Campaign – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 07 Apr 2016 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แบรนด์ใหญ่เตรียมแคมเปญสงกรานต์ คาดเงินสะพัด 1.5 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/62976 Thu, 07 Apr 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62976
ช่วงเทศกาลเป็นอีกช่วงในการกระตุ้นรายได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว และการขายของของแบรนด์สินค้าด้วยเช่นกัน ในปีนี้ทางรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายในช่วงสงกรานต์อีกตามเคย เหมือนดั่งช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการให้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการท่องเที่ยว หรือรับประทานอาหารมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน 2559
 
ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้คาดการณ์จำนวนเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงสงกรานต์ปีนี้ราว 15,000 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 13-17 เมษายนนี้ เติบโตจากปีก่อน 18% 
 
ในปีนี้แบรนด์ใหญ่ได้ก็เตรียมอัดแคมเปญเพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน เพื่อตอบรับกับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลด้วย ทั้งค้าปลีก โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และโอเปอเรเตอร์ 
 
 
“เมเจอร์” จับกลุ่มผู้สูงอายุ ดูหนังฟรี!
 
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ชมภาพยนตร์ฟรี ในวันที่ 13-14-15 เมษายน 2559 เพื่อตอบรับกับวันผู้สูงอายุแห่งชาติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย เพียงแค่แสดงบัตรสมาชิก M Gen Freedom รับสิทธิ์ชมภาพยนตร์ฟรี 1 ที่นั่ง ทุกเรื่อง ทุกรอบ ตลอดวัน ในระบบปกติ ได้ที่ โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกแบรนด์ ได้แก่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, พาราไดซ์ ซีนีเพล็กซ์, เมกา ซีนีเพล็กซ์, หาดใหญ่ ซีนีเพล็กซ์, ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต, เวสเกตต์ ซีนีเพล็กซ์, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์      
 
 
“เทสโก้ โลตัส” จัดโปรลดราคาหมวกกันน็อค 50%
 
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นอีกช่วงที่เกิดอุติเหตุบ่อยครั้ง และเกิดการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก สงกรานต์ปีนี้ เทสโก้ โลตัส จึงจัด “โปรโมชั่น 7 วันก่อน 7 วันอันตราย” ทุบราคาหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. จัดลดทุกขนาดสำหรับผู้ใหญ่ลงกว่า 50 % จากราคาปกติใบละ 399 บาท ลดลงเหลือ 199 บาท/ใบ เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 – 13 เมษายนนี้ มีวางจำหน่ายแล้วที่เทสโก้ โลตัส ทุกสาขาทั่วประเทศ (ยกเว้นเอ็กซ์เพรส และตลาดโลตัส) 
 
 
CPN ผนึกกำลังพันธมิตร จัด “ไทยแลนด์ สงกรานต์ เฟสติวัล 2016”
 
เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ผนึกกำลังพันธมิตร จัดงาน “ไทยแลนด์ สงกรานต์ เฟสติวัล 2016” ในทุกภาคทั่วไทย ทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และ เซ็นทรัลเฟสติวัล ตั้งแต่ 12-19 เมษายน ไฮไลต์ด้วยจัดปาร์ตี้โฟม และรณรงค์การใช้ปืนฉีดน้ำ เพื่อการประหยัดน้ำ 
 
ซึ่งนอกจากกิจกรรมเล่นน้ำจะเป็นแม็คเน็ตดึงดูดผู้บริโภคแล้ว ยังได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของทางภาครัฐในช่วงสงกรานต์ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ที่จะกระตุ้นตลาดรีเทล และการท่องเที่ยวให้แก่เซ็นทรัลได้อีก อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมสงกรานต์บริเวณหน้าศูนย์ฯ ทางเซ็นทรัลคาดว่าจะดึงยอดทราฟฟิกเข้าศูนย์การค้าได้กว่า 20 % และเพิ่มยอดขายให้กับร้านอาหารในศูนย์ฯ ได้ไม่น้อยกว่า 15% 
 
 
“โออิชิ” ชวนกิน-เที่ยวช่วยชาติ แจกคูปองจัดหนัก มากกว่า 500,000 ใบ
 
ธุรกิจอาหารก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น “โออิชิ กรุ๊ป” จึงจัดแคมเปญกระตุ้นการกิน การเที่ยวช่วยชาติ ด้วยการคูปองส่วนลดพิเศษ สูงสุดถึง 50% รวมมากกว่า 500,000 ใบ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ 9 – 17 เมษายนนี้
 
แคมเปญ “กิน-เที่ยวช่วยชาติ” มีการแจกคูปอง 2 รูปแบบด้วยกัน 1. คูปองส่วนลด 100 บาท (ที่ร้าน โออิชิ บุฟเฟต์ ชาบูชิ และนิกุยะ) และ 2. คูปองส่วนลด 50% (ที่ร้าน โออิชิ ราเมน และคาคาชิ) รวมจำนวนมากกว่า 500,000 ใบ ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9 – 17 เมษายนนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายและรายได้ในช่วง 9 วัน จะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 30%
 
 
“เอไอเอส” เตรียมบริการ-ขยายสัญญาณเพิ่ม ตลอด 24 ชม.
 
