ตลาดที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โครงการและโปรแกรมบัตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรสุขภาพ ‘บัตรประชาชน’ บัตรประจำตัวผู้ขับขี่ บัตรประจำตัวพนักงานบริษัท และที่ขาดเสียไม่ได้คือบัตรประชาชนและพาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์ ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในทั่วโลกโดยที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ตลาดบัตรยังถือว่ามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่จะขยายตัวทั้งในส่วนมูลค่าและปริมาณ จากการใช้’บัตรอัจฉริยะทั่วไปของสองอุตสาหกรรมใหญ่ๆ คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่และ และธนาคาร

ข้อมูลของ Eurosmart ระบุว่า บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (บัตรสุขภาพ บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวผู้ขับขี่ ฯลฯ) ที่ใช้โดยหน่วยงานรัฐบาลคิดเป็นสัดส่วน 3% ของปริมาณบัตรในปี 2547 ขณะที่บัตรพนักงานบริษัทคิดเป็น 0.8%. รวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 4% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ในปีนี้ ซึ่งดูจากตัวเลขแล้วยังนับว่าเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กมาก

บัตรประจำตัว: ภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มการพัฒนาที่แข็งแกร่ง

ตลาดบัตรประจำตัวมีศักยภาพที่จะเติบโตสูงมาก แต่กลับเผชิญปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ในการเริ่มต้น (หรือในภายหลัง) โครงการ ซึ่งในไม่ช้าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายร้อยล้านใบ

ตัวอย่างเช่น บัตรจำนวน 60 ล้านใบของบริษัท S?sam Vitale 2 ที่จะเปิดตัวในฝรั่งเศสในปีนี้ หรือในต้นปี 2549 จะต้องจัดจำหน่ายออกไปภายใน 24 เดือน ซึ่งเพียงแค่การใช้บัตรในส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนแล้วถึง 50% ของตลาดบัตรประจำตัวทั่วโลกตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2005 นี้! การคาดการณ์นี้ยังรวมถึงหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณว่าจะอยู่ที่ 700 ถึง 900 ล้านใบทั่วโลก และในจำนวนนี้อย่างน้อย 50% จะถูกทำให้เป็นบัตร ‘ที่ไม่มีตัวตน’ ในลักษณะของบัตรอัจฉริยะที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการเชื่อมต่อแบบไร้สายถึงเครื่องอ่านบัตร (contact-less electronic) ในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นขั้นต่ำสุด 116% ของตัวเลขที่คาดการณ์ไว้สำหรับตลาดบัตรประจำตัวทั่วโลกในปีนี้

การคาดการณ์เดียวกันนี้ยังรวมถึงบัตรประจำตัวประชาชน เราทราบว่าชาติยุโรปทั้งหมดกำลังจัดทำโครงการจัดทำบัตรประชาชนซึ่งอาจบรรลุผลสำเร็จในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ขณะที่บางประเทศในเอเชีย เช่น ประเทศไทย จีน และอินเดียได้เริ่มดำเนินขั้นตอนต่างๆ ในโครงการนี้แล้วเช่นกัน

หากไม่นับประเทศจีนหรืออินเดีย ปริมาณบัตรประจำตัวประชาชนที่จะผลิตขึ้นมาจะมีจำนวนที่ใกล้เคียงกับหนังสือเดินทาง คืออยู่ที่ 40-70 ล้านใบต่อปี แต่หากนับรวมประเทศจีนแล้ว ตัวเลขนี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากนับตั้งแต่สิ้นปีนี้ จีนมีแผนจะเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2527 จากจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านใบ เป็นบัตรอัจฉริยะที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการเชื่อมต่อแบบไร้สายถึงเครื่องอ่านบัตรแทนและวางแผนที่จะส่งมอบบัตรทั้งหมดจำนวนหนึ่งพันล้านใบ (บัตรอัจฉริยะที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการเชื่อมต่อแบบไร้สายถึงเครื่องอ่านบัตร) ในอีกห้าปีข้างหน้า ซึ่งเท่ากับว่าจะมีการส่งมอบโดยเฉลี่ยที่ 200 ล้านใบต่อปี

อินเดียเองก็กำลังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในโครงการจัดทำบัตรประชาชน (ประมาณหนึ่งพันล้านใบ จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลสารสนเทศแห่งชาติ) รวมทั้งบัตรประจำตัวผู้ขับขี่แบบอิเล็กทรอนิกส์ (150 ล้านใบ) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินโครงการในขณะนี้ ตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เองสามารถเปลี่ยนรูปแบบดั้งเดิมของอุตสาหกรรมบัตรได้ แต่คำถามที่สำคัญคือ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อใด

ท่านสามารถหาคำตอบและรายงานเบื้องต้นในเรื่องนี้ได้จากงานนิทรรศการ CARTES 2005 ซึ่งเป็นงานแสดงบัตรประจำตัว และสมาร์ทการ์ดชั้นนำระดับโลก โดยงานนี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15-17 พฤศจิกายนนี้

นอกเหนือจากพื้นที่ ‘บัตรประจำตัว’ แห่งใหม่ที่จัดสรรให้กับส่วนเทคโนโลยีบัตรประจำตัว และเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนแล้ว บริษัท CARTES ยังได้จัดการประชุม / หารือในหลายเรื่อง ซึ่งหัวข้อจะประกอบด้วยเรื่องของ RFID (บัตรประจำตัวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ), ไบโอเมตริกส์ หรือเทคโนโลยีที่ใช้ระบุตัวบุคคล ความรู้พื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับบัตร การควบคุมการเข้าถึง การรักษาความปลอดภัย และการป้องกันเอกสารที่ใช้ในงานบริหารธุรการ

