ปรากฏการณ์การคืนชีพของ “กล้องฟิล์ม” จึงกลับมาอีกครั้งเเละนับเป็นหนึ่งในเทรนด์ฮิตของคนรุ่นใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่กล้องดิจิทัลมีการยกระดับฟังก์ชันทันสมัย กดถ่ายได้ไม่ซ้ำเเละเช็กดูรูปได้ทันที เเต่หลายคนก็ยังโหยหาการรอคอยเเละการได้ “ลุ้น” ภาพที่ออกมาจากระบวนการล้างฟิล์ม บวกกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสร้างความแตกต่างเเละสะท้อนเอกลักษณ์ของตัวเองผ่านภาพถ่ายที่ลงในโซเชียล การกลับมาของกล้องฟิล์มจึงตอบโจทย์นี้ได้ดี
กระเเสกล้องฟิล์มไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เเต่ตอนนี้คนดังจำนวนมากก็เป็น “สาวกกล้องฟิล์ม” เต็มตัวเเล้ว ไม่ว่าจะเป็น “ลิซ่า Blankpink” “เวียร์ ศุกลวัฒน์-เบลล่า ราณี” รวมถึง “นาย ณภัทร” ที่มีผลงานภาพถ่ายออกมาให้เราได้เห็นผลบ่อยๆ ส่วนคอมมูนิตี้อย่างกรุ๊ป “คนรักกล้องฟิล์ม” ในเฟซบุ๊ก ปัจจุบันก็มีสมาชิกถึง 1.7 เเสนคนเเล้ว
เรียกได้ว่ากระเเส “กล้องฟิล์มคัมเเบ็ก” นี้มาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ
หลายคนที่กำลังเล่นกล้องฟิล์มอยู่ อาจมีข้อสงสัยว่า ทำไม “ฟิล์ม” ในเมืองไทยจึงมีราคาเเพงเเละยังขาดตลาด รวมไปถึงเทรนด์ของคนรักกล้องฟิล์มส่งผลต่อวงการกล้องดิจิทัลอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันกับ “ฟูจิฟิล์ม” เจ้าใหญ่ต้นตำรับผู้ผลิตฟิล์มที่มีอายุกว่า 86 ปี
“เรามองเห็นกระเเสฟิล์มในไทยได้รับความนิยมในไทยชัดเจนเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงมีการสั่งออเดอร์เพิ่มมากขึ้น เเละทุกครั้งที่นำเข้ามาก็จะขายหมดทั้งสิ้น พอสินค้าไม่มีเพียงพอก็นำไปสู่การขายต่อเเบบอัพราคา ซึ่งก็ทำให้ราคาฟิล์มในตลาดเเพงขึ้น” สิทธิเวช เศวตรพัชร์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เขาอธิบายต่ออีกว่า ปัจจุบันมีการนำเข้าฟิล์มของฟูจิมาในไทยราว 10,000 ม้วนต่อเดือน ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม การจะเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่นั้น “ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทเเม่”
“สาเหตุที่การนำเข้าฟิล์มมาที่ไทยยังน้อย เป็นเพราะบริษัทเเม่ที่ญี่ปุ่นมองว่าตลาดในยุโรปเเละอเมริกาใหญ่กว่าเรามาก จึงต้องผลิตสินค้าเพื่อส่งตลาดนั้นก่อน อีกทั้งกระบวนการผลิตฟิล์มก็ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงอาจไม่ทันต้อความต้องการที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ขณะนี้ ซึ่งทางฟูจิฟิล์ม ประเทศไทยก็มีการรายงานความต้องการนี้โดยตลอด”
“บริษัทเเม่ที่ญี่ปุ่น กำลังพิจารณาว่ากระเเสความนิยมฟิล์มในไทยตอนนี้เป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่งจะมีผลต่อการสั่งผลิตต่อไป”
ด้าน ปัทมาพร จันทร์จารุกุลกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) บอกถึงมุมมองที่น่าสนใจถึงเทรนด์กล้องฟิล์มคัมเเบ็กที่ส่งผลต่อวงการ “กล้องดิจิทัล” ว่า จากความนิยมกล้องฟิล์มที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทได้พัฒนาฟังก์ชัน Film Simulation (ระบบการจำลองฟิล์ม) ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบสไตล์รูปภาพจากกล้องฟิล์มโดยนำมาไว้ในกล้องดิจิทัลให้สะดวกเเละถ่ายได้จำนวนมาก ซึ่งพัฒนาให้ภาพที่ได้ออกมาคล้ายคลึงกับฟิล์มของฟูจิมากที่สุด
