BYD – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 04 Oct 2025 01:51:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ยอดขาย ‘BYD’ ลดครั้งแรกในปี 2025 สวนทาง ‘คู่แข่ง’ กอดคอกันทำยอดขาย ทำลายสถิติ https://positioningmag.com/1541039 Fri, 03 Oct 2025 07:14:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1541039 แม้ช่วงนี้ (ก.ย.-ต.ค.) จะเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์จีนจะมียอดขายสูงสุดก็ตาม แต่เบอร์ 1 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกอย่าง BYD กลับมียอดส่งมอบ ลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นครั้งแรกในปี 2025 ซึ่งเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่าผู้นำตลาดรายนี้กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว

BYD รายงานยอดส่งมอบรถยนต์ในเดือนกันยายนที่ 393,060 คัน ซึ่งลดลงเกือบ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งที่ช่วงเดือนกันยายน ถือเป็นช่วงพีคของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน

โดยการลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่าบริษัทได้ ปรับลดเป้าหมายยอดขาย ประจำปีนี้ลงถึง 16% เหลือ 4.6 ล้านคัน ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดในตลาดประเทศจีน อย่างไรก็ตาม BYD ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนมากกว่า 54% ของยอดขายรถอีวีทั้งหมดในเดือนกันยายน

ในทางกลับกัน ค่ายรถ EV หน้าใหม่ ต่างสร้างสถิติใหม่ในการส่งมอบรถยนต์กันถ้วนหน้า โดยบางรายได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลง อาทิ 

  • Leapmotor: ส่งมอบรถยนต์ได้ 66,657 คัน ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นกว่า 97% เมื่อเทียบปีต่อปี และยังคงสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ โดยรถรุ่น C10 และ C16 ของ Leapmotor มียอดขายสูงสุดในกลุ่มราคาต่ำกว่า 200,000 หยวน
  • Harmony Intelligent Mobility Alliance: พันธมิตรที่ได้รับการสนับสนุนจาก Huawei ซึ่งรวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Aito, Chery และ Maextro ได้สร้างสถิติใหม่รายเดือนด้วยยอดส่งมอบ 52,916 คัน 
  • Xiaomi: สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบกว่า 40,000 คัน ในเดือนกันยายน โดยสูงกว่ายอดส่งมอบในเดือนมกราคมประมาณสองเท่า
  • Xpeng: ทำลายสถิติยอดส่งมอบรายเดือนของตัวเองเช่นกัน ด้วยยอด 41,581 คัน ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มขึ้น 10% 
  • Nio: รายงานยอดส่งมอบ 34,749 คัน ในเดือนกันยายน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง โดยเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายมาจาก Onvo ซึ่งเป็นแบรนด์รถ EV อัจฉริยะจับกลุ่มครอบครัว
  • Li Auto: ฟื้นตัวในเดือนกันยายนด้วยยอดส่งมอบ 33,951 คัน หลังจากมียอดขายต่ำกว่าระดับปกติที่ 30,000 คันติดต่อกันสองเดือน 
  • Zeekr: ของค่าย Geely ส่งมอบรถยนต์ได้ 18,257 คัน ในเดือนกันยายน ซึ่งต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่ทำได้ 18,908 คันเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม

โจอี้ หยิง (Joey Ying) นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์จาก Nomura กล่าวว่า การจัดโปรโมชั่นจากผู้ผลิตรถยนต์และนโยบายจูงใจจากรัฐบาลจีน ได้กลายเป็นแรงหนุนดันยอดขาย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี

]]>
1541039
สงครามอีวีจีนปะทุอีกรอบ! หลัง ‘BYD’ หั่นราคารถ 22 รุ่นในจีน ลดสูงสุด 30% https://positioningmag.com/1523597 Wed, 28 May 2025 06:43:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523597 ดูเหมือนว่า สงครามราคารถอีวีในจีน จะปะทุขึ้นอีกระลอก เมื่อพี่ใหญ่อย่าง BYD เบอร์ 1 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ได้ หั่นราคา รถของตัวเองอีกครั้ง จนทำให้หุ้นบรรดาค่ายอีวีจีนกิ่งลงแทบทุกราย รวมถึง BYD ด้วย

