AKA – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Mar 2023 12:47:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะกลยุทธ์ ‘เซ็น กรุ๊ป’ เมื่อการทำ “ธุรกิจร้านอาหาร” ในยุคหลังโควิด “ทำเล” ไม่สำคัญเท่า “การสื่อสาร” https://positioningmag.com/1422402 Wed, 08 Mar 2023 11:05:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422402 อย่างที่หลายคนรู้กันว่า ธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในช่วงที่โควิดระบาด แต่มาปี 2022 หลายร้านก็เริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ เช่นเดียวกันกับ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังที่คนไทยคุ้นเคยกันดีก็สามารถทำสถิติ เติบโตสูงสุดในรอบ 32 ปี และปีนี้ บริษัทก็ตั้งเป้าจะทำ New High ให้ได้อีกครั้ง

รู้จัก 5 เสาหลักเซ็น กรุ๊ป

ในปีที่ผ่านมา เซ็น กรุ๊ป มีรายได้ 3,413 ล้านบาท เติบโตกว่า 51% มีกำไร 154 ล้านบาท จากที่ปี 2564 ขาดทุน 92 ล้านบาท โดยปัจจุบัน เซ็น กรุ๊ป มีรายได้จาก 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ครอบคลุมธุรกิจร้านอาหารตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ได้แก่

  • ธุรกิจร้านอาหาร (74%)
  • ธุรกิจแฟรนไชส์ (7%)
  • ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ (6%)
  • ธุรกิจอาหารค้าปลีก (13%)
  • การลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งร่วมทุน (JV) หรือทำ M&A

เมืองรองน่านน้ำใหม่กำไรดี

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ระบุว่า เซ็น กรุ๊ป ต้องการพาแบรนด์ดาวเด่นอย่าง Zen ที่มีรายได้อันดับ 1 และ อากะ (Aka) รายได้อันดับ 2 ไปหาน่านน้ำใหม่ใน จังหวัดเธียร์ 2-3 ไม่ว่าจะเป็นในไฮเปอร์มาร์เก็ต, ห้างฯ ท้องถิ่น รวมถึงพื้นที่นอกห้างฯ

“ที่ผ่านมาเราเน้นขยายสาขาแต่ในห้างเธียร์ 1 ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันน่าจะครบแล้ว เราเลยหาน่านน้ำใหม่ โดย Zen จะขยายไปที่ห้างฯ เธียร์ 2 ส่วน Aka จะเน้นไปที่ห้างเธียร์ 2-3 โดยเฉพาะในเมืองรอง”

บุญยง อธิบายว่า การขยายไปที่จังหวัดรองทำให้ ต้นทุนลดลงมีกำไรมากขึ้น เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ถูกกว่าครึ่ง การแข่งขันน้อยกว่า และลูกค้าสามารถ มาร้านได้บ่อยกว่า เพราะคนสะดวกเวลาไหนก็มาได้ไม่เหมือนในเมืองใหญ่ที่การจราจรติดขัด ซึ่งการเปิดร้านในกลุ่มเธียร์ 3 มองว่ายัง สามารถเปิดได้อีกในช่วง 5 ปี ในหลักร้อยสาขา

“เราเห็นห้างฯ เธียร์ 3 จะมีร้านอาหารไม่เยอะและเน้นร้านอาหารจานด่วน ดังนั้น เราจะเจอการแข่งขันที่ไม่เยอะ และจากที่เป็นแบรนด์ Mass ในกรุงเทพฯ แต่อยู่ในต่างจังหวัดเราเป็น Premium Mass ซึ่งจ่ายเพิ่มอีกนิดเขาได้ของที่ดียกระดับขึ้น ซึ่งตอนนี้กำลังซื้อของคนต่างจังหวัดยิ่งฟื้นเพราะท่องเที่ยว ทำให้เราสบายใจขึ้น เราเลยมองว่าการเติบโตจะสูงกว่าในเมือง