ท่านสามารถค้นหาข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับงานนิทรรศการ CARTES รายชื่อผู้จัดนิทรรศการ รวมทั้งรายการบรรยายที่สมบูรณ์ได้ที่เว็บไซต์ www.cartes.com

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Agence LEWIS
Mr.J?r?me Caron อีเมล [email protected]
Ms.Odile Bibollet อีเมล [email protected]
โทรศัพท์: +33 (0)1 55 31 98 01
โทรสาร: +33 (0)1 55 31 98 09
www.lewispr.com
CARTES 2005
Ms.H?l?ne Tsoungui – Public Relations
อีเมล [email protected]
โทรศัพท์ : +33 (0)1 49 68 52 61
โทรสาร: +33 (0)1 49 68 52 08
www.cartes.com

Cartes 2005 งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด ฉลองครบรอบการจัดงานปีที่ 20 ด้วยการ ทุ่มเปิดพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับจัดอีเวนต์แสดงเทคโนโลยีเพื่อการระบุตัวตนโดยเฉพาะ (Identification) งาน นิทรรศการและการประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 15-17 พฤศจิกายน ศกนี้ ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการ Paris-Nord Villepinte ชานกรุงปารีส โดยภายในงานจะมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมสมาร์ทการ์ดชั้นนำระดับโลก เข้าร่วมจำนวนมาก รูปแบบการจัดงานครั้งใหม่นี้มีความน่าสนใจอย่างมากเนื่องด้วยโปรแกรมการจัดอีเวนต์ที่ ครบสมบูรณ์เต็มรูปแบบ

เป็นเวลา 20 ปีแล้วที่งาน CARTES ได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมสมาร์ทการ์ดหรือบัตรอัจฉริยะ และปัจจุบัน นับเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่บรรดาผู้นำอุตสาหกรรมและผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลกจะมารวมตัวกัน เริ่มจากการเป็นเพียง แค่ที่ชุมนุมเพื่อการพบปะแบบเรียบง่ายในครั้งแรกๆ แต่มาวันนี้ งาน CARTES ได้ก้าวขึ้นเป็นเวทีระดับโลกซึ่งเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รอคอยของบรรดาผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ซึ่งต้องการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดและพบปะเพื่อหารือในเรื่องปัญหา ท้าทายในตลาดอุตสาหกรรมนี้

การจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าในครั้งนี้ใช้พื้นที่ที่กว้างใหญ่ถึง 30,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชม งาน 15,000 คนจากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก และจะมีตัวแทนเข้าร่วมโปรแกรมการประชุม 1,500 ท่าน พร้อมพิธีกรอีก 250 ท่าน รวมทั้งการมอบรางวัล Sesame Awards ซึ่งเป็นที่ยอมรับในฐานะสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม จึงถือได้ว่า งานเทรดแฟร์ CARTES เป็นการจัดอีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอุตสาหกรรมสมาร์ทการ์ดนี้

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการจัดงานครบรอบปีที่ 20 งาน CARTES 2005 จึงได้สร้างพื้นที่แห่งใหม่ขึ้นที่ทุ่มเทเป็น การเฉพาะสำหรับแสดงระบบการบริหารจัดการการยืนยันความถูกต้องของหลักฐาน (identity management), การใช้ เทคโนโลยีชีวภาพในการระบุตัวบุคคล(biometric deployment), เทคโนโลยี RFID, รวมทั้งเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับ การรักษาความปลอดภัยของเอกสารและฐานข้อมูล พื้นที่นิทรรศการพิเศษซึ่งอยู่ใจกลางงานนี้ จะเป็นแหล่งดึงดูด บรรดาผู้เข้าชมที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแอพพลิเคชันต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งในส่วนโทรคมนาคม, การออกตั๋วโดยสาร, ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ, การรักษาความปลอดภัยระดับชาติ, การปกป้องความมั่นคงปลอดภัย, การเข้าไป ยังสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้าย(สนามบิน โรงพยาบาล หรือสนามกีฬา เป็นต้น), การประกันสุขภาพในประเทศ ฯลฯ โดยจะรวมสินค้าระดับโลกที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการระบุตัวตน (identification), RFID รวมทั้งระบบการ รวบรวม/ตรวจจับข้อมูลและการพิสูจน์แบบอัตโนมัติ (AIDC), e-government, การพิสูจน์ตัวตน (authentication), ระบบไร้การสัมผัส, การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการระบุตัวบุคคล, การรักษาความปลอดภัยให้กับเอกสาร และการควบคุม ผู้ใช้ในการเข้าเรียกดู และ/หรือแก้ไขข้อมูล เป็นต้น

นอกจากนี้ ในงานยังจะมีการจัดโปรแกรมการประชุมเฉพาะเรื่อง ซึ่งจะเป็นการหารือเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาของระบบที่กล่าวมาข้างต้นในแง่ของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี กฎหมาย และจริยธรรม ทั้งยังจะมีการ จัดอภิปรายในเรื่องแอพพลิเคชันหลักๆ ที่เชื่อมโยงกับปัญหาท้าทายต่างๆ ของระบบข้อมูลสารสนเทศ การยืนยันความ ถูกต้องของหลักฐานด้วยระบบดิจิตัล ระบบธุรกรรมแบบอิเล็กทรอนิกส์ การรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่ระดับ แอพพลิเคชัน หรือระดับอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการบริหารจัดการสิทธิด้วยระบบดิจิตัล