CPN – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 15 Mar 2024 04:00:48 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เซ็นทรัลพัฒนา” ยกระดับการเป็น Place Maker ขยายบทบาทสู่ Holistic Partnership เปิดโปรแกรม The 1 BIZ ให้ผู้เช่าเชื่อมต่อ The 1 แพลตฟอร์ม CRM ที่มีฐานสมาชิกลูกค้าใหญ่สุดในไทย 20 ล้านรายได้ทันที https://positioningmag.com/1466398 Fri, 15 Mar 2024 12:48:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466398

ขึ้นชื่อว่า “เซ็นทรัลพัฒนา” ย่อมไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่เดิมที่เป็นผู้นำในฐานะ Retail Developer อันดับ 1 ในไทย แต่ตอนนี้ได้ยกระดับมากกว่าการเป็น Place Maker ไปอีกขั้นกับการขยายบทบาทสู่ Holistic Partnership จับมือช่วยปั้นธุรกิจให้กับผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลในทุกมิติ ด้วยการคลอดโปรแกรม The 1 BIZ ที่มีการจับมือร่วมกับ The 1 แพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในไทย ในการสร้าง CRM แพลตฟอร์มพร้อมใช้ ให้ร้านค้าผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สามารถเข้าถึงฐานสมาชิกลูกค้ากว่า 20 ล้านรายของ The 1 ที่ใช้เวลาสะสมมานานกว่า 20 ปี ได้ทันที เพื่อช่วยยกระดับการเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ซึ่งแต่เดิม The 1 เป็นโปรแกรม CRM ที่รองรับธุรกิจในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, เพาเวอร์บาย, B2S, ไทวัสดุ และอื่นๆ

แต่วันนี้บทบาทของเซ็นทรัลพัฒนาพร้อมเปิดตัวโปรแกรม The 1 BIZ ที่ได้ขยายความพิเศษของ The 1 สู่กลุ่มร้านค้าผู้เช่าของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เรียกได้ว่าปกติเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้พัฒนาในด้านฮาร์ดแวร์ สร้างตึก พัฒนาโครงการ แต่ตอนนี้ได้ขยายการพัฒนาในด้านซอฟท์แวร์ที่พร้อมสนับสนุนผู้เช่าที่เป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ช่วยทำให้อีโคซิสเท็มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

โปรแกรม The 1 BIZ ได้เริ่มเปิดตัวมาได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว ความพิเศษก็คือร้านค้าสามารถเชื่อมต่อกับ CRM แพลตฟอร์มพร้อมใช้ ที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดกว่า 20 ล้านคนได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาพัฒนาเอง ไม่ต้องเสียเวลาเก็บข้อมูลใหม่ ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า เพิ่มฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย รวมถึงการเข้าถึงลูกค้าได้ถูกช่องทาง เพื่อใช้งบทางการตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งผ่าน Social Media และ Own Channel ของเซ็นทรัลเอง อย่าง The 1 Application

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ร้านค้าจะได้รับก็คือ ได้อินไซต์ข้อมูลของลูกค้าที่สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้ เป็นข้อมูลเชิงลึกถึงพฤติกรรมการซื้อ (Purchasing Behavior) ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่ความสนใจของลูกค้าแบบผิวเผิน รวมถึงได้ข้อมูลเชิงกว้างกว่า ถ้าร้านค้าพัฒนาระบบ CRM ของตัวเอง ก็จะเห็นข้อมูลแค่ร้านค้าของตนเองแค่อย่างเดียว แต่ The 1 BIZ ช่วยให้ร้านค้าเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคได้แบบ 360 องศา จากพันธมิตรร้านค้ากว่า 800 แบรนด์ ครบคลุมทุกอุตสาหกรรมกว่า 10 ล้าน SKUs

โดยข้อมูลที่ได้มานั้น จะนำมาวิเคราะห์อย่างแม่นยำผ่าน Data Analyst ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แม่นยำที่สุด ตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างถูกจุด เพื่อเข้าถึงโอกาสของลูกค้า สามารถเพิ่มยอดขายจากการเข้าใจลูกค้าแบบ 360 องศา เพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Basket size ลูกค้าได้จากการเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ครบแบบครบทุกมิติ รวมถึงเห็นโอกาสในการเข้าหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ

นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Fashion and Luxury Partner Management บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า

“สิ่งที่เซ็นทรัลพัฒนาทำได้สะท้อน Brand Purpose ที่ชัดเจน ซึ่งเราทำอย่างต่อเนื่องด้วยบทบาทของ Place Maker ตอนนี้ เราไม่ได้การปรับตัวทางธุรกิจตามเทรนด์เท่านั้น เพราะเราต้องตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอด ดังนั้นการเติบโตของเซ็นทรัลพัฒนา เรามองในภาพ Beyond Retail และมองไปถึงอีโคซิสเท็มทั้งระบบ เราไม่ได้สร้างแค่ศูนย์การค้าอีกต่อไป แต่ได้ขยายจุดแข็งที่เราเก่งในด้านค้าปลีกไปพัฒนาอสังหาฯ อื่นๆ ทั้งที่อยู่อาศัย, โรงแรม และออฟฟิศด้วย

แต่อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เป็นหัวใจของทั้งเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่เชื่อมทุกอย่างในระบบ นั่นก็คือ The 1 วันนี้เซ็นทรัลพัฒนาได้พูดถึงครบทุกมิติทั้ง B2C และ B2B การให้ผู้เช่าเข้าถึงโปรแกรม The 1 ได้ จะช่วยสร้างการเติบโตแบบติดสปีดได้อีก”

นายอิศเรศ กล่าวเสริมอีกว่า “โปรแกรม The 1 BIZ จะช่วยตอบโจทย์ทั้งในแง่ของลูกค้า และผู้ประกอบการได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ  ในมุมลูกค้านั้น การสะสมแต้ม การแลกแต้มจะได้สิทธิประโยชน์ ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น จากพันธมิตรร้านค้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมสนุกกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในมุมของร้านค้า The 1 เป็นแพลตฟอร์มที่สตรองมาก และพร้อมใช้งานได้ทันที เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ Ready to Use และช่วยให้ธุรกิจ Ready to Scale สามารถเข้าถึงลูกค้า 20 ล้านคนได้ทันที พร้อมกับข้อมูลในมือที่นำไปต่อยอดวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ” 

ร้านค้าผู้เช่าภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกร้าน สามารถเข้าร่วมโปรแกรมได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านแฟชั่น ร้านไอที และอื่นๆ อีกมากมาย หลังจากที่นำร่องโปรแกรม The 1 BIZ มาแล้ว มีบทพิสูจน์ความสำเร็จที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ร้านค้าผู้เช่ามากมาย

– จำนวนลูกค้าที่มาสะสม-แลกคะแนน The 1 ที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 382% ต่อปี

– ยอดขายของร้านเค้าที่เข้าร่วมโครงการ เติบโตมากกว่าถึง 10% (เทียบกับร้านที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ)

– ลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า (ในช่วงเวลาที่มีแคมเปญ)

– จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 300% ใน 3 ปี

ความสำเร็จของเซ็นทรัลพัฒนาในวันนี้ สู่การขยายบทบาทสู่ Holistic Partnership เป็นอีกก้าวของการทำธุรกิจค้าปลีกที่เข้าไปทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ในทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้พัฒนา และให้เช่าพื้นที่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งการันตีได้เลยว่าเซ็นทรัลพัฒนาจะช่วยสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจไม่ว่าจะหน้าบ้าน หรือระบบหลังบ้านที่พร้อมซัพพอร์ตทุกโอกาส ซึ่งทำให้ทั้งอีโคซิทเท็มเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

]]>
1466398
CPN เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล อุบล” ลงทุน 4,000 ล้าน มองจังหวัดใหญ่อันดับ 5 ของไทยมีศักยภาพ https://positioningmag.com/1449092 Wed, 25 Oct 2023 01:26:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449092 เซ็นทรัลพัฒนาเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยใช้งบลงทุนมากถึง 4,000 ล้านบาท โดยมองว่าจังหวัดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศไทยนี้มีศักยภาพ สามารถรองรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อนบ้านจากทั้งลาว กัมพูชา หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสที่จังหวัดอุบลราชธานีอย่างเป็นทางการ โดยใช้งบลงทุนมากถึง 4,000 ล้าบาท บนพื้นที่ 67 ไร่ ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุบล คอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ อุบล โรงแรม Centara Ubon รวมถึง ศูนย์ประชุมภายใต้ชื่อ “อุบลฮอลล์”

มองอุบลฯ เป็นเมืองมีศักยภาพของอีสานใต้

สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ Head of Hotel Development บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสเซ็นทรัล อุบล เป็นความตั้งใจในการทำตามพันธสัญญาของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งการเข้ามาพัฒนาธุรกิจของบริษัทช่วยส่งเสริมศักยภาพของจังหวัดในทุก ๆ ด้าน ยกระดับทั้งเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวของภูมิภาคอีสานตอนใต้

ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย และเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสาน นอกจากนี้พื้นที่ของจังหวัดยังติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา ซึ่งผู้บริหารของ CPN มองว่าเป็นเมืองที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้พื้นที่บริเวณโครงการมิกซ์ยูสดังกล่าวที่ CPN ได้ลงทุนไว้ บริษัทยังมองถึงเป้าหมายในการสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ให้กับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสอดคล้องแผนยุทธศาสตร์จังหวัด

