เมื่อดูจากการแสดงภาพของข้อมูลจะเห็นชัดเจนว่า มีข้อความที่สนทนาบนทวิตเตอร์ช่วงเทศกาลสงกรานต์มากขนาดไหน

คนไทยใช้เวลาช่วงเทศกาล #Songkran เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานบนทวิตเตอร์ ข้อความยอดนิยมส่วนใหญ่จึงมักเป็นเรื่องราวตลกขำขันและเกี่ยวกับวัฒนธรรมป็อป ตลอดจนมีการฉลองสงกรานต์แบบเข้ายุคสมัย อาทิ เมื่อชาว #Blinks กลุ่มแฟนเพลงของวงแบล็กพิ้งค์ #blackpink ได้โชว์เต้นท์เพลงยอดฮิตล่าสุดที่ทำลายสถิติยอดวิวสูงสุดของโลก #KillThisLove ในระหว่างการเล่นน้ำสงกรานต์

วงการเพลงเคป็อปไม่เคยห่างไปจากใจของผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยและเพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้า #Blinks แฟนๆ กลุ่มวัยรุ่นของวง Got7  @GOT7Official) ก็ออกมาเต้นเพลงฮิตปี 2016 อย่าง #hardcarry ซึ่งทวีตวิดีโอนี้มีการรีทวีตไปมากกว่า 4,400 ครั้ง และมียอดวิวเกือบ 20,000 ครั้ง

แฮชแท็กยอดฮิตในช่วงสงกรานต์

ไม่ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวในช่วงสงกรานต์, สาดน้ำสงกรานต์กับบรรดาเพื่อนๆ, มองหาสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจหรือแรงบันดาลใจทั่วเมืองไทย แฮชแท็กคือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยต่างร่วมกันแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ของตนเองในช่วงสงกรานต์ผ่านทางทวิตเตอร์

ไม่มีกำแพงทางด้านภาษาของผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวไทย เมื่อทุกคนพร้อมใจติดแฮชแท็ก #Songkran ทำให้กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยมที่สุดบนทวิตเตอร์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ส่วน #Songkran2019  และ #ThaiNewYear ก็เป็นแฮชแท็กยอดนิยมที่ติดอันดับ Top 10 ในช่วงวันที่ 13-16 เมษายนนี้เช่นกัน

ส่วนแฮชแท็กยอดนิยมอันดับหนึ่งที่เป็นภาษาไทยและติดอันดับสองของแฮชแท็กทั้งหมดก็คือ #สงกรานต์, ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายเพื่อดึงคนร่วมในอีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ

ในขณะที่อากาศมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แฮชแท็ก  #ร้อนนี้พี่โคตรคูล ก็เป็นที่ถูกใจและตรงกับความรู้สึกของใครหลายๆ คนถึงสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้เกิดทวีตและมุมที่เรียกรอยยิ้มและสร้างอารมณ์ขันที่ช่วยคลายร้อนได้ดีทีเดียว

อีโมจิยอดนิยม

สงกรานต์ อีโมจิที่เป็นธีมเกี่ยวกับน้ำจะติดอันดับ Top 5 ในช่วงสงกรานต์ปีนี้

ในขณะเดียวกันทวิตเตอร์เองก็ร่วมฉลองเทศกาลรื่นเริงนี้ด้วยการเปิดตัวอีโมจิ #Songkran ผู้ใช้ทวิตเตอร์สามารถทวีตข้อความด้วยการติดแฮชแท็กคำว่า #Songkran, #ThaiNewYear, #สงกรานต์, #ปีใหม่ไทย จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้.

