหมือนคนเมืองหรือวัยรุ่นที่อ่านซับฯ ได้

“กลายเป็นว่า HBO ไม่ใช่คอนเทนต์นำอย่างที่ 3BB คิด แต่เป็น MONOMAX”

ปฐมพงศ์ เชื่อว่า การที่ 3BB กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอไอเอส จะช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ประมาณ 20% เพราะในปีหน้าบริการ MONOMAX จะบัลเดิลไปกับกล่อง AIS Play จากเดิมที่เริ่มทดลองให้บริการการร่วมกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ปัจจุบัน MONOMAX มีสมาชิกประมาณ 8.6 แสนราย

“ตอนที่เราอยู่กับ 3BB เราไม่เคยทำงานร่วมกับเอไอเอสเลย เพราะเขาถือว่าเราเป็นพันธมิตรกับคู่แข่ง” ปฐมพงศ์ กล่าว

ทีวีกลับมาไม่ได้แล้ว

ในยุคนี้ธุรกิจทีวีมีแต่จะถดถอยลง เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ดูทีวีน้อยลง โดยมีการประเมินว่า การรับชมทั่วโลกจะลดลง 10% ทุกปี ขณะที่รายได้จาก โฆษณาลดลง 4-12% ทุกปี ในส่วนช่อง MONO 29 ยอดรับชมลดลงใกล้เคียงกันที่ 10% ทุกปี และนับตั้งแต่ปี 2023 คาดว่ารายได้โฆษณาลดลง 15-20% หรือเฉลี่ยลดลง 4% ต่อปี

กลับกัน การเติบโตของบริการสตรีมมิ่งยังสูงขึ้น โดยจากการประเมินของ กสทช. พบว่ามูลค่าตลาด OTT ในปี 2022 อยู่ที่ 14,600 ล้านบาท มีผู้ใช้บริการกว่า 22 ล้านครัวเรือน ที่ใช้บริการ เติบโต 26.15% และปีนี้คาดว่าจำนวนครัวเรือนจะเติบโต 36.19% ส่วนมูลค่าตลาดคาดว่าจะเติบโต 20% และภายในปี 2024-2025 จะเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี ขณะที่การสมัครบริการ OTT แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 4-5 แอปต่อครัวเรือน ส่วนการสมัครแบบเสียค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2-4 แอปต่อครัวเรือน

รายได้ MONO MAX จะแซง MONO 29 ในปีหน้า

ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้รวม 1,387 ล้านบาท แบ่งเป็นทีวีดิจิทัล 795 ล้านบาท ตามด้วยแพลตฟอร์ม MONOMAX มีรายได้ 400 ล้านบาท และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ปฐมพงศ์ คาดว่า MONOMAX จะทำรายได้แซงหน้า MONO 29 ภายในไตรมาส 2 ปี 2024 โดยจุดแข็งของ MONOMAX คือ พากย์ไทย 100% และ คอนเทนต์จีน นอกจากนี้มีคอนเทนต์จาก อินเดีย บ้าง ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ็คชั่น

“ทีวีมาชัวร์แล้ว คนอาจไม่ดูมากไปกว่านี้ แต่สตรีมมิ่งยังโตได้อีก ทีวีต้องลงทุนเยอะ ซับซ้อน แต่สตรีมมิ่งซับซ้อนน้อยกว่า โอกาสทำกำไรมากกว่า ซึ่งพฤติกกรรมผู้บริโภคต่างจาก 8 ปีก่อนที่เราพึ่งเริ่ม ตอนนั้นเขาจ่ายเงินยากมาก ตอนนี้เขายอมจ่าย แต่ตอนนี้ผู้เล่นมีหลายราย เราจะดึงเงินให้เขามาจ่ายอย่างไรคือความท้าทาย”

อัดงบคอนเทนต์ 1,200 ล้านบาท

การจะดันรายได้ของ MONOMAX และรักษารายได้ MONO 29 ก็คือ คอนเทนต์ โดยวางงบไว้ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน คือ

