ไฮเนเก้น นำโดย นางสาวภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น บริษัท ที เอ พี เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัวซิตี้เลานจ์สุดล้ำจากแคมเปญระดับโลก ‘Heineken^® Pop-up City Lounge'(ไฮเนเก้น ป๊อบอัพ ซิตี้ เลานจ์) ที่นำมาเปิดให้คนไทยได้สัมผัสก่อนใครเป็นแห่งแรกในเอเชีย โดยปฏิวัติรูปแบบการสังสรรค์ระดับพรีเมียมด้วยที่สุดแห่งดีไซน์และความบันเทิง พร้อมผนึก S’Mores (สมอร์) นำเสนอเมนูอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งบริการสุดพิเศษ โดยมี กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ร่วมแสดงความยินดีภายในงาน

มาร่วมเฉลิมฉลองส่งท้ายปีกับซิตี้เลานจ์ระดับเวิลด์คลาส ‘Heineken^® Pop-up City Lounge’ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคมศกนี้ ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลการจองโต๊ะได้ที่ Facebook.com/Heinekenหรือโทร. 081-640-9970

“ไทเกอร์เบียร์” แบรนด์เครื่องดื่มเอเชียชั้นนำระดับโลก คิกออฟโกลบอลแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “UNCAGE” (อันเคจ) ครั้งแรกใน 25 ประเทศทั่วเอเชีย กระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้ปลดปล่อย “ความกล้า” ออกตามล่า “ตัวตน” และ “ใช้ชีวิตในแบบที่เลือกเอง” ด้วย 3 ภาพยนตร์สั้นเสนอเรื่องราวจากชีวิตจริงของคนรุ่นใหม่ ผู้กล้ากระโดดเข้าหาฝัน ทะลายทุกทางตันสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง

นายณัฐดนัย ปัทมาคม ผู้จัดการอาวุโสผลิตภัณฑ์ “ไทเกอร์เบียร์” บริษัท ทีเอพี เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ไทเกอร์เบียร์” ได้มุ่งเน้นสะท้อนภาพลักษณ์ความโดดเด่นของแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำแบบใครครั้งใหม่ โดยที่ผ่านมาได้สร้างสรรค์แคมเปญเพื่อคนรุ่นใหม่ จนเป็น “ไอคอนนิก แบรนด์” ชั้นนำของเอเชีย ที่โด่งดังและเป็นที่ยอมรับในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์และการกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆอย่างไม่หยุดมาแล้วกว่า 82 ปี ล่าสุด ได้นำเสนอโกลบอลแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ ใน 25 ประเทศโดยเริ่มคิกออฟในเอเชียก่อน เริ่มต้นที่ สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฯลฯ ภายใต้ชื่อ “UNCAGE” (อันเคจ) แคมเปญที่กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ปลดปล่อย “ความกล้า”ออกตามล่า “ตัวตน” เพื่อก้าวสู่อิสระทางความคิด ที่คุณเป็นผู้กำหนดจุดมุ่งหมายและเลือกที่จะกำกับ “เส้นทางชีวิต” ได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ได้นำเสนอผ่านเรื่องราวจากชีวิตจริงของ 3 คนรุ่นใหม่ จาก 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ที่กล้าออกจากกรอบความคิดที่คุ้นเคยในแบบเดิมๆ หรือเส้นทางชีวิตที่ถูกกำหนดด้วยความมุ่งหวังของครอบครัวสู่เสรีภาพทางความคิดจนสามารถ “ใช้ชีวิต” ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเรื่องราวทั้ง 3 ถูกถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์สั้นที่สะท้อนถึงการปลดปล่อยความกล้าในตัวเองจนประสบความสำเร็จ พร้อมๆ กับเป็นแรงบันดาลใจที่กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าออกมาเลือกทางเดินของตัวเอง อาทิแอนโธนี เฉิน (Anthony Chen) ประเทศสิงคโปร์ ชายหนุ่มที่ถูกคาดหวังให้มีหน้าที่การงานที่มั่นคงทางการเงินแบบคนอื่นๆ ทั่วไปในสังคม แต่แล้วเขากลับหลงใหลในบทบาทของการเป็น “นักสร้างภาพยนตร์” จนสามารถคว้ารางวัล “กล้องทองคำ” (Camera D’Or) จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2556 จากภาพยนตร์เรื่อง ‘ILO ILO’ หรือ โจอี้ แปง (Joey Pang) ประเทศฮ่องกง อาร์ตติสท์สาวผู้พิสูจน์ความสามารถด้วยมุมมองทาง “ศิลปะ” สู่เส้นทางของอาชีพ “ช่างสัก” (Tattoo) ที่ท้าทายกรอบของสังคมสำหรับผู้หญิงจีน

