ASUS – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 25 Feb 2022 09:19:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดแนวคิด IKEA X ROG กับการปั้น ‘เฟอร์นิเจอร์’ สำหรับ ‘เกมเมอร์’ เพราะตลาดเกมไม่จำกัดแค่แบรนด์ ‘ไอที’ https://positioningmag.com/1375439 Fri, 25 Feb 2022 09:09:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1375439 หากพูดถึง ‘เกม’ จะเห็นว่ามีการเติบโตมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้คนมีเวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้มีเวลาในการเล่นเกมมากขึ้นไปด้วย โดยอ้างอิงข้อมูลจาก ‘DEPA’ พบว่า อุตสาหกรรมเกมไทยมีมูลค่า 34,316 ล้านบาท เติบโตถึง 35% ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าอุตสาหกรรมไหนก็อยากจะหาช่องเข้ามาในตลาดเกม รวมถึง IKEA ที่คอลแลบส์กับ ROG แบรนด์เกมมิ่งในเครือของแบรนด์ ASUS ออก ‘เฟอร์นิเจอร์’ สำหรับ ‘เกมเมอร์’ เพื่อขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น

ขายแค่สินค้าไอทีไม่พอ เพราะเกมเมอร์มีเงิน

เจริญ โล่ประคอง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์และบริหารการตลาด เอซุส ประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศไทยมีคนเล่นเกมรวมกว่า 30 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเป็นวัย 25-34 ปี สอดคล้องกับข้อมูลของ Statista ที่ระบุว่าช่วงดังกล่าวคิดเป็น 31.4% ของเกมเมอร์ไทยซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่สุด ตามด้วย

  • 35-44 ปี 24.8%
  • 18-24 ปี 19.5%
  • 45-55 ปี 16.1%
  • 55-64 ปี 8.1%

นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มคนเล่นเกมมากถึง 40.8% เป็นกลุ่ม High Income อีก 27.3% เป็นกลุ่ม Medium Income และ 31.9% อยู่ในกลุ่ม Low Income ขณะที่การจับจ่ายเฉลี่ย/คน/ปีอยู่ที่ 1,750 บาท ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำใคร ๆ ก็อยากจะเข้ามาจับตลาดกลุ่มเกมเมอร์

อย่างไรก็ตาม เรื่องของเกมไม่มีแค่ คอมสเปกแรง ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันอุปกรณ์เสริมอย่าง เม้าส์, คีบอร์ด, หูฟัง, กระเป๋า รวมไปถึง โต๊ะ-เก้าอี้ ก็ถือเป็นอีกอุปกรณ์ที่เหล่าเกมเมอร์มองว่า ของมันต้องมี ยิ่งตลาดไอทีแข่งขันสูง บวกกับเจอปัญหาซัพพลายเชนที่จำกัด การฉีกไปจับ สินค้าไลฟ์สไตล์ ถือเป็นอีกทางเลือกของเหล่าแบรนด์สินค้าไอที อย่าง เอเซอร์ ก็เคยออก Predator Shot เครื่องดื่มชูกำลังจับเหล่าเกมเมอร์มาแล้ว ดังนั้น แบรนด์ ROG เลยขอมุ่งไปทางเฟอร์นิเจอร์ โดยจับกับ อิเกีย (IKEA) เพื่อออกแบบสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง

เจริญ โล่ประคอง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์และบริหารการตลาด เอซุส ประเทศไทย

ลุยตลาดเกมมิ่งครั้งแรกของ IKEA

แม้ตลาดเกมจะเติบแค่ไหนแต่ อิเกียกลับไม่เคยออกคอลเลกชั่นเกมมิ่ง มาก่อน ดังนั้น การจับมือกับ แบรนด์ ROG (Republic of Gamers) แบรนด์สินค้าเกมมิ่งของ ASUS ในการออก ออกคอลเลกชั่น IKEA Gaming จึงถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์โดดสู่ตลาดเกมมิ่งเต็มตัว

โดยอิเกียได้เริ่มวางจำหน่าย คอลเลกชั่น IKEA Gaming ครั้งแรกในตลาด จีนและญี่ปุ่น เมื่อช่วงต้นปี 2021 จากนั้นได้ขยายไปในตลาด สหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนตุลาคม เช่นเดียวกับ ไทย ที่เริ่มทดลองวางจำหน่ายคอลเลกชั่นดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน

ถึงอิเกียจะเริ่มทำตลาดเกเมอร์ช้าไปสักหน่อย โดย ธนิตา โรจน์วานิช ผู้จัดการสินค้าแผนกห้องทำงาน อิเกีย ประเทศไทย ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเห็นเฟอร์นิเจอร์รีเทลเลอร์รายอื่นอาจจะออกสินค้าเกี่ยวกับเกมมิ่งมาบ้าง เช่น โต๊ะ, เก้าอี้  รวมไปถึงแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ต่าง ๆ แต่มองว่าจุดเด่นของอิเกียคือ ทำครบ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งโซลูชัน ทั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์เล่นเกม เก้าอี้เกมมิ่ง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมั่นใจในคุณภาพ ฟังก์ชัน ดีไซน์ ราคาที่จับต้องได้ และการรับประกันนาน 3 ปี

เรามองว่าเราไม่ได้เชี่ยวชาญหรือเข้าใจคนเล่นเกม แต่เราเห็นการเติบโตตรงนี้ เราจึงร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อออกแบบสินค้าให้ตรงตามความต้องการของเหล่าเกมเมอร์ให้มากที่สุดเพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งเราเห็นเจ้าอื่น ๆ เริ่มทำสินค้ากลุ่มเกม แต่มั่นใจว่าเราเป็นเจ้าเดียวที่มีครบโซลูชัน”

ธนิตา โรจน์วานิช ผู้จัดการสินค้าแผนกห้องทำงาน อิเกีย ประเทศไทย

เกมเมอร์ลอยัลตี้สูง เพิ่มโอกาสให้แบรนด์

เจริญ กล่าวว่า พฤติกรรมที่น่าสนใจของเหล่าเกมเมอร์คือ มักไม่ข้ามค่าย โดยจะนิยมซื้อสินค้าเป็นคอลเลกชั่น แสดงให้เห็นถึงความลอยัลตี้ที่สูง อย่างฐานแฟนของ ROG เมื่อซื้อคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กแล้ว อุปกรณ์เสริมก็จะซื้อของแบรนด์ ดังนั้น เชื่อว่าฐานแฟน ROG กว่าหมื่นรายจะมาช่วยเสริมอิเกียด้วยเช่นกัน