BYD ตัดสินใจ ลดราคารถยนต์ 22 รุ่น ในตลาดจีนทั้งแบบ BEV และ PHEV โดยส่วนลดจะเริ่มต้นที่ 10-30% ตั้งแต่สัปดาห์นี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งการลดราคาในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถรุ่นที่ราคาต่ำกว่า 150,000 หยวน (ราว 680,000 บาท)

นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว BYD ให้ส่วนลดมาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการชัดเจน และจากโปรโมชั่นดังกล่าว คาดว่าจะช่วยเพิ่ม จํานวนผู้เยี่ยมชมโชว์รูม BYD ถึง 30 – 40% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนมีโปรโมชั่น

หลังจากที่ BYD ประกาศลดราคา คาดว่า คู่แข่ง ในตลาดเองก็จะ ลดราคา ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ไว้ และหลังจากการลดราคาของ BYD ได้ส่งผลให้หุ้นของค่ายจีนเกือบทั้งหมดร่วงลง อาทิ

  • BYD -7.5% 
  • Xpeng -3.4%
  • Li Auto -3.2% 
  • Geely -6.7%

ทั้งนี้ จากข้อมูลจากบริษัทวิจัย Jato Dynamics เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากที่เข้ามาในตลาดรถอีวีจีน รวมแล้วมีกว่า 169 ราย จากความแน่นของจำนวนผู้เล่น นำไปสู่การแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือด ส่งผลให้บริษัทส่วนใหญ่ยัง ขาดทุนหนัก โดยผู้เล่นมากกว่าครึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในจีน น้อยกว่า 0.1% และปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตเพียง 3 รายที่ทำกำไร ได้แก่ BYD, Li Auto และ Seres 

Wei Jianjun ประธานบริษัท Great Wall Motor (GWM) ออกมาเตือนว่า สงครามราคาที่ยืดเยื้อกำลังทำร้ายอุปทานยานยนต์ และผู้เล่นบารายมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวเนื่องจากแรงกดดันให้ลดราคา 

“สินค้าบางอย่างถูกลดราคาจาก 220,000 หยวน เหลือ 120,000 หยวนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แล้วมันมีสินค้าในอุตสาหกรรมประเภทไหนบ้างที่สามารถลดราคาไป 100,000 หยวน แล้วยังรับประกันคุณภาพสินค้าได้?”

ขณะที่ ไมเคิล ดันน์ ที่ปรึกษาที่ติดตามอุตสาหกรรมยานยนต์จีน กล่าวว่า “การลดราคาของ BYD จะฆ่าผู้เล่นที่อ่อนแอบางรายให้หลุดออกจากตลาดไป แต่สำหรับทุกความสูญเสีย ก็จะมีที่ว่างให้ Xiaomi หรือ Huawei เข้ามาสู่เวทีแข่งขัน”

CNBC / SCMP / Aotublog

]]>
1523597
‘BYD’ โชว์ปี 2024 กวาดรายได้ทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์ ค่อย ๆ ทิ้งห่าง ‘Tesla’ คู่แข่ง https://positioningmag.com/1516011 Tue, 25 Mar 2025 12:45:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516011 หลังจากที่เริ่มบุกตลาดโลก บีวายดี (BYD) ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง เทสลา (Tesla) กำลังอยู่ในช่วงขาลงจากทั้งการแข่งขันที่รุนแรง และภาพลักษณ์ของ    อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอ ที่ส่งผลต่อแบรนด์

BYD ค่ายรถอีวียักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 7.77 แสนล้านหยวน หรือ 1.07 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดขายเพิ่มขึ้น +29% คิดเป็นยอดส่งมอบรถทั้งหมด 4.27 ล้านคัน ในขณะที่ Tesla คู่แข่งคนสำคัญทำรายได้ 9.77 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นยอดส่งมอบรถทั้งหมด 1.79 ล้านคัน ลดลง -1.1% 

ในปีนี้ ยอดส่งออกของ BYD ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 BYD ส่งออกรถไปแล้ว 133,361 คัน เติบโต +124% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ด้านของ Tesla กำลังเจอปัญหาในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็น จีน ที่ยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมากกว่า -50% อีกตลาดก็คือ ยุโรป ที่ส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla ในช่วง 2 เดือนแรกลดลงเหลือ 7.7% จาก 18.4% ในปี 2024