สำหรับประเทศไทยได้นำเสนอเรื่องราวของชีวิตจริงของ “สตั้นต์แมน” ที่น่าจับตามองอย่าง ชาลี เลิศโภคานนท์ (Charlie Ruedpokanon) จากที่เรียนจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ ตามความคาดหวังของพ่อแม่ ที่ต้องการให้เขามีชีวิตการงานที่ดี แต่ “ชาลี” ก็เลือกที่จะทำตาม “ความฝัน” ของตัวเอง ที่เขาอยากจะมีความสามารถและโลดแล่นอยู่บนเส้นทางภาพยนตร์แอคชั่นระดับโลกเหมือนราชานักบู๊คนดังอย่าง “เฉินหลง” เขาได้ตัดสินใจกำหนดชีวิตด้วยการเลือกเส้นทางชีวิตตามความต้องการของตัวเอง โดยกล้าที่จะกระโดดเข้าหาฝัน และฝ่าฝันทุกอุปสรรคและทางตันต่างๆ จนทุกวันนี้ “ชาลี” กลายเป็นนักแสดงสตั้นต์แมนดาวรุ่งที่มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ระดับโลก

ติดตามเรื่องราวของแคมเปญ “UNCAGE” (อันเคจ) ได้ทาง www.facebook.com/tigerbeer

เพื่อฉลอง 10 ปีแห่งมิตรภาพของ “ช้างและเอฟเวอร์ตัน” โปรเจคนี้ ไม่มีธรรมดาสำหรับ คุณวรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดกิจกรรม “More Good Years” พาแฟนบอลควงเพื่อนซี้บินลัดฟ้าสู่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ชมการแข่งขันนัดประวัติศาสตร์ที่ “ทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินเอฟเวอร์ตัน” เอาชนะ “ทีมปีศาจแดงแมนฯยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยนำแฟนช้างชมการแข่งขันในห้อง VIP BOX สุดหรูแบบติดขอบสนามที่สำรองไว้เพื่อแฟนช้างเท่านั้น แถมเซอร์ไพรส์ Meet &Greet จากนักเตะตัวจริงแวะมาทักทายกันถึงที่นั่ง ตื่นตาตื่นใจกับ ทัวร์กูดิสัน ปาร์ค สเตเดี้ยม สนามฟุตบอลระดับตำนานแบบทุกซออกทุกมุม และโอกาสในการเตะลูกโทษมุมสนาม อีกด้วย  เอ็กซ์คลูซีฟขนาดนี้มีแต่ “ช้าง” สปอนเซอร์หลักทีมสโมสรเอฟเวอร์ตันเท่านั้นที่ให้ได้

นับเป็นการสร้าง Experimental Marketing รูปแบบใหม่จาก “ช้าง” ผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อายุ 25 – 45 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล งานนี้ได้ใจแฟนบอลไปเต็มๆ ติดตามและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ระดับโลกครั้งต่อไปจาก “ช้าง” ได้ที่ www.facebook.com/ChangWorld

การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน ต้องใช้องค์ประกอบหลายๆ อย่าง ในการช่วยตอกย้ำ ทำให้แบรนด์เกิดการจดจำ พร้อมสื่ออารมณ์ความรู้สึกไปในทิศทางที่ตั้งไว้  ในปีนี้ “เบียร์ช้าง” ได้ส่งหนังโฆษณาชุดใหม่ “เรียลเฟรนด์ชิป” [Real Friendship] โดยนำเสนอเรื่องราวดีๆ สู่สังคม ภายใต้คอนเซ็ปต์ มิตรภาพของความเป็นเพื่อนแท้ที่สามารถเติมเต็มเรื่องราวดีๆ ของชีวิตให้กันและกันได้ทุกเรื่อง ทั้งการแบ่งปัน ความสนุก ความสุข และการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม สิ่งที่ตามมาก็คือ ความผูกพัน และ มิตรภาพที่แน่นแฟ้น ที่เติมเต็มให้แก่กันตลอดเวลา

หนังโฆษณาชุดใหม่ “เรียลเฟรนด์ชิป” [Real Friendship] “เบียร์ช้าง” ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับ มิตรภาพ โดยเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่เป็นคนรุ่นใหม่  3 คน ร่วมฉลองการเลื่อนตำแหน่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีการสังสรรค์และนั่งเชียร์ฟุตบอลไปด้วยอย่างสนุกสนาน ซึ่งทุกคนต่างมีความมีความสุขกับความสำเร็จของ “เพื่อน” เนื้อเรื่องของหนังโฆษณา ยังเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์สำคัญ ที่ทั้ง 3 คน ได้มีส่วนร่วมกันช่วยเหลือลูกช้างตกหล่มในป่าใหญ่ เมื่อช่วยช้างสำเร็จ ทุกคนแสดงถึงน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือด้วยจับมือกันอย่างแนบแน่น  

ในท้ายที่สุดของหนังโฆษณาชุด “เรียลเฟรนด์ชิป” [Real Friendship] สื่อให้เห็นถึงผลตอบรับจากความดี โดย เพื่อนกลุ่มนี้ ได้รับเกียรติบัตรจาก “โครงช้างช่วยช้าง”  ในมู้ดแอนด์โทนที่ดูสนุกสนาน สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพ ที่ช่วย เติมให้เต็มคำว่า “เพื่อน” ได้อย่างชัดเจน สำหรับ หนังโฆษณาชุด “Real Friendship” ของ “เบียร์ช้าง” ชุดนี้ คาดหวังว่า จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คำว่า “เพื่อน” ของคนทุกๆ กลุ่มในสังคม ได้มีส่วนร่วมกัน แบ่งปัน เพิ่มความสนุก เพิ่มความสุข และช่วยการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม ให้เพิ่มมากขึ้นอีกต่อๆ ไป เช่นเดียวกับ “เบียร์ช้าง” ที่อยู่เคียงคู่ และพร้อมจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ภายใต้แบรนด์ “ช้าง” ที่อยู่ในใจของทุกๆ คน

หนังโฆษณาชุด “เรียลเฟรนด์ชิป” [Real Friendship] มีความยาว 45 วินาที สร้างสรรค์โดย “แอมเมกซ์ ทีม แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง”  ซึ่งได้มอบหมายให้ พันธุ์ศูรย์ สุคนธปฏิภาค ทำหน้าที่ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ ,ทินกร จิตติวัฒนพงศ์ ทำหน้าก็อปปี้ ไรท์เตอร์,เสรี ออสมัน และ นิศากานต์ พรมธาดา ทำหน้าที่ อาร์ตไดเรคเตอร์ ,พงศ์ไพบูลย์ สิทธิคู ทำหน้าที่ ไดเรคเตอร์ และ เดอะฟิลม์ แฟคตอรี่ ทำหน้าที่ โปรดักชั่นเฮ้าส์ จนได้ผลงานระดับคุณภาพ ทั้งนี้ สามารถติดตามชม หนังโฆณษาชุด “เรียลเฟรนด์ชิป” [Real Friendship] ของ “เบียร์ช้าง” ผ่านสื่อโทรทัศน์ทุกช่อง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