“กลุ่มเกมเมอร์ที่มีกำลังซื้อเขาจะไม่ข้ามค่าย ถ้าใช้ของแบรนด์อะไรก็จะซื้อแบรนด์นั้น มันเป็นเรื่องของความ Cool ความเท่ และการจับกับ IKEA จะช่วยเพิ่มการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้”

​สำหรับอิเกียที่เดินหน้าใช้กลยุทธ์ Collaboration ไม่ว่าจะเป็นกับแบรนด์หรือศิลปินทุก ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็น Lego, แซนดรา โรดส์ แฟชั่นไอคอน, Byredo แบรนด์น้ำหอมจากฝรั่งเศส ซึ่ง ธนิตา ระบุว่า ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ในด้านของอแวร์เนสและช่วยขยายฐานลูกค้าได้ดีมาก ดังนั้น เชื่อว่าการจับมือกับ ROG จะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ และในปีนี้อิเกียก็จะมีการ Collabs กับแบรนด์อย่างน้อย 1 แบรนด์ในปีนี้

“ตั้งแต่ลองขายเราพบว่าไม่ใช่แค่ลูกค้ากลุ่มเกมที่มาซื้อ แต่ลูกค้าทั่วไปก็สนใจเพราะเขาต้องการโต๊ะหรือเก้าอี้ที่นั่งสบาย เพราะเขากังวลเรื่องสุขภาพ ทำให้ยอดใช้จ่ายของลูกค้าทั่วไปและกลุ่มเกมยอดจ่ายไม่ต่างกัน ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ซื้อเก้าอี้และโต๊ะจะขายดีสุด ยอดบิลรวม ๆ จะอยู่ราว 7,000 บาท”

หวัง Gaming ดันยอด Work Place

แม้ว่าสินค้ากลุ่ม Work Place จะไม่ใช่กลุ่มหลักของอิเกีย แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มสินค้าดังกล่าวเติบโตอย่างมากเพราะเทรนด์ Work From Home, Learn From Home ทำให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 85 ล้านบาท และมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มจาก 5-6% เป็น 9% ดังนั้น การมีคอลเลกชั่น IKEA Gaming เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Work Place ให้ไปถึง 10% ได้

“ตั้งแต่ที่มีข่าวว่าสินค้า IKEA Gaming ขายในต่างประเทศ เราก็เห็นลูกค้าสอบถามมาเป็นจำนวนมาก และพอทดลองวางจำหน่ายปรากฏว่ายอดขายเติบโตเกินกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 300% ดันให้ปีที่ผ่านมายอดขายในกลุ่ม Work Place เติบโตถึง 30% โดยปีนี้เราคาดว่าจะเติบโตได้ 50%”

]]>
1375439
Work ได้ทุกที่ไม่มีสะดุดกับ ‘ASUS ExpertBook B9’ โน้ตบุ๊กธุรกิจที่ ‘เบา’ สุดในโลก https://positioningmag.com/1305465 Mon, 16 Nov 2020 04:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305465
หลายประเทศได้เผชิญกับการระบาดระลอก 2 ของ COVID-19 ส่งผลให้ต้องกลับมาใช้มาตรการ ‘ล็อกดาวน์’ เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดอีกครั้ง และแน่นอนว่าการทำงานในรูปแบบ ‘Work from home’ ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง

ขณะที่หลาย ๆ บริษัทเองแม้จะไม่เจอกับการระบาดของ COVID-19 รอบ 2 แต่ก็เลือกที่จะให้พนักงานสามารถ ‘Work from anywhere’ หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะบริษัทเริ่มรู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้อง ‘เข้าออฟฟิศ’ ก็สามารถทำงานได้ จนพนักงานหลายคนไม่ใช่แค่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แต่เที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยจนเกิดเป็นเทรนด์ ‘Workation’ เพิ่มเติมขึ้นมาเลยทีเดียว

เมื่อพื้นที่หรือสถานที่ทำงานในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป ทุกคนสามารถสร้างพื้นที่ทำงานของตัวเองที่ไหนก็ได้ ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็เลือกที่จะโฟกัสกับประสิทธิภาพงานมากกว่าเรื่องชั่วโมงการทำงาน ดังนั้น การทำงานพร้อมกับการเลือกออกเดินทางไปในสถานที่ที่ถูกใจกำลังเป็น Lifestyle ที่สามารถเห็นได้มากขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งปีนี้ยังเป็นปีของ Digital Nomad ผู้ประกอบการอิสระหรือฟรีแลนซ์ รวมถึงตลาด out-source ที่ยิ่งเติบโตมากขึ้น ดังนั้น เทรนด์ ‘Work from anywhere’ หรือ ‘Workation’ จึงกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

เทรนด์นี้ไม่ใช่แค่ไทยที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ประเทศอย่าง ‘ญี่ปุ่น’ ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมรักงานเบอร์ต้น ๆ ของโลกก็เป็นอีกประเทศที่เทรนด์ของ ‘Work from anywhere’ หรือ ‘Workation’ กำลังเป็นที่นิยม ขนาดที่ ‘โยมิอุริแลนด์’ (Yomiuriland) สวนสนุกแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ปิ๊งไอเดียเสนอเเพ็กเกจ ‘Amusement Workation’ นั่งทำงานในสวนสนุก หลังเริ่มมีกระเเสพนักงานในญี่ปุ่น หันมาใช้สวนสนุกเป็นออฟฟิศ

อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องความสบายใจในการทำงานจะมีส่วนช่วยในการสร้างประสิทธิภาพให้คนทำงานแล้ว แต่ ‘เทคโนโลยี’ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นำมาใช้ตอบสนองได้ทั้งการทำงานและการท่องเที่ยว ดังนั้น อุปกรณ์ที่นำมาใช้งานต้องไปไม่ใช่แค่มีประสิทธิภาพที่ดี แต่ต้อง ‘ทน’ และ ‘เบา’ เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายไปในทุกสถานที่ และที่สำคัญสเป็คต้อง ‘แรง’ ซึ่งทุกความต้องการนั้นอยู่ครบจบที่ ‘ASUS ExpertBook B9’ แล้ว