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของ Tesla กำลังดิ่งลงเหวเป็นผลมาจาก พฤติกรรมของมัสก์ ที่กำลังส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาเป็น ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเป็นผู้ดูแลกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล นอกจากนี้ มัสก์มักจะแสดงความเห็นแทรกแซงเกี่ยวกับ การเมืองในต่างประเทศ 

อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ BYD อาจจะทิ้งห่าง Tesla ได้มากกว่านี้หรือไม่ ทั้งในแง่ยอดขายและเทคโนโลยี โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BYD ได้เปิดตัว ระบบชาร์จเร็วพิเศษ ที่ชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ 400 กิโลเมตร แซงหน้าเทคโนโลยีการชาร์จของ Tesla Superchargers ของ Tesla ใช้เวลา 15 นาทีในการชาร์จและให้ระยะ 320 กิโลเมตร

นอกจากนี้ BYD ได้เปิดตัวระบบ God’s Eye ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเมื่อเดือนที่แล้ว แถมยังให้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งนักวิเคราะห์ มองว่า การอัปเกรดฟรีของระบบผู้ช่วยขับรถอัจฉริยะ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ Tesla และผู้ผลิตรถอีวีสัญชาติจีนรายอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม บริการ Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือนที่ 99 ดอลลาร์ หรือการชําระเงินครั้งเดียว 8,000 ดอลลาร์ ทำให้ Tesla อาจต้องยอมลดราคา

Source

]]>
1516011
เร็วพอ ๆ กับเติมน้ำมัน! ‘BYD’ เปิดตัวเทคโนโลยี “Super e-Platform” ชาร์จ 5 นาที วิ่งได้ 400 กิโลเมตร https://positioningmag.com/1515443 Thu, 20 Mar 2025 03:18:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1515443 โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าจะอยู่ที่ 483 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยอาจใช้เวลาชาร์จจนเต็มตั้งแต่ 20 นาทีหรือหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรถและความเร็วของจุดชาร์จ ด้วยระยะเวลาในการชาร์จ ทำให้หลายคนอาจยังไม่อยากใช้งานรถอีวี

ล่าสุด บีวายดี (BYD) แบรนด์รถยนต์ของจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีล่าใหม่ ‘Super e-Platform’ ซึ่งบริษัทระบุว่าจะสามารถชาร์จด้วยความเร็วสูงสุด 1,000 กิโลวัตต์ ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถวิ่งได้ระยะทาง 400 กิโลเมตร โดยชาร์จเพียง 5 นาที

ความก้าวหน้าดังกล่าวจะมาแก้ปัญหาเรื่องระยะการวิ่งต่อการชาร์จของรถอีวี ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า

“วิธีแก้ปัญหาให้คนไม่กังวลที่จะใช้งานรถอีวีก็คือ การทำให้การชาร์จไฟเร็วเท่ากับการเติมน้ำมันรถ” หวัง ชวนฟู่ ประธานและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ BYD กล่าว

ทั้งนี้ BYD เปิดเผยว่า รถยนต์ซีดาน Han L และรถยนต์ SUV Tang L ของบริษัทจะมาพร้อมเทคโนโลยี Super e-Platform โดยรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นได้เริ่มทำการขายล่วงหน้าในประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว

แม้เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้รถชาร์จได้เร็วเท่ากับการเติมน้ำมัน แต่ก็ต้องใช้ควบคู่กับ แท่นชาร์จพิเศษ ซึ่งบริษัทมีแผนจะสร้างขึ้นมากกว่า 4,000 แท่นทั่วประเทศจีนเพื่อให้รองรับแพลตฟอร์มใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม BYD ไม่ได้ระบุว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ และสถานีชาร์จเร็วพิเศษนี้จะพร้อมให้บริการแก่ผู้บริโภคเมื่อไหร่

การมาของเทคโนโลยีดังกล่าว ดันให้หุ้นของ บริษัท BYD ที่จดทะเบียนในฮ่องกงพุ่งขึ้นมากกว่า 6% หลังจากเปิดตลาด โดยทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ และถือว่าหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 44% นับตั้งแต่ต้นปี