ผู้บริหารหญิงของ CPN รายนี้ยังมองถึง Business Leisure สามารถทำงานและท่องเที่ยวไปด้วย ส่งผลให้ลูกค้าอยู่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานีนานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภายในจังหวัดด้วย

สุริยา ปิ่นรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (ซ้าย) / สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ Head of Hotel Development บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (ขวา)

ผลักดันอุบลฯ ให้เป็นเมือง MICE City

สุรางค์ ยังได้กล่าวถึง การผลักดันให้อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีความพร้อมและศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมเชิงธุรกิจ เช่น การจัดประชุม ฯลฯ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ MICE City

เธอได้กล่าวว่าปัจจุบันห้องสัมมนาของโรงแรม Centara Ubon ได้ผ่านคุณสมบัติการประเมินของสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (TCEB) แล้ว เพียงแต่แค่จุคนไม่ได้มากเท่า ทางด้านของศูนย์ประชุมอุบลฮอลล์รอผ่านการประเมินก่อน

สุริยา ปิ่นรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสดังกล่าวว่ายังเป็น Landmark ในการจัดงานต่าง ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีด้วย โดยศูนย์ประชุมอุบลฮอลล์ สามารถจัดงานต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ

โดยหลังจากนี้ศูนย์ประชุมอุบลฮอลล์จะมีเรื่อง Synnergy กับทางฝั่งโรงแรม Centara ด้วย อย่างเช่นในด้านของการจัดเลี้ยงอาหาร และมีการคุยไว้กับหลากหลายหน่วยงานในจังหวัดให้มาจัดงานในศูนย์ประชุมดังกล่าวมากขึ้น

โรงแรม Centara Ubon จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของโครงการมิกซ์ยูส

สุรางค์ ยังได้เล่าถึงขั้นตอนการปั้นโครงการมิกซ์ยูสของ CPN ที่อุบลราชธานีว่าเริ่มต้นด้วยการเปิดนศูนย์การค้าในปี 2013 ปัจจุบันบริษัทได้ดึงร้านค้าชื่อดังจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Uniqlo และแบรนด์ชื่อดังต่าง ๆ มาเปิดที่นี่ มีลูกค้ามาใช้บริการเฉลี่ย 27,000-28,000 คนต่อวัน ยอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 2,800 บาทต่อคน ซึ่งใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร

ขณะที่คอนโดมิเนียม ESCENT Ubon สร้างเสร็จในปี 2020 ด้วยความสูง 14 ชั้น ก็ได้จำหน่ายหมดจนปิดโครงการเฟสแรกไปแล้ว

Head of Hotel Development ของ CPN ได้กล่าวว่า เมื่อผลตอบรับของคอนโดมิเนียมดีมาก บริษัทจึงสร้างโรงแรมเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของโครงการมิกซ์ยูส โดยการเปิดโรงแรมโดยใช้แบรนด์ Centara เพราะเป็น Full Service ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากกว่า ซึ่งในส่วนโรงแรมนั้นได้เปิดบริการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีห้องพักทั้งสิ้น 160 ห้อง

แม้จำนวนห้องพักของโรงแรมจะน้อย แต่เธอได้ให้มุมมองว่าการทำโรงแรมขึ้นมานั้นสิ่งอำนวยความสะดวกจะต้องสอดคล้องกับคนที่มาพัก และจะทำให้ดีก่อน โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวไทยมากถึง 86% และที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 14% นำโดยสหรัฐอเมริกา และลาวตามลำดับ และในช่วงที่ผ่านมาโรงแรมยังได้ต้อนรับรับชาวญี่ปุ่นที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย

Centara Ubon ปัจจุบันมีอัตรารายวันเฉลี่ย (ADR) ที่ 1,850 บาท และในปีหน้า สุรางค์มองว่าเป้าดังกล่าวจะค่อยปรับขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าที่เข้าพัก ซึ่งเป็นไปตามกลไกตามตลาด บางทีอาจได้กลุ่มลูกค้าใหญ่ที่ราคาเฉลี่ยอาจลดลง แต่ได้จำนวนผู้เข้าพักมากขึ้น

ผสานความเป็นท้องถิ่น

Head of Hotel Development ของ CPN ยังได้กล่าวถึงการผสมผสานความเป็นอีสานเข้าไปยังการออกแบบของตัวโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มี Daybed พักได้มากกว่า 2 คน แตกต่างจากโรงแรมทั่วไป เน้นความเป็นครอบครัว

ขณะเดียวกันก็ใช้เอกลักษณ์ความเป็นอีสาน รวมถึงการใช้วัสดุในท้องถิ่นในการตกแต่งห้องพัก หรือโซนล็อบบี้ของโรงแรม รวมถึงเมนูอาหารที่ทางโรงแรมได้ใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดอุบลราชธานี เช่น หมูยอ กุนเชียง ก๋วยจั๊บญวน มาประกอบในเมนูของห้องอาหารด้วย

นอกจากนี้ในตัวโรงแรมเองยังมีการนำ God Father แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดังในท้องถิ่นมาเปิดสาขาในตัวโรงแรมด้วย

สุรางค์ ได้กล่าวว่าปัจจุบันอัตราการเฉลี่ยเข้าพักอยู่ที่ราว ๆ 70% ซึ่งเธอพอใจกับตัวเลขดังกล่าว ถ้าหากได้ผลตอบรับดีอาจมีการศึกษาขยายตัวโรงแรม รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม ในหลังจากนี้

]]>
1449092
“CPN” มุ่งเป้ารายได้ขาย “บ้าน-คอนโดฯ” แตะ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี ขยายพอร์ต “บ้านหรู” ใกล้ห้างฯ https://positioningmag.com/1444260 Thu, 14 Sep 2023 08:53:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444260 “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ CPN ใส่เกียร์เดินหน้าในตลาดขาย “บ้านคอนโดฯ” วางเป้ารายได้ 3 ปี แตะ 10,000 ล้านบาท ขึ้นเป็นผู้เล่นระดับกลาง แตกแบรนด์ใหม่ “บ้านนิรดา” เจาะกลุ่ม “บ้านหรู” ราคา 20-30 ล้านบาท ชูจุดขายใกล้ศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลไม่เกิน 10 กิโลเมตร

ธุรกิจ Central Pattana Residence กลุ่มธุรกิจขายที่อยู่อาศัยของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เริ่มเปิดคอนโดมิเนียมแรกขึ้นเมื่อปี 2559 ด้วยแนวคิดต่อยอดธุรกิจสร้างชุมชนรอบศูนย์การค้าเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน จนถึงปัจจุบัน CPN มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบสะสมแล้ว 35 โครงการ ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ และอนาคตเตรียมจะเร่งเครื่องการพัฒนาให้เร็วขึ้น

“วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาพื้นที่ของ CPN ที่เคยประกาศไปว่า จากนี้เซ็นทรัลพัฒนาจะเน้นการสร้างโครงการ “มิกซ์ยูส” ในทำเลเดียวอาจมีทั้งส่วนรีเทล ที่อยู่อาศัย โรงแรม และอาคารสำนักงาน เพื่อสร้างเป็นระบบนิเวศตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ โดยจะมี “รีเทล” เป็นหัวใจสำคัญในการนำร่องการพัฒนาส่วนต่างๆ ที่จะมารวมกันเป็นมิกซ์ยูส

CPN บ้าน คอนโด
(จากซ้าย) กรี เดชชัย President, Residence Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา, วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา และ นาวิตรา จันเกษม Head of Residence Business Operation Support บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา

ส่วนหนึ่งในมิกซ์ยูสดังกล่าวคือ “ที่อยู่อาศัย” ซึ่งมี “กรี เดชชัย” President, Residential Business บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เป็นแม่ทัพสร้างโครงการ

กรีระบุว่า แผนของ CPN ต้องการผลักดันให้หน่วยธุรกิจนี้ “โตเร็ว” กว่าที่เคยเป็นมา จากที่เคยไต่ระดับรายได้ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี จากนี้ภายในปี 2569 กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยจะสร้างรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วนราว 13-14% ของรายได้รวมเซ็นทรัลพัฒนา สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจนี้มีความสำคัญมากขึ้น

 

จุดขายที่อยู่อาศัย “ใกล้ห้างฯ”

กรีกล่าวว่า การเติบโตของ Central Pattana Residence มีจุดขายหลักคือการเป็นที่อยู่อาศัย “ใกล้ห้างฯ” มาโดยตลอด ถ้าหากเป็นคอนโดมิเนียม จะอยู่ในบริเวณเดียวกับศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลหรือใกล้แบบเดินถึง แต่ถ้าเป็นโครงการแนวราบจะอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัล

ทั้งหมดเกิดจากการ ‘synergy’ วางแผนร่วมกันเสมอในการจัดซื้อที่ดินแบบ ‘ห้างฯ ไปไหน บ้านไปด้วย’ เซ็นทรัลพัฒนาจะมีศูนย์การค้าเซ็นทรัลหรือโรบินสันแห่งใหม่ที่ใด ฝั่งที่อยู่อาศัยจะเข้าไปประเมินความเหมาะสม หากสมควรลงทุนพัฒนาก็จะจัดซื้อที่ดินในห้วงระยะเวลาเดียวกันเลย