หลังจากมีข่าวลือมานานว่า ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของไทย เอไอเอส กำลังเล็งเจรจากับพรีเซ็นเตอร์​รายใหม่ชื่อดังระดับโลก ล่าสุดก็มีข่าวร้อนว่า เอไอเอสเพิ่งเซ็นสัญญากับ “ลิซ่า แบล็คพิงค์” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้

ลิซ่า หรือ ลลิษา มโนบาล สาวน้อยวัย 21 ปี สาวไทยหนึ่งเดียว จาก 4 สาว สมาชิกวง BlackPink ที่เหล่าสาวก ต่างเรียกตัวเองว่า สาวกบลิงค์ (Blink) เป็นสาวที่ฮอตที่สุดคนหนึ่งในฐานะศิลปินชาวไทย มียอดคนฟอลโลในอินสตาแกรมสูงที่สุด ถึง 16.4 ล้านคน นอกเหนือจากมีแฟนคลับชาวไทยแล้ว ยังมีกลุ่มแฟนคลับอยู่ทั่วโลก จากความสำเร็จของวง BlackPink ของค่าย YG ของเกาหลี

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ดีลนี้เอไอเอสใช้ความพยายามในการเจรจามานานมากกว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าตัวแรกของประเทศไทย ที่สามารถคว้าตัว “ลิซ่า” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขของสัญญาค่าตัวในครั้งนี้ แต่มีการลือกันว่าสูงพอสมควร เมื่อเทียบกับพรีเซ็นเตอร์คนอื่นๆ ในสังกัดเอไอเอสทั้งหมด จากความโด่งดังที่มีฐานแฟนคลับ ทั้งกลุ่มผู้ชายและผู้หญิง รุ่นเล็ก จนถึงวัยทำงาน เป็นภาพของไอดอลสาว ที่พูดได้ถึง 4 ภาษา ไทย อังกฤษ เกาหลี และญี่ปุ่น มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น ที่เป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นอีกด้วย

เอไอเอส ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งพรีเซ็นเตอร์ กวาดศิลปินเบอร์ใหญ่ของไทยเข้าสังกัดจำนวนมาก มีตั้งแต่ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน, เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ, ดีเจพุฒิ-พุฒิชัย เกษตรสิน, เบลล่า-ราณี แคมเปน, เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณาเรศ และกลุ่มนักร้องตั้งแต่ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, แบม แบม GOT7, ทอม Room39 และ วี วิโอเลต เรียกว่า ใครโด่งดังมีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก เอไอเอสไม่รอช้าที่จะดึงมาเข้าสังกัด

เอไอเอส มองว่า “พรีเซ็นเตอร์” เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การทำตลาดที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้อย่างเห็นผล เนื่องจากฐานผู้บริโภคของเอไอเอสมีขนาดใหญ่มากกว่า 40 ล้านราย ซึ่งพรีเซ็นเตอร์แต่ละรายจะสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เอไอเอสยึดมั่นกับการมีเพิ่มเติมพรีเซ็นเตอร์ในสังกัด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั่วประเทศ

เทียบกับค่ายเครือข่ายมือถือคู่แข่งในประเทศไทยแล้ว เอไอเอสกลายเป็นรายใหญ่ที่สุดที่ทุ่มเทกับการตลาดและพรีเซ็นเตอร์ โดยก่อนหน้านี้เป็นค่ายทรูเองก็พยายามกวาดศิลปินดังเข้าสังกัดมากมาย แต่ด้วยนโยบายใหม่ในปีนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าค่ายทรูจะใช้กลยุทธ์ใดในการทำการตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากในขณะนี้

การแข่งขันรอบใหม่ของตลาดผู้ให้บริการเครือข่ายของไทยในปีนี้ ทุกค่ายต่างชูการพัฒนาเครือข่ายใหม่ ด้วยเทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการเปิดการทดลองเครือข่าย เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการให้บริการ ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับภาพลักษณ์ที่ทันสมัยระดับโลก และเป็นผู้นำเทรนด์ของลิซ่า BlackPink ด้วยเช่นกัน

จากตัวเลขผลประกอบการในปี 2561 เอไอเอสมีจำนวนผู้ใช้บริการในเครือข่ายมากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวน 41.196 ล้านราย โดยค่ายทรูตามมาในอันดับ 2 ด้วยจำนวนลูกค้า 29.2 ล้านราย และดีแทค จำนวนลูกค้า 21.2 ล้านราย

ก่อนหน้านี้ ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส เคยให้สัมภาษณ์กับ Positioning ว่า

