Leck Chet Lam กรรมการผู้จัดการของ Experia Events ฝ่ายผู้จัดงานกล่าวว่า มีบริษัทที่จะเข้าร่วมงาน Singapore Airshow กว่า 70 รายได้ประกาศถอนตัวจากการนำสินค้ามาจัดเเสดง อย่างไรก็ตาม คิดเป็นเเค่ 8% ของทั้งหมดเท่านั้น โดยยืนยันจะไม่มีการยกเลิกหรือย่นระยะเวลาการจัดงานอย่างเเน่นอน
สำหรับ Singapore Airshow ประจำปีนี้มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 11 – 16 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์การเเสดงชางงี ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นงานเเสดงอากาศยานเเละยุทธโธปกรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี
เพื่อบรรเทาความกังวลของทุกผ่าย ทางผู้จัดงานเปิดเผยว่า ในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนเเนวทางการจัดงาน โดยจะลดกิจกรรมกลางเเจ้งเเละงานเเถลงที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งจะมีการใช้มาตรการตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าชมงาน เเละรณรงค์ขอให้ผู้ร่วมงานทักทายกันโดยการโค้งคำนับหรือโบกมือ เเทนการจับมือหรือสวมกอด
การตัดสินใจไม่เข้าร่วมงาน Singapore Airshow ปีนี้มีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสที่ติดต่อกันระหว่าง “คนสู่คน” ทำให้จำนวนบัตรเข้าชมงานสำหรับปีนี้ขายได้ไม่ถึงครึ่งของปีก่อนหน้า
ด้านบริษัท Lockheed Martin ผลิตยานอวกาศ จรวด และขีปนาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกก็ประกาศไม่เข้าร่วมจัด
เเสดงในครั้งนี้ ตามมาด้วยบริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Raytheon เเละ Bombardier ผู้ผลิตเครื่องบินจากแคนาดาได้ถอนตัวออกไปแล้วเช่นกัน
ตามเเผนการจัดงานเดิม หนึ่งในความพิเศษของ Singapore Airshow ปีนี้คือกองทัพอากาศจีนจะเข้าร่วมเเสดงโชว์การบินเป็นครั้งเเรก เเต่ตอนนี้บริษัทจีนกว่า 10 รายก็ได้ถอนตัวเเล้ว ส่วนกองทัพอากาศเกาหลีใต้ก็เพิ่งประกาศถอนตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ บรรดาบริษัทในวงการอากาศยานต้องการที่จะมีส่วนร่วมในงาน Singapore Airshow เสมอ เพราะมักจะได้ “บิ๊กดีล” ข้อเสนอมากมาย อย่างเช่นคำสั่งซื้อเครื่องบินจากสายการบินรายใหญ่
สำหรับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 800 คน และติดเชื้อนับหมื่นรายทั่วประเทศจีน เเละได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ สร้างความความกังวลทั่วโลก โดยหลายประเทศรวมถึงสิงคโปร์
มีคำสั่งห้ามไม่ให้นักเดินทางที่เคยเดินทางไปจีนเมื่อเร็วๆ นี้ เข้ามาหรือผ่านดินแดนของตนเพื่อป้องการแพร่กระจายของไวรัส
ที่มา : AFP / Singapore Airshow hit by virus fears as 70 exhibitors pull out
]]>รถ BOMBARDIER MOVIA 3 รุ่นใหม่ ได้รับเลือกให้ใช้รองรับเส้นทางสายดาวน์ทาวน์ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นระบบเส้นทางใต้ดินสมบูรณ์แบบ ระบบขนส่งเส้นทางความยาว 40 กม. สามารถรองรับผู้โดยสารได้เกือบห้าแสนคนต่อวัน ทำให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมแนวทางการจัดระบบขนส่งเพื่อสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ บริษัทมีกำหนดการนำส่งเริ่มต้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2012 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2016
Bombardier เป็นผู้จัดหาระบบพาหนะใจกลางเมืองทั่วโลก โดยรุ่น MOVIA เป็นระบบขนส่งที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด บริษัทได้รับคำสั่งซื้อรถรุ่น MOVIA แล้วถึง 3,300 คัน ในปัจจุบัน Bombardier ให้บริการระบบขนส่งใจกลางเมืองให้กับเมืองสำคัญ ๆ มากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น นิวยอร์ก ปารีส เบอร์ลิน นิวเดลี เซียงไฮ้ โดย สิงคโปร์ เป็นเมืองล่าสุดที่ตัดสินใจเลือกรับบริการระบบขนส่งจาก Bombardier
Kristian Mikkelsen ประธานภาคพื้นเอเชีย Passengers Division จาก Bombardier Transportation กล่าวว่า “สิงคโปร์มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกด้านระบบขนส่ง เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสให้จัดหาระบบขนส่งที่ทันสมัยให้กับสายดาวน์ทาวน์ของสิงคโปร์นี้ เราเชื่อว่ารถรุ่น MOVIA ที่ได้รับการยอมรับและเชื่อถือได้ของเรา อีกทั้งระบบการจัดการและให้บริการที่รวดเร็วของเราจะสามารถตอบสนองความต้องการของ LTA ได้อย่างไม่ต้องสงสัย”
สำหรับประเทศไทย Mr. Mikkelson กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีเป้าหมายที่จะเปิดตัวธุรกิจรถบรรทุกสินค้าสำหรับตลาดในประเทศไทย Bombardier ปัจจุบันมีธุรกิจด้านระบบให้สัญญาณและวิศวกรรมซอฟต์แวร์อยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้เราสามารถรองรับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ สำหรับโครงการในระดับโลกที่ Bombardier มีอยู่ โดยคาดว่าบริษัทจะมีการว่าจ้างแรงงานเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มเติมเพื่อรองรับโครงการในประเทศที่จะเกิดขึ้น”
รถ MOVIA เป็นรถรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกด้านการผลิตระบบขนส่งใจกลางเมือง ตัวรถมีความจุสูง พัฒนาขึ้นจากสถาปัตยกรรมมาตรฐาน จึงมีความเชื่อถือได้ ปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ: มีภาพจัดไว้ให้ที่เว็บไซต์ของเราที่ http://www.transportation.bombardier.com