CPN บ้าน คอนโด

ปัจจุบัน Central Pattana Residence มีแบรนด์ในมือ 6 แบรนด์ ได้แก่

  • เอสเซ็นท์ (ESCENT) คอนโดมิเนียมราคาเริ่มต้น 1.5-2.0 ล้านบาท
  • ฟีล (PHYLL) คอนโดมิเนียมราคาเริ่มต้น 2.5-3.5 ล้านบาท
  • นิรติ (NIRATI) บ้านเดี่ยวราคา 8-12 ล้านบาท
  • นินญา (NINYA) บ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาท
  • บ้านนิรดา (BAAN NIRADA) บ้านเดี่ยวราคา 20-30 ล้านบาท
  • นิยาม (NIYHAM) บ้านเดี่ยวราคา 30-60 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าในกลุ่มคอนโดฯ​ จะทำราคาในกลุ่มตลาดแมสและตลาดระดับกลาง แต่ถ้าเป็นโครงการแนวราบ CPN จะมุ่งจับตลาดกลางบนไปจนถึงลักชัวรี

 

มุ่งตลาด “บ้านหรู” มากขึ้นด้วยแบรนด์ใหม่ “บ้านนิรดา”

กรีกล่าวต่อว่า ภาพรวม 3 ปีข้างหน้า CPN จะเน้นโครงการบ้านแนวราบมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีพอร์ตแนวราบ 50:50 แนวสูง

ในกลุ่มบ้านแนวราบจะยิ่งเน้นในตลาดลักชัวรีมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “บ้านนิรดา (BAAN NIRADA)” ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวกลุ่มราคา 20-30 ล้านบาท จะเปิดขายรวดเดียว 3 ทำเลในกรุงเทพฯ ได้แก่ พระราม 2, อุทยาน-อักษะ และ เอกชัย-วงแหวน

ถือเป็นการเสริมแบรนด์เข้ามาอีกแบรนด์หนึ่ง จากเดิมบริษัทมีแบรนด์ลักชัวรีคือ นิยาม (NIYHAM) ซึ่งเคยเปิดเพียงโครงการเดียว คือ นิยาม บรมราชชนนี ราคา 30-60 ล้านบาท

“บ้านนิรดา จะถือเป็นแบรนด์เรือธงสำหรับทำตลาดบ้านหรูของ CPN” กรีกล่าว “กลยุทธ์ของเราในการบุกตลาดบ้านคือเราจะเน้นในตลาดหรู เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันสูง เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับลักชัวรีและคุณภาพสูงให้นึกถึงเราก่อน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด”

กรียกตัวอย่างเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา CPN เปิดโครงการ “บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช” ราคาขาย 8-15 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากในพื้นที่นครศรีธรรมราช แต่บริษัทปิดการขายได้แล้ว 17 หลังภายในเวลาเดือนเดียว

 

ปี’66 รายได้ดีด 90% มุ่งสู่ ‘หมื่นล้าน’

สำหรับแผนธุรกิจเฉพาะปี 2566 ธุรกิจที่อยู่อาศัยของ CPN มีแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,900 ล้านบาท ที่เปิดตัวแล้ว ได้แก่ คอนโดฯ เอสเซ็นท์ เพชรบุรี และ บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช ส่วนที่รอเปิดตัวในไตรมาส 4 นี้ทั้งหมด ได้แก่ บ้านนิรดา 3 ทำเลดังกล่าว และ คอนโดฯ เอสเซ็นท์ อีก 2 ทำเล คือ บุรีรัมย์ กับ บางนา

ด้านเป้าหมายยอดขายปีนี้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ทำยอดขายได้แล้ว 4,000 ล้านบาท

เป้าหมายรายได้ปีนี้ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ทำรายได้แล้วเกือบ 4,000 ล้านบาท หากสิ้นปีทำรายได้ได้ตามเป้าจะถือเป็นการเติบโตจากปีก่อนถึง 90% นับเป็นก้าวสำคัญที่จะมุ่งสู่รายได้ 10,000 ล้านบาทในปี 2569

กรีกล่าวว่า บริษัทจะเติบโตสอดคล้องกับแผนใหญ่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ในอีก 3 ปีจะได้เห็น Central Pattana Residence เพิ่มเป็น 24 จังหวัด มีจังหวัดใหม่ๆ ที่ ไปแน่ตามแผนของศูนย์การค้า คือ นครปฐม นครสวรรค์ และกระบี่ ส่วนที่เหลือจะไปพัฒนาโครงการที่จังหวัดไหนนั้น ต้องรอประกาศพร้อมกับศูนย์การค้าอีกครั้ง

]]>
1444260
บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน จับมือ CPN เพิ่มสิทธิประโยชน์บัตร ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเติบโต 30% https://positioningmag.com/1440633 Fri, 11 Aug 2023 02:25:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440633 เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส (GCS) จับมือเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เพิ่มสิทธิบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน โดยเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น โดยมอบสิทธิประโยชน์ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา โดยคาดว่ายอดใช้จ่ายจะเติบโตในปี 2023 ได้มากถึง 30%

อธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ได้กล่าวถึงส่วนแบ่งการตลาดของบัตรบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ว่าในปี 2019 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 3.5% และเติบโตจนมีส่วนแบ่ง 4.8% ของตลาดในปี 2022

สำหรับผลประกอบการในปี 2022 ที่ผ่านมานั้นมี หนี้คงค้างทั้งสิ้น 25,500 ล้านบาท เติบโต 13% ต่อปี ขณะที่มีการเปิดบัตรใหม่ 84,000 ใบ เติบโต 61% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 97,000 ล้านบาท เติบโต 27%

ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2023 นี้มีหนี้คงค้างทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท เติบโต 11% ขณะที่มีการเปิดบัตรใหม่ 52,000 ใบ เติบโต 35% ยอดใช้จ่ายต่อบัตร 52,000 ล้านบาท เติบโต 19% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเทียบกับปี 2022

ในปี 2020 ซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อธิศชี้ว่าบริษัทได้ปรับกลยุทธ์เจาะลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม เช่น บัตรเซ็นทรัล เดอะวัน สีดำ แต่ปัจจุบันได้กลับมาโฟกัสลูกค้าทั่วไปซึ่งเป็นบัตรเซ็นทรัล เดอะวัน สีแดง นอกจากนี้ยังพบว่าลูกค้าของบัตรมีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ปี ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์ในการดึงลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นเข้ามาเพิ่ม

การสำรวจของบริษัทพบว่าวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มที่ต้องการเจาะตลาดส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่กับศูนย์การค้า ทำให้บริษัทซึ่งมีกลยุทธ์ในการขยายพันธมิตร ได้จับมือกับเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในการขยายความร่วมมือดังกล่าวนั้นยังทำให้ลูกค้าบัตรเซ็นทรัล เดอะวัน ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ นอกจากบัตรเครดิต ก็ยังสามารถใช้บริการทางการเงินของของธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ เช่น สินเชื่อ ฯลฯ

ปัจจุบันทาง GCS ให้ความสำคัญในเรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น Digital Payment เช่น ในกรณีที่ลูกค้าลืมบัตร สามารถใช้ QR จ่ายได้ผ่านแอป U Choose แถมยังได้คะแนนสะสมของเซ็นทรัล เดอะวันด้วย เหมือนกับการรูดบัตรปกติ ขณะที่เรื่องความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์นั้นก็ได้ขยายความร่วมมือมายัง CPN เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์มากขึ้นด้วย

สิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน (เงื่อนไขการรับสิทธิ์ขึ้นอยู่กับประเภทหน้าบัตร) เช่น

  • รับคะแนน The 1 สูงสุด 4 เท่า (โดยไม่จำกัดยอดใช้จ่าย) + รับส่วนลด สูงสุด 10% (ไม่มีขั้นต่ำ)
  • VIP Lounge บริการห้องพักรับรองพิเศษ
  • Reserved Parking Area ที่จอดรถสำรองพิเศษ
  • บริการต่ออายุคะแนน The 1 Card โดยอัตโนมัติ
  • บริการที่จอดรถโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้บริหารสูงสุดของ GCS ยังชี้ว่า ถ้าทำบัตรเครดิตให้แข็งแรง มีสิทธิประโยชน์ กลุ่มคนรุ่นใหม่จะเข้ามาเลือกบัตรเครดิตเอง ซึ่งล่าสุดตอนนี้ผลตอบรับบัตรเซ็นทรัล เดอะวันถือว่าค่อนข้างดี และมองว่าคนรุ่นใหม่ จะเพิ่มสัดส่วนของฐานลูกค้า และอัปเกรดตัวบัตรเครดิตขึ้นไปตามอายุและรายได้

อธิศยังหวังว่าจะทำให้ผู้ถือบัตรบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ใช้จ่ายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลมากขึ้น 30% ภายในสิ้นปีนี้ คิดเป็นเม็ดเงิน 6,000 ล้านบาท และหวังว่าการเพิ่มสิทธิประโยชน์จะยิ่งทำให้ลูกค้ามาใช้บัตรเครดิตนี้เป็นบัตรแรก

]]>
1440633
“เซ็นทรัลพัฒนา” จับมือ “WeChat Pay” อัดโปรฯ ตลอดปี’66 ดึง “นักท่องเที่ยวจีน” ช้อปในศูนย์ฯ https://positioningmag.com/1425878 Sun, 02 Apr 2023 04:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425878
  • ศูนย์การค้า “เซ็นทรัลพัฒนา” จับมือ “WeChat Pay” บริการอี-วอลเล็ตรายใหญ่แดนมังกร จัดโปรโมชันตลอดปี เพื่อกระตุ้นลูกค้าชาวจีนใช้จ่ายผ่านแอปฯ ภายในศูนย์การค้า
  • ตัวอย่างโปรฯ เด็ดปีนี้ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเรตพิเศษ ครอบคลุมร้านค้ามากกว่า 1,000 ร้าน
  • นับเป็นกลยุทธ์ตอบรับการกลับมาของ “นักท่องเที่ยวจีน” ที่คาดว่าจะเดินทางเข้าประเทศไทยปี 2566 ประมาณ 5-8 ล้านคน