เอไอเอสได้แบ่งพรีเซ็นเตอร์เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มที่เจาะตลาด mass และกลุ่มที่ลง segment ชัดเจน

สำหรับกลุ่ม mass ที่ใช้โปรโมตสินค้าทั่วประเทศ ทุกตลาดมี 4 คนคือ เจมส์ จิรายุ, แต้ว ณฐพร, เวียร์ ศุกลวัฒน์ และ เบลล่า ราณี

ส่วนกลุ่มลงลึกเจาะทุก segment มี 7 คน ได้แก่ เป๊ก ผลิตโชค, แบมแบม GOT7, มิว นิษฐา, เต้ย จรินทร์พร, ดีเจพุฒิ, วี วิโอเลต และ ทอม Room39

การจัดกลุ่มพรีเซ็นเตอร์นี้เป็นการจัดตามผลงานของแต่ละคนที่ออกมา เป็นที่ตอบรับจากประชาชนมากน้อยแค่ไหน หากเป็นนักแสดงก็ดูจากผลงานละคร หรือภาพยนตร์ จากเรตติ้ง การประสบความสำเร็จ รวมกับยอดคนติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น ไอจี ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก

โดยกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ที่ลงแมสทั้ง 4 คนนั้น จะสื่อครอบคลุมตั้งแต่ แบรนด์, เครือข่าย ทั้งหมดของบริษัท เช่น เวียร์ ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มตลาดต่างจังหวัด ก็จะมีการใช้โปรโมตบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตไปทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมียอดลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 640,000 ราย ทั่วประเทศแล้ว

ส่วนกลุ่มที่เป็นนักร้อง ก็ดูจากผลงาน ฐานแฟนคลับ และเส้นทางการประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เอไอเอสปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเรื่องค่าตัวของพรีเซ็นเตอร์แต่ละคน บอกเพียงว่าดีลไม่เหมือนกัน และเป็นราคาที่เหมาะสมกับแต่ละคนแล้ว

“กลุ่มที่ลง segment นั้น เริ่มจาก เป๊ก ผลิตโชค และ แบมแบม เป็นกลุ่มที่เรียกว่าเป็น Brand Advocate หรือผู้สนับสนุนแบรนด์ คือเรา take care ศิลปินเขา บรรดา FC เขาก็จะ take care เราดีกลับคืน“

แฟนคลับของเป๊กส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้หญิงในวัย 20 กว่าปีขึ้นไป และเป็นวัยทำงานที่ไม่ใช่ First Jobber ในขณะที่กลุ่ม FC ของแบมแบมคือกลุ่มเด็ก วัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ โดยที่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มพิเศษ เมื่อเขารักศิลปินเขา และศิลปินเขา represent สินค้า เขาก็จะรักแบรนด์และสินค้านั้นไปด้วย

สำหรับมิว นิษฐา, เต้ย จรินทร์พร และดีเจพุฒิ จะเป็นกลุ่มคนเมือง ซึ่งจะเน้นไปในบริการเสริมพิเศษต่างๆ ในเครือข่าย เช่น ดีเจพุฒิ จะเน้นบริการ Postpaid และอุปกรณ์มือถือต่างๆ ส่วนเต้ย จะเป็นพวก M Pay ในแนวช่องทางการจ่ายเงิน และมิว ก็เป็นเรื่องบริการพิเศษ

ส่วนอีก 2 คน คือ วี วิโอเลต และทอม Room39 เป็น segment แบบเดียวกัน คือเป็น Brand associate entertainment เช่น ทำคอนเทนต์พิเศษ ร้องเพลง แต่งเพลง ทำคลิป ในรูปแบบที่ไม่ใช่ Pure Advertising ส่วนวี จะเป็นคล้ายๆ กันคือ เป็นพวก create คอนเทนต์

สำหรับรูปแบบการเป็น Brand Advocate ความหมายคือ การเป็น “กองเชียร์” ให้กับแบรนด์ที่ตัวเองรักโดยที่แบรนด์ไม่ต้องออกเงินเพื่อทำการว่าจ้างให้ช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการแต่อย่างใด.