โดย ASUS ExpertBook B9 ถือเป็นโน้ตบุ๊กที่ออกแบบมาสำหรับพกพาอย่างแท้จริง โดยโดดเด่นด้วยดีไซน์สวยงาม ที่การันตีด้วยรางวัล Red Dot Design ปี 2020 แถมมีน้ำหนักเพียง 870 กรัม และขอบจอภาพแบบบางเฉียบ NanoEdge ขนาด 14 นิ้ว

ส่งผลให้ ASUS ExpertBook B9 เป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจที่ ‘เบาที่สุดในโลก’ แต่ไม่ใช่แค่เบาแต่ยังแข็งแรงทนทานเนื่องจากผลิตจากวัสดุโลหะผสมแม็กนีเซียม-ลิเธียม พร้อมผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL-STD-810G มาตรฐานทางทหารของสหรัฐ ดังนั้น สามารถพกไปได้ทุกที่แน่นอน

ไม่ใช่แค่ความเบา แต่ยังมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมจาก CPU 10th Gen Intel® Up to Core™ i7 Processor และได้รับการรับรองจาก Intel Project Athena ซึ่งมีประสิทธิภาพขั้นสูง เสถียร รองรับการทำงานแบบ มัลติทาสกิ้งและสามารถใช้โปรแกรมที่ใช้สมรรถนะ แถมด้วยฟีเจอร์ ‘NumberPad’ ที่สามารถเปลี่ยนทัชแพดเป็นตัวเลข ซึ่งเหมาะมากที่จะใช้คำนวณตัวเลขได้ทันที และที่สำคัญอายุการใช้งานแบตเตอรียาวนานสูงสุด 24 ชั่วโมง (ในรุ่น Core i7 แบตเตอรี่ 66 วัตต์)

สำหรับใครที่ต้องคอยประชุมหรือพูดคุยกับทีมก็ไม่ต้องกังวล เพราะ ASUS ExpertBook B9 มีไมโครโฟน 4 ตัว ตัดเสียงรบกวนระหว่างคอนเฟอร์เรนซ์ และพร้อมลำโพงที่ได้รับการรับรองจาก harman/kardon นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานทางธุรกิจซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันฮาร์ดแวร์ การเข้ารหัสข้อมูล TPM, ความเป็นส่วนตัวด้วย Webcam Shield, การเข้าใช้งานผ่าน IR Camera, Finger print scan

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม MyASUS สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับ ExpertBook B9 ของคุณได้อย่างง่ายดายสามารถถ่ายโอนไฟล์ URL การแจ้งเตือน อ่าน รับ และส่งข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ พอร์ตเชื่อมต่อ I/O แบบครบครัน โดยมีพอร์ต ThunderboltTM 3 USB-C ให้ถึง 2 พอร์ต เพื่อการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว

สำหรับ ExpertBook B9450 มี 2 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น CPU : Core i7, RAM : 16 GB, SSD 1 TB, น้ำหนัก 995 กรัม (66W battery) ใช้งานได้นานสูงสุด 24 ชั่วโมง ราคา 44,900 – 49,990 บาท
  • รุ่น CPU : Core i5, RAM : 8 GB, SSD 512 GB, น้ำหนัก 870 กรัม (33W battery) ใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง ราคา 38,990 – 43,900 บาท

พร้อมบริการหลังการขายและการรับประกันพิเศษ ทั้งบริการซ่อมถึงที่ 3 ปี, รับประกัน 3 ปีทั่วโลก, รับประกันอุบัติเหตุในปีแรก และการบริการลูกค้าออนไลน์แบบเรียลไทม์

สำหรับผู้ที่สนใจ ASUS ExpertBook B9 สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/2MZpkoJ

ผลิตภัณฑ์ของ ASUS วางจำหน่ายผ่านตัวแทนชั้นนำทั่วประเทศ: https://bit.ly/3bDyAKO

]]>
1305465
กล้องคู่ด้วยคน ! เอซุสเปิดสมาร์ทโฟนตระกูล ZenFone 4 ดึงโอปป้า “กงยู” พรีเซ็นเตอร์ หวังเจาะกลุ่มสาวๆ https://positioningmag.com/1136604 Thu, 17 Aug 2017 15:16:31 +0000 http://positioningmag.com/?p=1136604 เอซุสเป็นอีกหนึ่งแบรนด์เทคโนโลยีที่เติบโตจากกลุ่มคอมพิวเตอร์พีซี แล้วแตกสินค้าลงตลาดสมาร์ทโฟน เพราะตลาดทั่วโลกมีการเติบโตสูง เอซุสได้ใช้แบรนด์ ZenFone ในการบุกตลาด ในช่วงแรกได้วางจุดยืนเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ราคาเข้าถึงได้ง่าย

แต่ด้วยเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้สมาร์ทโฟนมีฟีเจอร์พิเศษโดยเฉพาะ เอซุสจึงได้ปรับโพสิชั่นตัวเองให้พรีเมียมมากขึ้นตั้งแต่สมาร์ทโฟนตระกูล ZenFone 2 เพื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ และหนีจากการแข่งขันของสมาร์ทโฟนระดับกลาง 

ล่าสุดได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล ZenFone 4 ครั้งนี้ได้มาเปิดตัวที่บ้านของเอซุสเองก็คือประเทศไต้หวัน โดยในแต่ปีจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนประเทศในการจัดงานเปิดตัว ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศตลาดใหญ่อย่างอินโดนีเซีย เป็นต้น

ZenFone 4 ได้วางก้าวสู่สมรภูมิ “Camera Phone” อีกราย ได้เน้นจุดเด่นที่การถ่ายรูป กล้องหลังจะเป็นกล้องคู่ เป็นกล้องหลัก และกล้องเลนส์วาย เหมือนอย่างที่หัวเว่ย และไอโฟนได้ออกมาแล้ว โดยได้แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ มีทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ 1.ZenFone 4 และ ZenFone 4 Pro เป็นรุ่นแฟล็กชิพเน้นเรื่องการถ่ายภาพ 2.ZenFone 4 Selfie Pro และ ZenFone 4 Selfie สมาร์ทโฟนเน้นการถ่ายภาพแบบเซลฟี่และ Wefie มีกล้องหน้าเป็นกล้องคู่ กล้องหลัก และกล้องเลนส์วาย และ 3.ZenFone 4 Max Pro และ ZenFone 4 Max เน้นเรื่องแบตเตอรี่อึด สามารถใช้เป็นพาวเวอร์แบงค์