  • ผลิตออริจินอลคอนเทนต์ (ปีละ 8-12 เรื่อง)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONO29 (ภาพยนตร์ฮอลลีวูด 5-8 เรื่อง/เดือน)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONOMAX (ปัจจุบันมี 3,000 เรื่อง)

โดยในส่วนของ MONO29 ช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง (6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม) จะยังฉายภาพยนตร์ฮอลลีวูด และปีหน้าจะโฟกัสที่รายการข่าวและวาไรตี้มากขึ้น นอกจากนี้ หลังจากที่ทดลองนำซีรีส์จีนที่ลงในแพลตฟอร์ม MONOMAX มาฉายในช่วงกลางวันก็ได้รับการตอบรับที่ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้งานใน MONOMAX อีกทางด้วย

สำหรับจำนวนสมาชิก MONOMAX ปีหน้า ปฐมพงศ์ คาดว่าจะทะลุ 1 ล้านราย และเพิ่มเป็น 2-2.85 ล้านรายภายในปี 2025

]]>
1452160
สรุปเวทีสัมมนา “AIS Greenovation The Road Towards Digital World” ที่ยิ่งตอกย้ำว่าปัญหา ‘สิ่งแวดล้อม’ ต้องเร่งช่วยกันแก้ https://positioningmag.com/1451302 Fri, 10 Nov 2023 01:43:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451302

หนึ่งในพาย 3 ชิ้นที่ เอไอเอส (AIS) ยึดเป็นแนวทางในการทำงานก็คือ ความยั่งยืน ทั้งในมิติของสังคม เศรษฐกิจ รวมถึง สิ่งแวดล้อม ที่เอไอเอสให้ความสำคัญมาโดยตลอด ล่าสุดเอไอเอสเปิดเวทีสัมมนา AIS Greenovation The Road Towards Digital World เชื่อมต่อนวัตกรรมสู่การเติบโตในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน” ชวนพาร์ทเนอร์และ Stake Holder มาถกประเด็นถึงด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางการทำงานเพื่อร่วมกันลด และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน


ไทยสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6 แสนล้านบาทจากโลกร้อน

ภคมน สุภาพพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ได้มาเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม พื้นที่กรุงเทพฯ มีอุณหภูมิทะลุเกิน 40 องศา ที่ 42-44 องศาเลยทีเดียว ส่วนในยุโรปเองอุณหภูมิก็สูงขึ้น 5 องศาต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการเปลี่ยนเเปลงทางสภาพภูมิอากาศถึง 6 ราย และการที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3-5 องศา ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 7 เมตร เลยทีเดียว

โดยนับตั้งแต่ปี 2011 ประเทศไทยได้สูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 6 แสนล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น เป็น 2.89 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่างบของประเทศทั้งหมดกว่า 3 ล้านล้านบาท


มี E-Waste ในไทยเพียง 10% ที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้อง

เอื้อง สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS เล่าถึงสาเหตุที่เอไอเอสริเริ่มโครงการ คนไทยไร้ E-Waste ว่า ในช่วง 6 ปีหลังมานี้ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) มีส่วนทำให้ก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้นกว่า 53% โดยขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกเผาทำลายคิดเป็นมูลค่าถึง 57,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมีมูลค่าเพียง 10,000 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น ขณะที่ประเทศไทย มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องเพียง 10% เท่านั้น

จากการคาดการณ์ของ GSMA พบว่า ปัจจุบันประชากรทั่วโลกถือครองโทรศัพท์ราว 5.4 พันล้านเครื่อง และภายในปี 2030 จะเพิ่มเป็น 9 พันล้านเครื่อง หรือเกือบเท่าตัว หรือเฉลี่ยแล้วแต่ละคนมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 8 กิโลกรัม และปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นเป็น 110 เมตริกตัน ภายในปี 2050

โดยจากการสำรวจพบว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้วไว้กับตัว หรือทิ้งแบบผิด ๆ ได้แก่

  • ไม่รู้จะทิ้งที่ไหน (83%)
  • ไม่รู้ว่ารีไซเคิลได้ (60%)
  • กลัวข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล (52%)