เกี่ยวกับ Bombardier Transportation
Bombardier Transportation มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และมีสำนักงานตัวแทนในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก บริษัทให้บริการระบบขนส่งทั่วโลกไปแล้วกว่า 100,000 คัน กลุ่มบริษัทยังให้บริการผลิตภัณฑ์อีกหลากหลาย โดยได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำระบบรางของโลก
เกี่ยวกับ Bombardier
ผู้ผลิตระบบขนส่งที่ทันสมัยชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินเจ็ตสำหรับธุรกิจ หรือระบบขนส่งราง อุปกรณ์และบริการต่างๆ Bombardier Inc. เป็นบริษัทระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา รายได้ของบริษัทในปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2008 อยู่ที่ 17,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นโตรอนโต (BBD) โดย Bombardier เป็นส่วนประกอบของดัชนี Dow Jones Sustainability World and North America ติดตามข่าวสารและข้อมูลได้ที่ www.bombardier.com
BOMBARDIER และ MOVIA เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. และบริษัทในเครือ
โตรอนโต–(บิสิเนสไวร์)–8 มี.ค. 2549
บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ เซ็นสัญญากับ ปิโตรเลียม แอร์ เซอร์วิสเซส (PAS) ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อขายเครื่องบิน Bombardier Q300 รุ่นใบพัด เพิ่มอีก 1 ลำ
เครื่องบินลำดังกล่าวมีราคาตามใบสั่งซื้อคิดเป็นมูลค่าราว 17.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อเครื่องบินลำดังกล่าวถูกส่งมอบ จะทำให้ฝูงบิน Q300 ภายใต้การดำเนินงานของปิโตรเลียม แอร์ เซอร์วิสเซส เพิ่มเป็น 5 ลำ ทั้งนี้ ได้มีการประกาศข่าวการสั่งซื้อเครื่องบิน Q300 รุ่นใบพัด ขนาด 50 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ โดยปิโตรเลียม แอร์ เซอร์วิสเซส เมื่อเดือนตุลาคม 2544 ตามด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกันอีก 2 ลำตามที่ประกาศเมื่อเดือนมีนาคม 2546 และตุลาคม 2547
“เครื่องบิน Q300 ที่เรามีอยู่ในขณะนี้ มีผลการดำเนินงานที่ดีมากในภูมิอากาศที่ร้อนและเต็มไปด้วยทรายของเรา ดังนั้นเราจึงไม่ลังเลเลยที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้อีก 1 ลำ” นายพลฮัสซัน มาห์มูด ราเชด ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการของ PAS กล่าว “เราได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดีเนื่องมาจากระบบขจัดเสียงและการสั่นสะเทือน (Noise and Vibration Suppression : NVS)”
PAS มีฐานการดำเนินงานอยู่ที่สนามบินนานาชาติไคโร และให้บริการในหลายจุดภายในรัศมี 700 กิโลเมตร (380 ไมล์ทะเล) ในนามของบริษัทสัญชาติอียิปต์และบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำภายในอียิปต์และประเทศใกล้เคียงเพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว
สตีเว่น ริโดลฟี่ ประธานบอมบาร์เดียร์ รีเจียนนอล แอร์คราฟต์ กล่าวว่า “เราดีใจที่ปิโตรเลียม แอร์ เซอร์วิสเซส เห็นถึงคุณสมบัติต่างๆของ Q300 ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทาน ความน่าเชื่อถือ ความประหยัด และการยอมรับของผู้โดยสาร การที่พวกเขายังคงสั่งซื้อเครื่องบินของเราเพิ่มอีก ย่อมเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเราอย่างแท้จริง”
ขณะนี้ เครื่องบิน Q Series มากกว่า 800 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบิน Q300 รุ่นใบพัดจำนวน 247 ลำ ได้รับการสั่งซื้อจากผู้ประกอบการทั่วโลก
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
Bombardier, Q Series และ Q300 เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ
สามารถชมภาพเครื่องบิน Q300 ของ PAS ได้ที่ห้องสมุดมัลติมีเดียของเรา www.aero.bombardier.com/htmen/F15.jsp
Bombardier Aerospace (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
ติดต่อ: บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ
มาร์ค ฮอลโลแรน
(416) 375-3030
www.bombardier.com
โตรอนโต้—(บิสิเนส ไวร์) — บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซประกาศในวันนี้ว่า สำนักงานสนับสนุนทางอากาศแห่งชาติ (NAS) ของเมืองอะดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ได้สั่งซื้อเครื่องบิน Bombardier Q300 Maritime Patrol Aircraft (MPA) จำนวน 3 ลำ สำหรับโครงการเฝ้าระวังตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลีย (Surveillance Australia Coastwatch)
เครื่องบิน 3 ลำดังกล่าวมีราคาตามใบสั่งซื้อที่ราว 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงการเฝ้าระวังของออสเตรเลียได้เริ่มดำเนินการโดยใช้เครื่องบิน Bombardier Dash 8/Q200 ในปี 2539 และในปัจจุบันมีเครื่องบิน 5 ลำ ซึ่งได้บินลาดตระเวณทางอากาศเป็นระยะเวลากว่า 70,000 ชั่วโมง โดยได้มีการใช้เครื่องบินดังกล่าวในการตรวจจับการทำประมงและการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย การกักเรือ และการทำอันตรายแก่สิ่งแวดล้อม การลักลอบขนยาเสพติด และการติดตามเรือที่สูญหายในการปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในโลกในลักษณะนี้
NAS ได้สั่งซื้อเครื่องบิน Q300 หลังจากที่มีการต่อต่ออายุสัญญามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 12 ปีกับกรมศุลกากรของออสเตรเลีย
