อดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความท้าทายของธนาคารที่ต้องปรับตัวสู่ “ดิจิทัล แบงกิ้ง” คือ ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เซอร์วิสต่างๆ ที่ธนาคารนำเสนออย่างสม่ำเสมอ และต้องเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม เพราะบริการด้านการเงินของธนาคารเป็นเซอร์วิสที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน

“ซีไอเอ็มบี” จึงมองการสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์และเซอร์วิสของธนาคารผ่าน CIMB Thai Lounge รูปแบบ “พับบลิค เลานจ์” พื้นที่ 135 ตารางเมตร บริเวณโถงกลาง โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ย่านใจกลางเมือง

เปิดพื้นที่สัมผัสแบรนด์

รูปแบบ “พับบลิค เลานจ์” เปิดให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่ลูกค้าของซีไอเอ็มบี ก็สามารถเข้ามานั่งใช้บริการในเลานจ์ได้ เพื่อโอกาสรู้จักและสัมผัสกับแบรนด์ เพราะหนึ่งในโจทย์สำคัญวันนี้ ต้องสร้างความเข้าใจบริการของธนาคารและธุรกิจการเงิน ที่ถูกมองเป็นเรื่อง “ซีเรียส” ให้เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจได้ และสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายในยุคดิจิทัล

“วิธิคิดของซีไอเอ็มบี เรามองการให้ลูกค้าก่อน พับบลิค เลานจ์ จึงเปิดให้ทุกคนเข้ามาใช้บริการได้ ไม่เฉพาะลูกค้าธนาคารเท่านั้น เพราะเชื่อว่าเมื่อคนทั่วไปได้สัมผัสกับแบรนด์และเซอร์วิสต่างๆ ที่มีให้เห็นในเลานจ์ ก็มีโอกาสจะเข้ามาเป็นลูกค้าของธนาคารได้เช่นกัน”

การเลือกเปิด พับบลิค เลานจ์ ในโรงภาพยนตร์กลางเมือง เพื่อทำให้ทุกคนเข้าถึงซีไอเอ็มบีได้สะดวก โดยเป็นแบรนด์ที่เกาะติดกับไลฟ์สไตล์คนยุคดจิทัลทุกวัย นอกจากพื้นที่พารากอนซึ่งเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ 2 ปีแล้ว ยังมองการขยายเพิ่มเติมในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ สาขาไอคอนสยาม และเอ็มควอเทียร์ อีกด้วย    

ตอบโจทย์ลูกค้าเก่า-โกยลูกค้าใหม่

อดิศร มองว่าการเปิดพื้นที่ในรูปแบบ “พริวิเลจ เลานจ์” เพื่อให้เฉพาะลูกค้าปัจจุบันใช้บริการ อาจใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ เพราะหากลูกค้าไม่เข้ามาใช้บริการหรือใช้บริการจำนวนไม่มากก็จะกลายเป็นพื้นที่ว่าง ซีไอเอ็มบี จึงเลือกเป็นรูปแบบ “พับบลิค เลานจ์” ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นลูกค้าของซีไอเอ็มบี ก็จะได้สิทธิพิเศษ โดยบัตรเดบิตของธนาคารสามารถใช้ซื้อบัตรชมภาพยนตร์เมเจอร์ได้ในราคา 80 บาทต่อที่นั่ง โดย 1 บัตรใช้สิทธิได้ 2 ที่นั่งต่อเดือน โดยธนาคารได้จัดโปรโมชั่นนี้ร่วมกับเครือเมเจอร์มา 3 ปีแล้ว และได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก 

ในพื้นที่ พับบลิค เลานจ์ ได้ติดตั้งตู้ Digital Solution Engagement หรือ DSE เพื่อให้ลูกค้าใหม่ที่สนใจเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดฝาก สามารถเปิดบัญชีได้ด้วยตัวเอง โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการเปิดบัญชี ซึ่งจะได้รับบัตรเดบิตธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี ปีแรก ซึ่งจะได้สิทธิซื้อตั๋วภาพยนตร์เมเจอร์ราคา 80 บาทเช่นกัน คาดว่าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ผ่านตู้ DSE “พับบลิค เลานจ์” เดือนละ 400-500 บัญชีต่อเดือน จากปกติจะมีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่กับธนาคารเดือนละ 20,000 บัญชี  

นอกจากนี้ ตู้ DSE ยังให้บริการยื่นขอสินเชื่อ พร้อมดูข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารได้เพิ่มเติมอีกด้วย ปัจจุบันโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการวันละ 1 แสนคน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ธนาคารจะให้บริการลูกค้าเก่าและเป็นช่องทางการหาลูกค้าใหม่

“เราพยายามเพิ่มช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของธนาคาร และไม่ยึดติดกับช่องทางรูปแบบเดิมๆ วันนี้ลูกค้าอยู่ที่ไหน ธนาคารต้องพร้อมให้บริการทุกที่ เพราะธุรกรรมทางการเงินเป็นเรื่องใกล้ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน”

อดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวถึง การยกเลิกให้บริการบัตรเครดิตของธนาคาร ก็เพื่อมุ่งเน้นไปในด้านดิจิทัล แบงก์กิ้งมากขึ้น ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่วนผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารยังสามารถใช้บัตรเครดิตได้ถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ 