อาซาฮี โดย บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เนรมิตช่วงเวลาสุดแสนพิเศษในกิจกรรมดินเนอร์ปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้แคมเปญ “HAVE A SUPER DAY เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพิเศษ กับอาซาฮี ซุปเปอร์ ดราย (ASAHI SUPER DRY)” พร้อมชวนร่วมดื่มด่ำประสบการณ์ความลงตัวกับสุดยอดเมนูอาหารระดับอินเตอร์ ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างตั้งใจครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อกิจกรรมในครั้งนี้โดยเฉพาะ โดยสุดยอดเชฟกระทะเหล็กระดับตำนานอย่างเชฟจํานงค์ นิรังสรรค์และเชฟสิทธิภัท โพธิ์สวย ปิดท้ายภาพความประทับใจด้วยมินิคอนเสิร์ตสุดมันจากศิลปินชั้นนำของเมืองไทย นำโดย บุรินทร์ และดิ โอล สคูล ออล สตาร์, ตู่ – ภพธร สุนทรญาณกิจ และแทททูคัลเลอร์ ณ ร้านบอททอม อัพ ทองหล่อ

นายวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญ “HAVE A SUPER DAY เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพิเศษ กับอาซาฮี ซุปเปอร์ ดราย (ASAHI SUPER DRY)” เป็นแคมเปญที่ต้องการสื่อสารว่าช่วงเวลาพิเศษสามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คุณลองปรับเปลี่ยนมุมมอง วิธีคิด และแนวทางในการดำเนินชีวิต ให้ลองมองหาความสุขจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เพียงเท่านี้หนึ่งวันธรรมดา ก็สามารถกลายเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษได้ง่ายดาย ซึ่งจากแคมเปญดังกล่าวนี้ นับว่าเป็นแนวคิดใหม่ของการสื่อสารทางการตลาด ที่ทางแบรนด์ต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ถึงความเป็นมิตร ความเป็นกันเอง เพื่อสร้างความใกล้ชิดและความผูกพันธ์กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น”

“สำหรับกิจกรรมดินเนอร์ปาร์ตี้ในครั้งนี้ นับว่าเป็นกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ HAVE A SUPER DAY เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพิเศษกับอาซาฮี ซุปเปอร์ดราย (ASAHI SUPERDRY)” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการนำเสนออีกหนึ่งมุมมองในการสร้างช่วงเวลาพิเศษง่ายๆ ด้วยการเปิดประสบการณ์การดื่มด่ำอาหารเลิศรส ที่คุณสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันกับคนพิเศษรอบตัวคุณ ซึ่งไฮไลท์พิเศษของกิจกรรมนี้ คือ การนำเสนอดินเนอร์คอร์สเมนูระดับอินเตอร์เนชั่นแนล โดยเมนูทั้งหมดล้วนเป็นเมนูที่ผ่านการคิดค้นและรังสรรค์มาเป็นพิเศษครั้งแรกในโลกเพื่อกิจกรรมในครั้งนี้โดยเฉพาะ โดยสุดยอดเชฟกระทะเหล็กชื่อดัง อย่างเชฟจํานงค์ นิรังสรรค์ และเชฟสิทธิภัท โพธิ์สวย และนอกจากนี้ยังมีศิลปินชั้นนำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บุรินทร์ และ ดิ โอล สคูล ออล สตาร์ ตู่ – ภพธร สุนทรญาณกิจ และแทททูคัลเลอร์ มาร่วมปิดท้ายช่วงเวลาอันสุดแสนพิเศษในครั้งนี้ ให้เป็นภาพความทรงจำสุดประทับใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ” นายวรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