นอกเหนือจากเครื่องบิน Q300 จำนวน 3 ลำที่ซื้อจากบอมบาร์เดียร์ NAS ยังจะซื้อและปรับเปลี่ยนเครื่องบิน Dash 8/Q Series จำนวน 2 ลำจากบริษัทเนชันแนล เจ็ท ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มาใช้ในการลาดตระเวนเฝ้าระวัง ซึ่งจะเพิ่มขนาดของฝูงบินขึ้นเป็น 2 เท่า
Peter Nottage ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานสนับสนุนทางอากาศแห่งชาติ กล่าวว่า “ห้องโดยสารขนาดใหญ่ของ Q300 จะเอื้อประโยชน์ต่อแผงคอนโซลการสื่อสารและอุปกรณ์เซ็นเซอร์ ลูกเรือ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ขณะที่ปีกที่สูงและตำแหน่งหน้าต่างที่เหมาะสมทำให้ลูกเรือของเรามีทัศนวิสัยที่ชัดเจนขึ้นในการสำรวจบริเวณพื้นผิวน้ำ เมื่อเครื่องบินบินออกจากลานบินเป็นระยะเวลานาน ลูกเรือจะพึงพอใจกับความสามารถไว้วางใจได้ และการที่หน่วยพลังงานสำรองจะทำให้ห้องโดยสารเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่มีแสงสว่างเหมาะสมและเป็นห้องปรับอากาศไม่ว่าเครื่องบินดังกล่าวจะลงจอดที่ใดก็ตาม”
“เครื่องบิน Q300 จำนวน 4 ลำดังกล่าว จะเป็นเครื่องบินระยะไกลของฝูงบินดังกล่าว ความสามารถในการบินในระยะเวลาที่นานขึ้นอย่างมากจะทำให้เรามีศักยภาพในการยืดหยุ่นมากขึ้น เราจะสามารถใช้เครื่องบินดังกล่าวในปฏิบัติการที่ต้องบินระยะทางไกลเป็นพิเศษ แต่ก็จะยังสามารถบินสำรวจในพื้นที่ที่กำหนดหรือบินครอบคลุมเป้าหมายที่สนใจเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นอย่างมากในปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์” Nottage กล่าว
Nottage กล่าวว่า เครื่องบิน Q Series/Dash 8-300 ยังมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมากในการเอื้อประโยชน์ต่อการยกระดับด้านการดำเนินงานในอนาคต และศักยภาพในการใช้เชื้อเพลิงพิเศษจะทำให้เครื่องบินดังกล่าวยังคงความสามารถด้านปฏิบัติการอย่างเต็มที่ในช่วง “ฤดูที่ชื้นแฉะ” ในเขตร้อนของออสเตรเลีย เมื่อเครื่องบินอื่นได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดด้านการสำรองเชื้อเพลิงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ
นี่เป็นคำสั่งซื้อเครื่องบิน Q300 ครั้งที่ 3 สำหรับปฏิบัติการพิเศษ ก่อนหน้านี้ เครื่องบินดังกล่าวได้รับเลือกจากสำนักงานการบินพลเรือนของญี่ปุ่นสำหรับการตรวจสอบและการประเมินความช่วยเหลือทางน้ำ และได้รับเลือกจากหน่วยเจ้าหน้าที่ชายฝั่งของสวีเดนสำหรับการเฝ้าระวังทางทะเล
เครื่องบิน Bombardier Q200 ได้รับเลือกจากสำนักงานกำกับดูแลด้านการอพยพเข้าเมืองและศุลกากร กระทรวงความมั่นคงภายประเทศของสหรัฐ สำหรับการลาดตระเวนทางทะเล ขณะที่เครื่องบินประเภทธุรกิจ Bombardier Global 5000 ได้ให้บริการแก่สำนักงานการบินของรัฐบาลกลางสหรัฐในฐานะห้องทดลองด้านการพัฒนาและวิจัยทางอากาศ ส่วนเครื่องบินประเภทธุรกิจ Bombardier Global Express จำนวน 5 ลำได้รับเลือกจากบริษัท Raytheon Systems Limited เพื่อการส่งมอบต่อไปให้แก่กองทัพอากาศของสหราชอาณาจักรสำหรับระบบเฝ้าระวังทางอากาศสู่พื้นดิน (ASTOR)
Derek Gilmour รองประธานฝ่ายขายเครื่องบินเพื่อภารกิจพิเศษและรัฐบาล บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซกล่าวว่า “เรารู้สึกซาบซึ้งที่สำนักงานสนับสนุนทางอากาศแห่งชาติได้ใช้บริการของบอมบาร์เดียร์อีกครั้งเพื่อสนองตอบความต้องการด้านการลาดตระเวนและเฝ้าระวังทางทะเล เครื่องบินรุ่นพิเศษของเครื่องบินที่ให้บริการระดับองค์กรและระดับภูมิภาคของเรากำลังมีส่วนสำคัญมากขึ้นต่อธุรกิจของเรา เครื่องบินดังกล่าวเป็นการผสมผสานของโครงสร้างของเครื่องบินที่แข็งแกร่งและการทำงานที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าใช้จ่าย”
เครื่องบิน Q300 สำหรับการเฝ้าระวังของออสเตรเลียจะมีการส่งมอบแก่สำนักงานการบินภาคพื้นดินที่สนามบินนานาชาติเพียร์สัน เมืองโตรอนโต้ สำหรับการปรับเปลี่ยนหน้าที่เป็นการปฏิบัติงานด้านการท่าเรือและทางทะเล
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
Bombardier, Q Series, Dash 8, Q200, Q300, Bombardier Global 5000 และ Global Express เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
มอนทรีอัล–(บิสิเนสไวร์)— ความคล่องตัวที่ไม่มีใครเสมอเหมือนของ CRJ200 ตอบสนองความต้องการได้ถึง 3 ตลาด บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทจะกลับมาเริ่มต้นผลิตเครื่องบินรุ่น CRJ200 และ Challenger 850 ใหม่อีกครั้ง โดยมีกำหนดการในช่วงกลางเดือนเมษายน 2549 และจะดำเนินการที่โรงงานของบอมบาร์เดียร์ในดอร์วัล เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับเครื่องบินบิสิเนสเจ็ตรุ่น Challenger 850
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2547 บอมบาร์เดียร์ได้ประกาศยุติการผลิตเครื่องบินรุ่น CRJ200 เป็นการชั่วคราว ผลในระดับการจ้างงานที่เกิดขึ้นจากการผลิตครั้งใหม่นี้คือการเรียกพนักงานราว 50 คนที่โรงงานในดอร์วัลกลับมาร่วมงานกันอีก
ปิแอร์ โบดวง (Pierre Beaudoin) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ กล่าวว่า “ความคล่องตัวที่ไม่มีใครเสมอเหมือนและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นของเครื่องบิน CRJ200 รุ่นดั้งเดิมยังคงให้ประโยชน์ได้ถึง 3 ด้าน ได้แก่ การใช้งานรับ-ส่งผู้บริหาร (corporate shuttle) และเป็นเครื่องบินเจ็ตสำหรับผู้บริหารที่มีห้องโดยสารกว้าง นอกเหนือไปจากการเป็นผู้นำตลาดเครื่องบินโดยสารขนาด 50 ที่นั่ง”