ฌอห์ณ แชง หัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ อินคอปเปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่าเราได้วางจุดยืนให้กับ ZenFone 4 เป็นสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่งด้านถ่ายภาพ เพราะเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการจากสมาร์ทโฟน ทำให้การถ่ายภาพมีคุณภาพมากขึ้น เป็นการท้าทายการแข่งขันด้วย เพราะผู้เล่นต่างๆ ก็ชูเรื่องถ่ายภาพ แต่ดึงจุดเด่นเรื่องการถ่ายเซลฟี่ และแบตเตอรี่ทน

ในการทำการตลาดสำหรับรุ่นนี้เอซุสได้คว้ากงยูซุปตาร์จากแดนกิมจิมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ระดับโกลบอลเป็นครั้งแรก เป็นพรีเซ็นเตอร์เฉพาะประเทศในเอเชียอย่าง ไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เท่านั้น เพราะกงยูเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั่วเอเชีย มีคาแร็กเตอร์ตรงกับแบรนด์มีความอบอุ่น และการใช้กงยูครั้งนี้เพื่อต้องการขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้หญิงมากขึ้น เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของ ZenFone จะเป็นผู้ชาย 

ต่อยอดจากเมื่อปี 2559 เอซุสได้เคยเลือกใช้ปู ไปรยา สวนดอกไม้เป็นพรีเซ็นเตอร์โลคอลในไทยคนแรกเช่นกัน ในรุ่น ZenFone 3 เพราะต้องการจับกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น และปูมีภาพลักษณ์ที่พรีเมียม ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของ ZenFone พรีเมียมขึ้น

เอซุสเติบโตมาจากตลาดคอมพิวเตอร์พีซี หลายคนจำภาพเป็นเทคโนโลยีแบรนด์ จึงเลือกคนที่มาพรีเซนต์แบรนด์ก็คือกงยู มองว่าเขามีชื่อเสียงทั่วเอเชีย ให้กงยูสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคง่ายขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้หญิงมากขึ้นเช่นกัน

ตลาดในไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่ท็อป 3 ของเอซุสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย ไทยเทียบเท่ากับประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่อันดับ 6-8 หรือราว 3-5% 

ฌอห์ณ เสริมอีกว่า ตลาดประเทศไทยมีความท้าทายอย่างมาก มีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นใหม่ๆ ตลอด แต่ก็เป็นการท้าทายให้กับตัวเองที่ถ้าทำตลาดได้สำเร็จ ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มสำเร็จได้ด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ได้เปิดตัวรุ่นใหม่นี้ได้ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 8-10% ภายใน 6 เดือน และก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 4 ในตลาดสมาร์ทโฟนในไทยให้ได้

สมาร์ทโฟนตระกูล ZenFone มีกำหนดวางจำหน่ายที่ประเทศไทยได้แก่ รุ่น ZenFone 4 Max Pro และ ZenFone 4 Selfie วางจำหน่ายวันที่ 25 สิงหาคม 2560 รุ่น ZenFone 4 Max และ ZenFone 4 Selfie Pro วางจำหน่ายวันที่ 12 กันยายน 2560 ส่วน ZenFone 4 และ ZenFone 4 Pro จะจำหน่ายแค่ที่งาน Thai Mobile Expo ในวันที่ 28 กันยายน 2560 เท่านั้น 

]]>
1136604
ถึงเวลาสร้างแบรนด์! ASUS จัดทัพพรีเมียม ท้าชนไอโฟน-ซัมซุง เป้าท็อป 3 ในไทย https://positioningmag.com/1098901 Wed, 03 Aug 2016 03:26:49 +0000 http://positioningmag.com/?p=1098901 ถึงแม้ว่า ASUS หรือ เอซุส จะทำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปีแล้ว ในตอนแรกได้เติบโตมาจากการเป็นผู้ผลิต Motherboad ให้กับแบรนด์สินค้าไอที จากนั้นก็ได้ทำโน้ตบุ๊กเป็นของตัวเอง จนเมื่อตลาดสมาร์ทโฟนเป็นที่นิยม เอซุสก็ลงมาจับตลาดด้วย แต่ตอนนั้นได้ใช้แบรนด์ PadFone ที่ใช้จุดแข็งด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนผสมกับแท็บเล็ต เพราะต้องการสร้างความแตกต่างในตลาด

แต่แล้วแพดโฟนก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เอซุสจึงปรับทิศทางใหม่ แล้วปั้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน ZenFone ที่เริ่มออกรุ่นแรกในปี 2557 ใช้จุดแข็งในเรื่องราคาและความคุ้มค่า เน้นในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง เหมือนอย่างแบรนด์สมาร์ทโฟนอื่นๆ ทำกัน

จนเมื่อปี 2558 เอซุสได้ออก ZenFone 2 ก็เริ่มกำหนดทิศทางของแบรนด์ได้อย่างเข้มข้นขึ้น เริ่มขยับตัวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมทีละนิด แต่ยังกึ่งๆ ไม่ได้มีภาพที่ชัดเจนเท่าที่ควร เน้นในเรื่องเทคโนโลยีที่จัดเต็มเสียมากกว่า ทำให้กลุ่มลูกค้าของเซ็นโฟนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ยังไม่ใช่กลุ่มแมสทั่วไป

การออก ZenFone 3 ในปีนี้ ทำให้เอซุสงัดคัมภีร์การตลาดออกมาทั้งหมด เรียกว่าเป็นการสร้างแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับภาพลักษณ์ให้พรีเมียมเพื่อท้าชนกับไอโฟนและซัมซุงโดยตรง ไม่ได้มองสมาร์ทโฟนระดับกลางเป็นคู่แข่งอีกต่อไป

1_asus

ZenFone 3 จึงมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนรวมทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ราคาตั้งแต่ 5,990-28,990 บาท จุดยืนหลักก็คือเน้นตลาดกลางถึงบน และตลาดพรีเมียม แต่ต้องออกรุ่นให้มีราคาครอบคลุมทั้งหมด เพื่อตอบรับกับลูกค้าในหลายๆ กลุ่ม