]]>
1515443
‘BYD’ ไม่หวั่นยุโรป-สหรัฐฯ ‘ขึ้นภาษี’ พร้อมโชว์ยอดส่งออกเดือนก.พ.โต 187% คาดปิดปี ยอดส่งมอบทะลุ 6.5 ล้านคัน! https://positioningmag.com/1514438 Wed, 12 Mar 2025 12:34:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1514438 แม้ว่าสหภาพยุโรปกําหนดภาษีรถยนต์ที่ผลิตในจีนเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงสหรัฐฯ และแคนาดา ที่เตรียมขึ้นภาษี 100% สำหรับรถอีวีที่ผลิตในจีน และอาจจะเก็บสูงขึ้นอีกในยุคประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม BYD ก็ไม่แสดงสัญญาณว่าจะชะลอการขยายตัวภายในประเทศและระหว่างประเทศ

บีวายดี (BYD) เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แบรนด์มียอดขายทั่วโลก 322,846 คัน เพิ่มขึ้น +8.9% จากเดือนมกราคม โดยมียอด ส่งออก ที่ 67,025 คัน เติบโต +187.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อรวมกับยอดเดือนมกราคม BYD ได้ส่งออกรถยนต์ไปแล้ว 133,361 คัน ในปี 2025 เติบโต +124% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

JPMorgan Chase มองว่า ที่แบรนด์ไม่แสดงสัญญาณว่าจะชะลอการขยายตัวภายในประเทศและระหว่างประเทศ แม้ว่ารถอีวีจากจีนจะถูกทั้งสหรัฐฯ, แคนาดา และยุโรป ขึ้นภาษี เป็นเพราะโรงงานประกอบรถยนต์ของ BYD ในบราซิล ฮังการี อินโดนีเซีย และไทยใกล้จะแล้วเสร็จ ทำให้ BYD เตรียมเพิ่มกำลังผลิต อีกทั้งการเปิดตัวระบบขับรถอัตโนมัติ คาดว่าในปีนี้ BYD จะสามารถส่งมอบรถอีวีได้ถึง 6.5 ล้านคัน ทั่วโลก

สำหรับภาพรวมตลาดอีวีทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านคัน เติบโตขึ้น +50% โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากตลาด จีน ที่เติบโตถึง +76% ส่วนตลาด ยุโรป โตขึ้น +20% ในช่วง 2 เดือนแรก ในขณะที่การส่งมอบใน อเมริกาเหนือ อยู่เท่าเดิมที่ 300,000 คัน

ที่น่าสนใจคือ เทรนด์ของ BEV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในตลาดจีนกลับมาเติบโต หลังจากปีที่ผ่านมารถ ไฮบริด เติบโตอย่างมาก เนื่องจากบรรดาค่ายรถต่างก็เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด โดยยอดขาย BEV เพิ่มขึ้น +46% ส่วนยอดขายปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มขึ้น +22%

“การเติบโตส่วนใหญ่ของรถอีวียังคงมาจากจีน แต่ที่น่าสนใจคือ การฟื้นฟูยอดขายของรถไฟฟ้า 100% ไฟในปีนี้ หลังจากที่ปี 2024 เป็นปีแห่งไฮบริด” ชาร์ลส์ เลสเตอร์ ผู้จัดการข้อมูลของ Rho Motion กล่าว

ที่น่าเป็นห่วงคือ เทสลา (Tesla) ที่ค่อย ๆ เสียส่วนแบ่งตลาดในตลาดจีน โดยยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมากกว่า -50% เหลือ 30,688 คัน  ซึ่งลดลงมากกว่าเดือนมกราคม ที่ลดลง 49.2%

SCMP / SCMP 2 

]]>
1514438
‘BYD’ คว้า ‘DeepSeek’ หวังใช้อัปเกรด ‘God’s Eye’ ระบบขับขี่อัจฉริยะ หลังถูกคู่แข่งร่วมชาติทิ้งห่าง https://positioningmag.com/1510514 Tue, 11 Feb 2025 07:54:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1510514 ในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เรื่องของ สมรรถนะ หรือ ดีไซน์ อีกต่อไป แต่ยังมีเรื่องของเทคโนโลยี การขับขี่อัจฉริยะ ที่หลายค่ายกำลังเร่งพัฒนา แน่นอนว่าค่ายยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง บีวายดี (BYD) ก็ต้องพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว โดยล่าสุด ได้ผนึกกำลังกับ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีน ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ค่ายรถหลายค่ายกำลังพัฒนา ระบบขับขี่อัจฉริยะ เพื่อเป็นจุดขายของรถ โดย BYD เองก็มีระบบขับขี่อัจฉริยะชื่อว่า God’s Eye เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ โดยจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบข้างและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ บนท้องถนนอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