“ส่วนผู้ประกอบการเครื่องบินรุ่น Challenger 850 ก็ได้เปรียบในแง่ของความไว้วางใจได้ เมื่อพิจารณาจากสถิติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ CRJ200 รวมถึงต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ และเครือข่ายบริการหลังการขายที่มั่นคงทั่วโลก” นายโบดวงกล่าวเพิ่มเติม
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
Bombardier, CRJ200 และ Challenger 850 เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ: สามารถรับชมภาพถ่ายเครื่องบิน Challenger 850 ได้ที่ห้องสมุดมัลติมีเดีย www.aero.bombardier.com/htmen/F14.jsp
Bombardier Aerospace (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
ติดต่อ: Bombardier Aerospace
Marc Duchesne
(514) 855-7989
www.bombardier.com
มอนทรีอัล–(บิสิเนสไวร์)–31 ม.ค. 2549 – บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ ประกาศในวันนี้ว่า สภาพตลาดในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดตัวโครงการ CSeries ในเวลานี้ ทางบริษัทจึงเบนเข็มจากโครงการ CSeries ตลอดจนทีมงานและวัตถุดิบ ไปเป็นการผลิตเครื่องบินไอพ่นและเครื่องบินใบพัดขนาดเล็กแทน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการเครื่องบินขนาด 80-100 ที่นั่งของสายการบินระดับภูมิภาคในอนาคต
พนักงานส่วนใหญ่ในโครงการ CSeries จะถูกปรับเปลี่ยนมาพัฒนาเครื่องบินระดับภูมิภาคเหล่านี้แทน โดยพนักงานจำนวนหนึ่งจะยังคงเดิมเพื่อพัฒนาแผนธุรกิจสำหรับโครงการนี้ต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการรวมกับหุ้นส่วนรายอื่นๆ โดยเฉพาะในตลาดการบินที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่ถูกต้องเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของตลาดในปัจจุบัน” ปิแอร์ โบดวง ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ กล่าว “การตัดสินใจปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ตั้งอยู่บนการวิจัยและการพัฒนาที่ครอบคลุมกว้างขวางเป็นเวลานาน 2 ปี พร้อมกันนี้ เราจะยังคงเดินหน้าสำรวจศักยภาพของ CSeries และแสวงหาโอกาสในตลาดการบินระดับภูมิภาค ความมุ่งมั่นของเราต่อตลาดเครื่องบินภูมิภาคในระดับบนและเส้นทางหลักซึ่งเป็นตลาดระดับล่างยังคงแข็งแกร่ง และเราหวังว่าจะได้ประโยชน์จากทั้งสองตลาดนี้ในอนาคต”
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
CSeries คือเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ: บอมบาร์เดียร์จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์สำหรับสื่อ รวมถึงนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน ตามรายละเอียดดังนี้
สื่อ
วันที่: อังคารที่ 31 ม.ค. 2549
เวลา: 10:00 น. เวลามาตรฐานตะวันออก
ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมทางโทรศัพท์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ www.bombardier.com
สื่อมวลชนที่ต้องการเข้าร่วมการประชุมทางโทรศัพท์ สามารถทำได้โดยโทรศัพท์ไปที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งดังต่อไปนี้ :
เวอร์ชั่นต้นฉบับ (ไม่แปล) : (514) 394-9320 หรือ
1 866 240-8954 (ไม่คิดค่าโทรในอเมริกาเหนือ)
+800 2787-2090 (โทรจากต่างประเทศ)
ภาษาอังกฤษ: (514) 394-9318 หรือ
1 866 211-9107 (ไม่คิดค่าโทรในอเมริกาเหนือ)
+800 4990-6460 (โทรจากต่างประเทศ)
ภาษาฝรั่งเศส: (514) 394-9316 หรือ
1 888 791-1368 (ไม่คิดค่าโทรในอเมริกาเหนือ)
+800 4994-7180 (โทรจากต่างประเทศ)
นักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน
วันที่: อังคารที่ 31 ม.ค. 2549
เวลา: 11:30 น. เวลามาตรฐานตะวันออก
สื่อมวลชนที่ต้องการเข้าร่วมการประชุมทางโทรศัพท์ สามารถทำได้โดยโทรศัพท์ไปที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งดังต่อไปนี้ :
เวอร์ชั่นต้นฉบับ (ไม่แปล) : (514) 861-6575 หรือ
+800 273-9672 (ไม่คิดค่าโทรในอเมริกาเหนือ)
+800 3276-6333 (โทรจากต่างประเทศ)
ภาษาอังกฤษ: +800 525-6384 (ไม่คิดค่าธรรมเนียมในอเมริกาเหนือ)
+800 4990-5000 (โทรจากต่างประเทศ)
ภาษาฝรั่งเศส: (514) 861-6560 หรือ
+800 387-6216 (ไม่คิดค่าโทรในอเมริกาเหนือ)
+800 7664-7664 (โทรจากต่างประเทศ)
ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมทางอินเทอร์เน็ตที่ www.bombardier.com
Bombardier Aerospace (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
ติดต่อ: บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ
จอห์น พอล แมคโดนัลด์
รองประธานอาวุโสฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์
(514) 861-9481
www.bombardier.com
มอนทรีอัล–(บิสิเนสไวร์)— บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ ประกาศในวันนี้ว่า บริษัท Securite Civile ของฝรั่งเศสได้สั่งซื้อเครื่องบินสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก บอมบาเดียร์ 415 อีกลำหนึ่ง ซึ่งคำสั่งซื้อครั้งนี้ทำให้บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสแห่งนี้มีเครื่องบินบอมบาร์เดียร 415 เพิ่มเป็น 11 ลำ