กลยุทธ์ที่เอซุสใช้จึงรวมทั้งหมดทั้งสินค้าที่มีเทคโนโลยี ราคาที่หลากหลาย และการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นคนแรกในประเทศไทย ได้เลือกใช้ “ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก” เพราะให้ภาพลักษณ์ที่ดูหรู ดูพรีเมียม และที่สำคัญคือต้องการให้พลังของเซเลบริตี้ช่วยส่งให้เซ็นโฟนเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้นและเร็วขึ้น จากเดิมที่จะรู้จักแค่ในกลุ่มคนรักเทคโนโลยีเท่านั้น

2_asus

ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของเอซุสติดเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิก รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดที่ 4.5% ครองอันดับ 6 ในประเทศไทย ซึ่งเป้าหมายสำคัญก็คือการมีส่วนแบ่งตลาด 10% และครองอันดับ 3 ให้ได้ภายใน 2-3 ปี

เหตุผลสำคัญที่ทางเอซุสได้ลงมาโฟกัสตลาดกลาง-บนมากขึ้นก็เพราะว่าตลาดนี้มีการเติบโตสูง และทางเอซุสเองก็อยากโชว์ศักยภาพของแบรนด์ให้มากขึ้น ในขณะที่ก่อนหน้านี้อยู่แค่ในตลาดกลาง-ล่างทำให้ไม่ได้โชว์ศักยภาพเท่าไหร่ และต้องการอัพเกรดภาพลักษณ์ให้พรีเมียมด้วย เพื่อเป้าหมายในการขึ้นสู่ท็อป 3 ให้ได้

]]>
1098901
ยลโฉม “ASUS ZenWatch 2” นาฬิกาแอนดรอยด์รุ่นแรกที่มีจอ 2 ขนาด https://positioningmag.com/60634 Sat, 06 Jun 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=60634
หลังจากที่ ZenWatch รุ่นแรกวางจำหน่ายนานนับปี ต้นสังกัดอย่าง “อัสซุส (ASUS)” ตัดสินใจเปิดตัวนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่อีกครั้ง ด้วยการแจ้งเกิดสมาร์ทวอตช์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แวร์ (Android Wear) ที่มีหน้าจอให้เลือก 2 ขนาดเป็นครั้งแรก โดยเปิดให้ผู้ชมงานคอมพิวเท็กซ์ (Computex) ที่ไต้หวันได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
 
 
หน้าจอ 2 ขนาดของ ZenWatch 2 ได้แก่ ขนาดสำหรับสายคาดข้อมือกว้าง 22 มม. เช่นเดียวกับ ZenWatch รุ่นแรก และขนาดสำหรับสายคาดข้อมือกว้าง 18 มม. จุดนี้ข้อมูลระบุว่านาฬิกาทั้ง 2 ขนาดมีความสามารถไม่เท่ากัน โดยรุ่นหน้าจอใหญ่จะรองรับเคสแบตเตอรี่สำหรับติดด้านหลังของนาฬิกาที่สามารถชาร์จไฟได้ทุกทีทุกเวลา สะท้อนว่าความหนาของนาฬิการุ่นใหญ่นั้นเพิ่มขึ้นพร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้น
 
ZenWatch 2 มี 3 สีให้เลือกคือเงิน Silver, เทาเข้ม Gunmetal และสีทองแดง Rose Gold ตัวเรือนนาฬิการองรับสายคาดโลหะและหนังสีสดที่ ASUS ออกแบบไว้มากกว่า 18 แบบ แน่นอนว่าผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบของนาฬิกาได้ตามชอบใจ
 
ZenWatch 2 ใช้เทคโนโลยีป้องกันรอยขีดข่วนบนหน้าปัดด้วย Corning Gorilla Glass 3 ระบบติดตั้งความสามารถเพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้ใช้ทั้งในแง่กิจกรรมทั่วไปและการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกันก็คอยจัดการเรื่องสายโทรศัพท์เข้า ข้อความ การแจ้งเตือน และข้อมูลสำคัญโดยที่ผู้สวมไม่ต้องนำสมาร์ทโฟนมาตรวจสอบ
 
ZenWatch 2 ยังมีฟีเจอร์ชื่อรีโมทคาเมรา (Remote Camera) ซึ่งจะทำให้หน้าจอของนาฬิกากลายเป็นช่องมองภาพของกล้องสมาร์ทโฟนที่ถูกเชื่อมต่อกัน จุดนี้เหมาะกับผู้ที่อยากยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพจากมุมสูง เช่นในงานคอนเสิร์ต หรืองานที่มีฝูงชนจำนวนมาก การมองภาพจากสมาร์ทโฟนบนข้อมือจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องแหงนหน้าเขย่งตัวเพื่อมองหน้าจอสมาร์ทโฟนอีกต่อไป
 
ZenWatch รุ่นใหม่สามารถกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 แปลว่าผู้ใช้สามารถสวมอาบน้ำหรือระหว่างออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย 
 
เบื้องต้น ASUS ยังไม่ประกาศราคาและกำหนดการจำหน่ายของ ZenWatch 2 อย่างเป็นทางการ คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะถูกเปิดตัวในงาน IFA ที่เยอรมนีช่วงเดือนกันยายนนี้
 

 

 

 

 

 

]]>
60634
เปิดตัวแล้ว Asus ZenFone 2 สมาร์ทโฟนแรม 4GB ราคาเริ่มต้น 7,000 บาท https://positioningmag.com/60156 Tue, 21 Apr 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=60156

ได้ฤกษ์ดีเดย์เปิดตัว ZenFone 2 สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพตัวใหม่จาก Asus ตระกูล ZenFone ได้จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงตาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่มีการเปิดตัวครั้งแรกที่งาน CES 2015 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ภายในงาน Asus ได้เชิญสื่อมวลชน และบล็อกเกอร์ด้านไอทีจาก 5 ประเทศที่ ZenFone ได้วางตลาด ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

ZenFone 2 มาพร้อมแรม 4 GB ประมวลผลด้วยอินเทล อะตอม 64 บิท ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว และใช้งานได้ 2 ซิม

ส่วนราคาเครื่องเปิดตัวที่อินโดนีเซียเริ่มต้นที่ 2,690,000 – 4,490,000 รูเปีย หรือเป็นเงินไทยราว 7,000 – 11,000 บาท (ราคาคาดการณ์)