ทำเลไม่สำคัญเท่าการสื่อสาร

สำหรับแผนการตลาดของกลุ่มจะเน้นทั้ง มุมกว้าง (เน้นหัวเมือง-ต่างจังหวัด) และ มุมลึก เน้นเข้าหา ผู้บริโภคที่เด็กขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Insightful Marketing ที่เกิดจากการใช้ Insight ผู้บริโภค ประกอบด้วย

  • Insightful Product : การออกแบบเมนูหรือเซตอาหารใหม่ ๆ เช่น Zen ที่สามารถให้ลูกค้า Mix 2 เมนูใน 1 เซต เพื่อจับกลุ่มคนทำงาน หรือ เขียง ที่ออกเมนู กะเพราสองรัก เนื่องจากพบว่าผู้บริโภคต้องการทานหลายเมนูแต่มีงบจำกัด
  • Insightful Promotion : การออกโปรโมชันที่โดนใจกลุ่มลูกค้า เช่น Aka ที่ต้องการขยายฐานไปยังกลุ่มวัยรุ่น จึงออกแคมเปญ “ป่ะ ทาน นักเรียน” มอบส่วนลดสำหรับนักเรียนหลังเลิกเรียน หรือ ตำมั่ว ออกโปรโมชัน “เบิ้ลเครื่อง” เพราะอินไซต์พบว่าลูกค้ามักจะขอเพิ่มส่วนผสมพิเศษอื่น ๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ
  • Insightful Communications : เพราะการสร้าง Awareness แบบทั่วไปไม่เพียงพอ เนื่องจากต้องแข่งกับ Content ที่หลากหลายในมือของผู้บริโภค ดังนั้น ต้องเรียกให้ผู้บริโภคหันมามองแบรนด์แบบเข้าอกเข้าใจตัวเขา ที่ผ่านมา Zen ได้ออกแคมเปญ “Dear Boss” ที่ชวนบอสทั่วไทยเปิดโอกาสให้ลูกน้องในออฟฟิศ ออกไปทานมื้อเที่ยงแบบมีคุณภาพที่ Zen ส่วนแบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล ก็วางแผนขยายผลต่อหลังจากเปิดตัว โต๊ะจัง พยายามปรับภาพทำไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งและคุยกับลูกค้ามากขึ้น ให้รู้สึกว่าเป็นมากกว่าร้านอาหาร

บุญยง ย้ำว่า กลยุทธ์ในการทำธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน ทำเล (Location) ไม่สำคัญเท่ากับ การสื่อสาร (Communication) ซึ่งมีพลังในการดึงคนมากกว่า เพราะสามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการสื่อสารไม่ได้ใช้หน้าร้านเหมือนในอดีต ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า แบรนด์ในเครือมีความแข็งแรงมากพอ ทั้งนี้ บริษัทได้วางงบตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท

“ตอนนี้ความสำคัญของทำเลมันลดลง บางร้านอยู่ในซอกในซอยคนยังตามไปกินได้”

โฟกัสที่แบรนด์ในมือ ยังไม่คิดเพิ่มแบรนด์ใหม่

ปัจจุบัน เซ็น กรุ๊ป มีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ รวมกว่า 345 สาขา โดยในปี 2565 ขยายไป 45 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ และในปี 2565 วางเป้าขยายสาขาทั้งหมด 90 สาขา แบ่งเป็นลงทุนเองประมาณ 40 สาขา และอีก 50 สาขาเป็นแฟรนไชส์ คาดว่าใช้งบลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท

ทั้งนี้ การขายแฟรนไชส์จะเน้นที่แบรนด์ร้านอาหารไทย ส่วนร้าน Zen และ Aka จะยังลงทุนเองเป็นหลัก 90% เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ปัจจุบัน Zen มีทั้งหมด 47 สาขา มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท ส่วน Aka ทำรายได้ประมาณ 900 ล้านบาท มี 42 สาขา โดยในปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ 1,500 ล้านบาท โดยจะขยายสาขาอีก 40 สาขา และในปีหน้ามั่นใจว่า Aka จะมีรายได้แซง Zen ขึ้นเป็นอันดับ 1 แบรนด์ในเครือ

สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ บุญยง ระบุว่า ยังไม่มี เพราะยังมีความสุขกับการขยายแบรนด์ในมือ ดังนั้น จะเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแรงให้แบรนด์ในมือ เช่น เพิ่มรูปแบบใหม่ ๆ อย่าง Zen Box หรือ ออน เดอะ เทเบิ้ล ที่มีบาร์ขายน้ำ เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายสาขาเดิม (Same Store) ที่ 20% จากปีก่อนที่เติบโต 30-40%

“เรายังไม่ได้มองว่าจะเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ เพราะเปิดแบรนด์ใหม่ลงทุนเยอะ ดังนั้น ต้องดูให้ชัดก่อนลงทุนอีกอย่างมันเป็นเรื่องของจังหวะเวลา 2-3 ปีก่อนเป็นการเอาตัวรอด เราเลยเพิ่ม เขียง แต่ตอนนี้เราจะเน้นปรับแบรนด์เดิมให้มีโมเดลใหม่ ๆ ให้หมาะกับที่ที่จะไป โดยตั้งเป้า”

อีก 4 เสายังคงเดินหน้า

ในส่วนของ ธุรกิจอาหารค้าปลีก (13%) ซึ่งเป็นส่วนที่บริษัทได้เข้าไปควบรวมกิจการ King Marine Food ผู้นำเข้าอาหารทะเล โดยปีนี้จะนำเข้าเนื้อออสเตรเลียเพื่อมาซัพพอร์ตแบรนด์ Aka และซัพพลายให้กับร้านอาหารอื่น ๆ ในตลาด ส่วน เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ ที่ผลิตน้ำปลาร้าและเครื่องปรุง ในปีนี้จะเพิ่มไลน์ น้ำจิ้มแจ่ว พร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและคลังสินค้าให้รองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้น

ในส่วนของ แฟรนไชส์ (7%) จะเน้นขยายไปยังประเทศ มาเลเซีย, เวียดนาม และ เกาหลีใต้ จากที่ขยายไปยังประเทศลาว, เมียนมา และกัมพูชา โดยปีนี้ตั้งเป้าขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศให้ได้ 50 สาขา

ส่วน อีคอมเมิร์ซเดลิเวอรี่ (6%) ยังคงเป็นพันธมิตรกับทุกแพลตฟอร์ม ส่วนช่องทาง 1376 Delivery จะเน้น Big Order เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ นอกจากนี้ จะทำการขาย Voucher แก่องค์กร พร้อมกับการสร้างการรับรู้ระบบและเพิ่มยอดสมาชิก ผ่านแอปพลิเคชัน ZEN GROUP ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่วางไว้ บริษัทมั่นใจว่าจะทำนิวไฮได้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวม 4,500 ล้านบาท เติบโต 30-40%

]]>
1422402
จากปิ้งย่าง สู่ ‘อากะ ชาบู’ จิ๊กซอว์ตัวใหม่เติมพอร์ตกลุ่มสุกี้ให้ ZEN Group https://positioningmag.com/1396120 Mon, 15 Aug 2022 08:37:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396120 หากพูดถึง ‘Zen Group’ จะเห็นว่าแบรนด์ร้านอาหารในมือถึง 13 แบรนด์ มีตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงพรีเมียม มีทั้งอาหารญี่ปุ่น ปิ้งย่าง อาหารไทย แต่ยังไม่มี ‘สุกี้ ชาบู’ และในที่สุด Zen Group ก็รุกตลาดชาบูด้วยแบรนด์ ‘อากะ’ แบรนด์ D.I.Y. Buffet ปิ้งย่าง ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้อันดับ 2 ให้กับกลุ่ม