ด้วยตัวสินค้าหลักเป็นการบริการทั้งในเรื่องเครือข่าย และการบริการลูกค้า ทำให้สงกรานต์ปีนี้เอไอเอสจัดหนักในเรื่องการบริการเช่นเคย เตรียมความพร้อมในการให้บริการ ทั้งด้านงานบริการที่ AIS Call Center ตลอด 24 ชม. และ AIS SHOP ทุกสาขาทั่วประเทศ 
 
รวมทั้งด้านเครือข่าย โดยทีมงานวิศวกรพร้อมประจำการ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ให้สามารถแก้ปัญหาเครือข่ายได้อย่างทันท่วงที ตลอด 24 ชม. และจัดรถโมบายล์ และติดตั้งอุปกรณ์เพื่อขยายสัญญาณเพิ่มเติมในจุดที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่น เช่น บริเวณสถานีขนส่ง, สนามบิน, สถานีรถไฟ, สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเป็นจุดแวะพักระหว่างเส้นทางต่างๆ บนถนนสายหลักของประเทศ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ และสถานที่จัดงานสงกรานต์ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่ช่วงก่อนเดินทางท่องเที่ยวจนถึงวันเดินทางกลับ 
 

แบรนด์

ชื่อแคมเปญ

รายละเอียด

ระยะเวลา

เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์

เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แสดงบัตร M Gen Freedom รับสิทธิ์ชมภาพยนตร์ฟรี 1 ที่นั่ง ทุกเรื่อง ทุกรอบ ตลอดวัน

13-15 เมษายน 2559

เทสโก้ โลตัส

โปรโมชั่น 7 วันก่อน 7 วันอันตราย

ลดราคาหมวกกันน็อคผู้ใหญ่ 50% จากราคาใบละ 399 บาท เหลือ 199 บาท/ใบ

7 – 13 เมษายน 2559

เซ็นทรัลพัฒนา

ไทยแลนด์ สงกรานต์ เฟสติวัล 2016

จัดปาร์ตี้โฟม และรณรงค์การใช้ปืนฉีดน้ำ

12-19 เมษายน 2559

โออิชิ

กิน-เที่ยวช่วยชาติ

แจกคูปอง 2 รูปแบบ ส่วนลด 100 บาท และคูปองส่วนลด 50% รวมกว่า 500,000 ใบ

9 – 17 เมษายน 2559

เอไอเอส

เอไอเอส เตรียมพร้อมมอบบริการอุ่นใจ ร่วมส่งความสุข สงกรานต์ 2559

-เตรียมงานบริการที่ AIS Call Center ตลอด 24 ชม. และ AIS SHOP ทุกสาขาทั่วประเทศ

-ขยายสัญญาณเพิ่มเติมในจุดที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่น

ตั้งแต่ช่วงเทศกาล และวันที่เดินทาง

 

]]>
62976
ต้อนรับสงกรานต์! โค้กออกขวด PET ลายใหม่-แจก 5 แสนขวด https://positioningmag.com/62924 Fri, 01 Apr 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62924

ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นอีกช่วงหนึ่งที่แบรนด์ต้องกอบโกยในการหารายได้ หรือสร้างแบรนด์ อาจจะเป็นในการสนับสนุนงานเล่นน้ำ หรือเป็นการจัดอีเวนต์ต่างๆ

ในปีนี้โค้กเปิดแคมเปญ “เปิดโค้กให้กัน สร้างช่วงเวลาพิเศษ” อาศัยช่วงเวลาที่คนไทยเดินทางกลับบ้านในช่วงสงกรานต์ มีการแจกโค้กขวดแก้ว 500,000 ขวด ที่เส้นทางสายหลักในการเดินทางและสถานีขนส่งมวลชนรอบกรุง อาทิ หมอชิต หัวลำโพง ขนส่งสายใต้ใหม่ รวมถึงหัวเมืองใหญ่การท่องเที่ยว อาทิ นครสวรรค์ นครราชสีมา เชียงใหม่ ขอนแก่น บุรีรัมย์ หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี   

                                                            

พร้อมออกโค้กขวด PET ลวดลายใหม่ด้วยการนำภาพจากแคมเปญ “ดื่มรสชาติของความรู้สึก” (Taste the Feeling) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีมาประทับบนขวด เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป

แคมเปญเปิดโค้กให้กัน สร้างช่วงเวลาพิเศษนี้ จะเป็นการต้อนรับสงกรานต์ และจัดกิจกรรมไปจนถึงสิ้นมิถุนายน เป็นการสู้ศึกน้ำดำช่วงหน้าร้อนไปด้วยในตัว

คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โค้กเป็นแบรนด์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวพิเศษของช่วงเวลาธรรมดาๆ ที่แบ่งปันกับผู้อื่นได้ เราจึงเตรียมมอบประสบการณ์สุดพิเศษนี้ให้ชาวไทยได้สัมผัส โดยเริ่มต้นที่การเดินทางอันยาวนานเพื่อกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับกิจกรรม ‘เปิดโค้กให้กัน สร้างช่วงเวลาพิเศษ’ โค้กต้องการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้เดินทาง โดยกิจกรรมที่เราเตรียมไว้นั้นเรียบง่าย แต่สนุก คือเราจะมอบโค้กขวดแก้วที่ยังไม่ได้เปิดขวดให้กับผู้เดินทางคนหนึ่ง จากนั้นก็เชิญชวนผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาให้ช่วยเปิดฝาโค้กให้กัน”

 

]]>
62924
3 ค่ายน้ำดำระเบิดศึกลูกหนังรับซัมเมอร์ จัดหนักชิงโชค ชิงเค้ก 5 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/62783 Thu, 17 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62783
ผ่าแคมเปญร้อนศึกน้ำดำซัมเมอร์ เป๊ปซี่-โค้ก-บิ๊กโคล่า ซัดเต็มเหนี่ยว เปิดศึกฟุตบอลมาร์เก็ตติ้ง ชิงเค้ก 50,000 ล้าน กระตุกยอดขายเพิ่ม 10-15% 
 
ทุกช่วงซัมเมอร์ของทุกปี ถือเป็นช่วงที่ “ดีกรี” การแข่งขันของสมรภูมิน้ำอัดลม จะยิ่งดุเดือดเพิ่มขึ้น ตามอุณหภูมิของอากาศ 
 