“เรารู้สึกยินดีที่ฝรั่งเศสให้ความไว้วางใจเครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 หรือที่รู้จักในชื่อ “คานาแดร์” อีกครั้ง เพราะเครื่องบินรุ่นนี้ช่วยปกป้องทรัพย์สินและประชาชนให้รอดพ้นจากความเสียหายจากเพลิงไหม้” นายมิเชล บูร์ชัวส์ ประธาน Bombardier Amphibious Aircraft กล่าว โดยเครื่องบินรุ่นนี้จะรวมอุปกรณ์ที่เป็นทางเลือกซึ่งได้มีการนำเสนอไปเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 “ด้วยประวัติความสามารถในการดับเพลิงทั่วโลก เครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 จึงเป็นที่อ้างอิงถึงในแวดวงอุตสาหกรรม เรายังคงทำงานร่วมกับ Securite Civile และผู้ประกอบการในยุโรปอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องบินรุ่นนี้
นับตั้งแต่การส่งมอบครั้งแรกในปี 2537 บริษัทบอมบาร์เดียร สเปซ ได้ขายเครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 ไปแล้ว 63 ลำ โดยได้มีการส่งมอบให้กับหน่วยงานด้านการสู้รบทางอากาศในโครเอเชีย ฝรั่งเศส กรีซ อิตาลี ออนทาริโอ และควีเบค ส่วนในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนนั้น มีการใช้เครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 จำนวน 41 ลำในฝรั่งเศส โครเอเชีย อิตาลี และกรีซ และที่สเปนได้ใช้เครื่องบินใบพัดรุ่น CL-215T จำนวน 14 ลำ นอกจากนี้ ยังคงมีการใช้เครื่องบินลูกสูบ CL-215 จำนวน 27 ลำเพื่อให้บริการดับเพลิงในยุโรป
เครื่องบินบอมบาร์เดียร์ 415 มีความเร็วสูงสุด 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (235 ไมล์ต่อชั่วโมง) และในการปฏิบัติการโดยเฉลี่ยที่เครื่องอยู่ห่างจากพื้นน้ำถึงเปลวเพลิงประมาณ 11 กิโลเมตร (6 ไมล์ทะเล) นั้น เครื่องรุ่นนี้สามารถทิ้งสารดับเพลิงได้ 9 ครั้งภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยสามารถบรรทุกสารดับเพลิงได้ 55,260 ลิตร (14,600 แกลลอนตามมาตรฐานสหรัฐฯ)
นอกจากนี้ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้มุมมองแบบเอนกประสงค์ (บอมบาร์เดียร์ 415 เอ็มพี) สำหรับค้นหาและกู้ภัย ลาดตระเวนทางทะเล และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
Bombardier, Canadair, CL-215 และ 415 เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
Bombardier Aerospace (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
มอนทรีอัล–(บิสิเนสไวร์)–17 พ.ย.2548 – บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ จะจัดแสดงเครื่องบินธุรกิจชั้นนำและเครื่องบินขนาดเล็ก CRJ700 ของบริษัทที่งานดูไบ แอร์โชว์ 2005 ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.นี้ และจะมีการจัดแสดงแบบจำลองขนาดเท่าของจริงของเครื่องบินตระกูล CSeries ยุคหน้าด้วย บริษัทบอมบาร์เดียร์ บิสิเนส แอร์คราฟท์ได้ครองสัดส่วน 18% ของยอดขายเครื่องบินรุ่นใหม่ทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในตะวันออกกลาง และบริษัทบอมบาร์เดียร์ รีเจินนอล แอร์คราฟท์ได้จัดหาเครื่องบิน 45 ลำที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในภูมิภาคดังกล่าวโดยสารการบินระดับภูมิภาค บริษัทด้านปิโตรเลียม และผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงสายการบินรอยัล จอร์แดเนียน แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแรกในตะวันออกกลางที่ใช้เครื่องบินใบพัด Q400 ขนาด 70 ที่นั่ง
เจมส์ เดลลีย์ รองประธานฝ่ายขายระหว่างประเทศ บริษัทบอมบาร์เดียร์ รีเจินนอล แอร์คราฟท์ กล่าวว่า “เรามีมุมมองเชิงบวกอย่างมากเกี่ยวกับโอกาสสำหรับเครื่องบินไอพ่นและเครื่องบินใบพัดของเราในภูมิภาคตะวันออกกลางและอ่าวเปอร์เซีย สายการบินต่าง ๆ ได้เผชิญกับแรงกดดันครั้งใหม่ในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวทั่วโลก และมีความต้องการเครื่องบินขนาดเล็กที่ประหยัดมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่นำเสนอตระกูลเครื่องบินไอพ่นและเครื่องบินใบพัดขนาดเล็กที่สมบูรณ์แบบ 2 ตระกูล ตั้งแต่ 37-90 ที่นั่ง เครื่องบินดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นมาเป็นเวลาหลายทศวรรษถึงความคุ้มค่าใช้จ่ายและการให้บริการที่ไว้วางใจได้ในหลายพื้นที่ของโลก”
บ็อบ ฮอร์เนอร์ รองประธานฝ่ายขายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ของบอมบาร์เดียร์ บิสิเนส แอร์คราฟท์ กล่าวว่า “งานแสดงครั้งนี้จะเน้นถึงพันธะสัญญาที่แข็งแกร่งของเราต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจากเรายังคงขยายฐานการดำเนินงานที่ถาวรของเราในดูไบต่อไป เรากำลังเปิดตัวศูนย์บริการแห่งใหม่ เรากำลังเพิ่มบุคลากรที่ทำงานเต็มเวลา และการดำเนินงานของบอมบาร์เดียร์ สกายเจ็ทของเราก็กำลังให้บริการเช่าเครื่องบินประเภทธุรกิจทั่วภูมิภาคนับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว”
เครื่องบินของบอมบาร์เดียร์ที่มีการจัดแสดงที่งานดูไบ 2548 ได้รวมถึง:
เครื่องบิน Learjet 45: โดยการผสมผสานประสิทธิภาพที่มีชื่อเสียงของ Learjet และความสะดวกสบายที่เป็นเลิศ เครื่องบินรุ่นนี้จะมีคุณสมบัติที่ดูแลได้ง่าย ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความมีประสิทธิภาพด้านเชื้อเพลิง และความไว้วางใจได้ที่โดดเด่น และความสามารถในการคงคุณสมบัติ โดยสามารถบินระหว่างดูไบ-อิสตันบูลแบบไม่มีการหยุดพัก พร้อมด้วยผู้โดยสาร 4 คนและลูกเรืออีก 2 คน