เริ่มนำร่องอากะ ชาบูตั้งแต่ปี 2019

ปัจจุบันตลาด ปิ้งย่าง มีมูลค่าที่ 9,300 ล้านบาท ส่วนตลาด สุกี้ ชาบู มีมูลค่า 23,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 8% ทั้งสองตลาด โดยหากเทียบมูลค่าตลาดปิ้งย่างแล้ว จะเห็นว่าตลาดชาบูใหญ่กว่าเป็นเท่าตัว และแน่นอนว่าคู่แข่งก็เยอะกว่าเช่นกัน ที่คุ้นชื่อกันดีก็มี สุกี้ตี๋น้อย, ชาบูชิ, เพนกวิน อีท ชาบู, แพนด้า ชาบู ยังไม่รวมแบรนด์เล็ก ๆ อีกเยอะมาก อีกทั้ง ผู้บริโภคยังมองในแง่ว่าสุกี้ ชาบูเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ มากกว่าปิ้งย่าง

เนื่องจากตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสเติบโต และ Zen Group เองก็ยังไม่เคยมีแบรนด์สุกี้ ชาบูมาก่อน ทำให้กลุ่มต้องขยับเข้ามาในตลาดเพื่อแย่งลูกค้าด้วยเช่นกัน โดยในปี 2019 ก็ได้นำร่องทดลองเปิดบริการชาบูควบคู่กับปิ้งย่างที่ ร้านอากะ สาขาเซ็นทรัล พลาซา บางนา แม้จะได้ผลตอบรับค่อนข้างดี แต่ยังวัดผลได้ยากเนื่องจากเจอการระบาดของโควิดทำให้ต้องปิดหน้าร้านชั่วคราว จนมาปี 2022 นี้ ถึงได้เวลาคลอด อากะ ชาบู สู่ตลาดอย่างเป็นทางการ

ไม่ปั้นแบรนด์ใหม่ เพราะมั่นใจชื่อ อากะ

มยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า สาเหตุที่อากะหันมาทำชาบูมาจากจุดตั้งต้นที่จะต่อยอดความเป็น D.I.Y. Buffet และใช้ ระบบบริหารจัดการกับวัตถุดิบ ในตอนแรกอากะมีแนวคิดที่จะทำ อากะ พรีเมียม แต่ในที่สุดก็เกิดเป็นแบรนด์ใหม่ อากะ ชาบู

ส่วนสาเหตุที่อากะ เลือกที่จะแตก Sub-Brand มากกว่าทำ Mixed Model เหมือนช่วงทดลองเป็นเพราะต้องการให้ ลูกค้าจดจำซิกเนเจอร์กับความชำนาญของอากะ หากทำแบบ Mixed Model อาจทำให้จุดแข็งเดิมและจุดแข็งใหม่ที่มาชนกัน

“การทำ Mixed Model เหมือนตอนทดสอบเมื่อปี 2019 อาจจะตอบโจทย์ลูกค้าในแง่ความหลากหลายก็จริง แต่จะกลายเป็นว่า ตกลงคุณจะเก่งปิ้งย่างหรือชาบู ดังนั้น เราจึงแบ่งออกมาเลยดีกว่า

มยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ชูความหลากหลาย สร้าง First Impression

แม้คู่แข่งจะเยอะ แต่ มยุรี มองว่าส่วนใหญ่เป็นแบรนด์รายย่อยมากกว่า ขณะที่อากะ ชาบูจะเน้นจับลูกค้าที่เดินห้างเป็นหลัก ทำให้จำนวนคู่แข่งจึงจำกัดลงมาระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังวางราคาไว้ 3 ระดับ โดยเริ่มต้นที่ 399 ++ บาท, 599 ++ บาท และ 999 ++ บาท เน้นเจาะวัยรุ่น, คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว

นอกจากนี้ ยังดึงเอาจุดแข็งด้านวัตถุดิบที่หลากหลายของอากะ มาใช้กับอากะ ชาบู โดยมี มีเมนูวัตถุดิบกว่า 82 เมนู มี น้ำซุป 5 แบบ ไฮไลต์ คือ น้ำซุปยูสุ และ น้ำจิ้มซิกเนเจอร์