ยิ่งปีไหนร้อนมากเป็นพิเศษ ย่อมหมายถึงโอกาสทางการตลาด จากยอดขายในช่วงฤดูร้อนจะสูงเพิ่มขึ้นถึง 15-20% 
 
ที่น่าสนใจ เมื่อศึกครั้งนี้ 3 แบรนด์น้ำดำ ได้แก่ เป๊ปซี่, เอส และบิ๊กโคล่า พร้อมใจกันใช้กีฬาฟุตบอลเป็นตัวชูโรงในแคมเปญร่วมกับศึกลูกหนังระดับยุโรปกันทั้ง 3 ราย ทั้งเป็นสปอนเซอร์ ชิงโชคตั๋วฟุตบอล 
 
เป๊ปซี่ เลือกการแข่งขันของ UEFA Champions League เป็นหลักในแคมเปญ โดยเป็นผู้สนับสนุนหลักในกลุ่มของซอฟต์ดริงก์ 
 
ส่วนแบรนด์รองอย่างเอส และบิ๊กโคล่าได้เลือกใช้ศึกฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในการทำแคมเปญโปรโมชัน
 
พี่ใหญ่สุดอย่าง “โค้ก” ยังไม่มีทีท่าจะเปิดตัวแคมเปญช่วงหน้าร้อนแต่อย่างใด หลังจากที่เดือนก่อนโค้กเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ One Brand รวมแบรนด์ในเครือรวมเป็นแบรนด์เดียว โดยมีกิจกรรม Taste the Feelling แจกโค้กขวดแก้ว 1 ล้านขวด 
 
 
“เป๊ปซี่” ควัก 300 ล้าน เปิดแคมเปญยักษ์ สปอนเซอร์ศึกยูฟ่า 
 
ค่ายเป๊ปซี่ แบรนด์เบอร์สอง ที่ต้องการท้าชิงเบอร์หนึ่งอย่างโค้ก และต้องการชิงเก้าอี้แชมป์น้ำดำกลับคืนมาดังเดิมในอดีต เป๊ปซี่จึงต้องเดินเกมอัดแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ศึกซัมเมอร์ครั้งนี้เป๊ปซี่จึงเล่นภาพใหญ่ เปิดแคมเปญสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง “UEFA Champions League” 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2015/2016 – 2017/2018 
 
งานนี้เป๊ปซี่ได้เอาใจทั้งคอบอล และคอแมสที่เป็นลูกค้าทั่วไป ทุ่มงบการตลาดรวม 300 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “เป๊ปซี่พา…ซ่า เชียร์ UEFA Champions League ถึงมิลาน 60 วัน 60 รางวัล” 
 
ส่วนหนึ่งได้ทำการต่อยอดแคมเปญ “เป๊ปซี่โมจิ” ที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วด้วยแพ็กเกจจิ้งลายฟุตบอลยูฟ่า 12 ลายใหม่ พร้อมทั้งโปรโมชันแจกลูกฟุตบอลทองคำ 600 รางวัล และรางวัลใหญ่เอาใจคอบอลกับการชิงตั๋วยูฟ่าไปดูนัดชิงที่มิลาน 60 รางวัล มูลค่ารวม 30 ล้านบาท
 
แคมเปญนี้เป็นโกลบอลแคมเปญ แต่ในประเทศไทยเองก็มีการปรับให้เข้ากับโลคอลด้วยเช่นกัน ด้วยการคว้าตัว 2 นักฟุตบอลทีมชาติไทย “เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” และ “ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารและทำตลาดในระดับโลคอล
 
ก่อนที่จะมาเป็นภาพใหญ่อย่างศึกยูฟ่า เป๊ปซี่ได้เคยเป็นพาร์ตเนอร์กับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี เพราะเป็นทีมดัง ทีมในดวงใจของแฟนๆ หลายคน ตอนนั้นก็มีการออกแพ็กเกจจิ้งลายแมนฯ ยู ด้วยเช่นกัน 
 
โดยที่ในปีนี้เป๊ปซี่จึงขยับสเกลให้เป็นภาพใหญ่มากขึ้นด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง UEFA Champions League การแข่งขันฟุตบอลประจำปีของสโมสรจากยุโรป ถือว่าเป็นถ้วยใบใหญ่ที่สุดสำหรับการแข่งขันของสโมสรฟุตบอลในยุโรป ที่สามารถดึงแฟนๆ จากหลายสโมสรได้ และถือว่าเป็นอีกทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยิ่งใหญ่รองจากฟุตบอลโลก ที่โค้กได้จองเป็นสปอนเซอร์ไปแล้ว
 
จา-ครูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าในทุกๆ ปี ทางเป๊ปซี่ได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลมาตลอด ก่อนหน้านี้มีแคมเปญใหญ่ที่เป็นพันธมิตรกับสโมสรแมนฯ ยู เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นแค่ทีมเดียวเท่านั้น ปีนี้เราเป็นสปอนเซอร์ฟุตบอลยูฟ่า มันมีความแมสกว่า เพราะมีหลายทีมเข้าร่วมแข่งขัน สามารถเข้าถึงคนดูได้ทั่วโลก และแฟนๆ ของหลายทีม ไม่ใช่แค่ทีมเดียวอีกต่อไป”
 
สำหรับแคมเปญนี้ได้บรรจุในบิ๊กแคมเปญของเป๊ปซี่ในปีนี้ที่คาดว่าจะมี 2-3 แคมเปญ เป๊ปซี่ได้ตั้งเป้าในการเติบโตช่วงซัมเมอร์ราว 15-20% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม
 
 
“เอส-บิ๊กโคล่า” พร้อมใจใช้ศึก “ฟุตบอลยูโร”
 