ดังนั้น ในแกน ลดและรีไซเคิลของเสีย จากการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมให้คนไทยร่วมกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เอไอเอสและพาร์ทเนอร์กว่า 190 องค์กรทั่วประเทศ ร่วมกับเป็น Hub of E-Waste ที่จะเป็นพื้นที่สร้างการตระหนักรู้ สร้างจุดดร็อปพ็อยต์รับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ สร้างกระบวนการคัดแยก จัดส่ง และนำไปรีไซเคิลโดยปราศจากการฝังกลบ รวมถึงการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามายกระดับการจัดการโดยแอปฯ E-Waste Plus ที่ช่วยให้ติดตามเส้นทางการกำจัดและคำนวนคาร์บอนสกอร์ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นคาร์บอนเครดิตได้ในอนาคต และลูกค้าเอไอเอสจะได้รับพ็อยต์เมื่อทิ้ง E-Waste กับเอไอเอส

“ยิ่งโลกเข้าสู่โลกดิจิทัลแค่ไหน อุปกรณ์ก็ยิ่งเพิ่มเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เอไอเอสตระหนักและทำให้เกิดเป็นวาระที่ต้องพูดคุยว่าจะทำอย่างไรกับมัน และเราไม่เหนื่อยที่จะสร้างอแวร์เนสหรือเอดดูเขตผู้คน เราพร้อมที่จะร่วมกับทุกหน่วยงาน เราพร้อมมาก” สายชล ย้ำ


ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจเสียหาย ตัวมนุษย์เองยิ่งเสีย

สมปรารถนา นาวงษ์ ผู้ก่อตั้ง “เพจอีจัน” กล่าวต่อว่า การกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่ถูกวิธีส่งผลเสียมากกว่าการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจหรือทรัพยากรในการนำไปรีไซเคิล แต่ขยะอิเล็กทรอนิกส์หากนำไปเผาทำลายหรือทำลายไม่ถูกวิธีจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและร่างกาย เนื่องจากขยะอิเล็กทรอนิกส์มีทั้งตะกั่ว, ปรอท และสารพิษอื่น ๆ ซึ่งมันก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย หรือถ้าไปอยู่ในดินหรือแหล่งน้ำ มันก็จะกลับมาสู่ห่วงโซ่ระบบนิเวศและมาสู่ร่างกายคนเราในที่สุด

“คนไทยหลายคนเลือกขายให้กับซาเล้ง เขาก็ไปชำแหละหาของที่นำไปขายได้ อะไรขายไม่ได้เขาก็เผาทิ้ง ซึ่งก็ไปทำลายชั้นบรรยากาศ ตัวเขาเองก็สูดดมควันพิษ มีการสุ่มเจาะเลือดแรงงานหลายคนพบว่ามีสารตะกั่วปนในเลือด บางรายเกินมาตรฐาน หรือในดินที่มีการเผาหรือฝังขยะอิเล็กทรอนิกส์มีสารตะกั่วเกินมาตรฐาน 20 เท่า สารหนู 5 เท่า” สมปรารถนา กล่าว


เดินหน้าสร้างเน็ตเวิร์กสีเขียว

ไม่ใช่แค่แกนลดและรีไซเคิลของเสีย แต่เอไอเอสก็มีแผน ลดผลกระทบผ่านการบริหารจัดการกระบวนการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ โดย วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไปแล้วถึง 131,752 ตัน หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้รวม 17 ล้านต้น

โดยหนึ่งในกิจกรรมที่เอไอสทำคือ เปลี่ยนสถานีฐานมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 8,884 สถานี โดยสามารถ ลดการปล่อยคาร์บอนได้ 39,832 ตัน โดยเอไอเอสมีแผนเปลี่ยนสถานีฐานมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพิ่มขึ้น 4,000 สถานี  รวมถึงมีแผนการนำ AI มาใช้จัดการเครือข่ายอัตโนมัติ Autonomous Network  โดยตั้งเป้าพัฒนาเครือข่าย  Autonomous Network ไปสู่มาตรฐาน L3 (Level 3) ในปีนี้และ L5 ในปี 2025