“ร้านชาบูเปิดง่าย มีตึกก็เปิดได้แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับระบบบริหารจัดการหลังบ้าน ถ้าทำดีก็ยิ่งทำกำไรได้ดี ซึ่งเราทำมาอากะ 15 ปี เราได้เปรียบตรงที่ชื่อแบรนด์ มีทีมซัพพลายเชน โลจิสติกส์ ทีมจัดซื้อ ทีมการตลาด ระบบหลังบ้าน ดังนั้น เรามีความพร้อมในด้านการบริหารจัดการ” ปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม

ชาบูขยายในเมือง ปิ้งย่างขยายตจว.

กลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตของอากะแบ่งเป็นแนวลึก ซึ่งคือการแตกแบรนด์อากะ ชาบู ส่วนกลยุทธ์ในแนวราบคือ การขยายสาขา ปัจจุบัน อากะมี 32 สาขา อากะ ชาบู 1 สาขา โดยภายในปีนี้ อากะจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 7 สาขา ส่วนอากะ ชาบูเปิดอีก 1 สาขา

โดยอากะ จะเน้นขยายใน ชานเมือง และ ต่างจังหวัด เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังเปิดโมเดล แฟรนไชส์ โดยจะได้เห็นภายในปีนี้จำนวน 1 สาขา ส่วน อากะ ชาบู จะเน้นขยายในกรุงเทพฯ โดยสาขาต่อไปจะยังคงอยู่ใน เซ็นทรัล เหมือนกับสาขาแรกที่เปิดใน เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1

“ปีนี้เป็นปีที่เราขยายสาขาเยอะมากที่สุดหลังจากชะงักเพราะโควิด โดยเราตั้งเป้าที่จะขยายแบรนด์อากะไปทั่วประเทศภายใน 3-4 ปี ทั้งขยายเองและแฟรนไชส์ แต่อากะ ชาบูจะยังไม่ขายแฟรนไชส์ โดยเน้นเปิดในห้างเป็นหลัก เพราะทราฟฟิกในห้างกลับมากว่า 85% และการทานอาหารถือว่ากลับมาดีแล้วโดยเฉพาะกับบุฟเฟ่ต์ชาบูที่เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้บริโภค”

ปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ดันอากะแบรนด์พันล้าน

ปัจจุบัน แบรนด์อากะทำรายได้เป็น อันดับ 2 ของ Zen Group ตามหลังแบรนด์ Zen โดยปีที่ผ่านมา อากะทำรายได้ 700 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับช่วงปี 2019 ที่ยังไม่เกิดการระบาดของโควิด และภายในปีนี้คาดว่ารายได้จะปิดที่ 900 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และในปี 2023 แบรนด์อากะจะทำรายได้ถึง 1 พันล้านบาท แน่นอน

“อากะเป็นแบรนด์พันล้านแน่นอน เพราะเรามองว่าเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ทุกจังหวัด และอากะ ชาบูจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตในอนาคต”

ภายในปีนี้ ZEN Group คาดว่าจะมีรายได้ 3,500 ล้านบาท จากร้านอาหารในเครือทั้งหมด 13 แบรนด์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ไดแก่ กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น 7 แบรนด์ ได้แก่ ZEN, Musha by Zen, On the Table, AKA, Sushi Cyu, Tetsu, Din’s กลุ่มร้านอาหารไทย 6 แบรนด์ ได้แก่ ตำมั่ว, เดอตำมั่ว, ลาวญวน, แจ่วฮ้อน, เขียง, เขียงแกงใต้