กลายเป็นศึกที่ทั้ง 2 แบรนด์เลือกใช้ศึกลูกหนังในการทำแคมเปญเหมือนกันก็คือศึกฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่จะแตกต่างจากศึกยูฟ่า คือเป็นการแข่งขันกันในนามทีมชาติของแต่ละประเทศในยุโรป ด้วยเป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะพอดีที่ทำการจัดแข่งขันในปีนี้ที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะทัวร์นาเมนต์นี้มีการจัดทุกๆ 4 ปี เหมือนกับฟุตบอลโลก
 
สำหรับ “เอส” เองที่ในปีนี้ขอสู้ศึกด้วยสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งด้วย จากในปีก่อนได้แวะไปแจกรถเบนซ์มา ซึ่งโจทย์ใหญ่ของเอสในปีนี้ยังคงเป็นการขยายฐานลูกค้า และกระตุ้นให้ผู้ที่ทดลองดื่ม เปลี่ยนมาเป็นแฟนที่ดื่มประจำให้ได้ เพราะเอสเองก็ถือว่าเป็นน้องเล็กสุดที่เพิ่งเข้ามาในตลาดเพียงแค่ 3 ปี แต่ก็อาจจะยังติดในเรื่องของรสชาติที่ผู้บริโภคต่างคอมเมนต์ว่าเป็นจุดอ่อนของเอส
 
เอสเชื่อว่าการนำโปรโมชันเข้ามาจึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองดื่ม หรือจากที่เคยดื่มก็ดื่มประจำมากขึ้น กลายเป็นแฟนของเอสได้ จึงควักประเป๋า 160 ล้านบาทในการส่งแคมเปญ “เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEAT ติดขอบ” ในการชิงตั๋วฟุตบอลยูโรนัดชิงชนะเลิศที่ประเทศฝรั่งเศส และรางวัลสำหรับคอแมสทั่วไปก็คือ Samsung Galaxy S7 จำนวน 500 เครื่อง รวมมูลค่า 20 ล้านบาท เอสมองว่าการชิงรางวัลและพาไปดูการแข่งขันบอลทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายกว่า
 
วิเวก ซาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ทิศทางสำคัญของเราคือต้องการขยายฐานคนดื่ม คนที่ไม่เคยดื่มก็กระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่ม ส่วนคนที่เคยทดลองดื่มก็ปรับมาให้เป็นคนที่ซื้อประจำ การใช้โปรโมชันก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่มอย่างหนึ่ง จนผู้บริโภครู้สึกอย่างซื้อซ้ำ 
 
ส่วนการเลือกกีฬาเป็นธีมหลักแคมเปญ เพราะกีฬายังเป็นคอนเทนต์สำคัญอยู่ เหมือนเป็นของรางวัลในฝันของผู้บริโภค
 
โดยที่เอสขอเพิ่มดีกรีความร้อนเข้าไปอีกด้วยการคว้า “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ด้วย เพื่อที่จะเป็นตัวแทนในการพูดคุยกับผู้บริโภคได้เร็วขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งณเดชน์เองก็ได้กวาดพรีเซ็นเตอร์ในเครือไทยดริ้งค์แทบจะทุกตัวแล้วทั้งโออิชิ จับใจ โดยที่เอสได้ตั้งเป้าแคมเปญนี้สามารถสร้างการเติบโตในช่วงซัมเมอร์ได้ 15% 
 
 
หมากเตะ บิ๊กโคล่า กลับสู่สังเวียนน้ำดำ
 
ทางด้านของ “บิ๊กโคล่า” ในปีนี้มีการปรับทิศทางครั้งใหญ่ เพื่อกลับเข้าสู่สังเวียนน้ำอัดลมอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอการลงทุนในประเทศไทยไปหลายปี การสู้ศึกในปีนี้จึงมีทั้งการปรับรสชาติ ปรับโฉมแพ็กเกจจิ้งใหม่หมด พ่วงมาด้วยโปรโมชันที่ชิงตั๋วไปดูฟุตบอลยูโรเช่นกัน ใช้งบการตลาดรวม 55 ล้านบาท
 
แต่คอนเซ็ปต์ของบิ๊กโคล่าในแคมเปญนี้เป็นการต่อยอดโกลบอลแคมเปญที่ได้เป็นผู้สนับสนุน “ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ” มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ก็คือการพาไปชมแมตช์การแข่งขันระหว่างทีมชาติอังกฤษและทีมชาติรัสเซีย พร้อมกับของรางวัลอื่นๆ ที่เอาใจผู้บริโภคกลุ่มอื่นอย่างรถกระบะโตโยต้า รีโว, มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ และโทรศัพท์ Samsung Note 5 รวมมูลค่า 19 ล้านบาท
 
ภาณุวัตร แตงงาม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญฟุตบอลในปีนี้มีจัดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป ซึ่งพบว่าคนไทยมีแพชชันกับกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก โดยที่เราได้ต่อยอดจากแคมเปญใหญ่ของเราที่ทำการสนับสนุนทีมชาติอังกฤษ มาแตกรายละเอียดเป็นโปรโมชันต่อไป”
 
จากการบุกตลาดอย่างดุดันในปีนี้ของบิ๊กโคล่า มีการตั้งเป้าการเติบโตในช่วงซัมเมอร์ 20% หรือภาพรวมทั้งปี 15% และมีส่วนแบ่งตลาด 10% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 7.6%
 