เครื่องบิน Learjet 60: เครื่องบินประเภทธุรกิจข้ามทวีปรุ่นนี้ สามารถบินระหว่างดูไบ-มอสโก และเจดดาห์-มิลานแบบไม่หยุดพัก พร้อมผู้โดยสาร 4 คนและลูกเรืออีก 2 คน เครื่องบินธุรกิจ Learjet 60 XR ที่เพิ่งมีการเปิดตัวจะยังคงการผสมผสานที่ไม่มีใครเทียบได้ระหว่างคุณค่าและประสิทธิภาพด้านความเร็วสูง ขณะที่เพิ่มห้องนักบินที่มีความทันสมัยมากที่สุดแบบหนึ่งในตลาดปัจจุบันนี้ พร้อมด้วยห้องโดยสารในแนวดิ่งที่ได้รับการออกแบบใหม่ด้านรูปแบบ ความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอย
เครื่องบิน Challenger 300: เครื่องบินรุ่น Challenger 300 จะนำเสนอขอบเขตการข้ามทวีปอย่างแท้จริงด้วยห้องโดยสารที่รองรับผู้โดยสารได้ 8 คน โดยจะให้บรรยากาศการทำงานในระดับดีเลิศสำหรับผู้เดินทาง ซึ่งจะนำเสนอการให้บริการแบบไม่หยุดพักจากดูไบ-เจนีวา, ดูไบ-ปักกิ่ง, ริยาดห์-ลอนดอน และริยาดห์-ฮาราเร่ รวมทั้งเส้นทางสำคัญอื่น ๆ
เครื่องบิน Challenger 604: เครื่องบินดังกล่าว ซึ่งได้รับการรับรองด้านการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 45 ประเทศนั้น มีประวัติที่ได้รับการยอมรับในด้านความสามารถที่พึ่งพาได้, ความสามารถไว้วางใจได้ และคุณค่าที่โดดเด่น จนทำให้เป็นเครื่องบินที่มียอดขายสูงสุดในรุ่น เครื่องบินรุ่นนี้สมารถบินระหว่างดูไบ-โยฮันเนสเบิร์กได้แบบไม่หยุดพัก พร้อมด้วยผู้โดยสาร 5 คนและลูกเรือ 2 คน เครื่องบิน Challenger 605 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะมีห้องนักบินที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งในปัจจุบันนี้ และภายในตัวเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีพื้นที่มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร
เครื่องบิน Bombardier Global 5000: เครื่องบินรุ่นใหญ่พิเศษรุ่นใหม่นี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นรุ่นอ้างอิงด้านความเร็วระหว่างตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกานั้น ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องบินยุคบุกเบิกรุ่น Global Express เครื่องบิน Bombardier Global 5000 สามารถบินระหว่างดูไบ-โตเกียว และดูไบ-เคป ทาวน์แบบไม่หยุดพัก ด้วยผู้โดยสาร 8 คนและลูกเรือ 3 คน เครื่องบินจะนำเสนอความเร็วข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคในอัตราที่ดีเลิศ รวมทั้งห้องโดยสารเครื่องบินประเภทธุรกิจที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งจะเป็นการรวมแอพพลิเคชั่นในการบินประเภทองค์กรที่อิงกับอีเทอร์เน็ตครั้งแรกในงานแสดงดังกล่าว
เครื่องบิน CRJ700: เครื่องบินดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ยูไนเต็ด เอ็กซ์เพรสของยูไนเต็ด แอร์ ไลนส์นั้น ดำเนินงานโดยสายการบินสกายเวสท์ แอร์ไลนส์ ในเซนต์จอร์จ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เครื่องบินที่อยู่ในฝูงบินรวมของสกายเวสท์ อิงค์ ได้รวมถึงเครื่องบินรุ่น CRJ700 จำนวน 75 ลำ ทั้งนี้ โดยภายในของเครื่องบินเป็นแบบ 3 ชั้น รองรับผู้โดยสารได้ 66 คน ซึ่งเหมาะกับเครื่องบิน CRJ700 ของยูไนเต็ด เอ็กซ์เพรสทุกลำ ประกอบด้วยที่นั่ง First Class 6 ที่นั่งที่มีความกว้าง 37 นิ้ว (94 เซนติเมตร), ที่นั่ง Economy Plus(R) 28 ที่นั่ง ที่มีความกว้าง 34 นิ้ว (86.4 เซนติเมตร) และที่นั่ง Economy 32 ที่นั่ง ที่มีความกว้าง 31 นิ้ว (78.7 เซนติเมตร) เครื่องบิน CRJ700 ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากบรรดาผู้ประกอบการ สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมและความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่โดดเด่น
เครื่องบิน CSeries: เครื่องบิน CSeries ได้รับการจัดสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อให้ดำเนินงานในภาวะสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งรวมถึงความร้อนสูงของภูมิภาคตะวันออกกลาง เครื่องบินรุ่นใหม่ของตระกูล CSeries สำหรับกลุ่มตลาดที่มีผู้โดยสาร 90-145 คน จะมีห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในรุ่น ซึ่งจะให้ประสบการณ์ที่กว้างขวางในเครื่องบินที่มีช่องทางเดินเดียว การผสมผสานกันของความประหยัดที่ไม่มีใครเทียบ ประสิทธิภาพที่ดีเลิศ และระยะการเดินทางสูงถึง 3,000 ไมล์ทะเลจะเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องบินตระกูลใหม่นี้ และจะกำหนดมาตรฐานสำหรับอนาคต การประเมินโครงการ CSeries จะยังคงดำเนินต่อไป และจะมีการทบทวนอีกครั้งในการประชุมบอร์ดของบอมบาร์เดียร์ครั้งหน้าในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้
งานเสดงดูไบ แอร์ โชว์ จะมีขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. ไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. โดยบูธของบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซจะตั้งอยู่ที่ East Hall, Stand E-608
กิจกรรมด้านสื่อของบอมบาร์เดียร์ในงานดูไบ แอร์โชว์ 2005
การแถลงข่าวของบอมบาร์เดียร์ บิสิเนส แอร์คราฟท์
วันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.2548 เวลา 14.00-15.00 น.
ศูนย์แถลงข่าวดูไบ แอร์โชว์ – ห้อง A
การรายงานสรุปช่วงเช้าด้านสื่อของบอมบาร์เดียร์ สกายเจ็ท อินเตอร์เนชันแนล
วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.2548 เวลา 10.00-11.00 น.
บอมบาร์เดียร์ ชาเลท์ แถว #15/16
การแถลงข่าวของบอมบาร์เดียร์ รีเจินนัล แอร์คราฟท์
วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.2548 เวลา 13.30-14.30 น.