]]>
1396120
ตลาดปิ้งย่าง 7 พันล้าน แข่งดุ ตายหลายแบรนด์ “เซ็นกรุ๊ป” ดันแฟรนไชส์ “อากะ” ลุย ตปท. https://positioningmag.com/1135237 Sun, 06 Aug 2017 16:11:07 +0000 http://positioningmag.com/?p=1135237 เซน คอร์ปอเรชั่น เจ้าของธุรกิจเชนร้านอาหารญี่ปุ่น ปิ้งย่าง AKA ฉายภาพตลาดปิ้งย่าง ในช่วง 4-5 ปีมานี้ ตลาดเติบโตขึ้นมาก ส่งผลให้แข่งขันดุเดือด ทั้งโปรโมชันบุฟเฟต์มา 4 จ่าย 3 มา 3 จ่าย 2 ผู้ประกอบการเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งแบบเชนและแบบรายเดี่ยวตามย่านสุขุมวิท

แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่าการแข่งขันลดลงไปมากเนื่องจากหลายรายที่ต้องเลิกกิจการไป โดยเฉพาะปัญหาทางด้านการบริหารจัดการ เพราะการทำบุฟเฟต์เป็นเรื่องที่ยากในการควบคุมต้นทุน และผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นเช่นกัน

ส่งผลให้เติบโตจำกัดวงอยู่ในกลุ่มของผู้ประกอบการที่เป็นเชนรายใหญ่เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีไม่กี่ราย โดยตลาดรวมอาหารญี่ปุ่นมีประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นประเภทปิ้งย่างมีมูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นตลาดพรีเมียม 2,000 ล้านบาท และเป็นตลาดแมสประมาณ 5,000 ล้านบาท

ตลาดรวมก่อนหน้านี้เติบโตมากถึง 10% แต่ขณะนี้โตเพียง 3-5% เท่านั้น แต่ก็ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

โดยแนวโน้มการแข่งขันมุ่งเน้นไปที่ 1. ความหลากหลายของอาหารและวัตถุดิบที่จำหน่าย 2. ความง่ายในการเข้าถึงของลูกค้าในเรื่องจำนวนสาขาและทำเล 3. ความคุ้มค่าในการเลือกแบรนด์เพื่อบริโภค ปัจจุบัน อากะ เป็นผู้นำในตลาดปิ้งย่างกลุ่มพรีเมียม มีส่วนแบ่งตลาด 30% หลังจากที่ทำตลาดมานาน 10 ปี

ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแบรนด์ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นปิ้งย่าง AKA ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว จึงขยายธุรกิจร้านอากะ (AKA) ไปสู่ตลาดต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้มีเจรจากับผู้ประกอบการทั้งที่เป็นแลนด์ลอร์ดกับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารอยู่แล้วในหลายประเทศ ทั้งกลุ่มซีแอลเอ็มวี และอาเซียน หรือแม้แต่มิดเดิลอีสต์ คาดว่าภายในปีหน้าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 ราย โดยมีเงื่อนไขแฟรนไชส์คือ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 1.5 ล้านบาท ค่ารอยัลตี้ 4% จากยอดขาย

ส่วนในไทย วางเป้าหมายภายใน 5 ปีจากนี้จะมีรวม 30 สาขา จากปัจจุบันเปิดบริการแล้ว 15 สาขา ส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ มีต่างจังหวัดที่พัทยา หรือเฉลี่ยจะเปิดอย่างต่ำ 2-3 สาขาต่อปี ด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 200 ล้านบาท จะขยายตลาดต่างจังหวัดและเมืองใหญ่มากขึ้นด้วย ซึ่งปีนี้จะมีรีโนเวตที่สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเปิดใหม่ที่เซ็นทรัลโคราช เป็นต้น

เซ็นกรุ๊ป วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% สัดส่วนรายได้มาจากบุฟเฟต์ 80% และตามสั่ง 20% จากราคาบุฟเฟต์ปกติ 399 บาท และ 499 บาท และมีฐานสมาชิกประมาณ 30,000 ราย ร้านอากะเป็นสัดส่วนรายได้ 20% ของทั้งกลุ่มที่มีร้านอาหาร 12 แบรนด์ในเครือเซ็นกรุ๊ป


ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000079075

]]>
1135237