โดยปัจจุบันมียอดผู้ถือบัตรที่มีความเคลื่อนไหวที่ 20,000 ใบ มีวงเงินสินเชื่ออยู่ 500-600 ล้านบาท  ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็จะได้เห็นความคืบหน้าในด้านดิจิทัลแบงกิ้งของธนาคารเพิ่มขึ้น 

“เราเป็นแบงก์เล็ก บุคลากร ทรัพยากรต่างๆมีไม่มากเท่าแบงก์ใหญ่ จึงคิดว่าน่าจะทุ่มเทสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาทำในส่วนดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพย์เมนท์ หรือระบบอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าในอนาคต อย่างบัตรเครดิตเราคิดว่าปัจจุบันมีส่วนอื่นๆมาแทนการชำระเงินด้วยบัตรได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงอยากจะมาเร่งในส่วนดิจิทัล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดูงานของสาขาซีไอเอ็มบีกรุ๊ปที่เวียดนามที่ใช้ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อนำมาปรับใช้“

สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตที่ยังคงค้างอยู่นั้น ก็จะมีการติดต่อกับลูกค้าที่จะมีทางเลือกในการชำระหลายรูปแบบไม่ว่าจะชำระเต็มหรือยืดระยะเวลาการชำระก็ได้ ขณะที่คะแนนสะสมก็แลกเปลี่ยนเป็นหลายรูปแบบได้เช่นกัน จึงเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบกับลูกค้า

ที่มา : mgronline.com/stockmarket/detail/9600000100711

วันนี้ (2 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ระบุว่า เนื่องจากธนาคารได้มีการทบทวนนโยบายการให้บริการผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตของธนาคาร เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจะหยุดให้บริการผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตสำหรับลูกค้าบุคคลของธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. เวลา 00.00 น. (เที่ยงคืนของวันที่ 20 ต.ค.) เป็นต้นไป โดยบัตรเครดิตของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จะไม่สามารถใช้ในการชำระค่าสินค้า และหรือบริการใดๆ ได้อีก

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวได้ส่งไปยังสมาชิกบัตรเครดิต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกประเภท ทั้งบัตรวีซ่า แพลทินัม (Visa Platinum) สำหรับลูกค้าบุคคลที่มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน อายุการทำงานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และบัตรพรีเฟอร์ วีซ่า แพลทินัม (Preferred Visa Platinum) สำหรับลูกค้าบริการธนาคารพิเศษ ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือมียอดวงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ ตามสัญญาที่ลงวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า ให้ยอดเงินคงค้างที่สมาชิกบัตรยังไม่ได้ชำระทั้งหมดในบัญชีของผู้ถือบัตรครบกำหนดชำระในทันที และสมาชิกบัตรจะชำระหนี้ทั้งหมดรวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรทั้งหมด ภายหลังการยกเลิกบัตร หรือการเพิกถอนการใช้บัตร หรือระงับการใช้บัตรของธนาคาร

สำหรับผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ชูจุดเด่นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ เพียง 1% จากปกติ 2.5% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรในสกุลเงินต่างประเทศ รับส่วนลดที่พักระดับ 4-5 ดาว กว่า 100 โรงแรมชั้นนำทั่วอาเซียน รับส่วนลดร้านค้าชั้นนำในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมทั้งคะแนนสะสมทุก 25 บาท รับ 1 คะแนน เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกหลักเกณฑ์ควบคุมบัตรเครดิต โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท อนุมัติวงเงินได้สูงสุดแค่ 1.5 เท่า ทำให้ผู้ออกบัตรเครดิตได้รับผลกระทบ 

อย่างไรก็ตาม การยกเลิกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบกับบัตรสินเชื่อบุคคล เอ็กซ์ตร้าแคช ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา นายอดิศร เสริมชัยวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับอัตราการอนุมัติสินเชื่อลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 40-45% จากต้นปี 2560 อยู่ที่ราว 45-50% เพื่อต้องการคุมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ให้สูงเกินไป จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2560 เอ็นพีแอลอยู่ที่ 3.2% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงปลายปีก่อน 

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ได้มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคลเพอร์ซันนัลแคช โดยพนักงานประจำ รายได้ประจำต่อเดือน 20,000 บาท แบ่งออกเป็น อายุสัญญาสูงสุด 12 เดือน ดอกเบี้ย 9% ต่อปี และอายุสัญญาสูงสุด 24 เดือน ดอกเบี้ย 12% ต่อปี ส่วนพนักงานประจำ รายได้ประจำเดือน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 20% – 28% (ตามวงเงินอนุมัติ) โดยได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับพนักงานที่มีรายได้ประจำต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป และมียอดค้างชำระบัตรเครดิต โดยแบ่งออกเป็น อายุสัญญา 15 เดือน ดอกเบี้ย 11.73% ต่อปี และอายุสัญญา 24 เดือน ดอกเบี้ย 11.84% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ถึง 31 ธ.ค. 2560

ที่มา : mgronline.com/onlinesection/detail/9600000100493