“เราเรียกว่าเป็นการผสมผสานยุคฟิล์มและยุคดิจิทัลในหนึ่งเดียว เห็นได้จากกล้อง FujiFilm X-Pro3 ที่เราได้ชูความเป็น Digital Film Camera สามารถถ่ายภาพชนิดของฟิล์มที่มีให้เลือกใช้มากถึง 11 แบบเพื่อเจาะตลาดคนที่ชอบภาพจากฟิล์มโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากเเละจะมีการพัฒนาต่อไป”
“ความท้าทายต่อไปของเราก็คือการทำให้คนที่ใช้กล้องฟิล์มมาซื้อกล้องดิจิทัลที่มี Film Simulation ด้วย ให้ลูกค้าเลือกใช้กับสถานการณ์ที่เหมาะสมตามไลฟ์สไตล์ของพวกเขา”
หนึ่งในสมาชิกในกรุ๊ป “คนรักกล้องฟิล์ม” บอกกับ Positioning ว่า ปัจจุบันเขาใช้ทั้งกล้องฟิล์มเเละกล้องดิจิทัลไปตามโอกาส เเละสิ่งที่ทำให้เขาชื่นชอบกล้องฟิล์ม เเม้ในวันที่กล้องดิจิทัลมีฟังก์ชันครบเเล้ว ก็คือเสน่ห์ของการต้อง “ตั้งใจ” ในการกดชัตเตอร์เเต่ละครั้ง ซึ่งมันทำให้ภาพเเต่ละภาพมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน ได้ความรู้สึกพิเศษตอนล้างรูปเสร็จ ส่วนราคาฟิล์มเเละกล้องถือว่าเเพงขึ้นกว่าเมื่อ 5-6 ปีก่อนมาก บางครั้งหากมีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเขาก็จะซื้อกลับมาเพื่อสำรองใช้เสมอ
ฟากกล้องดิจิทัลยังต้องต่อสู้อีกยาว หลังดีมานด์ของกล้องที่ลดต่ำลงต่อเนื่อง ไม่แต่เพียงปีนี้แต่ยังจะส่งผลใปในปีต่อๆ ไปด้วย
โดยภาพรวมของตลาดกล้องดิจิทัลในประเทศไทย (ไม่รวมยอดขายออนไลน์) ในปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 190,000 ตัว มูลค่าตลาดประมาณ 5,800 ล้านบาท รวมกล้องคอมแพค กล้อง DSLR และกล้องมิลเลอร์เลส โดยมีอัตราการเติบโตติดลบ ประมาณ -29% ในเชิงปริมาณ และติดลบ -28% เชิงมูลค่า
สำหรับ “กล้องมิลเลอร์เลส” ในปี 2562 ตลาดโดยรวมจำนวนตัว ประมาณ 117,000 ตัว ติดลบประมาณ -29% ในแง่จำนวนตัว และ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,900 ล้านบาท ลดลงประมาณ -20% เมื่อเทียบกับปี 2561
โดยขณะที่ กล้อง DSLR จำนวนตัวประมาณ 3,400 ตัว มีอัตราลดลงถึง -36% เมื่อเทียบกับปี 2561 ขณะที่เชิงมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท มีสัดส่วนลดลงถึง -44%
สำหรับสาเหตุหลักของการเติบโตที่ลดลงนั้น เกิดจากการที่ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการถ่ายภาพจากกล้องดิจิทัล มาเป็นการถ่ายภาพโดยสมาร์ทโฟน เเละคำนึงถึงความง่ายในการใช้งานผ่านทางสั่งการแบบ Easy GUI และความสะดวกในการแชร์ภาพ หรือไฟล์ วิดีโอไปยังโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook,Line และ Instagram
การปรับกลยุทธ์ใหม่ของ “ฟูจิฟิล์ม” ในปีนี้ จึงเป็นการมุ่งเน้นการจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเป็น Vlogger และ Youtuber ซึ่งมีกำลังซื้อสูงเเม้เศรษฐกิจไม่อำนวย เเละกระแสการถ่ายคลิปวิดีโอเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยหวังว่าจะเป็นการปลุกกระแสความต้องการของกลุ่ม Content Creator ทำให้ตลาดมีการแข่งขันและขยายตัวในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพโดยรวม
“เทรนด์ซื้อสมาร์ทโฟนเเทนกล้องใหญ่ มีเเต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องปรับตัวตาม โดยไม่ต้องไปเเย่งลูกค้าในส่วนนั้น เเต่ต้องดึงดูดใจให้คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนอยู่เเล้ว อยากซื้อกล้องของเราด้วย” ผู้บริหารฟูจิฟิล์มกล่าว
ด้านความเคลื่อนไหวของ “โซนี่” ก็ออกเเคมเปญ #VlogwithSony เพื่อหันมาขยายฐานลูกค้าที่เน้นวิดีโอมากขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิมที่โฟกัสเฉพาะภาพนิ่ง
ส่วนเจ้าใหญ่อย่าง “นิคอน” ก็เริ่มเกมการตลาด ต่อยอดฐานลูกค้าปัจจุบันด้วยการหนุนให้อัพเกรดกล้อง-เลนส์เป็นระดับสูงขึ้น พร้อมขยายตลาดรุกกลุ่มถ่ายวิดีโอซึ่งกำลังเป็นที่นิยม ด้วยการสื่อสารผ่านออนไลน์ และกิจกรรมเวิร์กช็อปต่างๆ
ตลาดกล้องดิจิทัลยังคงลดลงต่อไปเเน่นอน ยิ่งต้องเผชิญทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเเละปัจจัยลบต่างๆ ที่ทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง จึงน่าจับตาต่อไปว่าบริษัทกล้องจะเดินเกมสู้เเละมีหมัดเด็ดอะไรมาเอาใจลูกค้าอีก
]]>บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด รู้ใจผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน ให้ถ่ายภาพได้สวยถูกใจแบบมืออาชีพมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยกล้องสไตล์เลนส์รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล QX Series อีก 2 รุ่นด้วยกัน คือ ILCE-QX1 และ DSC-QX30 พร้อมฟังก์ชั่นแชร์รูปได้ทันใจ กล้อง QX ทั้ง 2 รุ่น สามารถเชื่อมต่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก รวดเร็วทันใจผ่าน Wi-Fi ด้วยระบบ NFC ที่สามารถเชื่อมต่อได้เร็วขึ้นกว่าเคย อันเป็นผลมาจากเฟิร์มแวร์ที่อัพเกรดใหม่สำหรับในรุ่นเดิมคือ QX100 และ QX10 รวมทั้ง PlayMemories Mobile app ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ด้วย
ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานกล้อง QX ได้ง่ายขึ้นผ่าน PlayMemories Mobile app เวอร์ชั่น 5.0 สำหรับสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ iOS รวมทั้ง User Interface ที่สนับสนุนให้ใช้งานถ่ายภาพได้สะดวก และควบคุมถ่ายภาพด้วยมือเดียวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้การเพิ่ม on-screen gridlines เข้ามาก็ทำให้การจัดองค์ประกอบภาพได้สะดวกขึ้น พร้อมระบบ GPS ในตัวระบุพิกัดของสถานที่ในรูปถ่ายที่จะโอนเข้าสู่สมาร์ทโฟนในขณะถ่ายภาพ[1] สามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพโดยกดที่หน้าจอแบบสัมผัสได้เลย รูปถ่ายจะถูกส่งเข้าไปยัง สมาร์ทโฟนทันที พร้อมให้คุณแชร์รูปได้รวดเร็วทันใจ
ILCE-QX1
กล้องรุ่น ILCE-QX1 เพิ่มความสะดวกให้ตากล้องที่ต้องการคุณภาพของภาพในระดับมืออาชีพโดยสามารถสับเปลี่ยนใช้เลนส์ต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่แล้วกับกล้องมิเรอร์เลสแบบ E-mount และเลนส์ A-mount ที่ใช้กับกล้องอัลฟ่า D-SLT (ใช้ควบคู่กับตัวอแดปเตอร์สำหรับเลนส์ A-mount รุ่น LA-EA4) เพิ่มความแปลกใหม่ ให้ภาพที่คมชัดในทุกรายละเอียด และสวยงามขึ้นในระดับมืออาชีพ