 
นักวิชาการชี้ คนไทยอินกับฟุตบอล
 
ผศ.เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ให้ความคิดเห็นว่า ตลาดน้ำอัดลมของไทยมีวิธีการในการทำตลาดที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะเห็นว่ายุคนี้ไม่มีการมาขายฟังก์ชันเรื่องความสดชื่นเท่าไรนัก แต่เปลี่ยนไปเรื่องของการเป็นสปอนเซอร์ เป็นผู้สนับสนุนมากกว่า คล้ายกับใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพียงแต่ขยับกลุ่มมาเป็นกลุ่มกีฬาเพื่อมาดึงดูดความสนใจ
 
“อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำอัดลมไม่ใช่สินค้าเพื่อสุขภาพ การทำแคมเปญเกี่ยวกับกีฬาหรือฟุตบอลทำให้เบี่ยงเบนเรื่องสุขภาพได้ นอกจากนี้ การนำแบรนด์เข้าไปเกี่ยวกับแมตช์สำคัญๆ ก็คือการสร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภค นำพาให้เขาอินกับแบรนด์ได้ การทำแคมเปญต่างๆ ก็เหมือนการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคได้”
 
ถ้ามองกระแสในตอนนี้ ฟุตบอลเป็นคอนเทนต์ที่มาแรงมาก และแรงต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีการแอ็กทีฟกับฟุตบอลมากขึ้น และสมัยนี้ผู้หญิงก็ให้ความสนใจกับฟุตบอลมากขึ้นเช่นกัน คนไทยค่อนข้างที่จะอินกับกีฬาฟุตบอลมากกว่ากีฬาประเภทอื่น
 
ความสำคัญของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วโลก เป็นไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง เช่นเดียวกับการทำมิวสิกมาร์เก็ตติ้งเหมือนกัน นักการตลาดได้เลือกใช้ในการสร้างแบรนด์เพื่อย่อยกลุ่มเป้าหมาย เจาะกลุ่มเป้าหมายลงไปให้ลึกขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะ ทำให้แบรนด์มีเรื่องที่จะคุยกับผู้บริโภค มีคอนเทนต์ในการสื่อสารกับเขา 
 
ยิ่งในประเทศไทยในตอนนี้ ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งในกระแสความนิยมไปแล้ว จากฟุตบอลทีมชาติไทยฟีเวอร์ ทำให้คนไทยอินกับฟุตบอลมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดช่องทางในการให้แบรนด์สร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคมากขึ้น
 
สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเรียกว่ายังคงเป็นกลยุทธ์โกลบอลสุดคลาสสิกที่หลายแบรนด์เลือกใช้มาเป็นอาวุธสำคัญ โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล เพราะมีความเป็นสากลที่คนทั่วโลกสนใจ ไม่ว่าจะรายการแข่งขันไหนก็พร้อมที่จะมีแบรนด์รีบเข้าเป็นผู้สนับสนุนในทันที ซึ่งในประเทศไทยที่คนไทยเองก็มีแพชชันอย่างแรงกล้ากับกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว ประกอบกับกระแสของฟุตบอลไทยทำให้คนไทยยังคงอินกับฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง 
 
 
 

]]>
62783
เมื่อ “นันยาง” ลุยรองเท้าผ้าใบผู้หญิง ส่ง “นันยาง ชูก้าร์” เขย่าตลาด https://positioningmag.com/62775 Wed, 16 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62775
ตลาดรองเท้านักเรียนเป็นตลาดที่ค่อนข้างมีการเติบโตอย่างคงที่ มีมูลค่าตลาด 5,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 3-5% ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มลูกค้าประจำอยู่แล้วคือกลุ่มนักเรียน แต่ในทุกๆ ปีก็มีเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาเช่นกัน ทำให้โจทย์ใหม่ของตลาดในตอนนี้ก็คือการแตกเซ็กเมนต์ไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
 
“นันยาง” แม้จะทำตลาดมาเป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว ที่วางจุดยืนแบรนด์รองเท้านักเรียนผ้าใบวัยเก๋าที่สามารถครองใจเด็กนักเรียนไทยมาได้อย่างยาวนาน แต่นันยางเองก็ยอมรับแต่โดยดีเลยว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้าง Conservative ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นการตลาดที่หวือหวาออกมาจากนันยางมากนัก
 
แต่ทิศทางสำคัญก็คือการแตกเซ็กเมนต์ของกลุ่มสินค้าไปกลุ่มอื่นมากขึ้น โดยที่ปี 2558 ได้แตกเซ็กเมนต์สำหรับเด็กเล็ก อายุ 6-9 ขวบ ครั้งแรกในแบรนด์ นันยาง แฮฟ ฟัน (Nanyang Have Fun) หลังจากที่ทำตลาดรองเท้านันยางพื้นเขียว และรองเท้าเตะนันยาง (ช้างดาว) มาช้านาน
 
ในปีนี้ได้เห็นนันยางเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเจาะกลุ่ม “ผู้หญิง” ด้วยการออกรองเท้าผ้าใบสีขาวสำหรับผู้หญิงในแบรนด์ “นันยาง ชูก้าร์ (Nanyang Suger)” โดยทางนันยางเองได้ใช้เวลาในการคิดโปรเจกต์นี้เป็นเวลา 6 เดือน และใช้งบลงทุนในการ R&D ทั้งหมด 3 ล้านบาท
 
 
 
โจทย์หลักของการออกสินค้าตัวนี้ก็คือคำถามที่ว่า “ทำไมผู้หญิงถึงไม่ใส่นันยาง?” เพราะด้วยรูปทรงที่ดูแมนเกินไป จึงดีไซน์สินค้าใหม่ และใช้ชื่อว่านันยาง ชูก้าร์ เพราะสื่อถึงผู้หญิงหวาน มีการใส่กิมมิคด้วยเชือกหลายสีสัน อีกทั้งในตลาดของผ้าใบผู้หญิงยังไม่มีผู้เล่นอย่างจริงจัง ทำให้มีโอกาสธุรกิจสูง และการเติบโตของกลุ่มรองเท้าผู้หญิงก็สูงด้วยเช่นกัน มีการจำหน่ายในราคาคุ่ละ 329 บาท
 
จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “เราเป็นผู้นำตลาดรองเท้าผ้าใบมานาน ซึ่งรองเท้าผ้าใบชายเป็นกลุ่มที่เราแข็งแกร่งมาก ทีนี้โจทย์ต่อไปมันอยู่ที่ว่าถ้าเราอยากโต อยากได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มก็ต้องมองหาตลาดอื่น เพราะเด็กนักเรียนก็มีจบการศึกษาทุกปี และปัจจุบันอัตราการเกิดก็น้อยลง ทำให้มามองตลาดผู้หญิงที่จะเป็นตลาดสำคัญ พบว่ายังมีช่องว่างอีกมาก ยังไม่มีผู้เล่นอย่างจริงจัง”
 
 
การเจาะตลาดผู้หญิงในครั้งนี้ของนันยาง สามารถกินรวบได้ทั้งกลุ่มเด็กนักเรียนที่สามารถใส่ไปโรงเรียนได้ เพราะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการเรียบร้อยแล้ว และอีกกลุ่มหนึ่งคือเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ใส่เป็นรองเท้าลำลองที่เปลี่ยนสีเชือกตามใจชอบได้
 
ส่วนในอนาคตนันยางจะแตกเซ็กเมนต์ไปยังกลุ่มอื่น หรือไปรองเท้าแฟชั่นหรือไม่ จักรพลได้เล่าว่า “นันยางยังคงเป็น Functional Shoes อยู่ ที่เน้นเรื่องการใช้งานเป็นหลัก ถ้าขยับไปเป็นร้องเท้าแฟชั่นคงยังไม่ไป บอกตามตรงว่าตามแฟชั่นไม่ทัน เรามองว่าเป็นนันยางแบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ที่สำคัญองค์กรเราค่อนข้าง Conservative จะออกสินค้าอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
 
นันยางได้ตั้งเป้ายอดขายของนันยาง ชูก้าร์ในปีแรกไว้ที่ 300,000 คู่ หรือมีรายได้ 100 ล้านบาท หลังจากที่มีเซ็กเมนต์กลุ่มผู้หญิงเข้ามาเติมเต็มในพอร์ตให้นันยางนั้น ได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 5-8% จากที่ในปี 2558 เติบโต 3-5%
 
ช่องทางการขายหลักของนันยางเป็นเทรดิชันอลเทรด 60% และโมเดิร์นเทรด 40% และแบ่งสัดส่วนรายได้ของสินค้าได้เป็นรองเท้าผ้าใบ 50% และรองเท้าแตะ 50%
 
 
 
 

]]>
62775
ถึงคิวเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แบรนด์รังนก คว้า “ติงลี่” ประกบ “ญาญ่า” https://positioningmag.com/62765 Tue, 15 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62765
หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการคว้า “หมีเซียะ-มิเชล ยิม ไหว่หลิง” หรือที่รู้จักกันดี “อึ้งย้ง” นางเอกในซีรีส์ฮ่องกง “มังกรหยก” อันโด่งดัง ในวัย 60 ปี มาประกบคู่กับ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” นางเอกสาววัยใส เพื่อเป็น Duo Brand Ambassador มาแล้ว 
 
เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของแบรนด์แคมเปญ เคล็ดลับดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพแข็งแรงและดูดีในอนาคต มาปีนี้ แบรนด์รังนกจึงได้ นำ “ติงลี่-หลี่ เหลียง เหว่ย” พระเอกคนดังในซีรีส์ “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ในวัย 60 ปี ที่ยังดูหนุ่มฟ้อ มาประกบคู่กับ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ในหนังโฆษณาเรื่องใหม่ “The Eternal Proof” เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาดูแลตัวเอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มคนสูงวัย และกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังตอบโจทย์ พฤติกรรมของคนไทย ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ว่าวัยไหน ก็ให้ความสนใจเรื่องของการดูดี รูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนวัย จึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อดูดีในอนาคต 
 
แบรนด์รังนก ได้ปล่อยทีเซอร์ เรียกน้ำย่อยผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งใน Youtube เฟซบุ๊ก ซึ่งดูแล้วก็คาดการณ์ได้ไม่ยากกว่า พระเอกในหนังโฆษณาชุดใหม่นี้จะเป็นใคร ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ 16 มีนาคม ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ 
 
ในปีที่ผ่านมา (2558) ตลาดอาหารเสริม รังนก มีมูลค่า 3 พันล้านบาท แบรนด์รังนก มีส่วนแบ่งตลาด 60% กลุ่มลูกค้า ผู้หญิง 60% ผู้ชาย 40%
 
 
รู้จัก ติงลี่ 
 
ติงลี่ มีชื่อจริงว่า “หลี่ เหลียงเหว่ย” เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปี 1956 โดยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกกับการรับบทเป็น “ติงลี่” ในฮ่องกงทีวีซีรีส์ “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ของ TVB ที่ออกฉายในปี 1980 
 

]]>
62765
หมากเตะ “เอส” สู้ศึกน้ำดำซัมเมอร์ เทงบ 160 ล้านบาท ชิงตั๋วบอลยูโร ใช้ “ณเดชน์” สร้างฐานแฟนเลิฟ https://positioningmag.com/62728 Fri, 11 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62728
จัดเป็นแบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติไทยแท้เพียงหนึ่งเดียวสำหรับ “เอส” ที่ต่อสู้ท่ามกลางแบรนด์น้ำดำอินเตอร์รอบด้าน โดยได้ทำตลาดมาเป็นเวลา 3 ปีแล้วภายใต้ “เสริมสุข” ที่อยู่ใต้ร่มเงาของ “ไทยเบฟเวอเรจ” 
 