  • “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีกลยุทธ์ในการดึงลูกค้านักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่ศูนย์การค้า ผ่านแคมเปญร่วมกับพันธมิตร “WeChat Pay” บริการอี-วอลเล็ตรายใหญ่ของประเทศจีน มีฐานผู้ใช้บริการมากกว่า 1,300 ล้านคน เพื่อสร้าง “Customer Journey” ให้ลูกค้าชาวจีนร่วมกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

    โดยเริ่มตั้งแต่สร้างการรับรู้ผ่านการทำการตลาดในประเทศจีน จนถึงปลายทางเมื่อนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทย ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน WeChat Pay ได้ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวก รวดเร็ว และง่าย ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง

    กลยุทธ์นี้ถือเป็น “Strategic Move” ของ CPN เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่จีนเปิดประเทศหลังผ่านสถานการณ์โรคระบาด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีการคาดการณ์ไว้ว่า นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2566 ประมาณ 5-8 ล้านคน หรือคิดเป็น 45-72% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเมื่อปี 2562 โดยมีสัญญาณที่ดีตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งชาวจีนขึ้นมาติด Top 5 สัญชาตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดเรียบร้อยแล้ว

    ทั้งนี้ เป้าหมายหลักที่ CPN มองว่าจะดึงดูดชาวจีนได้ดีภายใต้แคมเปญนี้ คือกลุ่ม “Tourists Mall” ในเครือ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพระราม 9, เซ็นทรัลภูเก็ต, เซ็นทรัลพัทยา, เซ็นทรัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัลสมุย

    ด้าน “เบ็น หยาง” กรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ WeChat Pay กล่าวว่า ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี และเห็นได้ชัดว่าในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาแคมเปญได้ผลตอบรับที่ดี การใช้งาน WeChat Pay ภายในศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลพัฒนาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยการใช้งานทั้งประเทศถึง 50% โดยเฉพาะ “เซ็นทรัลเวิลด์” นั้นมียอดการใช้จ่ายสูงที่สุด

    เบ็นมองว่า ยอดใช้จ่ายที่สูงภายในศูนย์ฯ ของเครือ CPN เป็นเพราะศูนย์การค้าเครือนี้เป็นที่รู้จักดีของนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือในหัวเมืองการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ดังนั้น จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น WeChat Pay จะทำการตลาดอย่างเข้มข้นร่วมกับ CPN ตลอดปี 2566 โดยจะมีโปรโมชันสุดพิเศษ เช่น การมอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินเรตพิเศษสุดให้กับร้านค้าในศูนย์การค้ารวมมากกว่า 1,000 ร้าน เป็นต้น

    สำหรับ WeChat Pay เป็นบริการ Mobile Payment ภายในเครือธุรกิจไอทียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง บริษัท เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด และเป็นบริการที่แตกไลน์มาจาก WeChat แอปพลิเคชันแชตที่ครองตลาดใหญ่ที่สุดในจีน ปัจจุบัน WeChat Pay ให้บริการครอบคลุม 68 ประเทศ รองรับ 26 สกุลเงิน จึงเป็นบริการที่อำนวยความสะดวกให้ชาวจีนเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ด้วย

    ]]>
    1425878
    “เซ็นทรัลพัฒนา” เตรียมเปิด Marché Thonglor ปั้น Mixed-Use ใจกลางทองหล่อ https://positioningmag.com/1413347 Wed, 21 Dec 2022 08:44:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413347 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกาศพัฒนาโครงการใหม่ Marché Thonglor (มาร์เช่ ทองหล่อ) เป็น Mixed-Use Lifestyle Destination มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท พื้นที่โครงการ (GFA) รวม 60,000 ตร.ม. ภายใต้การร่วมทุนพัฒนาระหว่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” ในส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ และ “ยูนิเวนเจอร์” ในส่วนอาคารสำนักงาน 

    ในโซนทองหล่อมี Catchment Area ครอบคลุมกว่า 1,000,000 คน ภายในโซนสุขุมวิทตอนกลางคือ นานา, อโศก, พร้อมพงษ์, เอกมัย, ทองหล่อ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อไปยังย่านอื่นๆ เช่น เพชรบุรีตัดใหม่, พระราม 4, อ่อนนุช, คลองตัน โดยทองหล่อเป็นย่านที่มีกำลังซื้อสูง มีเอกลักษณ์ และไลฟ์สไตล์หลากหลาย โครงการมาร์เช่ ทองหล่อ เตรียมพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมีนาคม 2566

    วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ Head of Community Mall Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า

    “เซ็นทรัลพัฒนา มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาพื้นที่ และโครงการในรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use Development ซึ่งมีพื้นที่ในส่วนรีเทลเป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบภายในโครงการ อีกทั้งยังดึงดูดและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คน รวมไปถึงส่งเสริมการทำธุรกิจและการค้าขายภายในย่านที่โครงการของเราไปตั้งอยู่” 

    เซ็นทรัลพัฒนา ปั้นโครงการมิกซ์ยูสมาร์เช่ ทองหล่อโดยพัฒนาและบริหารในส่วนคอมมูนิตี้มอลล์อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นการขยายโครงการที่เชื่อมต่อย่าน CBD ของเมืองได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเราตั้งใจที่จะปรับกลยุทธ์และต่อยอดด้วยแนวคิด Center of Life ด้วยโครงการใหม่ที่มีแนวคิดตอบโจทย์และครบครันมากยิ่งขึ้น ร้านค้าร้านอาหารมีความหลากหลายมากที่สุด พร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตภายในย่านทองหล่อ โดยมี 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

    1) The Most Prime Location of Thonglor: ทองหล่อมีศัยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งมาร์เช่ทองหล่อตั้งอยู่ในโซนทองหล่อตอนต้น เชื่อมต่อกับ BTS สถานีทองหล่อเพียง 500 เมตร

    • ทำเลที่หรูที่สุดของทองหล่อรวมโรงแรม 5 ดาว 10 แห่ง รวมกว่า 2,700 ห้อง และคอนโดมิเนียมสุดมิเนียมหรูราคา 290,000 บาท/ตร.ม. รองรับนักท่องเที่ยวและคนที่มีกำลังซื้อสูง
    • Hub of Modern Workplaces ย่านทองหล่อกำลังเติบโตด้วยอาคารสำนักงานที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่โดยมาร์เช่ทองหล่อมีพื้นที่อาคารสำนักงาน 13,700 ตร.ม. ซึ่งจะเติมเต็มพื้นที่อาคาร

    2) The Affluent & Multifaceted District: ทองหล่อเป็นย่าน High-End lifestyle ที่เติบโตต่อเนื่อง และเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ รวบรวมคนหลายกลุ่ม

    • Catchment Area มีผู้คนประมาณ1,000,000 คน ในโซนสุขุมวิทตอนกลางคือ นานา, อโศก, พร้อมพงษ์, เอกมัย, ทองหล่อ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อไปยังย่านอื่นๆ เช่น เพชรบุรีตัดใหม่, พระราม 4, อ่อนนุช, คลองตัน
    • ทองหล่อเป็นย่านกำลังซื้อสูง มีเอกลักษณ์ ไลฟ์สไตล์หลากหลายโครงการมาร์เช่ ทองหล่อ จึงเติมเต็มด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ที่มี Flexible Living ได้แก่ กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่จาก Tech Company และ Start-Up, สายปาร์ตี้ชอบแฮงค์เอาท์, กลุ่มครอบครัว และ Expat ต่างชาติ

    3) The Neighbourhood Mixed-Use Development: ทองหล่อเป็นย่านศักยภาพที่ยังขาดโครงการระดับแลนด์มาร์กมาเติมเต็ม มาร์เช่ ทองหล่อจึงเป็น One-Stop Destination ที่ครบครัน และมีฟอร์แมตที่ใกล้ชิดผู้คนในย่านมากขึ้น พลิกโฉมย่านทองหล่อให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น มากกว่าการเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ แต่สามารถดึงดูดให้ผู้คนมาใช้ชีวิตได้แบบ all day & all night โดยมีจุดเด่นได้แก่

    3.1 Curated Food & Hangout Destination: ยกระดับความหลากหลายของร้านอาหารและร้านสไตล์กินดื่ม รวมกว่า 50 ร้าน มากที่สุดในทองหล่อ พบกับ High-End Dining, ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม สไตล์ omakase, Unique Restaurant และ Hangout Destination แห่งใหม่รวมร้านกินดื่มและ Skybar หลากหลายสไตล์

    3.2 พื้นที่จอดรถ 24 ชั่วโมง: ที่ชั้นใต้ดินถึง 3 ชั้น รองรับได้ 425 คัน มากที่สุดในทองหล่อ

    3.3 Vertical Oasis & Pet-Friendly: เติมเต็มพื้นที่สีเขียว 2,300 ตร.ม. ใกล้ชิดธรรมชาติ เชื่อมต่อพื้นที่ outdoor กับ indoor อย่างลงตัว โดยเน้นสวนแนวตั้ง และยังมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของคนเมือง และพื้นที่สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นในทำเลใกล้บ้าน