กล้อง QX1 มาพร้อม เซ็นเซอร์ APS-C size Exmor CMOS ความละเอียด 20.1 เมกะพิกเซล ให้ภาพที่เต็มไปด้วยรายละเอียดคมชัด ทำงานควบคู่กับหน่วยประมวลผล BIONZ X processor ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดสัญญาณรบกวนต่าง ๆ จึงให้ภาพที่สวยงาม รายละเอียดเยี่ยมแม้ถ่ายในที่แสงน้อยก็ตาม และด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ยังทำให้เกิดเอ็ฟเฟ็คท์ ‘bokeh’ ที่สวยงามอีกด้วย ในขณะที่การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนทั่วไปไม่สามารถทำได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้โปรแกรมแต่งภาพภายหลัง ยังสามารถถ่ายภาพแบบ Raw File ได้ด้วยกล้อง QX1 รวมทั้งยังมีแฟลชในตัวเพื่อใช้ถ่ายภาพที่ต้องการแสงสว่างเพิ่มขึ้น
DSC-QX30
กล้อง DSC-QX30 ออกแบบมาให้ผู้ใช้หมดความกังวลเรื่องภาพไม่คมชัดที่เกิดจาการถ่ายภาพโดยการซูมภาพ ด้วยพลังซูมสูงถึง 30 เท่าด้วยการซูมแบบออพติคัล พร้อมเทคโนโลยีป้องกันความสั่นไหวของภาพ Optical SteadyShot ที่ช่วยขจัดความเบลอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การซูมภาพเข้าออกนั้นจะเป็นไปอย่างลื่นไหลนุ่มนวลตั้งแต่ช่วงเลนส์กว้าง 24 ม.ม. ไปจนถึงช่วงเทเล 720 ม.ม.[2] ซึ่งเทียบเท่ากับช่วงยาวสุดของเลนส์เทเล นอกจากนี้ Clear Image Zoom ยังช่วยซูมขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่ทำให้ภาพสูญเสียความคมชัดในรายละเอียด ในขณะเดียวกัน Lock-on AF ยังทำงานร่วมกับระบบซูมภาพอันยอดเยี่ยม และการถ่ายภาพเคลื่อนไหวรวดเร็วแบบต่อเนื่อง 10fps (10 ภาพต่อวินาที) ยังช่วยให้การถ่ายภาพที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในแต่ละเฟรมนั้นมีการโฟกัสที่คมชัดแม่นยำ กล้อง QX30 ยังสามารถถ่ายวิดีโอ ได้ในระดับ Full HD ระดับเฟรมเรท 60p ได้อีกด้วย[3]
กล้อง QX1 มีให้เลือก 2 แพ็คเกจคือ ILCE-QX1 (เฉพาะบอดี้) ราคา 12,990 บาท และ ILCE-QX1L (บอดี้ + เลนส์ SELP1650) ราคา 16,990 บาท สำหรับกล้อง QX30 ราคา 10,990 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ทุกสาขา ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายอื่นที่เลือกสรร
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th
[1] Location info is not tagged in the images stored in the camera
[2] 35mm equivalent (aspect ratio 4:3)
แคนนอนขยายไลน์กล้องดิจิตอลคอมแพ็คระดับพรีเมี่ยมในซีรีย์ G รุ่นใหม่ล่าสุด Canon PowerShot G7X มาพร้อมเลนส์คุณภาพเยี่ยมระดับโปรเฟสชั่นแนลของแคนนอน และเซนเซอร์ภาพขนาดใหญ่ ที่สามารถรับมือกับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้อย่างน่าทึ่ง เสริมประสิทธิภาพด้วยระบบการควบคุมการทำงานของกล้องที่สะดวกง่ายดาย ตอบสนองความต้องการของช่างภาพที่มีประสบการณ์และผู้ที่สนใจการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
ให้ภาพคมชัด ไร้ที่ติทุกช๊อตแม้ในสภาพแสงน้อย ด้วยเซนเซอร์ และเลนส์ระดับพรีเมี่ยม
Canon PowerShot G7X ปรับโฉมให้บอดี้กระทัดรัด คล่องตัวขึ้นกว่าที่เคย แต่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สชั้นเยี่ยมเทียบเท่ากล้องโปรเฟสชันแนล อาทิ เซนเซอร์ CMOS ความละเอียดสูงถึง 20.2 ล้านพิกเซล ขนาดใหญ่พิเศษถึง 1 นิ้ว เพิ่มพื้นที่รับแสงได้มากกว่า และจัดการกับปัญหาการเกิด noise เมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ภาพถ่ายสวยคมชัด ไร้ที่ติในทุกสภาพแสง