]]>
60156
ASUS ฉลองเปิดตัว ZenFone ในประเทศไทย เอซุส ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีย์ใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับ ASUS ZenUl ให้ผู้ใช้ ใช้งานได้ง่ายขึ้น https://positioningmag.com/57827 Wed, 23 Apr 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57827

เอซุส ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว ZenFone ซีรี่ย์ใหม่ที่มาพร้อมกับ ASUS ZenUl ที่มึคุณสมบัติอันโดดเด่น ด้วยเทคโนโลยี PixelMaster ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของกล้องถ่ายภาพที่เป็นส่วนสำคัญของเจ้า ZenFone นี้ ด้วยเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ PixelMaster นี้จะทำให้การถ่ายภาพและบันทึกภาพเคลื่อนไหวของคุณออกมาอย่างสวยงามไม่ว่าจะอยู่ในสภาพของแสงแบบใดก็ตาม

เป็นครั้งแรกสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่จะสามารถลิ้มลองประสบการณ์ความหรูหราอันแสนประทับใจของ ZenFone ที่มาพร้อมกับขนาดและสีที่หลากหลาย ZenFone มาพร้อมกับ ASUS ZenUl และระบบอินเตอร์เฟซ แบบใหม่ที่มีการพัฒนามากกว่า 1000 ครั้งจึงทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นและหลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เอซุสเป็นโทรศัพท์มือถือที่เพลิดเพลินและใช้งานได้ง่าย

มร. เจฟฟ์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่จะได้มอบความความหรูหราอย่างมีระดับมาให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย เราเชื่อมาตลอดว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดคือเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากได้ ดังนั้นเมื่อเรามุ่งมั่นที่จะค้นหาเทคโนโลยีอันเหลือเชื่อเหล่านี้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์โทรศัพท์ที่เหนือระดับและพิเศษสำหรับทุกๆคนให้ได้เพลิดเพลินในขณะใช้งาน”

ZenFone ซีรี่ย์นี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Atom™ ที่มีพลังอันทรงประสิทธิภาพที่จะมอบประสบการณ์การอันโดดเด่นสำหรับการใช้โทรศัทพ์มือถือแก่ผู้บริโภคในประเทศไทย  นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “ในวันนี้  อินเทลมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับเอซุสในการเปิดตัว Zenfone ที่มี  Intel® Atom™ Processor เป็นตัวประมวลผลอยู่ภายใน ซึ่งจะมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนแบบที่ดีเยี่ยมในราคาที่ไม่แพง ซึ่ง Zenfone จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับผู้บริโภคในเมืองไทย”

ZenFone – สมาร์ทโฟนอันน่าทึ่งสำหรับทุกคน

ZenFone ซีรีย์นี้ประกอบไปด้วยการออกแบบที่สวยงามพร้อมด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงและการทำงานของ ASUS ZenUl ที่จะมอบความหรูหราอันแสนประทับใจแก่ผู้ใช้ ZenFone มีขนาดหน้าจอให้เลือกตั้งแต่ 4 นิ้ว -6 นิ้ว ด้วยสีสันที่โดดเด่นและหลากหลายจึงทำให้ ZenFone ตอบสนองความต้องการและไลฟสไตล์ของผู้ใช้ ZenFone ทุกรุ่นมาพร้อมกับ หน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 3 สำหรับป้องกันการขีดข่วนและจะทำให้มือถือของคุณทนทานยิ่งขึ้น

ZenFone 4 มาพร้อมกับจอแสดงผลขนาด 4 นิ้วและง่ายสำหรับการปรับเปลี่ยนฝาหลังด้วยสี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Sky Blue และ Solar Yellow  ZenFone 4 ยังรองรับ Micro SD ถึง 64 GB ที่มอบความจุมากมายสำหรับการเก็บภาพ วีดีโอ แอพพลิเคชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย

ZenFone 5 มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ HD IPS ขนาดใหญ่ถึง 5 นิ้วและผู้ใช้สามารถใช้งานหน้าจอในขณะสวมถุงมือได้อีกด้วย นอกจากนั้น ZenFone 5 ได้รับการออกแบบอย่างโดดเด่นด้วยความบางเพียง 5.5 มิลลิเมตร และมีสีสันหลากหลายให้เลือก เช่น Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Champagne Gold และ Twilight Purple

Zenfone 6 มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ HD IPS ขนาด 6 นิ้วที่สมบูรณ์แบบไปด้วยเทคโนโลยีด้านเสียงของ SonicMaster ที่จะมอบประสบการณ์ความบันเทิงแบบขีดสุด นอกจากนี้ ZenFone 6 ยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่ให้ความละเอียดภาพถึง 13 ล้านพิกเซลให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้คมชัดมากยิ่งขึ้น  ZenFone 6 มาพร้อมกับสี Charcoal Blcak, Pearl White, Cherry Red และ Champagne Gold

ASUS ZenUI – ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และสวยงาม

ZenFone คือสมาร์ทโฟน ซีรี่ย์แรกของ เอซุส ที่ได้นำ ASUS ZenUl เข้ามาประกอบด้วย พร้อมกับระบบอินเตอร์เฟซของโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดของความมีอิสรภาพ การแสดงออกและการเชื่อมต่อ พร้อมกับการออกแบบที่ทำให้มีประสิทธิภาพด้วยไอคอนที่ทันสมัย ธีมสีสดใส ภาพเคลื่อนไหวและริงโทน ทั้งยังมีเสียงแจ้งเตือนแบบใหม่ในการนำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจน

ASUS ZenUl ยังประกอบไปด้วยสองคุณสมบัติคือ What’s Next และ Do It Later ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้งานจัดการกับข้อมูลที่หลากหลายได้อย่างอิสระ และทำให้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ What’s Next จะถ่ายทอดข้อมูลปัจจุบันที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้ใช้ เช่น การนัดหมายที่ใกล้จะมาถึง ข้อความใหม่รวมถึงสายที่ไม่ได้รับจากผู้ติดต่อคนสำคัญ สภาพอากาศสำหรับจุดหมายปลายทางต่อไปและอื่นๆ อีกมากมาย สังเกตได้ง่าย เช่น หน้าจอข้างหน้าและตรงกลางในขณะที่ล็อค Home Screen และ Notification Drawer