Wang Chuanfu ผู้ก่อตั้งและประธานของ BYD เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดตัวระบบช่วยเหลือการขับขี่ God’s Eye ในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของบริษัทอย่างน้อย 21 รุ่น รวมถึงรถราคาประหยัดเริ่มต้น 69,800 หยวน (ราว 452,000 บาท) โดย Wang Chuanfu เชื่อว่า ระบบการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงจะกลายเป็น มาตรฐาน เช่นเดียวกับการมีเข็มขัดนิรภัย และถุงลมนิรภัย 

ที่น่าสนใจคือ BYD ได้นำ AI จาก DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ชื่อดังของจีน มาร่วมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ล้ำหน้าที่สุดอย่างน้อยหนึ่งระบบ ส่งผลให้หุ้นของ BYD พุ่งขึ้นมากกว่า 4% สู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 345 ดอลลาร์ฮ่องกง (44.24 ดอลลาร์สหรัฐ)

ด้าน Tu Le ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Sino Auto Insights มองว่า การผสานรวม DeepSeek มีความสำคัญมาก เพราะตอนนี้มีเทคโนโลยี AI แบบสแตนด์อะโลนที่พัฒนาเองภายในบริษัทแล้ว ซึ่ง BYD สามารถใช้ทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอคุณสมบัติอัจฉริยะที่เทียบเท่ากับที่คู่แข่งเสนอมา

“สิ่งนี้ทำให้ BYD กลับมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำอีกครั้งเพื่อกำหนดจังหวะของฟีเจอร์ทางเทคโนโลยี จากเดิมที่ BYD ตามหลังคู่แข่งเพื่อนร่วมชาติอยู่มาก”

ปัจจุบัน Xpeng ถือเป็น ผู้นำในด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศจีน โดย He Xiaopeng ซีอีโอของ Xpeng มั่นใจว่า ภายในช่วงครึ่งหลังปี 2025 นี้บริษัทจะเป็นค่ายแรกที่บรรลุมาตรฐาน L3 หรือการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยผู้ใช้สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัย หรือละสายตาจากถนนได้ ขณะเปิดใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ

ส่วนรถยนต์คู่แข่งจาก Li Auto, พันธมิตรของ Huawei, Nio และ Xiaomi ต่างก็อ้างว่ามีฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบจอดรถอัตโนมัติ ส่วน Tesla ที่มีระบบ Full-Self Driving ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน

ด้านนักวิเคราะห์ของ Nomura มองว่า BYD มีแนวโน้มที่จะเป็น ผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในจีน ที่นำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงสำหรับรถยนต์ราคาต่ำกว่า 70,000 หยวน และ BYD กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์การแข่งขันจากการ ตัดราคา มาเป็นการ อัปเกรดฟังก์ชัน แทน

อย่างไรก็ตาม Brian Tycangco นักวิเคราะห์จาก Stansberry Research มองว่า การที่ BYD ได้ DeepSeek มาเป็นพันธมิตรจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน แต่ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ยานยนต์ของ BYD จะ เข้าสู่ตลาดตะวันตกได้ยากขึ้น โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา เนื่องจาก เหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ

CNBC

]]>
1510514
‘BYD’ ฟันยอดขายปี 2024 ทะลุ 4 ล้านคัน โต 41% สวนทาง ‘Tesla’ ยอดขายลดลง 1.1% https://positioningmag.com/1505317 Fri, 03 Jan 2025 05:15:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1505317 แย่งกันเบียดเป็น เบอร์ 1 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาตลอดปี สำหรับ เทสลา (Tesla) และ บีวายดี (Tesla) โดยภาพรวมตลอดปี 2024 นี้ และถ้านับรวมรถ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) จะทำให้บีวายดีโตแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ดูเหมือนเทสลาจะยังคงเป็นเบอร์ 1 

ภาพรวมปี 2024 ของ บีวายดี มียอดขายทั้งสิ้น 4.27 ล้านคัน เติบโต +41% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยแบ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) 1.76 ล้านคัน เติบโต +12% ส่วน รถปลั๊กอินไฮบริดอยู่ที่ 2.49 ล้านคัน เติบโตก้าวกระโดด +73% เนื่องจากช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับระยะการเดินทางของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 