“หากนับเฉพาะอุตสาหกรรมโทรคมคอนซูเมอร์ มีการใช้พลังงาน 0.4% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมทั่วโลก อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 50% รวมถึงเอไอเอสก็มีความพยายามลดใช้พลังงาน สร้างกรีนเน็ตเวิร์ก และต้องการไป  Net Zero” วสิษฐ์ ทิ้งท้าย

 

 

]]>
1451302
‘AIS’ ชี้ตลาดโทรคมนาคมยังคงแข่งขัน! เชื่อคลื่น 700 MHz จาก ‘NT’ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณขึ้น 30% https://positioningmag.com/1450806 Mon, 06 Nov 2023 13:38:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1450806 หลังจากที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ออกมายืนยันว่า ไม่เคยมีการ ฮั้วราคา กับ เอไอเอส ตามที่มีประเด็นในโลกโซเชียลฯ หลังจากที่หลายคนบ่นว่าคุณภาพสัญญาณมีปัญหา และปรับราคาแพ็กเกจใหม่ โดยล่าสุด ทางเอไอเอสก็ออกมายืนยันอีกเสียงว่า การแข่งขันยังมี เพราะเอไอเอสก็ไม่ยอม

การแข่งขันยังมี แต่ราคากลับสู่ภาวะปกติ

จากประเด็นในโลกโซเชียลฯ ว่าหลังจากที่ตลาดโทรคมนาคมเหลือผู้เล่นหลัก 2 ราย ทำให้ราคาค่าบริการสูงขึ้นสวนทางกับคุณภาพหรือไม่ ทาง สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS อธิบายว่า หากเทียบคุณภาพกับราคา ตลาดไทยถือว่า ถูกกว่าหลายประเทศ เพียงแต่ในช่วง 2-3 ปีก่อนมีการแข่งขัน ผิดปกติ เพราะมีการแข่งขันเพื่อขยับจากเบอร์ 3 ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ซึ่งผู้บริโภคอาจจะเคยชิน แต่ปัจจุบันตลาดกลับไปสู่ ราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ ตลาดไทยมี กสทช. ควบคุมราคาอยู่แล้ว ซึ่งราคาในปัจจุบันยังถือว่า ต่ำกว่าที่ กสทช. กำหนด

“การแข่งขันยังมีเพราะเราก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ตอนนี้สงครามราคาก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ตอนนี้มันถูกปรับมาสู่ภาวะการตลาด เพราะเรามีการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท ตอนนี้ต้นทุนเรื่องค่าไฟต่าง ๆ ก็สูงขึ้น” สมชัย อธิบาย

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS

คลื่น 700 MHz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 30%

ในส่วนของเรื่องคุณภาพ Network สมชัยก็ย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับที่เหลือผู้เล่น 2 ราย แต่เป็นหน้าที่ของเอไอเอสที่จะทำให้ดีขึ้น โดยนอกจากการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาทแล้ว ล่าสุด เอไอเอสได้ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT นำคลื่น 700 MHz จำนวน จำนวน 5 MHz มาเสริมทำให้เอไอเอสมีคลื่น 700 MHz รวม 20 MHz ก็จะยิ่งทำให้เน็ตเวิร์กกว้างขึ้น ทะลุทะลวงมากขึ้น

“การที่ได้คลื่น 700 MHz มาอีก 5 MHz จะช่วยให้สัญญาณเราดีขึ้น 30%” สมชัย ย้ำ

นอกจากนี้ เอไอเอสเปิดตัวบริการ 5G Living Network ที่เป็นบริการ Network on Demand ให้ผู้ใช้สามารถเลือกความเร็ว เลือกเวลา และเลือกสถานที่ที่จะอัปสปีดความเร็วของสัญญาณได้ ซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่มเติม และใช้ได้ 3 ชั่วโมง โดยจะเปิดให้ใช้บริการในช่วงต้นเดือนหน้า