    โครงการ Marché Thonglor ประกอบด้วย ส่วน Podium ที่เป็น Community Mall 5 ชั้นบนพื้นที่ 13,600 ตร.ม. มีร้านค้าร้านอาหารเปิดให้บริการลูกค้าตั้งแต่เช้าถึงค่ำ อำนวยความสะดวกสบายครบทุกไลฟ์สไตล์ทั้ง กิน ช้อป เที่ยว และแฮงค์เอาท์หลังเลิกงาน ให้มาร์เช่ ทองหล่อเป็นเดสติเนชั่นของทุกเจเนอเรชั่นได้แก่

    • G Floor: เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สุดยอดฟู้ดสโตร์ที่ดีที่สุดในเอเชียคัดสรรสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างพิถีพิถันจากทั้งในและต่างประเทศ
    • M Floor: ศูนย์รวมร้านสไตล์ Grab&Go ที่รวบรวมความอร่อย และร้านอาหารชื่อดังระดับตำนาน
    • 2ndFloor: ศูนย์รวมร้านอาหารหลากหลายแบรนด์ดัง และครอบคลุมหลากหลายประเภทอาหาร
    • 3rdFloor ศูนย์รวมสินค้า Lifestyle & Fashion ครบครันมากที่สุดในทองหล่อ
    • 4thFloor ศูนย์รวม Beauty Clinic & Wellness อาณาจักรที่ครอบคลุมทุกเรื่องความงาม สวย ครบ จบในที่เดียว
    • 5thFloor: Hangout Destination รวบรวมร้าน กิน ดื่ม ยอดฮิต หลากหลายทุกสไตล์ชวนกันมาแฮงค์เอาท์หลังเลิกงาน

    ในส่วนของ Tower ที่เป็นส่วนของ Office Lifestyle ให้เช่า 12 ชั้น ภายในคอนเซ็ปต์ “Flexible-Hours” เปิดให้บริการ 24 ชม. เพื่อรองรับการทำงานและไลฟ์สไตล์ของคนทำงานในบริษัทยุคใหม่

    บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งด้วยแผนลงทุน 5 ปี มูลค่า 120,000 ล้านบาท เดินหน้าตามแผน “Retail-Led Mixed-Use Development” ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจหลัก ได้แก่ ศูนย์การค้า 50 โครงการทั้งในและต่างประเทศ และคอมมูนิตี้มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัยรวมกว่า 70 โครงการ, อาคารสำนักงานรวม 13 โครงการ, และโรงแรมรวม 37 โครงการ พร้อมทั้งขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย

    ]]>
    1413347
    “เซ็นทรัลพัฒนา” ย่อยเรื่องยั่งยืนให้เข้าถึงง่าย กับงาน “The Urgent Project – Better Future is Now” https://positioningmag.com/1405344 Wed, 26 Oct 2022 04:00:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405344

    ในช่วงหลายปีมานี้ได้เห็นหลายภาคส่วนต่างให้ความสำคัญถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องภาวะโลกร้อน ภาวะโลกรวน การรณรงค์รักษาต่างแวดล้อมต่างๆ ภาคธุรกิจต่างมีเป้าหมาย Net Zero กันเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด

    เราจึงได้เห็นงานอีเวนต์ต่างๆ หรือ Expo ใหญ่ๆ ที่ออกมาพูดถึงเรื่อง Sustainable กันแบบล้นหลาม มีทั้งในแง่ของวิชาการ และภาคปฏิบัติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างการรับรู้ บอกให้ทราบถึงปัญหาโลกร้อน

    แต่ต้องบอกว่า ตอนนี้ทาง “เซ็นทรัลพัฒนา” ได้จัดงาน “The Urgent Project – Better Future is Now” เป็นครั้งแรกของงาน Sustainability Experiential Space ใจกลางเมืองที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน Beacon เริ่มตั้งแต่วันนี้ -30 ต.ค 65

    งานนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นการย่อยเรื่องความยั่งยืนที่ใครๆ ต่างพูดถึงกัน ให้เข้าใจง่ายมากที่สุด เป็นการเชื่อมโยงเข้ากับไลฟ์สไตล์ ทั้งการใช้ชีวิต การกิน การแต่งกาย ทุกอย่างรอบตัวล้วนมีส่วนช่วยโลกได้ ผ่านการจำลองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

    บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน มุ่งมั่นสร้างโลกที่ดีขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ด้วยกลยุทธ์ Power of Synergy ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้แก่ กลุ่ม ปตท.(PTT Group) นำโดย EVme, on-ion และ Swap & Go, บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG, บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด, บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท ธนบุรีพานิชย์ จำกัด, บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด และ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด ร่วมด้วยพันธมิตรอีกมากมายขับเคลื่อนแนวทางด้านความยั่งยืน ภายในงาน “The Urgent Project – Better Future is Now” งานด่วน งานร้อน ของคนรักโลก

    นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า

    “เซ็นทรัลพัฒนา เราเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ในฐานะของ‘นักพัฒนาพื้นที่’ แห่งอนาคตที่เชื่อมโยงและสร้างสมดุลระหว่าง People และ Planet เข้าด้วยกัน ด้วยการเป็น Center of Life เพื่อดูแลทั้งผู้คน ชุมชนในทุกที่ที่เราไปตั้งอยู่ พร้อมส่งต่อโลกและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับผู้คนในรุ่นต่อๆ ไป”

    สำหรับงาน “The Urgent Project – Better Future is Now” ครั้งแรกกับ Sustainability Experiential Space ใจกลางเมือง พบกับโซนไฮไลท์ภายในงาน ได้แก่

     

    • Urgent Island พื้นที่ทดลอง ‘เร่งด่วน-เรียนรู้-กู้โลก’ เปลี่ยนการรักษ์โลกให้เป็นเรื่องสนุกจากเซ็นทรัลพัฒนา ทั้ง Central Pattana Sustainability Story, Live Better, Eat Better, Style Better
    • Pavilion for Betterment Zone 1:

    – พบกับ Interactive game ‘Mission 1.5’ จากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกันจุดประกายไอเดียช่วยโลก

    – VOLT City EV รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนแบบ 100% ดีไซน์สวยแบบ Minimal ในราคาที่จับต้องได้ สามารถชาร์จไฟบ้านได้ใช้ปลั๊กปกติได้เลย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    – SCG Green Choice ฉลากที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยส่งเสริมในเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดี มาเป็นตัวช่วยผู้บริโภคในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้ง่ายยิ่งขึ้น

    – เนสท์เล่ชวนคุณมาดูแลฟื้นฟูโลกของเราไปพร้อมกัน เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน มาร่วมเล่นเกมแยกขยะ มาดูกันว่าเพียงแยกขยะแค่ 1 ชิ้นลงถังรีไซเคิล เราสามารถช่วยโลกให้น่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร

    – Loopers แพลตฟอร์มรวบรวม และส่งต่อเสื้อผ้ามือสองคุณภาพดี ให้เสื้อผ้าทุกตัวถูกใช้ และถูกดูแลอย่างรู้คุณค่าตลอดอายุการใช้งาน

    • Pavilion for Betterment Zone 2:

    – พบกับ บูธกิจกรรมจาก กรุงเทพมหานคร ที่นำแนวทางการจัดการขยะ และ เวิร์คช็อปต่างๆ ที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม

    – Evolt X SC GRAND ร่วมกันออกแบบกระเป๋าผ้าจากวัสดุรีไซเคิล 100% รับปรึกษาเรื่องการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน

    – Tempered คาเฟ่แนวใหม่ ที่ทำด้วยใจเพื่อโลก โซน Chocolate Lab เป็น Zero Waste เปลือกจากโกโก้เรายังนำไปทำชาและปุ๋ย โซน Café ใช้บรรจุภัณฑ์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Biodegradable Grade

    – SCG Bi-ionครั้งแรกกับประสบการณ์อาบป่ากลางเซ็นทรัลเวิลด์พร้อมสัมผัสอากาศสะอาดปลอดภัยที่สร้างได้จากระบบ SCG Bi-ion

    – CIRCULAR T-Shirt Club ผลิตจากวัตถุดิบสิ่งทอรีไซเคิล 100% ไม่ผ่านการฟอกย้อม ช่วยลดการใช้น้ำ และลดการใช้ยาฆ่าแมลง ในการปลูกฝ้ายใหม่ ช่วยประหยัดพลังงาน และ ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 อีกทั้งยังช่วยลดขยะที่เกิดขึ้น จากกระบวนการผลิต

    – Yindii (ยินดี) แอปพลิเคชั่นส่งอาหารส่วนเกินจากร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของชำ โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ต ในราคาถูก โดยเป้าหมายเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมจากสภาวะโลกร้อน

    นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังมุ่งสู่การเป็นองค์กร Retail-Led Mixed-Use Developer รายแรกสู่ Net Zero ในปี 2050ผ่านการดำเนินกลยุทธ์สำคัญ 2 ส่วนคือ

    1. INSIDE-OUT: สร้างสรรค์ Culture ของภายในองค์กร โดยได้นำร่อง Green Initiatives ไปแล้วหลายโครงการด้วยกัน อาทิ สร้างมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล ด้วยการติดตั้งเซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในทุกโครงการ พัฒนาอาคารอัจฉริยะหรือ Building Automation การติดตั้ง Recycle Station นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชน ตั้งเป้าปลูกต้นไม้ให้ได้ 1 ล้านต้น