Canon PowerShot G7X ใช้เลนส์ระดับพรีเมี่ยมที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง f/1.8 มอบอิสระในการระยะชัดตื้น-ชัดลึกได้อย่างน่าทึ่ง เนรมิตภาพถ่ายแบบหน้าชัด-หลังละลายสไตล์โบเก้ ได้เหมือนกล้องมืออาชีพ เลนส์พลังซูมออปติคอลได้ 4.2 เท่า และกำลังซูมขยายได้ถึง 8.4 เท่าโดยคุณภาพของไฟล์ภาพยังอยู่ในระดับดีเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงในช็อตมาโครที่ระยะใกล้ที่สุดเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น ช่วงเลนส์กว้าง 24 มม. – 100 มม. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้ทั้งมุมกว้างและซูมภาพจากระยะไกลแบบเทเลโฟโต้ด้วยกล้องเพียงตัวเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์เสริมให้ยุ่งยาก
Canon PowerShot G7X มีระบบออโต้โฟกัสถึง 31 จุด สามารถโฟกัสวัตถุได้ทุกมุมที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ชิปประมวลผลภาพใหม่ล่าสุด DIGIC 6 ของแคนนอน ยังช่วยเพิ่มความฉับไวในการเปิดกล้อง เพิ่มโอกาสในการจับภาพในจังหวะที่คาดไม่ถึง และเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง ระบบ ออโต้โฟกัสความเร็วสูงในตัวกล้อง จะช่วยให้ผู้ใช้งานบันทึกภาพได้อย่างต่อเนื่องช๊อตต่อช๊อต ไฟล์ภาพความละเอียดสูงทุกภาพ ตั้งแต่เริ่มกดชัตเตอร์จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดหรือเมมโมรี่การ์ดเต็ม
ดีไซน์ปราดเปรียว ออกแบบทุกปุ่มให้ง่ายต่อการใช้งาน
Canon PowerShot G7X ปรับลุคใหม่ของกล้องตระกูล G ให้ดู เรียบโก้ แต่ปราดเปรียวไปในตัว แป้นควบคุม และปุ่มชัตเตอร์ดีไซน์ใหม่มีมิติดุจเหลี่ยมเพชร แฝงความเฉียบด้วยไฮไลท์สีแดงบริเวณฐานของปุ่มชัตเตอร์ และแป้นเมนู ตัวกล้องประกอบด้วยวัสดุคุณภาพสูง รูปทรงเล็ก กระทัดรัด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจับกล้องได้อย่างคล่องตัว กระชับมือที่สุด
Canon PowerShot G7X มาพร้อมหน้าจอ LCD แบบทัชสกรีนที่สามารถปรับหมุนได้ถึง 180 องศาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการถ่ายภาพ สามารถควบคุมกล้องได้อย่างง่ายดาย เพียงการกดและเลื่อนเพื่อเลือกฟังก์ชั่นต่างๆบนจอทัชสกรีน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกฟังก์ชั่นได้ผ่านวงแหวนควบคุมรอบตัวเลนส์ ที่ช่วยให้สามารถปรับโหมดเบื้องต้น เช่น ความไวชัตเตอร์ และรูรับแสง ในขณะที่โหมดที่ทำงานซ้ำซ้อนกันจะทำหน้าที่ในการชดเชยแสงแทน
บันทึกวีดีโอ Full HD กับฟังก์ชั่น Advanced movie ตั้งค่าได้ตามใจสั่ง
ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพวิดีโอ Full HD ความละเอียด 60p ในฟอร์เมตแบบ MP4 ด้วยกล้อง Canon PowerShot G7X อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้โหมด Manual Movie เพื่อปรับรูรับแสง ความไวชัตเตอร์ และ ISO ผ่านวงแหวนควบคุมและจอทัชสกรีน เพื่อจับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วได้ทันท่วงที และแนบเนียน แม้ในเวลาที่กำลังบันทึกวิดีโอ
เชื่อมต่อและแชร์ภาพได้ทุกที่ทุกแห่งหน