ย้ำ 3BB ไม่ผูกขาด

ในส่วนของดีลระหว่างเอไอเอสกับ 3BB ที่ยังไม่จบนั้น สมชัย เชื่อว่า ไม่ผูกขาด เพราะในตลาด อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ยังมีผู้เล่นรายใหญ่อีกหลายราย อาทิ ทรู และ ToT อีกทั้งธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ยัง ไม่ต้องมีคลื่นความถี่ ดังนั้น สามารถมีผู้เล่นใหม่เข้ามาได้ตลอด ซึ่งปัจจุบันตลาดก็มีผู้เล่นรายย่อยหลายร้อยราย

ทั้งนี้ เอไอเอสเชื่อว่าหากควบรวมกับ 3BB สำเร็จจะทำให้บริการครอบคลุมกว่า 13 ล้านครัวเรือน ล่าสุด เอไอเอสได้เปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด WiFi 7 รายแรกในไทย โดยร่วมกับ TP-Link ที่มาพร้อมเราเตอร์มาตรฐาน WiFi 7 ในการรองรับดีไวซ์ Device ให้เชื่อมต่อได้ ลดปัญหาเกี่ยวกับช่องสัญญาณที่แออัด ทำให้ใช้งานได้ไหลลื่น รองรับการ สตรีมแบบวิดีโอแบบ 8K การใช้งาน VR ที่ตอบโจทย์ทุกคนในบ้านได้อย่างครบถ้วน

ยังยึดหลัก “พาย 3 ชิ้น”

สำหรับทิศทางของเอไอเอสยังคงอยู่บนเส้นทางการเป็น องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co พร้อมยึดหลัก พาย 3 ชิ้น หรือ ECOSYSTEM ECONOMY โดยเอไอเอสยังคง 1. ลงทุนในอินฟราสตรักเจอร์พร้อมพัฒนาสู่โครงข่ายเน็ตเวิร์คอัจฉริยะ โดยจะมีบริการใหม่ ๆ เช่น 5G Living Network, WiFi 7, Enterprise Platform – CPaaS (Communication Platform as a Service) และ AIS Paragon ที่เชื่อมต่อเครือข่าย 5G, Fibre, Edge Computing, Cloud, และ Software Application

2. Cross Industry Collaboration เพราะเอไอเอสไม่อยากโตคนเดียว ดังนั้น ด้วยฐานลูกค้ากว่า 44 ล้านเลขหมาย จะช่วยให้พาร์ตเนอร์สามารถเติบโตไปพร้อมกับเอไอเอส อาทิ ความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เชื่อมโยงร้านค้าถุงเงินรวมกว่า 1.8 ล้านร้านค้า และจับมือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าพาร์ตเนอร์ทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง ให้นำ AIS Point ใช้แทนเงินสด ล่าสุด สามารถนำ Point ของพันธมิตรเอไอเอสมาเปลี่ยนเป็น AIS Point ได้ด้วย

ในส่วนขององค์กร ได้ร่วมกับ ZTE เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการ Cloud PC for Enterprise ให้องค์กรใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านคลาวด์ในรูปแบบ Desktop as a Service (DaaS) และถือเป็น ครั้งแรกในอาเซียน ที่พร้อมให้บริการ Microsoft Teams Phone ให้องค์กรและพนักงานสามารถโทรออกไปยังเบอร์ภายนอกและรับสายได้ผ่าน Microsoft Teams รวมไปถึงการนำสุดยอดนวัตกรรม genAI ช่วยยกระดับการทำงานของ Microsoft 365 Copilot for Enterprise

สุดท้าย 3. ความยั่งยืน เพราะองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการดูแล เศรษฐกิจ ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กัน ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ทำหลักสูตร AIS อุ่นใจ CYBER ตั้งแต่ปี 2009 ในด้านสิ่งแวดล้อมก็มุ่งสร้าง Green Network ผ่านการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรม อาทิ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้, การเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และการรณรงค์แยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste

“เราไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนเลย เรายังยึดมั่นในพาย 3 ชิ้น เราอยากทำ ECOSYSTEM ECONOMY หรือเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน เพราะเราเชื่อว่าพาย 3 ชิ้นนี้จะนำไปสู่ Sustainable Nation เพื่ออนาคตไทยอย่างยั่งยืน” สมชัย ทิ้งท้าย

]]>
1450806