ศูนย์แถลงข่าวดูไบ แอร์โชว์ – ห้อง B
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นการขนส่งที่ก้าวล้ำ นับตั้งแต่เครื่องบินระดับภูมิภาคและเครื่องบินประเภทธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในแคนาดา รายได้ของบริษัทสำหรับปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ม.ค.2548 อยู่ที่ 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นของบริษัทมีการซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นโตรอนโต (BBD) สำหรับข่าวและข้อมูล สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.bombardier.com
Bombardier, Learjet 45, Learjet 60, Learjet 60XR, Challenger 300, Challenger 604, Challenger 605, Bombardier Global 5000, CRJ700, Skyjet และ CSeries เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
Bombardier Aerospace (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
ติดต่อ: บอมบาร์เดียร์ บิสิเนส แอร์คราฟท์
ลีโอ เคนาเพน
(514) 855-7988
[email protected]
หรือ
บอมบาร์เดียร์ รีเจินนอล แอร์คราฟท์
เบิร์ต ครุกแชงค์
(416) 375-3030
[email protected]
บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ แถลงเกี่ยวกับ
– อุปกรณ์อิเลคทรอนิกด้านการบินที่ทันสมัยชุดใหม่
– ภายในของเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อความสะดวกสบายสูงสุด
– ความสามารถในการยืดหยุ่นด้านน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น
บริษัทบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ ได้เปิดตัวเครื่องบินรุ่น Bombardier Challenger 605 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญอีกขั้นหนึ่งในการพัฒนาเครื่องประเภทธุรกิจในรุ่น Challenger ที่สำคัญของทางบริษัท ในการประชุมประจำปีของสมาคมการบินประเภทธุรกิจแห่งชาติ (NBAA) ครั้งที่ 58
เครื่องบิน Challenger 605 รุ่นใหม่ดังกล่าว ได้อาศัยความมีชื่อเสียงของเครื่องบิน Challenger 604 ซึ่งเป็นเครื่องบินประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมีห้องนักบินที่มีความทันสมัยมากที่สุดแบบหนึ่งในปัจจุบันนี้ และภายในตัวเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีพื้นที่มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง น้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นเป็น 200 ปอนด์ (91 กิโลกรัม) จะทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นในการเลือกว่าจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารอีก 1 คน หรือเชื้อเพลิงอีก 200 ปอนด์ (91 กิโลกรัม) ขณะที่ยังคงคุณสมบัติดั้งเดิม, ความสะดวกสบายและมูลค่าที่คาดหวังจากเครื่องบินในตระกูล Challenger แบบจำลองห้องโดยสารขนาดเท่าของจริงได้มีการจัดแสดงที่ส่วนจัดแสดงของบอมบาร์เดียร์ที่สนามบิน Orlando Executive Airport
นายปิแอร์ โบดวง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซกล่าวว่า “เครื่องบิน Challenger ดั้งเดิมนั้นได้มีการสร้างเพื่อรองรับความต้องการของบรรดาผู้นำในภาครัฐบาลและภาคธุรกิจที่มีศักยภาพ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของฝูงบินระดับองค์กรที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยเครื่องบิน Challenger 605 รุ่นใหม่นี้ บอมบาร์เดียจะยังคงสานต่อพันธะสัญญาที่ต่อเนื่องในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวจะผสมผสานโครงสร้างที่ได้รับการยอมรับและความสามารถไว้วางใจได้ของเครื่องบินรุ่นก่อน เข้ากับเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงและความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น การนำเสนอคุณค่าที่ดีที่สุดในเครื่องบินประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ดังกล่าวนับว่าดีขึ้นอย่างมาก”
ระบบอุปกรณ์อิเลคทรอนิกด้านการบินที่ทันสมัยสู่ห้องนักบินที่ปราศจากข้อมูลเอกสาร
ห้องนักบินของเครื่องบินรุ่น Challenger 605 จะประกอบไปด้วยกลุ่มอุปกรณ์อิเลคทรอนิกด้านการบิน Rockwell Collins Pro Line 21 ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเต็มที่ และจะทำให้นักบินสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการบินที่สำคัญได้อย่างฉับพลัน กลุ่มอุปกรณ์อิเลคทรอนิกด้านการบินแบบเบ็ดเสร็จดังกล่าวจะรวมถึงจอภาพแอลซีดียุคหน้าในแนวตั้งขนาด 10 x 12 นิ้ว (25.4 x 30.5 เซ็นติเมตร) จำนวน 4 จอ ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่จอภาพขึ้น 55% เมื่อเทียบกับห้องนักบินในปัจจุบัน และจะมีการปรับปรุงในด้านสีและความคมชัดของภาพขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังมีระบบข้อมูลการบินรวม Rockwell Collins Integrated Flight Information System (IFIS) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย คุณสมบัติที่มีความทันสมัยของระบบ Rockwell Collins IFIS จะทำให้สามารถใช้แผนที่อิเลคทรอนิกได้ ซึ่งจะทำให้นักบินสามารถเรียกดูแผนที่ระยะใกล้, แผนผังและระเบียบปฏิบัติของสนามบิน เช่น การเดินทางขาออกที่ใช้เครื่องมือมาตรฐานและเส้นทางขาเข้าตามเทอร์มินัลที่มีมาตรฐาน ผ่านทางจอภาพหลายฟังก์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้น จึงเป็นการขจัดความจำเป็นในการใช้แผนที่ที่เป็นกระดาษ ระบบดังกล่าวยังจะทำให้ตำแหน่งของเครื่องบินปรากฏอยู่บนแผนที่นำทางได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้มีกาารปรับปรุงขึ้นอย่างมากในด้านการทราบตำแหน่งที่ตั้ง
ห้องนักบินยังมีการติดตั้งอุปกรณ์จอภาพแบบสัมผัสที่ด้านข้างของผู้ช่วยนักบิน ซึ่งจะเป็นจอภาพที่ 2 ของแผนที่อิเลคทรอนิก เพื่อที่จะสามารถดำเนินปฏิบัติการ “ปราศจากข้อมูลที่เป็นกระดาษ” ได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากระบบอิเลคทรอนิกในห้องโดยสาร ก็จะมีการจัดหาการสื่อสารทางระบบห้องโดยสารและการสนับสนุนการควบคุมส่วนกลางสำหรับระบบห้องโดยสาร
ภายในเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบใหม่ ด้วยพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น
ภายในของเครื่องบินจะมีคุณลักษณะที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นที่สำคัญหลายประการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการให้ความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้โดยสาร โดยห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเครื่องบินประเภทเดียวกันจะมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นไปอีกในปัจจุบันนี้ ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่ในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น และยังรวมถึงความสว่างจากหลอด LED ทั่วทั้งห้องโดยสารด้วย หน้าต่างในห้องโดยสารก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ และหน้าต่างรุ่นใหม่นึ้จะแสดงถึงการออแบบที่เพิ่มปริมาณแสงจากธรรมชาติและการเพิ่มขึ้นอย่างมากของมุมในการมองเห็น ห้องโดยสารใหม่จะทำให้ผู้โดยสารมีพื้นที่เก็บสัมภาระและการใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพื้นที่การทำงานที่กว้างขวางขึ้นที่จะใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