    2. OUTSIDE-IN: ส่วนที่เป็นการ creating shared value สร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย นําเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติเป็นแนวทางใน 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้ให้กับชุมชนและท้องถิ่น ส่งเสริมวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น, สังคม : เป็น Public space ที่ยกระดับคุณภาพชีวิต มีพื้นที่สีเขียว มีพื้นที่ออกกำลังกาย มีพื้นที่ workshop และสิ่งแวดล้อม สร้าง collaboration เพื่อไปสู่ circular economy ทุกๆ โครงการใหม่ของเราจะเน้นเรื่อง Green และ Energy

    พลาดไม่ได้กับไฮไลต์อีกมากมาย! อีเวนต์สำหรับสายรักษ์โลกจากเซ็นทรัลพัฒนาผนึกพลังทุกภาคส่วนโชว์เคสทั้ง How-to และ Inspiration ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ พร้อมกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย…The Urgent Project – Better Future is Now รักโลก รอไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 21-30 ต.ค. 65 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ชั้น 1 โซน Beacon

     

    ]]>
    1405344
    จับตา! ดีลสำคัญ เมื่อ “เซ็นทรัลพัฒนา” ผนึก LINE FRIENDS กับงานส่งความสุขส่งท้ายปีที่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออื่นๆ https://positioningmag.com/1404511 Tue, 18 Oct 2022 04:00:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404511

    เรียกว่าเป็นดีลที่น่าสนใจในช่วงส่งท้ายปีจริงๆ เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์การค้ารายใหญ่ของไทย จับมือกับ LINE FRIENDS หนึ่งในคาแรคเตอร์ระดับโลกที่ทุกคนหลงรัก กับการเนรมิตพื้นที่ส่งความสุขในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 37 สาขา งานนี้การันตีได้ด้วยความน่ารัก และความประทับใจในทุกโมเมนต์อย่างแน่นอน


    ปักหมุด Global Destination

    ถึงแม้ว่าไวรัส COVID-19 จะยังไม่หายไปจากโลกนี้แบบ 100% แต่มนุษย์ก็สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับไวรัสนี้ได้อย่างดีขึ้น อีกทั้งภาคเศรษฐกิจของทั่วโลกก็กลับมาฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทศกาลปีใหม่อาจจะเงียบเหงาไปตามสถานการณ์ แต่ปีนี้รับรองว่าจะเป็นปีใหม่ที่กลับมาส่งความสุขกันได้เหมือนเคย

    “เซ็นทรัลพัฒนา” เดินหน้าประตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนใคร เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก และส่งความสุขให้กับผู้บริโภค ด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี Embracing Happiness 2023 ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท ไฮไลต์สุดๆ เป็นการจับมือร่วมกับ LINE FRIENDS คาแรคเตอร์ชื่อดังระดับโลก

    การร่วมมือกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้ เป็นการส่งความสุขแบบ O2O จัดเต็มด้วยกิจกรรมออนไลน์ และออนกราวน์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 37 สาขาทั่วประเทศ บนพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร เริ่มภารกิจส่งความสุขตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2565 –  6 ม.ค. 2566

    นอกจากนี้ยังตอกย้ำการเป็น Global destination ฉลองเทศกาลปีใหม่ ทั้งงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส, เทศกาลของขวัญกว่าล้านชิ้น และปรากฏการณ์เคาท์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ สมมง Time square of Asia ดันประเทศไทยเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก

    ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แคมเปญส่งท้ายปีในปีนี้ของเซ็นทรัลพัฒนา ได้สร้าง Global impact ด้วยการจับมือ Global partner อย่าง LINE FRIENDS ที่เป็นคาแรคเตอร์ยอดนิยมของคนทั่วโลกมาสร้างโมเม้นท์ความสุขให้กับทุกคนทำให้เซ็นทรัลพัฒนา เป็น Global destination แห่งความสุขในช่วงเทศกาลอย่างแท้จริงที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถมาฉลองได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศได้

    ปัจจุบัน ทราฟฟิกในศูนย์การค้าทั่วประเทศ และทราฟฟิกทัวริสต์กลับมาแล้วเกือบ 100% สอดคล้องกับผลสำรวจจากอโกด้าล่าสุดเผย กรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นอันดับ 1 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปเยือนมากที่สุดเซ็นทรัลพัฒนามีความพร้อมในการส่งเสริม และตอกย้ำไทยเป็นแลนด์มาร์คระดับ ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวในประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคนไทย 90% มีการวางแผนท่องเที่ยวในประเทศเพื่อพักผ่อนกับครอบครัว เชื่อมั่นภาพรวมการท่องเที่ยวไทยและภาคค้าปลีกไทยจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสนี้ สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาได้ 10 ล้านคน หรือมากกว่านั้น ตามเป้าที่ททท.วางไว้อย่างแน่นอน”


    จัดเต็มด้วยกิจกรรม O2O

    จากแคมเปญ Embracing Happiness 2023 ทางเซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียม 3 กลยุทธ์เพื่อส่งมอบความสุขแก่ทุกคน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่

    1. Emotional & Omnichannel marketing เซ็นทรัลขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์การค้าที่อยู่ในใจของผู้บริโภคทั่วประเทศ ในครั้งนี้ได้เตรียมนำเอาคาแรคเตอร์ LINE FRIENDS มาสร้างสีสัน และมอบความสุขให้กับผู้บริโภคในทุก Touchpoint แน่นอนว่าอยู่ทั้งช่องทางออนไลน์ และออนกราวนด์

    สำหรับ On-ground experience ได้นำเอาคาแรคเตอร์มาอยู่ในศูนย์การค้าทั้ง 37 แห่ง อาทิ

    – LINE FRIENDS World พื้นที่แห่งความสุขดีไซน์พิเศษเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ในบรรยากาศปาร์ตี้ดนตรีสโนว์โกลบ ต้นคริสต์มาสยักษ์ พร้อมพาเหรดของขวัญ LINE FRIENDS

    – BROWN House ที่เซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้เห็นห้องต่างๆ ของเหล่าเพื่อนๆ จาก LINE FRIENDS ซึ่งแต่ละสาขาจะมีห้องของ LINE FRIENDS ที่แตกต่างกันไป

    – Synchronize Musical & Lighting Show โชว์พิเศษแสงสีเสียงตระการตา จาก LINE FRIENDS บนจอ panOramix ที่จะมีเซอร์ไพรส์มอบความสุขจากจอส่งต่อถึงทุกคนที่มาชมโชว์

    – LINE FRIENDSCafé minini ครั้งแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว มีขนม และเครื่องดื่มจากแก๊ง LINE FRIENDS และ LINE FRIENDS pop-up Store 5 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์, ลาดพร้าว, เวสต์เกต, ปิ่นเกล้า และพระราม 9

    ส่วน Online experience แน่อนว่ายุคนี้ต้องทำกิจกรรมออนไลน์ควบคู่ไปกับออนกราวนด์ ทางเซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียม LINE Sticker & Wallpaper คอลเลคชั่นพิเศษ เตรียมดาวน์โหลดฟรีที่ไลน์ @centrallife เริ่ม 29 พ.ย. นี้ พร้อมกับ LINE FRIENDS AR และ LINE FRIENDS Happiness Hunting (LINE E-Stamp) สะสมเพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษอีกด้วย


    สร้าง Scalable Impact ระดับประเทศ

    ความน่าสนใจของแคมเปญนี้อยู่ที่การจับมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ ทำให้เกิด Global impact ได้ ถือว่าเป็นการ Cross-region Platform ทางเซ็นทรัลพัฒนาเองเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยในรูปแบบ Retail-led mixed use ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ เรียกว่ามีแพลตฟอร์มของตัวเองมากมาย

    ทาง LINE FRIENDS เป็นคาแรคเตอร์ชื่อดังจาก LINE แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้ในไทยกว่า 53 ล้านราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานผู้ใช้ในกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z  ทั่วโลก นอกจากนี้ คนไทยมีอัตราการใช้ LINE เยอะมากๆ มีการส่งสติ๊กเกอร์เป็นประจำ ลองจินตนาการดูว่าเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่มาจอยแคมเปญกัน จะส่งความสุขให้กับผู้บริโภคได้ขนาดไหน เรียกว่าสร้างอิมแพ็คได้มหาศาล

    ที่สำคัญไม่น้อย แคมเปญ Embracing Happiness 2022 จะเป็นหัวใจหลักในการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ LINE FRIENDS เป็นคาแรคเตอร์ขวัญใจทั้งชาวไทย และทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง และยังกระตุ้นทราฟิกให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้ 30% อีกด้วย

    นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังมีความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย เป็น Multi-Brands Collaboration มาร่วมครีเอท LINE FRIENDS คอลเลคชั่นพิเศษทั้งสินค้าแฟชั่น ขนม-เครื่องดื่มอาทิ Jubilee Diamond, Lee Cooper, Sabina, Black Canyon, Dairy Queen, Guss Damn Good, Häagen-Dazs, KOI Thé, Olino Crepe & Tea, S&P, Toku Dessert, Yomie’s Rice x Yogurt  เฉพาะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โดยทางเซ็นทรัลพัฒนาเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างพาร์ทเนอร์และแบรนด์ต่างๆ ได้ด้วยบทบาทการเป็น Place &Experience makers สำหรับทุกคน