เชฟสิทธิภัท โพธิ์สวย หนึ่งในเชฟผู้รังสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษ กล่าวว่า “สำหรับเมนูอาหารในค่ำคืนนี้ เป็นการคิดค้นและรังสรรค์เมนูอาหารที่เน้นการตอบโจทย์รสนิยมการรับประทานที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล ผ่านการใช้วัตถุดิบชั้นดีต่างๆ เพื่อให้ได้อาหารที่มีรูป รส กลิ่น สี และเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ผสนผสานความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ส่วนตัว จนกลายเป็นดินเนอร์คอร์ส 5 เมนูที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน ที่ให้ผู้รับประทานสามารถดื่มด่ำกับอรรถรสของอาหารเลิศรสจนกลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่ยากจะลืมเลือน โดยเริ่มต้นที่เมนูเรียกน้ำย่อยกับเมนู Seared Hokkaido Scallop with Mango Mousse and Herb Salsa ซึ่งเมนูนี้ใช้หอยเชลล์นำเข้าจากฮอกไกโดมาเซียร์ให้ได้สีทั้งสองข้าง ทำให้เนื้อด้านนอกมีความแน่น แต่ในขณะเดียวกันรักษาความนุ่มของด้านในไว้ ด้วยกลิ่นหอมของหอยเชลล์นี้เข้ากันได้ดีกับมูสมะม่วงและตัดความหอมหวานอมเปรี้ยวด้วยซัลซ่าสมุนไพร ตามมาด้วยคอร์สที่ 2 กับ Rocket Salad with Imported King Crab, Berries Jam and Berries Emulsion ซึ่งจุดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่การใช้คิงแครปเกรดพรีเมี่ยมนำเข้า มาปรุงอย่างพิถีพิถันแล้วแกะเอาแต่เนื้อมาใช้กับสลัดร็อคเก็ต โดยจานนี้จะมีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ความแน่นจากเนื้อปู ความกรอบจากไชเท้าดอง ความนุ่มนวลจากแยมบลูเบอร์รี่และเบอร์รี่อิมัลชั่น”

“ต่อมากับเมนูที่มีชื่อว่า Parmesan-Baked Chicken Thigh with French Moral and Carrot White Truffle Puree เป็นการนำสะโพกไก่ทอดด้วยไฟอ่อนจนหอม แล้วนำไปอบพร้อมชีสพาร์มีซานให้รสชาติเค็มเล็กน้อยและมีความมันในตัวหน่อยๆ ซึ่งอร่อยลงตัวกับซอสแครรอทพิวเรที่มีรสชาติกลมกล่อม สามารถเข้ากันได้ดีกับอาซาฮี ซุปเปอร์ดราย เสิร์ฟพร้อมกับแครอทอบ บล็อคคอลี่ลวก และเห็ดย่าง ที่ให้เนื้อสัมผัสและอรรถรสที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผสมผสานกันระหว่างของเห็ดนานาชนิด ทั้งเห็ดมอรอลและเห็ดไวท์ทรัฟเฟิลจากฝรั่งเศส และเห็ดพอริชินีกับเห็ดแคปจากอิตาลีอีกด้วย ตามมาด้วยเมนูที่ 4 กับ Pan-fried Imported Snowfish with French Moral and White Truffle Lobster Cream ซึ่งเมนูนี้เป็นการนำปลาหิมะมาทอดจนได้สีเหลืองทอง เสิร์ฟคู่กับซอสครีมกุ้งที่เคี่ยวเป็นเวลานานทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม ที่มาพร้อมกับเห็ดมอรอลและเห็ดไวท์ทรัฟเฟิลจากฝรั่งเศส และเห็ดพอริชินีกับเห็นแคปจากอิตาลี จากรสชาติที่เข้มข้นนี้เอง ทำให้อาซาฮี ซุปเปอร์ดรายเข้ามามีบทบาทในการสร้างสมดุลให้รสชาติอาหารเบาบางลงได้อย่างดีเยี่ยม”

“ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานกับ Cheese Cake with Caramelized Beer Sauce ซึ่งถือว่าเป็นเมนูที่ท้าทายความสามารถที่สุดกับโจทย์ต้องเสิร์ฟขนมหวานคู่กับเบียร์ ฉะนั้นเชฟจึงรังสรรค์ออกมาในรูปของชีสเค้กที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน และใช้ซอสเบียร์คาราเมลที่มีความขมอมหวานเล็กๆ เป็นตัวตัดรสชาติ และด้วยความหอมหวานเฉพาะตัวของซอสชนิดนี้ จึงเข้ากันได้อย่างลงตัวกับเบียร์ดำ โดยเทคนิคการรับประทานอยู่ที่การดื่มเบียร์ตามขนมหวาน เพราะกลิ่นเบียร์คาราเมลยังคงอบอวนอยู่ในปากผู้ทาน เมื่อดื่มเบียร์ตามกลิ่นและรสของเบียร์จะถูกผสมจนเข้ากัน และผู้รับประทานจะไม่รู้สึกว่าขนมจานนี้หวานจนเกินไปนั่นเอง”

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากดาราและเซเลบริตี้ชั้นนำเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ เจนสุดา ปานโต พิตต้า ณ พัทลุง ชาคริต – วิริฒิพา แย้มนาม พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร มี่ – มิลิน ยุวจรัสกุล รอง – จิตต์สิงห์ สมบุญ มธุริน พสวงศ์ มนตร์ลดา พงษ์พานิช ดวงพร บุญยะจินดา มาร์ติน ฮุนตระกูล วิสาข์ อัมระนันทน์ เป็นต้น

สามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ และโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญ “HAVE A SUPER DAY เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพิเศษกับอาซาฮี ซุปเปอร์ ดราย (ASAHI SUPER DRY)” ได้แล้วที่แฟนเพจ www.facebook.com/asahisuperdrybeer และ Instagram : Asahibeerclub

หลังจากที่เปิดตัวแคมเปญ “ชีวิตของเรา ใช้ซะ”มาเมื่อปลายปี 2011 โดยหวังว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ช้างวัยรุ่น มีความทันสมัยขึ้นในความรู้สึกของผู้บริโภค  หลังจากนั้นก็ต่อยอดคอนเซ็ปท์ดังกล่าวด้วยการทำ Sport Marketing เป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลสุดยอดของโลก บาร์เซโลน่าและรีลแมดริด ซึ่งก็ทำให้แบรนด์ช้างเข้าถึงเป้าหมายผู้ชาย ซึ่งเป็น Core Target ของเบียร์ วัย 20-34 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2012 ช้างจึงทำ Music Marketing ผ่าน วงบอดี้สแลม ซึ่งน่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เด็กกว่าเดิมในวัย 20-30 ปี ทั้งชาย-หญิง

นอกจากนี้ยังเข้าสนับสนุนกิจกรรมดนตรีขนาดใหญ่อีกรวม 5 คอนเสิร์ตในปลายปี ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท ทั้งหมดนี้ ช้างคาดหวังว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 15% รวมมีส่วนแบ่งตลาด 35% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

เร็วๆนี้ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าสปาร์คกลิ้งไวน์ชองดอง (Chandon) นำโดยมลฤดี ยุทธนาระวีศักดิ์ (กลาง) ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์สินค้าชองดองและไวน์ จับมือกับร้าน Mellow Restaurant & Bar นำเสนอเทรนด์ Brunch แนวใหม่ เอาใจคนรักสปาร์คกลิ้งไวน์ด้วยเมนูพิเศษ “Chandon Bubbles & Brunch by Mellow” รังสรรค์ขึ้นคู่กับชองดอง โดยมี มร.เกลนน์ ทอมป์สัน (ซ้าย) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต สปาร์คกลิ้งไวน์จากไร่โดเมนชองดอง ประเทศออสเตรเลีย ร่วมเผยความพิเศษระดับพรีเมี่ยมของชองดอง สปาร์คกลิ้งไวน์ครั้งแรกในประเทศไทย และป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ (ขวา) ร่วมเผยประสบการณ์ความประทับใจสุดพิเศษ ณ ร้าน Mellow Restaurant & Bar ทองหล่อj