ด้านคู่แข่งคนสำคัญอย่าง เทสลา มียอดขายประมาณ 1.79 ล้านคัน ลดลงราว -1.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจะเห็นว่า หากวัดกันเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าล้วน เทสลายังทำได้ดีกว่าบีวายดี แต่ก็เพียง เล็กน้อย เท่านั้น

สำหรับปัจจัยที่ทำให้บีวายดียังเติบโตได้ดีมาจาก ตลาดต่างประเทศ ที่เติบโตประมาณ +8% โดยปัจจุบัน ตลาดต่างประเทศของบีวานดีมีสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ตลาดในประเทศก็ได้การสนับสนุนจาก รัฐบาลจีน ที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและ Plug-in Hybrid

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่บีวายดีที่ได้อานิสงค์จากการสนับสนุนของรัฐบาลจีน แต่เทสลา ที่แม้ว่ายอดขายรวมปีที่ผ่านมาจะหดตัว แต่ในตลาดจีนก็มีการเติบโตเป็นประวัติการณ์ถึง +8.8% มียอดขาย กว่า 657,000 คัน สวนทางกับ ตลาดยุโรป ที่ตลาด 10 เดือน ยอดจดทะเบียนรถเทสลาลดลงถึง -24%

แม้ว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ดีของบีวายดี แต่กับปี 2025 อาจต้องเหนื่อย เพราะทั้ง ยุโรปและสหรัฐอเมริกา เตรียม ขึ้นภาษี รถอีวีจากจีน และตามมาด้วยการห้ามซอฟต์แวร์รถยนต์บางประเภทที่มีต้นกำเนิดในจีน ซึ่งนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อบีวายดีและค่ายรถจากจีนแน่นอน  

ส่วนเทสลาก็เตรียมเปิดตัวโมเดลใหม่ ๆ รวมถึงรุ่นที่มีราคาไม่แพงในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพื่อแก้เกม ก็คงต้องรอดูว่าใครจะชิงความได้เปรียบเพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอีวี 2025 กัน 

]]>
1505317
‘BYD’ ทำรายได้แซง ‘Tesla’ เป็นครั้งแรกใน Q3/2567 แม้ตลาด ‘จีน’ จะอยู่ในช่วงขาลง https://positioningmag.com/1496959 Fri, 01 Nov 2024 04:46:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496959 ผลัดกันขึ้นเป็น เบอร์ 1 ในตลาด รถอีวี ในด้านจำนวนยอดขาย สำหรับค่าย บีวายดี (BYD) และ เทสล่า (Tesla) แต่ถ้าเป็นในด้านมูลค่ารายได้ BYD เพิ่งจะขึ้นแซง Tesla ได้เป็นครั้งแรก ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้การแข่งขันจะดุเดือดก็ตาม

BYD ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยกวาดรายได้ถึง 28,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น +24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tesla ที่ทำรายได้ 25,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

แม้ว่าตลาดรถอีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนจะอยู่ในช่วง ขาลง แต่ BYD ยังคงรักษายอดขายได้อย่างแข็งแรง และสามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคม โดยมียอดขายทะลุ 370,000 คัน เพิ่มขึ้น +30% โดยยอดขายประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถ ไฮบริด ในขณะที่รถยนต์ของ Tesla ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% 

อย่างไรก็ตาม หากวัดในแง่ ผลกำไร Tesla ยังคงเป็นผู้นำ โดยมีกำไรสุทธิ 2,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% ขณะที่ BYD มีกําไรราว 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.5% และเมื่อวัดจากรายได้รวมทั้ง 3 ไตรมาส Tesla ยังคงเป็นเบอร์ 1 ด้วยรายได้รวม 75,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน BYD อยู่ที่ 71,980 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน BYD เป็นหนึ่งในผู้ผลิต EV ที่โดดเด่นที่สุดในประเทศจีน โดย BYD ต้องสู้ทั้งศึกเพื่อนร่วมชาติ และสู้กับ Tesla ของ Elon Musk ที่ถือเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะ Model Y ของ Tesla ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนในเดือนกันยายน ส่วน Autohome Seagull ของ BYD ตามหลังในอันดับ 2