ในปีก่อนๆ เอสได้เดินเกมด้วยหลากหลายกลยุทธ์ เพื่อคลำทางสู่เส้นทางของตัวเองให้มากที่สุด มีการใช้กลยุทธ์ทั้งในเรื่องแพ็กเกจจิ้ง ไซส์ ราคา รวมถึงในเรื่องของมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง และสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งด้วย ที่ถือเป็นสูตรการตลาดน้ำอัดลมใช้เจาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักมาตลอด 
 
โดยที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 เอสได้ควักกระเป๋าถึง 100 ล้านบาท ในการเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถเพิ่มดีกรีความน่าสนใจให้แบรนด์เอสแตกต่างจากคู่แข่งได้ เพราะหลายคนยังมีคอมเมนต์เรื่องของ “รสชาติ” ที่ยังเป็นจุดอ่อนของเอสอยู่
 
เพราะฉะนั้นโจทย์หลักของเอสในปีนี้ก็คือการให้คนมาทดลองดื่ม หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มคนเหล่านี้ให้มาซื้อซ้ำและเป็นแฟนเลิฟ  ผลลัพธ์จึงออกมาที่สูตร “โปรโมชั่น” และ “พรีเซ็นเตอร์” ให้โปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค และให้พรีเซ็นเตอร์เป็นผู้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย    
 
โดยซัมเมอร์ในปีนี้ เอส เลือกสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งกับกีฬาฟุตบอล ในการส่งแคมปญ “เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEAT ติดขอบ” เอสมองว่า มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ทำการสนับสนุนทีมฟุตบอล หรือรายการแข่งขัน แต่เอสใช้ในเรื่องโปรโมชั่นชิงโชค พาไปดูฟุตบอลยูโรนัดชิงชนะเลิศที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะมองว่าผู้บริโภคสามารถเข้าถึงฟุตบอลที่มากกว่า และไม่ต้องเน้นภาพลักษณ์ของโกลบอลแบรนด์อย่างแบรนด์คู่แข่ง
 
แต่เพื่อเพิ่มดีกรีความสนใจให้กับตัวโปรโมชั่นให้แรงยิ่งขึ้น โดยเลือก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาเป็น พรีเซ็นเตอร์ โดยอาศันชนความเป็นมหาชน และภาพลักษณ์ของณเดชน์ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มวัยรุ่น และขยายฐานไปยังกลุ่มแมสมากขึ้นด้วย ซึ่งณเดชน์เองก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าในเครือไทยดริ้งค์มาแล้วทั้งโออิชิ, จับใจ
 
 
แคมเปญครั้งนี้ได้ใช้งบการตลาดรวม 160 ล้านบาท มีการคาดการณ์ในช่วงซัมเมอร์ 3 เดือน เอสจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 15%
 
วิเวก ซาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ประเมินภาพรวมตลาดน้ำอัดลมในปีนี้ต่อว่า ยังคงเป็นตลาดที่ท้าทาย เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่เชื่อว่าปีนี้ความมั่นใจของผู้บริโภคจะกลับมาจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งมองว่าตลาดน้ำอัดลมในปีนี้ก็อาจจะโตราว 5% จากมูลค่าตลาดปี 2558 จำนวน 50,000 ล้านบาท เติบโต 5% เช่นกัน โดยที่เอสชิงส่วนแบ่งตลาดไปได้ 10% หรือมูลค่า 5,000 ล้านบาท
 
ทิศทางของเอสในปีนี้ การขยายฐานคนดื่ม คนที่ไม่เคยดื่มก็กระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่ม ส่วนคนที่เคยทดลองดื่มก็ปรับมาให้เป็นคนที่ซื้อประจำ การใช้โปรโมชั่นก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่มอย่างหนึ่ง จนผู้บริโภครู้สึกอย่างซื้อซ้ำ การที่เลือกกีฬาฟุตบอลเป็นแคมเปญ เพราะกีฬายังเป็นคอนเทนต์สำคัญอยู่ เหมือนเป็นของรางวัลในฝันของผู้บริโภค 
 
ในปีที่แล้วได้มีการปรับแพ็กเกจจิ้งค่อนข้างเยอะ ในปีนี้จึงไม่เห็นเรื่องการปรับไซส์ ปรับแพ็กเกจจิ้ง แต่ในส่วนของน้ำสีในแบรนด์เอส เพลย์ยังคงดำเนินกลยุทธ์ในการเป็นน้ำอัลมกลิ่นผลไม้หลายรส สร้างความแตกต่างในตลาด เช่น กลิ่นลิ้นจี่-แพร์ กลิ่นองุ่น-เบอร์รี่ ในการออกสินค้าครั้งต่อไปก็ยังคงโฟกัสในกลยุทธ์นี้อยู่
 
ในปีนี้จะเอสเตรียมแผนที่จะบุกตลาดอาเซียนมากขึ้น เตรียมส่งออกไปยังประเทศพม่า กัมพูชา และลาว หลังจากที่ปีที่แล้วได้นำร่องส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียโดยผ่าน F&N ทำตลาดได้ 6 เดือน สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ 4%
 
และใน 3 ประเทศที่จะส่งออกต่อไปนั้น ส่วนใหญ่เข้าไปกับทาง F&N เช่นเคย ซึ่งไทยเบฟฯ ยังมีเครือข่ายในหลายๆ ประเทศ
 
 
 

