AsiaMX เป็นบริษัทที่ให้บริการสื่อโฆษณาแบบครอสมีเดีย โดยมีทั้งสื่อโฆษณาโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ หรือสื่อนอกบ้าน แต่โมเดลธุรกิจเป็นในรูปแบบของระบบ Programmatic ที่สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มอัตโนมัติเหมือนกับการจองตั๋วเครื่องบิน หรือจองโรงแรมเอง โดยให้นักโฆษณาหรือเอเยนซี่เป็นผู้ใช้งาน

ที่จริงระบบ Programmatic TV ไม่ใช่เรื่องใหม่มาก เพราะบางเอเยนซี่โฆษณาก็มีระบบนี้เพื่อรองรับการซื้อขายโฆษณาให้ลูกค้าเช่นกัน เพียงแต่ AsiaMX เป็นผู้เล่นที่ออกมาทำตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากได้ทดลองตลาดมาราว 6 เดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และล่าสุดได้เป็นพันธมิตรกับทาง “เดนท์สุ อีจีส เน็ตเวิร์ค”

โดยที่ปัจจุบัน AsiaMX ได้เปิดให้บริการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ในปีหน้าจะมีการขยายตลาดเพิ่มไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และเอเชียอย่างจีน และญี่ปุ่น

สาเหตุที่เลือกทำตลาดประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ นั้นเพราะว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ วงการมีเดียมีสีสันตลอด และยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องทีวีดิจิทัลยิ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการใช้บริการนี้ มีช่องโทรทัศน์เกิดขึ้นมาก และสื่อดิจิทัลมีการเติบโตขึ้นทุกปี

นิค ชัวห์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานพาณิชย์ เอเชีย มีเดีย เอ็กซ์เชนจ์ หรือ AsiaMX กล่าวว่า

ปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมในการดูสื่อหลายจอ แต่ทีวียังคงเป็นสื่อหลักอยู่ทั้งการสร้างการรับรู้ และรายได้ ตอนนี้เทคโนโลยีไปในเรื่องของระบบอัตโนมัตกันหมดแล้วทั้งจองโรงแรม เรียกรถแท็กซี่ แต่พบว่าโทรทัศน์ยังไม่มี ระบบ Programmatic TV จึงเข้ามช่วยทำให้นักโฆษณาและเอเยนซี่ทำงานได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น

มีรายงานการใช้งบโฆษณาล่าสุดโดย บริษัท คาราท (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า ประเทศไทยมีการใช้งบโฆษณาสื่อโทรทัศน์สูงเป็นสัดส่วน 63.1% ของงบโฆษณารวมทั้งหมด ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีสัดส่วน 46.4% เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่มีสัดส่วน 41.1%

AisaMX จะไม่ขายโฆษณาในทุกช่วงเวลาในช่องทีวี แต่จะได้โควตาเวลาโฆษณาจากทางสถานีโทรทัศน์อยู่ที่ชั่วโมงละ 1 นาที ส่วนช่องทีวีเคเบิลบางช่องอาจจะได้โควตาชั่วโมงละ 3 นาที ซึ่งตอนนี้ AsiaMX มีเม็ดเงินโฆษณาที่อยู่ในโควตาในระบบอยู่ราว 15,000 ล้านบาท แต่ไม่ใช่เม็ดเงินที่ที่การซื้อขายโฆษณา

โดยที่ AsiaMX ขอมีส่วนแบ่งส่วนแบ่งตลาด 1% จากตลาดรวมสื่อโฆษณาในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งตัวบริษัทเองจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ได้จากทางนักโฆษณา หรือเอเยนซี่