มาร์ตินี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สัญชาติอิตาลี ออกแคมเปญเมาไม่ขับ…กลับแท๊กซี่ดีกว่า โดยความพิเศษของแคมเปญอยู่ที่ เจ้าตู้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แบบ Interactive ซึ่งตู้เหล่านี้ถูกวางไปทั่วผับบาร์ในรัสเซีย

โดยเมื่อลูกค้าสั่งเครื่องดื่มของมาร์ตินี่ก็จะได้หลอดมาเพื่อไปเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์กับตู้ ซึ่งหากตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ที่มากเกินกำหนด ก็จะมีบริการแท๊กซี่มารับโดยใส่เบอร์โทรของเราลงไปในตู้ จากนั้นแท๊กซี่ก็จะคอนเฟิร์มการมารับ และเรายังสามารถปริ้นท์คูปองส่วนลดค่าแท๊กซี่ 30% ได้อีกด้วย นอกจากนี้เรายังแชร์รูปตอนเป่าวัดแอลกอฮอล์กับเจ้าตู้นี้ไปยัง Social media ได้อีกต่างหาก เป็นแคมเปญที่แสดงถึงความแคร์ได้อย่างคูลทีเดียว

ไฮเนเก้นเป็นแบรนด์ที่ชูภาพลักษณ์ด้าน Music Marketing มาโดยตลอด และเมื่อต้องการโปรโมตโกลบอล แคมเปญ Open Your World ไฮเนเก้น โปแลนด์ จึงจัดมหกรรมดนตรีที่มีชื่อว่า Heineken Open’er Festival ที่ได้ศิลปินระดับ Coldplay และ Prince มาร่วมแสดง กิจกรรมสนุกๆ ของไฮเนเก้นที่สร้างสรรค์โดย Leo Buenett โปแลนด์

เริ่มต้นจากอินไซท์ของผู้ชมที่เดินทางมาชมดนตรีมาจาก 1.ต้องการดูคอนเสิร์ตสุดมัน 2.อยากรู้จักเพื่อนใหม่ ดังนั้นไฮเนเก้นจึงหาวิธีที่ทำให้ผู้ชมรู้จักกันง่ายขึ้น ตามสไตล์หนุ่ม-สาวยุคไซเบอร์ผ่าน QR Code 

ผู้ชมแต่ละคนที่อยากแนะนำตัวเองก็แค่เข้าไปแจ้งข้อมูลกับไฮเนเก้น หลังจากนั้นทีมงานก็จะพิมพ์สติกเกอร์ QR Code เพื่อให้ผู้ชมคนนั้นเอาไปติดเสื้อผ้า ภายใต้โค้ดดังกล่าวจะมีข้อมูลของบุคคลคนนั้น ใครอยากรู้จักเขาหรือเธอก็แค่หยิบมือถือขึ้นมาสแกนโค้ดได้เลย 

ผลของแคมเปญนี้รวมแล้วมีคนพรินต์ QR Code ติดเสื้อผ้าของตัวเอง 5 พันราย จากผู้ร่วมงาน 6 หมื่นราย ภายในระยะเวลา 4 วันของการจัดงานคอนเสิร์ตดังกล่าว มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 200% แคมเปญนี้เป็นตัวอย่างของการใช้ QR Code เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม และตอกย้ำ Brand Concept “Open Your World” ด้วยเรื่องง่ายๆ แต่สร้างการสื่อสารแบบ Interactive ระหว่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อทำให้เกิดควาทรงจำที่ดีในกิจกรรมการตลาดของแบรนด์ และการพรินต์สติกเกอร์ติดการเสื้อผ้าก็เป็นสื่อเคลื่อนที่ที่ใกล้ชิดกับผู้ชมเอง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เชื่อมโยงโลกออนไลน์กับกิจกรรมในชีวิตจริงแบบสนุกๆ