    เรียกได้ว่า งานนี้ทั้งเซ็นทรัลพัฒนาและ LINE FRIENDS จัดเต็มได้อย่างสมศักดิ์ศรีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของดีลใหญ่ๆ อื่น  ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะเห็น LINE FRIENDS STORE ที่ตอนนี้ตั้งอยู่ที่เมืองใหญ่ชั้นนำทั่วโลก เช่น โซล นิวยอร์ค ลอสแอนเจลิส เซี่ยงไฮ้  ที่เซ็นทรัลเวิลด์ก็ได้

    ]]>
    1404511
    เปิดครบ! “มิกซ์ยูส” แห่งแรกของ CPN ที่ “โคราช” เดินหน้าต่อตามแผนที่ อุบล-อยุธยา-ระยอง https://positioningmag.com/1400081 Wed, 14 Sep 2022 03:58:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400081 “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) เปิดตัว “มิกซ์ยูส” แห่งแรกอย่างเป็นทางการที่ “โคราช” มีครบทั้งศูนย์การค้า คอนโดฯ และโรงแรม พร้อมผลักดันการเป็น MICE City อีก 3 แห่งต่อไปกำลังก่อสร้างโรงแรมที่อุบลราชธานี อยุธยา และระยอง พร้อมอัปเดตสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในพอร์ต “เซ็นทารา” คาดไตรมาส 4 นี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยขึ้นไปแตะ 60%

    ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการ “มิกซ์ยูส” ของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แห่งแรกที่มีครบตามแผนคือ “นครราชสีมา” โดยต่อจิ๊กซอว์ครบเมื่อ “โรงแรมเซ็นทารา โคราช” แกรนด์โอเพนนิ่งเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ทำให้มิกซ์ยูสบริเวณนี้มีครบทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช คอนโดมิเนียม Escent โคราช และโรงแรม มูลค่ารวมทั้งหมด 10,000 ล้านบาท

    “สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ” Head of Hotel Development บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวถึงวิสัยทัศน์การเลือกเปิดโรงแรมใหม่ในโคราชและทำให้เกิดมิกซ์ยูสแห่งแรกของ CPN ว่า เนื่องจากโคราชเป็น 1 ใน 7 เมือง MICE City ที่ได้รับการส่งเสริม และมีโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมที่กำลังก่อสร้างทั้งมอเตอร์เวย์และรถไฟความเร็วสูง ทำให้เมืองนี้มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดอีเวนต์ระดับภูมิภาค

    มิกซ์ยูส CPN โคราช
    Rooftop Pool บนเซ็นทารา โคราช ชั้น 20

    เซ็นทรัลพัฒนาจึงมีโปรเจ็กต์ที่สอดคล้องโดยการจัดพื้นที่หอประชุมขนาดกว่า 3,200 ตร.ม.ในเซ็นทรัล โคราช และห้องประชุมในโรงแรมเซ็นทารา โคราชอีกกว่า 1,000 ตร.ม. ทำให้มีพื้นที่จัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ได้ ที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดซอฟต์โอเพนนิ่งโรงแรมมาเกือบ 1 เดือน มีอีเวนต์งานสัมมนาต่อเนื่องทุกสัปดาห์โดยแต่ละงานมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 300 คน

    “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Head of Marketing บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทจะร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEP) เพื่อดึงงานอีเวนต์เข้ามาในโคราชให้มากขึ้น โดยเชื่อว่าพื้นที่ของเซ็นทรัลพัฒนาจะตอบโจทย์ได้ดีเพราะมีที่พักกับสถานที่จัดประชุมในบริเวณเดียวกัน และเป็นโรงแรมในระดับมาตรฐานสากล

     

    ไปต่อตามแผนอีก 3 จังหวัดที่กำลังก่อสร้าง

    สำหรับโปรเจ็กต์ถัดไปของแผนมิกซ์ยูส CPN “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุว่ายังเป็นไปตามแผน คือการสร้างโรงแรมประกบในโครงการศูนย์การค้าและคอนโดฯ ในเครือ ที่เริ่มก่อสร้างแล้วและมีกำหนดการเปิด ดังนี้

    • เซ็นทารา อุบลราชธานี เปิดตัวกลางเดือนธันวาคม 2565 โดยจะเป็นโรงแรมแบบโลว์ไรส์ จำนวนห้องพัก 180 ห้อง
    • เซ็นทารา อยุธยา เปิดตัวปี 2566
    • เซ็นทารา วัน ระยอง เปิดตัวปี 2566

    นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคมนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดแผนโครงการโรงแรมระดับพรีเมียมแมส Go! Hotel แห่งแรกได้ว่าจะปักหมุดทำเลแรกที่ไหน (อ่านรายละเอียดแผน 5 ปีสร้างมิกซ์ยูส 37 แห่งของ CPN ได้ที่นี่)

    (จากซ้าย) “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Head of Marketing บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ” Head of Hotel Development บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “ธีรยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา

     

    ธุรกิจ “โรงแรม” กำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง

    ปิดท้ายสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมกับ “ธีรยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ซึ่งปัจจุบันบริหารโรงแรมอยู่ 49 แห่ง รวมกว่า 10,000 ห้องพัก ใน 6 ประเทศ

    เทรนด์การฟื้นตัวของโรงแรมเครือเซ็นทาราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อไตรมาส 2 ปีนี้อัตราเข้าพักอยู่ที่ 50% ขยับมาในไตรมาส 3 บริษัทคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 53% และในไตรมาส 4 เชื่อว่าจะขึ้นไปถึง 60% โดยมีโรงแรมที่คึกคักโดดเด่นในช่วงนี้คือโรงแรมในกรุงเทพฯ และดูไบ ส่วนมัลดีฟส์ที่เคยมาแรง ขณะนี้อยู่ในช่วงโลว์ซีซันทำให้อัตราเข้าพักอาจจะลดต่ำลงบ้าง

    โดยสรุปแล้วรวมทั้งปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังไม่ฟื้นตัวได้เท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งมีอัตราเข้าพักที่ดีกว่านี้ราว 20-30%

    ธีรยุทธ์วิเคราะห์สถานการณ์ว่าขณะนี้ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มเป็นบวกจากการเปิดประเทศ และโรค COVID-19 เริ่มกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ปัจจัยลบก็มีเช่นกัน จากปัจจัยด้านเงินเฟ้อทำให้ค่าใช้จ่ายสูง และสายการบินยังระมัดระวังการเปิดเที่ยวบินเพิ่ม ทำให้ตัวเลือกการเดินทางของนักท่องเที่ยวมีน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด มีผลต่อเนื่องถึงปริมาณแขกที่เข้าพักในโรงแรม

    ]]>
    1400081
    “เซ็นทรัล จันทบุรี” กับยุทธศาสตร์สร้างเมืองให้ “เมืองรอง” ของเซ็นทรัลพัฒนา https://positioningmag.com/1387077 Mon, 30 May 2022 08:35:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387077 เปิดทำการไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ “เซ็นทรัล จันทบุรี” ศูนย์การค้าลำดับที่ 37 ของเซ็นทรัลพัฒนา และเป็นโครงการมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งแรกของจังหวัด สานต่อโรดแมปบุกเมืองรองของเซ็นทรัลพัฒนา อะไรคือจุดที่ทำให้เซ็นทรัลฯ สนใจในตัวจันทบุรี จังหวัดที่มี GDP อันดับ 14 ของประเทศ

    ยุทธศาสตร์บุกเมืองรอง

    แต่ไหนแต่ไรเราจะได้เห็นแผนการเปิดตัวศูนย์การค้าในประเทศไทย ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในโลเคชั่นสุดแสนจะทำเลทอง เนื่องจากในกรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่แออัดแล้ว ผู้เล่นต่างๆ ล้วนหันไปมองพื้นที่ต่างจังหวัดกันมากขึ้น ต่างมองทำเลหัวเมืองใหญ หรือเมืองท่องเที่ยวกันทั้งสิ้น เนื่องจากสามารถการันตีเรื่องของทราฟฟิกคนใช้บริการ และกำลังซื้อได้ชัดเจน

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)” ได้ขยายสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับครีเอตฟอร์แมตใหม่ๆ เพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ประกอบกับสภาพตลาดค้าปลีกที่เปลี่ยนไปด้วย จึงได้เห็นโมเดลใหม่ๆ ทั้งเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เป็นแบบ Semi-outdoor หรือจะเป็นเซ็นทรัล เวสต์เกต (บางใหญ่) ที่วางจุดยืนให้เป็น Super Regional Mall แห่งใหญ่ของทางกรุงเทพฯ ตะวันตก

    เซ็นทรัล จันทบุรี

    แต่ยุทธศาสตร์สำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั่นก็คือการบุกตลาดต่างจังหวัด ในอดีต CPN ได้ไปเปิดตลาดที่ต่างจังหวัดมาบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นหัวเมืองใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุดรธานี, พัทยา, สมุย, ระยอง และหาดใหญ่ เป็นต้น เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้เริ่มบุกจังหวัดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น นครศรีธรรมราช, มหาชัย, ลำปาง และนครราชสีมา เป็นต้น

    กลับมาในช่วง 2-3 ปีมานี้ CPN วางโรดแมปอย่างชัดเจน ในการบุกทำเล “เมืองรอง” เป็นคำจัดกัดความของจังหวัดที่เป็นทางผ่าน หรือไม่ใช่เมืองหลักในการท่องเที่ยวมากนัก แต่เทรนด์ในช่วงหลายปีมานี้คนไทยก็เริ่มให้ความสนใจในการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้นเช่นกัน