Do It Later จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญที่จะต้องทำ ถ้าผู้ใช้อยู่ระหว่างการเขียนอีเมลและรับสายโทรเข้า ก็จะมีปุ่มด้านล่างทำการเตือนให้ผู้ใช้โทรกลับสายที่โทรเข้าภายหลัง ผู้ใช้สามารถบันทึกสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ เช่น บทความ วีดีโอบน YouTube หรือเว็บไซต์อื่นๆ การเตือนหรือการบันทึกแต่ละอันจะได้รับการจัดเก็บไปที่แอพพลิเคชั่น Do It Later ที่ได้รวบรวมทางลัดของสิ่งที่จะต้องทำเข้าไปด้วย เช่น โทรหาผู้ติดต่อหรือเข้าชมเว็บไซต์ต่าง ๆ

PixelMasterการถ่ายภาพให้เหมือนมืออาชีพ ในทุกๆโอกาส

สมาร์โฟน ZenFone ทุกเครื่องจะประกอบไปด้วยเทคโนโลยี PixelMaster ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพสุดพิเศษของทาง เอซุส ที่จะรวมคุณสมบัติของ Selfie Mode และ Depth of Field Mode ที่จะทำให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอที่สวยงามได้อย่างง่ายดาย คุณสมบัติเพิ่มเติมของ PixelMaster ซึ่งก็คือ Low-Light Mode และ Time Rewind ซึ่งจะมาพร้อมกับ ZenFone 5 และ ZenFone 6

Low-light Mode จะเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปในขณะที่ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย โดยจะปรับเปลี่ยนขนาดของพิกเซลได้อย่างชาญฉลาดที่สามารถปรับเพิ่มความสว่างได้ถึง 400% และความคมชัดได้ถึง 200% จึงทำให้ผู้ใช้ได้รูปภาพที่ชัดและสว่างโดยไม่จำเป็นต้องใช้แสงแฟลช นอกจากนี้ Electronic Image Stabilizer (EIS) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อยโดยจะส่งผลให้ได้ภาพที่คมชัดและไม่เบลอ นอกจากนั้น Low-light Mode ยังสามารถใช้ได้กับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อีกด้วย

การถ่ายภาพเคลื่อนไหวสามารถเป็นสิ่งท้าทายเนื่องมาจากการสั่นสะเทือนของวัตถุแต่ Time Rewind จะสามารถจับภาพในช่วงเวลาที่สมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย โดยการถ่ายภาพหลายๆ ภาพอย่างอัตโนมัติทำให้โอกาสของการได้รับภาพที่สมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากที่ผู้ใช้ถ่ายภาพเหล่านั้นแล้วผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูภาพเหล่านั้นและเลือกภาพที่ดีสุดได้หรือสามารถบันทึกภาพทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

Selfie Mode คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะทำให้สามารถถ่ายภาพตนเอง (Selfies) ได้อย่างมีคุณภาพสูงและยังสามารถทำให้ผู้ใช้ ใช้กล้องด้านหลังที่มีความละเอียดสูงแทนที่กล้องข้างหน้าที่ให้ความละเอียดที่ต่ำในการถ่ายภาพตนเองหรือกับกลุ่มเพื่อนได้ กล้องถ่ายภาพจะตรวจจับจำนวนของคนที่อยู่ในกรอบอย่างอัตโนมัติและจะเริ่มนับถอยหลังก่อนที่จะถ่ายภาพสามภาพ หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดเพื่อที่จะบันทึกหรือแบ่งปันทางออนไลน์

Depth of Field Mode จะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพที่โฟกัสได้อย่างคมชัดด้วยพื้นหลังที่เบลอซึ่งการถ่ายภาพเช่นนี้ช่างภาพจะรับรู้กันเป็นอย่างดีว่าสามารถทำได้กับกล้องถ่ายภาพแบบไฮเอนด์เท่านั้น

]]>
57827
ASUS และ Gview ผนึกกำลังกระตุ้นตลาด “ครั้งแรกในเมืองไทย ปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ไหม้ มูลค่าสูงสุด 80,000 บาท” https://positioningmag.com/52269 Mon, 14 Jun 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=52269

ASUS ผนึก Gview สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ประกาศแคมเปญ “ครั้งแรกในเมืองไทย กับการปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ไหม้ รับประกันมูลค่าสูงสุด 80,000 บาท” สำหรับลูกค้าที่ซื้อเมนบอร์ดของอัสซุสทุกรุ่นที่มีฟังก์ชั่น Anti – Surge ควบคู่กับเคส และ พาวเวอร์ ซัพพลาย ของ Gview – Chi-La เริ่มวันนี้ – 31 ธันวาคม ศกนี้

นายธนภัทร เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเหลียน คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้ผลิต จำหน่ายเคสและพาวเวอร์ซัพพลาย Gview และนำเข้าอุปกรณ์ไอทีทรงประสิทธิภาพ เปิดเผยถึง การบรรลุข้อตกลงในกิจกรรมส่งเสริมการขายกับ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านสินค้าเมนบอร์ดที่มีฟังก์ชั่น Anti-Surge เป็นรายแรกและเป็นรายเดียวที่รับประกันการไหม้ของเมนบอร์ด ด้วยแคมเปญ “ครั้งแรกในเมืองไทย ปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ไหม้ มูลค่าสูงสุด 80,000 บาท” เพื่อรับประกัน พร้อมกำหนดมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และตอบแทนความไว้ใจของลูกค้าที่ให้การสนับสนุนในผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพของทั้ง 2 บริษัทเป็นอย่างดีมาโดยตลอด อีกทั้งเพื่อยืนยันในมาตรฐานสินค้า ต่อเนื่องการสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการของบริษัท โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เคสและพาวเวอร์ ซัพพลายของ Gview และ Chi-La ที่ได้มีการพัฒนาสินค้าจนได้รับการยอมรับ ตลอดจนตอกย้ำด้วยเมนบอร์ดคุณภาพจาก ASUS เพียงรายเดียวในตลาดที่มีฟังก์ชั่น Anti-Surge ที่สามารถหยุดการจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ในทันทีที่เกิดการกระชากของไฟหรือการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ไม่ปกติ