Canon PowerShot G7X มีระบบ WiFi และ NFC (Near Field Communication) ในตัวกล้อง เพิ่มอิสระในการเชื่อมต่อ และแชร์ภาพหรือไฟล์วิดีโอจากกล้องดิจิตอล ไปยังโลกออนไลน์ได้ทันใจ ผ่านแอพลิเคชั่น Canon CameraWindows บนสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังสามารถโพสต์ภาพขึ้นไปเก็บยัง Canon Image Gateway ซึ่งเปิดบริการให้ลูกค้าแคนนอนโดยเฉพาะ
Canon PowerShot G7X ราคา 22,040 บาท กำหนดวางจำหน่ายภายในเดือน พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแคนนอนทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.canon.co.th
ข้อมูลจำเพาะ Canon PowerShot G7X
เซนเซอร์ภาพ: เซนเซอร์ CMOS ขนาดใหญ่พิเศษ 1” ความละเอียด 20.2 MP
ชิปประมวลภาพ: DIGIC 6
หน้าจอ LCD: ขนาด 3 นิ้ว (ประมาณ 1,040,000 ดอตส์) จอทัชสกรีน หมุนได้ 180 องศา
เลนส์: 4.2x optical zoom IS (8.4x ZoomPlus)
ระยะเลนส์: 24-100 มม.
รูรับแสง: f/1.8-f/2.8
วิดีโอ: Full HD 60p
ระบบ WiFi/NFC: แบบ built-in เชื่อมต่อมือถือผ่านปุ่ม Mobile Device Connect บนตัวกล้องได้
ขนาด: ~ 103.0 x 60.4 x 40.4 มม. น้ำหนัก~ 304 กรัม
แคนนอน ฉลองครบรอบ 80 ปี จุดเริ่มต้นแห่งตำนานของกล้อง 35 มม. แบบ focal-plane-shutter ต้นแบบตัวแรกของญี่ปุ่น “Kwanon” ที่ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477
ในครั้งนั้นทีมวิศวกรผู้สร้างได้ตัดสินใจตั้งชื่อกล้องดังกล่าวตามชื่อ “Kwannon” ของพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาษาญี่ปุ่น ด้วยความหวังว่าพระองค์จะประทานความเมตตาอำนวยพรให้พวกเขาสามารถทำความฝันให้เป็นจริง คือประสบความสำเร็จในการผลิตกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุดในโลก ขณะที่ตัวเลนส์ก็ยังตั้งชื่อว่า “Kasyapa” ตามชื่อของพระมหากัสสปะ อัครสาวกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า โดยส่วนด้านบนของตัวกล้องยังติดสัญลักษณ์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกรเอาไว้อีกด้วย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2479 สองปีหลังจากที่กล้องต้นแบบ Kwanon ได้รับการผลิตออกมา และพัฒนาต่อยอดลองผิดลองถูกเรื่อยมา ในที่สุดแคนนอนก็ได้เปิดตัว Hansa Canon* กล้อง 35 มม. แบบ focal-plane-shutter ออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดเป็นครั้งแรก และนั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหน้าประวัติศาสตร์บริษัทแคนนอนในฐานะผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพอย่างแท้จริง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 แคนนอนก็ได้เปิดตัวกล้อง SLR รุ่นแรกของบริษัทออกมาในชื่อ Canonflex ตามมาด้วยกล้องรุ่น Canonet ในปี พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกล้อง rangefinder ที่ได้รับการความนิยมอย่างล้นหลาม เห็นได้จากการที่สต็อคสินค้าสำหรับจำหน่าย 1 สัปดาห์ กลับขายหมดภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้น แคนนอนก็ยังคงเดินหน้าในอุตสาหกรรมนี้ในฐานะผู้นำเรื่อยมา และมีกล้องถ่ายภาพหลายต่อหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง อาทิ กล้อง F-1 ซึ่งเป็นกล้อง SLR 35 มม.รุ่นท็อปที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2514 และกล้อง AE-1 ในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นกล้อง SLR รุ่นแรกของโลกที่มีการติดตั้งไมโครคอมพิวเตอร์ในตัว
ภายหลังการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2530 แคนนอนก็ได้เปิดเผยโฉมหน้าของกล้องตระกูล EOS ออกสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในฐานะกล้องSLR ระบบปรับโฟกัสอัตโนมัติรุ่นแรกของโลกที่มีการใช้ระบบเมาท์อิเล็กทรอนิค และในปี พ.ศ. 2538 กล้อง EOS ก็ได้เปิดศักราชใหม่เข้าสู่ยุคดิจิตอลแบบเต็มตัวและมีการพัฒนาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ล่วงมาถึงปี พ.ศ. 2555 แคนนอนก็เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มกล้องดิจิตอลและเลนส์สำหรับถ่ายภาพยนตร์เพื่อผู้ใช้มืออาชีพ (Cinema EOS System) ซึ่งรวบรวมเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพอันหลากหลาย ที่แคนนอนได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเข้าไว้ด้วยกัน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cinema EOS System นี้ถือว่ามีส่วนอย่างมากต่อการขยายขอบเขตใหม่ของศิลปะการเล่าเรื่อง
กว่า 80 ปีนับตั้งแต่การผลิตกล้องต้นแบบ Kwanon ตัวแรก ปัจจุบันแคนนอนมีฐานลูกค้าที่หลากหลายจากความอุตสาหะพยายามและไม่เคยหยุดนิ่งที่จะคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีกล้องและเลนส์อยู่ตลอด เพื่อเติมเต็มความฝันไม่รู้จบที่อยากจะสร้างกล้องที่ดีที่สุดในโลก โดยแคนนอนจะยังคงเดินหน้าต่อไปในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพและวิดีโอเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ในวงกว้างมากที่สุด
* กล้อง Hansa พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างแคนนอนกับบริษัท Nippon Kogaku K.K. (หรือบริษัทนิปอน คอร์ปอเรชั่น ในปัจจุบัน) โดยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในนามบริษัท Omiya Photo Supply
แคนนอน เปิดตัวแคมเปญล่าสุด “Trusted by Professionals” ผ่านซีรี่ส์เรื่องราวการเดินตามฝันบนเส้นทางอาชีพของช่างภาพมือโปรรุ่นใหม่ ได้แก่ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง หัวหน้าช่างภาพของนิตยสาร a day และ Hamburger ที่เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นและบันเทิง โอ๊ต – ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ช่างภาพเวดดิ้งที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และเหมี่ยว – ดวงพร ใบพลูทอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในฐานะช่างภาพเวดดิ้งมือโปรตั้งแต่อายุยังน้อยในตำแหน่งหัวหน้าช่างภาพของ WE Magazine โดยนำเสนอความคิด ความเชื่อ แรงบันดาลใจ และเทคนิคการถ่ายภาพเฉพาะตัวผ่านกล้อง DSLR EOS ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ พร้อมกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ สัมมนา เวิร์คช้อปถ่ายภาพ และซีรีย์วิดีโอที่จะเริ่มมีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บัดนี้ถึงต้นปี 2558
ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆ จากโปรทั้ง 3 คนในแคมเปญล่าสุด “Trusted by Professionals” และความรู้เรื่องการถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR EOS ได้ที่ www.canon.co.th/life
เตรียมแพ็คกระเป๋า ตะลุยทริปที่รอคอยพร้อมเก็บภาพประทับใจกับกล้องคอมแพ็คคู่ใจคนชอบเที่ยว ด้วย “PowerShot SX700 HS จาก Canon” กล้องดิจิตอลคอมแพ็ค‘ซุปเปอร์ซูม’ขนาดบางที่สุดเพียง 34.8 มม. น้ำหนักเบาเหลือเชื่อ แต่ใส่เลนส์ซูมไกลแบบออปติคอลมากถึง 30 เท่า และขยายพลังซูมพิเศษแบบ ‘ซูมพลัส’ ได้มากถึง 60 เท่า จึงซูมเยอะเป็นพิเศษ ครอบคลุมทุกระยะใกล้ไกลด้วยกล้องเพียงตัวเดียว ไม่ต้องพกเลนส์เสริมไปเปลี่ยนให้ยุ่งยาก เก็บทุกช๊อตคมชัดสีสดได้ง่ายๆ ด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด ความละเอียดสูงถึง 16.1ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอแบบ Full HD (สามารถแปลงเป็น MP4 ได้อัตโนมัติ) พร้อม Wi-Fi และ NFC ในตัวกล้องจึงแชร์ภาพจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนสู่โลกออนไลน์ได้รวดเร็ว หรือจะอัพโหลดคลิปวีดีโอขึ้น YouTube ก็ทำได้ง่ายๆ
กล้องดิจิตอลคอมแพ็ค‘ซุปเปอร์ซูม’ แคนนอน PowerShot SX700 HS มี 2 สีทั้ง แดงเมทัลลิค และดำคลาสสิค ราคา 11,540 บาท และรุ่นเล็กแคนนอน Powershot SX600HS (ซูมออปติคัล 18X, ซูมพลัส 36X) ราคา 8,390 บาท มีวางจำหน่ายแล้ว ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแคนนอนทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.canon.co.th
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด นำโดย มร. ยูโซะ ชิบะ กรรมการผู้จัดการ เป็นประธานในพิธีเปิดนิ
พร้อมกันนี้ โซนี่ยังได้เตรียมจัดพิมพ์หนั
มร. ยูโซะ ชิบะ กรรมการผู้จัดการ บ. โซนี่ ไทย จ.ก. ได้กล่าวในโอกาสเปิดนิ
สำหรับช่างภาพทั้ง 7 ที่ให้เกียรติร่วมสร้างสรรค์ และถ่ายทอดผลงานในนิ
ทั้งนี้ โซนี่จะมอบหนังสือภาพส่วนหนึ่
บริษัท โซนี่ไทย จำกัด เปิดตัว Cyber-shot RX100 III (ไซเบอร์ช็อต อาร์เอ๊กซ์ 100 มาร์ค 3) กล้องดิจิตอลคอมแพ็คท์คุณภาพระดับเรือธงในตระกูล RX รุ่นล่าสุด ที่ยังคงความโดดเด่นด้วยขนาดที่กะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อการถ่ายภาพมากมาย โดยล่าสุดมาพร้อมกับเลนส์ ZEISS Vario-Sonnar T* 24 – 70 ม.ม. F1.8-2.8 ความไวแสงสูง สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1.0 นิ้ว แบบ Exmor R
back-illuminated CMOS ให้ภาพสุดคมชัด และสัญญาณรบกวนต่ำอย่างยิ่ง พร้อมด้วยหน่วยประมวล ผล BIONZ X
ความเร็วสูง เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยช่องมองภาพ OLED Tru-Finder ในตัว แสดงภาพได้อย่างแม่นยำ และยังมีจอแอลซีดีขนาด 3 นิ้ว ที่สามารถพับปรับขึ้นลงได้ 180 องศา และมุมก้มได้ 45 องศา สามารถถ่ายภาพตนเอง และมุมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงในฟอร์แม็ท XAVC S ได้ รวมทั้งเชื่อมต่อใช้งานกับสมาร์ทโฟน แท็บเลท เพื่อแชร์ภาพ และวิดีโอได้อย่างสะดวกผ่าน Wi-Fi และ NFC และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับกล้อง Cyber-shot RX100 III พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 27,990 บาท ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th