    เมื่อ 2562 ทาง CPN ได้กางแผนการลงทุนระยะสั้นช่วง 3 ปี มูลค่า 22,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งในนั้นเป็นการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่ง เป็นการบุกตลาดเมืองรองทั้งหมด ได้แก่

    • เซ็นทรัล ศรีราชา มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 71,000 ตารางเมตร พื้นที่รวม 27 ไร่ เปิดทำการเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2564
    • เซ็นทรัล อยุธยา มูลค่าโครงการ 6,200 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 68,000 ตารางเมตร พื้นที่รวม 47 ไร่ เปิดทำการเมื่อวันนี้ 30 พ.ย. 2564
    • เซ็นทรัล จันทบุรี มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 75,953 ตารางเมตร พื้นที่รวม 46 ไร่ เปิดทำการเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565

    ทั้ง 3 โครงการเป็นรูปแบบ “มิกซ์ยูส” ทั้งหมด ที่จะประกอบไปด้วยศูนย์การค้า, โรงแรม, ที่พักอาศัย และอาคารสำนักงาน เป็นความต้องการที่จะสร้างเมืองใหม่โดยเฉพาะ เรียกว่ายุทธศาสตร์ไม่ได้ต้องการสร้างแต่ศูนย์การค้า แต่ต้องการสร้างศูนย์รวมของผู้คนในละแวกนั้น จึงต้องการสร้างเมืองแบบกลายๆ

    กำลังซื้อ “ชัด” ไลฟ์สไตล์ดี

    “กำลังซื้อชัด ไลฟ์สไตล์ดี จีดีพีอันดับ 14 ของประเทศ” คือคำจำกัดความแบบคร่าวๆ ของเหตุผลที่ทาง “เซ็นทรัลพัฒนา” เลือกปักเสาเข็มที่ใจกลางเมืองจังหวัดจันทบุรี และเริ่มเปิดทำการเป็นสาขาล่าสุดแบบสดๆ ร้อนๆ

    แม้ที่จังหวัดจันทบุรีจะมี “โรบินสัน” ที่เป็นอีกหนึ่งยูนิตในเครือเดียวกันอยู่แล้ว แต่ CPN ก็ยังที่จะเลือกมาเปิดเป็นศูนย์การค้า เพราะมีโมเดลที่แตกต่างกัน โรบินสันได้มาเริ่มปูทางในพื้นที่กว่า 15 ปีแล้ว เป็นโมเดลดีพาร์ทเมนต์สโตร์ แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโมเดลโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

    central chan เซ็นทรัล จันทบุรี

    โดยปกติแล้ว Position ของเซ็นทรัล กับโรบินสันจะมีความแตกต่างกัน เซ็นทรัลจะให้ความเป็นคนเมือง จับกลุ่มที่มีกำลังซื้อหน่อยๆ มีเคาน์เตอร์แบรนด์ แบรนด์เนม ส่วนโรบินสันจะจับกลุ่มชานเมือง และต่างจังหวัด มีแบรนด์ หรือสินค้าที่ราคาเข้าถึงได้

    แต่ในช่วงหลังทั้ง 2 แบรนด์นี้ได้ใช้พลังความเป็นพี่น้องกันในเครือกันพอสมควร CPN เองก็ศึกษาข้อมูลจากการที่โรบินสันไปกรุยทางเอาไว้ อีกทั้งยังมีดาต้าจาก The 1 ทำให้รู้ข้อมูลกำลังซื้อต่างๆ หลายครั้งก็มีโอกาสได้เห็นการสลับแบรนด์กันของโรบินสัน และเซ็นทรัล ยกตัวอย่างที่ “เมกาบางนา” เพื่อต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า

    ที่จันทบุรีก็เช่นเดียวกัน แม้โรบินสันจะอยู่ห่างจากเซ็นทรัลไม่เกิน 2 กิโลเมตร แต่ทาง CPN เชื่อว่าจะไม่แย่งลูกค้ากัน มีข้อมูลการศึกษาพบว่าจังหวัดนี้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก ถ้าดูในแง่ตัวเลขมี GDP ถึง 240,000 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 14 ของประเทศ

    central chan เซ็นทรัล จันทบุรี

    ทาง CPN ใช้คำว่า “กำลังซื้อชัด” ไม่ได้ใช้คำว่า “กำลังซื้อสูง” เนื่องจากว่าคนในจันทบุรีมีรายได้มั่นคงจากทั้งสวนผลไม้ เป็นเมืองแห่งผลไม้เมืองร้อนของโลก และเป็นแหล่งค้าพลอย และอัญมณีแห่งใหญ่ของประเทศ คำว่ากำลังซื้อชัดเลยรวมทั้งการมีกำลังซื้อสูง และกำลังซื้อมั่นคงไปในทีเดียว

    เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เล่าว่า

    “ภาพรวมของคนในภาคตะวันออกโดยรวมดี มีทั้งโรงงาน พืชผลการเกษตร รายได้หลักมาจากสวนผลไม้ และอัญมณี เลยทำให้คนในพื้นที่จันทบุรีมีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น Middle to Wealth & Business Successor ของจังหวัด”

    เซ็นทรัล จันทบุรีจับกลุ่มประชากรกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากกว่า 1.8 ล้านคน รวมประชากรในจันทบุรี, ตราด, ปราจีนบุรี และสระแก้ว รวมถึงจับกลุ่มชายแดน โดยเฉพาะคนมีกำลังซื้อสูงจากกัมพูชาก็นิยมมาช้อปปิ้ง และ Medical tour ในจันทบุรี

    central chan เซ็นทรัล จันทบุรี

    ติดใจ Semi-outdoor เพิ่มพื้นที่สีเขียว

    กลยุทธ์ในการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ของ CPN ไม่ได้ต้องการแค่เปิดศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้าเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป จะเห็นได้จากในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ รูปแบบการดีไซน์ หรือโมเดลต่างๆ มีความแปลกใหม่ หรือต่อยอดจากความสำเร็จจากสาขาเดิม

    หนึ่งในโมเดลที่ CPN ค่อนข้างจะภาคภูมิใจเป็นพิเศษก็คือ Semi-outdoor หรือศูนย์การค้าแบบมอลล์ส่วนหนึ่ง และ Open air ส่วนหนึ่ง ได้เริ่มโมเดลนี้แห่งแรกที่ “เซ็นทรัล อีสต์วิลล์” (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เปิดทำการเมื่อเดือน ต.ค. 2558

    central chan เซ็นทรัล จันทบุรี

    โมเดลนี้รับกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้อย่างดี มีจุดเด่นที่เอาใจ “ทาสสัตว์เลี้ยง” ด้วยการสามารถพาน้องๆ มาเดินในศูนย์ด้วยได้ พร้อมกับมีพื้นที่ให้ออกกำลังกาย จากนั้นได้เริ่มขยายโมเดลนี้ไปที่เซ็นทรัล ศรีราชา เริ่มเปิดทำการเมื่อ ต.ค. 2564 รวมไปถึงโครงการใหม่อย่าง “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (ราชพฤกษ์) ที่จะใช้โมเดลนี้ด้วยเช่นกัน

    นอกจากการเป็นศูนย์การค้าแบบ Semi-outdoor แล้ว CPN ยังสร้างที่นี่เพื่อเป็น Center of Well-Being ให้กับเมืองจันท์ วางเป้าหมายเป็นมากกว่าศูนย์การค้า ด้วยการสร้างพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 4 ไร่ เพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะให้กับเมือง ประกอบด้วย Running Track, จุดจอดจักรยาน, เครื่องออกกำลังกาย, Social Park, Family&Pet Playground, Café และยังเป็นโครงการแรกในต่างจังหวัดที่ทำ Completed Sport Destination ด้วยพื้นที่ Multi-Purpose กว่า 4,000 ตร.ม.

    ต่อจิ๊กซอว์ EEC

    เป็นที่ชัดเจนว่ากลยุทธ์ของ CPN ในการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นแบบ “มิกซ์ยูส” เป็นการสร้างเมืองขนาดย่อม เพื่อสร้าง Butterfly Effect ให้แก่เมืองนั้นๆ

    เซ็นทรัล จันทบุรีจะประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า Semi-Outdoor, โรงแรม, โครงการที่อยู่อาศัย และคอนเวนชั่นฮอลล์ ถือว่าเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในจังหวัด และปักหมุดเป็นมิกซ์ยูสครบวงจรที่สุดในภาคตะวันออก

    central chan เซ็นทรัล จันทบุรี

    ความสำคัญของการเปิดโครงการแบบมิกซ์ยูสก็คือ การรองรับการเป็น MICE Hub ของ EEC ในอนาคต อีกทั้งที่นี่ยังเป็นคอนเวนชั่นฮอลล์ หรือศูนย์ประชุมแห่งแรกในจังหวัด ก่อนหน้านี้การจัดงานต่างๆ จะเน้นจัดตามโรงแรม จึงเป็นโอกาสในการต้อนรับงานใหญ่ๆ

    อีกทั้งที่เซ็นทรัล จันทบุรียังเป็นการต่อจิ๊กซอว์โครกงารตอบรับ EEC ให้ครบถ้วนมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ CPN ได้เปิดโครงการในโซนนี้มาแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ชลบุรี, เซ็นทรัล พัทยา 2 แห่ง, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ระยอง จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวได้

    สำหรับการเปิดทำการเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล จันทบุรีมีทราฟฟิกผู้ใช้บริการสูงถึง 60,000 คน แต่มีการตั้งเป้าในทราฟฟิกในวันธรรมดาอยู่ที่ 30,000 คน/วัน

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1387077