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแข่งขันมีแต่จะดุเดือดมากขึ้น เนื่องจากภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปที่จะเก็บภาษีรถอีวีจากจีนเพิ่มสูงสุด 45.3% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ แม้ว่าจีนจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

Source

]]>
1496959
“Uber” เซ็นดีล “BYD” นำรถอีวี “100,000 คัน” ปล่อยราคาพิเศษให้คนขับในยุโรป-ละตินอเมริกา https://positioningmag.com/1484612 Wed, 31 Jul 2024 13:09:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484612 ไม่แคร์กำแพงภาษี! บริการเรียกรถ “Uber” เซ็นดีลกับ “BYD” นำรถอีวี “100,000 คัน” ปล่อยเช่าซื้อราคาพิเศษให้กับคนขับบนแพลตฟอร์มใน “ยุโรป” และ “ละตินอเมริกา” พร้อมจับมือร่วมกันพัฒนา “ยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ” เพื่อแพลตฟอร์มนี้โดยเฉพาะ

“Uber” กับ “BYD” ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ทางบริษัท Uber สัญญาสนับสนุนรถอีวีของ BYD จำนวนรวม 100,000 คันให้กับคนขับบนแพลตฟอร์ม โดยจะมีการจัดแพ็กเกจสินเชื่อเช่าซื้อราคาพิเศษ, สนับสนุนทางการเงิน, ประกันรถยนต์, ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และค่าชาร์จไฟฟ้า ให้กับคนขับ Uber ที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD มาใช้ร่วมขับขี่

โดยตลาดหลักของ Uber ที่จะเริ่มสนับสนุนรถยนต์ BYD ก่อน ได้แก่ ยุโรป และ ละตินอเมริกา ขณะที่ในอนาคตจะมีการขยายไปในตลาดอื่นๆ เช่น ตะวันออกกลาง แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

ทั้งสองบริษัทถือว่าเป็นผู้นำเรื่องรถอีวีในวงการของตนเอง เพราะ Uber ถือเป็นแพลตฟอร์มเรียกรถที่มีรถอีวีในเครือข่ายมากที่สุดในโลก ส่วน BYD เป็นผู้นำด้านการผลิตรถอีวี จากการร่วมมือกันครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะทำให้ต้นทุนการเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าของคนขับ Uber ต่ำลง

แม้ว่าคนขับ Uber จะเปลี่ยนไปใช้รถอีวีเร็วกว่าคนขับบนแพลตฟอร์มอื่นถึง 5 เท่า แต่จากการสำรวจของ Uber ก็พบว่า คนขับมองว่า “ราคา” ของรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนจากรถสันดาปมาเป็นอีวี ทำให้บริษัทต้องการจะหาดีลพิเศษเพื่อให้คนขับบนแพลตฟอร์มเปลี่ยนมาใช้รถอีวีได้ง่ายขึ้น

นอกจากดีลรถยนต์ราคาพิเศษแล้ว ต่อไปในอนาคตทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนา “ยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ” เพื่อนำมาใช้บนแพลตฟอร์ม Uber โดยเฉพาะด้วย

BYD Atto 3

“Uber กับ BYD มีสัญญาร่วมกันที่จะสร้างนวัตกรรมไปสู่โลกที่สะอาดขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกันไปสู่อนาคตดังกล่าว” Chuanfu Wang ประธานกรรมการและประธานบริษัท BYD กล่าว

“เมื่อคนขับ Uber เปลี่ยนมาใช้รถอีวี พวกเขาจะสร้างประโยชน์ลดการปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมได้มากกว่า 4 เท่าเทียบกับผู้ใช้รถปกติ เพราะคนขับ Uber นั้นใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานกว่า นอกจากนี้ ผู้โดยสารหลายคนบอกกับเราว่าได้สัมผัสประสบการณ์บนรถอีวีครั้งแรกเมื่อเรียกรถ Uber นั่นทำให้เราตื่นเต้นที่จะช่วยสาธิตประโยชน์ของรถอีวีให้กับผู้คนทั่วโลกให้มากขึ้น” Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber กล่าว

สำหรับบริษัท BYD นั้นเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่สามารถเอาชนะ Tesla ได้ 2 ปีติดต่อกันในแง่จำนวนการผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เมื่อปี 2023 บริษัท BYD มีการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าถึง 240,000 คันไปสู่ 70 ประเทศ และบริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2024 จะเพิ่มจำนวนส่งออกเป็นเท่าตัว!