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเมนบอร์ดทรงพลังรายใหญ่และรายแรกของประเทศ ภายใต้แบรนด์ ASUS กล่าวถึง ระยะเวลาของความร่วมมือครั้งนี้ กำหนดเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 โดยลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์อัสซุสมาเธอร์บอร์ด ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Anti-Surge ทุกรุ่น ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เคสและพาวเวอร์ ซัพพลายของ Gview และ Chi-La จะได้รับการรับประกันการปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ไหม้ ไม่ว่าจะเกิดจากผลิตภัณฑ์ของ ASUS หรือ Gview , Chi-La ในมูลค่าสูงสุดถึง 80,000 บาท เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้ประโยชน์ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นไปอีก จากเดิมที่ ASUS เองมี “Burn Warranty” รับประกันการไหม้ของเมนบอร์ดใน 3 ส่วน ประกอบด้วย Power module, LAN & Codec Module และ SIO Module ภายในระยะเวลา 3 ปี เช่นกัน ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ที่การลงทุนต้องคุ้มค่าและได้ประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถมาตอบโจทก์ความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างดี ด้วยวงเงินรับประกันเพิ่มเติมที่มีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก

”ASUS พัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ด สร้างมาตรฐานใหม่ของระบบความปลอดภัยของมาเธอร์บอร์ด ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของอัสซุส เรียกว่า “ASUS Protect 3.0” มี Low Radiation Circuit Design และ Radiation Moat Design ทำหน้าที่ควบคุมการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้อยู่ในอัตราต่ำและสามารถลดอัตราการแพร่รังสีของคลื่นแม่เหล็กได้ถึง 50% ป้องกันการรั่วไหลของคลื่นแม่เหล็ก และได้พัฒนา ASUS EPU (Energy Processing Unit) ที่ช่วยจัดสรรการ

ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถลดการใช้พลังงานโดยรวมของระบบได้มากสูงสุดเฉลี่ยถึง 80.23% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ จากการผลิตกำลังไฟฟ้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ฟังก์ชั่น Anti-Surge ก็สามารถหยุดการจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ในทันทีที่เกิดการกระชากของไฟ”

นายธนภัทร กล่าวเสริมว่า ด้วยแคมเปญ ”ครั้งแรกในประเทศไทยกับ ASUS & Gview” ที่ลูกค้าสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้จากตัวแทนจำหน่ายของทั้ง 2 บริษัท และเงื่อนไขการรับประกันนั้น ลูกค้าต้องใช้เมนบอร์ด ASUS รุ่นที่มี Anti-Surge เท่านั้น กับ Gview Case (พร้อม Power Supply Gview ) Chi-La Case (พร้อม Power Supply Chi-La) หรือ Gview Power Supply (ขายแยก) ทั้งนี้ความเสียหายของชิ้นส่วนอื่นๆ นอกจากเมนบอร์ดจะวินิจฉัย จากเมนบอร์ดของ ASUS ที่มีรอยไหม้ก่อน เป็นสาเหตุหลัก และการจ่ายเงินประกันจะจ่ายตามจริง ตามจำนวนชิ้นส่วน ไม่เกินวงเงินที่ระบุ ในแคมเปญ ตลอดจนลูกค้าที่เกิดปัญหาในการใช้งาน สามารถติดต่อผ่านเลขหมายฮอตไลน์ Gview Center 02-3833389 # 111 Mobile : 084-1461990 , 084-9126358 ได้ทันที

]]>
52269
“อัสซุส” ท้าคอเกมสัมผัส ASUS G51J 3D สุดยอดโน้ตบุ๊กเกมเมอร์ ระบบภาพ 3 มิติ https://positioningmag.com/51741 Tue, 20 Apr 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51741

อัสซุส ขอท้าสาวกเกมเมอร์ ร่วมสัมผัสกับมิติใหม่ของการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ผ่านเทคโนโลยีระบบภาพ 3 มิติ ที่ให้ภาพคมชัดสมบูรณ์แบบกว่าที่เคยมีมา จากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอัสซุส G Series รุ่นล่าสุด G51J 3D Vision ที่ไม่เพียงแต่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมพีซีที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นสุดยอดอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ในรูปแบบภาพยนตร์ 3 มิติ ที่พร้อมร่วมเดินทางไปกับคุณได้ทุกที่ทุกเวลา

ASUS G51J 3D Vision ประมวลผลด้วยซีพียูสุดแรง quad-core Intel? Core? i7 ผสานกับการ์ดจอ NVIDIA? GTX 260M ที่แสดงผลแบบ DirectX 10 เพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบพร้อมใช้งานด้วยระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows? 7 (64 bit) ที่มากับหน่วยความจำ RAM DDR3 ที่รองรับการอัพเกรดได้สูงสุดถึง 4GB พร้อมติดตั้งกล้องความละเอียด 2 Mega Pixels ในตัวเครื่อง และDrive Blu-ray Combo สำหรับการชมภาพยนตร์ และบันทึกข้อมูลลงบนดีวีดีได้

G51J 3D เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้กราฟิกการ์ด NVIDIA? 3D ที่ให้การมองเห็นภาพ 3 มิติที่คมชัดเป็นพิเศษทั้งรูปภาพ เกม และภาพยนตร์ ผ่านจอภาพแบบ LED-backlit display ขนาด 15.6 นิ้ว (1366 x 768) ด้วย GPU Driver และอุปกรณ์รับสัญญาณขนาดความถี่ 60Hz เมื่อแสดงภาพปกติและ 120Hz เมื่อแสดงภาพแบบ 3 มิติ โดยทำงานร่วมกับแว่น 3 มิติ (3D Vision?) เพื่อการมองเห็นภาพที่สว่าง ชัดเจน และสมจริงทุกมุมมอง นอกจากนี้ยังใช้ระบบเสียง Creative EAX Advance HD 4.0 (ระบบเสียงแบบ 7.1) ที่ให้โสตสัมผัสที่ยอดเยี่ยมเกินบรรยาย  

เชิญสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการชมภาพ เล่นเกม และดูหนังที่เสมือนมีชีวิตได้แล้ววันนี้ กับ ASUS G51J 3D Vision ที่มาพร้อมแว่น 3 มิติ NVIDIA? 3D Vision?, USB RAZER Gaming Mouse และกระเป๋า ASUS G-Gamer สุดเท่ไม่ซ้ำใคร ในราคา 79,900 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สนใจติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอัสซุส หรือ ASUS Call Center ได้ที่เบอร์ 02-6798367 ถึง 71

]]>
51741