ระบบการจัดการห้องโดยสารแบบดิจิตอลที่อิงกับระบบอีเทอร์เน็ต จะทำให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับระดับใหม่ของการควบคุมและความสามารถในการยืดหยุ่นของห้องโดยสาร ระบบดังกล่าวได้รวมถึงการควบคุมผ่านจอแบบสัมผัสทั้งในที่นั่งส่วนตัวและและในส่วนรับรองวีไอพี ซึ่งจะมีคุณลักษณะใหม่ ๆ เช่น ออดิโอ/วิดีโอตามต้องการ และการซัพพอร์ทการเชื่อมต่อแบบความเร็วสูงในด้านอี-เมล์และการค้นหาเว็บ
ช่วงน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น
การประกอบกันของวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นห้องนักบินแบบใหม่ที่มีน้ำหนักเบาขึ้นนั้น จะส่งผลให้น้ำหนักรวมของเครื่องบินรุ่น Challenger 605 ลดลง 200 ปอนด์ (91 กิโลกรัม) เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่น Challenger 604 ในปัจจุบัน ซึ่งจะหมายความถึงความสามารถในการยืดหยุ่นของน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องบินรุ่น Challenger 605 จะมีขนาดความยาวเหมือนกับรุ่นก่อน แต่จะมีผู้โดยสารบนเครื่องได้เพิ่มขึ้นอีก 1 คน
เที่ยวบินแรกของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีกำหนดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 และคาดว่าจะได้รับใบรับรองด้านการคมนาคมจากแคนาดาในไตรมาส 4 ปีเดียวกัน โดยเครื่องบินลำแรกของรุ่น Challenger 605 จะให้บริการในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2550 และราคาของเครื่อง Challenger 605 รุ่นใหม่จะอยู่ที่ 26.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นการขนส่งที่ก้าวล้ำ นับตั้งแต่เครื่องบินระดับภูมิภาคและเครื่องบินประเภทธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในแคนาดา รายได้ของบริษัทสำหรับปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ม.ค.2548 อยู่ที่ 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นของบริษัทมีการซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นโตรอนโต (BBD) สำหรับข่าวและข้อมูล สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.bombardier.com
โตรอนโต—(บิสิเนส ไวร์)—11 ต.ค. 2548 – บอมบาร์เดียร์ แอร์โรสเปซ (TSX:BBD) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทสกายเวสต์ ในเมืองเซนต์จอร์จ รัฐยูท่าห์ ได้ตกลงซื้อเครื่องบินไอพ่นขนาดเล็ก (regional jets) บอมบาร์เดียร์ ซีอาร์เจ700 จำนวน 22 ลำสำหรับบริษัทเดลต้า คอนเนคชั่น การซื้อขายดังกล่าวได้รวมถึงสิทธิในการเปลี่ยนไปเป็นเครื่องบินบอมบาร์เดียร์ ซีอาร์เจรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ ออปชั่นซื้อเครื่องบินซีอาร์เจ700 จำนวน 80 ลำ ที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ ยังได้รับการยืนยันใหม่อีกครั้ง ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงดังกล่าว
สัญญาที่ได้รับการแก้ไขใหม่นี้มีมูลค่าราว 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหากออปชั่นทั้งหมดเป็นผล ก็จะทำให้มูลค่าของยอดสั่งซื้อโดยรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในการซื้อขายครั้งนี้ สกายเวสต์ได้เปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อเครื่องบินซีอาร์เจ200 จำนวน 18 ลำของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ ที่ยังค้างอยู่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อกิจการสายการบินแอตแลนติก เซาธ์อีสต์ แอร์ไลน์ (เอเอสเอ) เมื่อไม่นานมานี้ และบวกคำสั่งซื้อใหม่อีก 4 ลำ นอกจากนี้ สกายเวสต์ยังคงคำสั่งซื้อซีอาร์เจ700 จำนวน 15 ลำที่ยังค้างอยู่นับจากการซื้อขายครั้งก่อน
“จากการที่เราซื้อกิจการสายการบินแอตแลนติก เซาธ์อีสต์ แอร์ไลน์ เมื่อไม่นานมานี้ เราจึงตกลงที่จะเพิ่มเครื่องบิน 22 ลำให้กับเครือข่ายเส้นทางบินของเดลต้า คอนเนคชั่น” เจอร์รี แอทกิ้น ประธานคณะกรรมการ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสกายเวสต์ อิงค์ กล่าว “ซีอาร์เจ700 ยังคงตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของเรา ด้วยข้อดีจากความเหมือนกันกับฝูงบินซีอาร์เจที่มียู่แล้ว ของสกายเวสต์ แอร์ไลน์ และแอตแลนติก เซาธ์อีสต์ แอร์ไลน์”
“เรารู้สึกภูมิใจกับความสัมพันธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานระหว่างเรากับสกายเวสต์” สตีเว่น ริดอลฟี่ ประธานบอมบาร์เดียร์ รีเจียนนอล แอร์คราฟต์ กล่าว “เราซาบซึ้งที่ทั้งสกายเวสต์และเดลต้า คอนเนคชั่น พิจารณาเครื่องบินรุ่นซีอาร์เจ และซีอาร์เจ700 เป็นทางเลือกสำหรับเครื่องบินขนาดเล็ก ในการตอบสนองความต้องการของตลาดและเพื่อให้สอดคล้องกับระบบในอนาคต ต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำของเครื่องบินซีอาร์เจ700 เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงสำหรับผู้ประกอบการในตลาดที่ท้าทายทุกวันนี้”
สำหรับฝูงบินของสายการบินในเครือสกายเวสต์ อิงค์ ในปัจจุบัน รวมถึง เครื่องบินรุ่น ซีอาร์เจ200 จำนวน 229 ลำ และซีอาร์เจ 700 จำนวน 72 ลำ
ยอดสั่งซื้อเครื่องบินบอมบาร์เดียร์ รุ่นซีอาร์เจ ขณะนี้ อยู่ที่ 1,440 ลำ โดยมีการส่งมอบ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2548 จำนวน 1,294 ลำ
เกี่ยวกับบอมบาร์เดียร์
บอมบาร์เดียร์เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับโซลูชั่นด้านการขนส่งที่สร้างสรรค์ นับตั้งแต่เครื่องบินขนส่งภายในภูมิภาค และเครื่องบินไอพ่นเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่งทางรถไฟ บอมบาร์เดียร์ อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา บริษัทมีรายได้ในปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2548 มูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (BBD) สำหรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.bombardier.com
Bombardier, CRJ, CRJ200, CRJ700 และ CRJ900 เป็นเครื่องหมายการค้าของ Bombardier Inc. หรือบริษัทในเครือ
บอมบาร์เดียร์ แอโรสเปซ (TSX:BBD.MV.A) (TSX:BBD.SV.B)
ติดต่อ: บอมบาเดียร์ แอโรสเปซ
มาร์ค ฮอลโลแรน
416-375-3030
www.bombardier.com