การแถลงข่าวในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่ารถอีวีที่อยู่ในดีลจะเป็นรถรุ่นไหนบ้าง แต่รูปภาพสำหรับประชาสัมพันธ์ในงานพบว่ามีรถ BYD ทั้งหมด 3 รุ่นปรากฏอยู่ ได้แก่ รถซีดานรุ่น Seal, รถเอสยูวีรุ่น Seal U และ รถเอสยูวีรุ่น Atto 3

ที่มา: Yahoo Finance, CNBC

]]>
1484612
ประเมิน ‘BYD’ จะแซง ‘Tesla’ ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถอีวีได้อีกครั้งในปีนี้ https://positioningmag.com/1481087 Wed, 03 Jul 2024 09:33:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481087 กำลังเป็นประเด็นร้อนในไทยเลยสำหรับแบรนด์ บีวายดี (BYD) จากจีน ที่ประกาศลดรถราคากว่า 340,000 บาท เพื่อฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับตลาดโลกเอง บีวายดีก็เดินหน้าเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการประเมินว่าปีนี้ BYD จะแซง Tesla เป็นเบอร์ 1 ได้อีกรอบ

ตามรายงานของ Counterpoint Research คาดว่า BYD จะแซงหน้า Tesla ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดรถอีวี (BEV) หลังจากที่ยอดขายในไตรมาส 2/2024 พุ่งขึ้นเกือบ +21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีจำนวนอยู่ที่ 426,039 คัน ส่วนยอดขายของ Tesla ในไตรมาสที่ 2 ลดลง -4.8% เหลือ 443,956 คัน

โดยปัจจุบัน BYD ถือเป็นผู้นำในตลาด จีน โดยเฉพาะในกลุ่มรถ BEV หรือ รถไฟฟ้าล้วน โดย Counterpoint Research คาดว่า ยอดขายรถ BEV ของจีนจะสูงกว่ายอดขายในอเมริกาเหนือถึง 4 เท่า ในปี 2024 โดยคาดว่า จีนจะยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ของยอดขาย BEV ทั่วโลก จนถึงปี 2027 และยอดขาย BEV ในจีนคาดว่าจะแซงหน้ายอดขายรวมของอเมริกาเหนือและยุโรปในปี 2030

ย้อนไปในปีที่ผ่านมา ยอดการผลิตทั้งหมดของ BYD ที่มีทั้งรถอีวี และรถไฮบริด รวมแล้วมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคัน และแซงหน้ายอดการผลิตของ Tesla ซึ่งอยู่ที่ 1.84 ล้านคัน เป็นปีที่สองติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม หากแยกเฉพาะรถอีวี (BEV) อยู่ที่ 1.6 ล้านคัน ส่วนรถยนต์ไฮบริด 1.4 ล้านคัน ส่งผลให้ Tesla ยังคงครองเบอร์ 1 ในตลาด BEV

แม้ภาพรวมทั้งปีของ BYD จะยังสู้ Tesla ไม่ได้ แต่ก็เคยแซงหน้าเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4/2023 แต่ก็ถูก Tesla กลับมายึดตำแหน่งคืนในช่วงไตรมาส 1/2024

อย่างไรก็ตาม อาจต้องจับตาประเด็นที่ สหภาพยุโรปจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อค่ายรถอีวีจีน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปได้อย่างชัดเจนและคาดการณ์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้ BYD จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม 17.4% ส่วน Geely จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 20% ส่วน SAIC จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 38.1% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในสามอัตรานี้ นอกเหนือจากภาษีมาตรฐาน 10% ที่เรียกเก็บกับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าแล้ว และจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม หากการหารือกับทางการจีนไม่สามารถหาข้อยุติได้

“อัตราภาษีใหม่ของสหภาพยุโรปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป ซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อแข่งขันกับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีราคาต่ำกว่า ภาษีเหล่านี้อาจผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนหันไปขยายตลาดเกิดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ลิซ ลี รองผู้อำนวยการของ Counterpoint Research กล่าว

ทั้งนี้ รายงานประเมินว่าปีนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะสูงถึง 10 ล้านคัน ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน การเติบโตนี้จะได้รับการสนับสนุนจากความพยายามที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุนและความคุ้มราคาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

Source

]]>
1481087