]]>
62728
“อาเจ” จัดหนัก ยกเครื่อง “บิ๊ก โคล่า” สู้ศึกน้ำดำรับซัมเมอร์ https://positioningmag.com/62736 Fri, 11 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62736
แม้จะทำตลาดในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลา 12 ปี สำหรับ “อาเจ บิ๊กโคล่า” แบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติเปรู แต่ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการแอคทีฟในการทำตลาดมากนัก เพราะด้วยพิษทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีจึงชะลอการลงทุนลงไปบ้าง ทำให้บทบาทของบิ๊ก โคล่าค่อนข้างจะหายไปในตลาด 
 
ในปี 2558 ที่ผ่านมาอาเจได้กลับมาบุกตลาดในประเทศไทยอย่างดุเดือดอีกครั้ง พร้อมผุดหลายแคมเปญใหญ่ขึ้นมาทั้งการเป็นสปอนเซอร์รายการ “เอเชีย ก็อต ทาเลนท์” รวมไปถึงการสานต่อการเป็นสปอนเซอร์ให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ และผุดแคมเปญแจกรถกระบะ
 
แต่ในปีนี้อาเจขอ Aggressive มากขึ้นเพื่อทวงพื้นที่ในตลาดน้ำอัดลมดังเดิม เรียกว่าเป็นการยกเครื่องแบรนด์บิ๊กใหม่เกือบทั้งหมดโดยมี 4 ไฮไลต์ด้วยกันคือรสชาติ แพ็กเกจจิ้ง ขนาด และโปรโมชั่น
 
1.รสชาติ ได้ทำการปิดตายจุดแข็งของตนเองในอดีตด้วยการเป็นเครื่องดื่มไม่มีกาเฟอีน ในการปรับสูตรครั้งนี้อาเจได้ตัดสินใจใส่กาเฟอีนเข้าไปเพื่อความสดชื่นมากขึ้น เพราะได้ทำรีเสิร์จมากพบว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลมจะดื่มเพราะกาเฟอีน อาเจมองว่าถ้าไม่ทำจะทำให้เสียตลาดไปเยอะ ซึ่งในต่างประเทศมีการปรับสูตรด้วยเช่นกัน
 
2.แพ็กเกจจิ้งที่ยกเครื่องใหม่ทั้งรูปร่างขวดที่ทำให้จับง่ายขึ้น ฉลากที่ปรับเป็นสีเหลือง ตัวอักษรสีแดง จากเดิมที่เป็นสีดำแดง เป็นการเปลี่ยนเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และฝาใหม่ที่ตัวหนังสือด้านบนฝาจะเป็นสีเดียวกับน้ำ เพื่อเวลาแช่ในถังแล้วเวลาหยิบจะได้รู้ว่าเป็นรสชาติอะไร 
 
 
3. ขนาด และราคา กลับมาตอกย้ำที่ความคุ้มค่าของราคา มีการออกไซส์ใหม่ก็คือ 300 มล. ราคา 8 บาท เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง-น้อย และราคา 8 บาทเป็นราคาที่ในตลาดยังไม่มีด้วย รวมถึงไซส์อื่นที่มีอยู่แล้วได้ทำการเพิ่มขนาด และลดราคา ได้แก่ขนาด 465 มล. ปรับจาก 425 มล. ราคา 10 บาท, ขนาด 1.3 ลิตร ราคา 22 บาท ปรับลงจาก 24 บาท, 1.8 ลิตร ปรับเพิ่มจาก 1.5 ลิตร ราคา 25 บาท และ 3.1 ลิตร ลดราคา 5 บาทเหลือ 39 บาท
 
 
4. โปรโมชั่น ศึกหน้าร้อนในปีนี้อาเจก็ขอแจมด้วยสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเช่นกัน กับลุ้นชิงตั๋วไปดูฟุตบอลยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่เป็นนัดที่ทีมชาติอังกฤษแข่งกับทีมชาติรัสเซีย ต่อยอดจากการเป็นผู้สนับสนุนทีมชาติอังกฤษ โดยใช้งบการตลาดรวม 55 ล้านบาท และจากแคมเปญนี้ตั้งเป้าการเติบโตในช่วงหน้าร้อน 20%
 
ภาณุวัตร แตงงาม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด กล่าวว่า “ปีที่แล้วเราเริ่มกลับมาทำตลาดอีกครั้ง แต่ว่าก็ไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่นัก มองว่าปีนี้จะบุกหนักมากขึ้น เป็นการกลับมาพร้อมเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เป็น Integrated Move เป็นการเปลี่ยนภาพรวมในรอบ 12 ปีตั้งแต่ทำตลาดในไทยมา แต่ที่สำคัญคือต้องเอาความคุ้มค่ากลับมาใส่ให้บิ๊ก และเป็นแบรนด์อยู่ในใจผู้บริโภค”
 
นอกจากนั้นในปีนี้ยังมีออกสินค้าใหม่อีก 1 ตัวในตระกูลน้ำสี กลิ่น “สละ” เพราะทางอาเจมองว่าน้ำสีเป็นอีกตัวสำคัญในการกระตุ้นตลาด เพราะมีการเติบโตสูง และผู้บริโภคของชื่นชอบความแปลกใหม่ ทำให้ตอนนี้บิ๊กมีสัดส่วนรายได้เป็นน้ำดำ 66% และน้ำสี 34%
 
 
จากการบุกตลาดอย่างเต็มสูบในปีนี้ อาเจตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 15% จากที่ปีที่แล้วไม่เติบโต และครองส่วนแบ่งตลาด 10% ในปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ 7.6% ครองตำแหน่งเบอร์ 4 ในตลาด 
 
ส่วนภาพรวมรายได้ของบริษัทยังคงมาจากน้ำอัดลม 70% และอื่นๆ ได้แก่ บิ๊กเฟรช น้ำเปล่า Cielo และเครื่องดื่มเกลือแร่ Sporade รวม 30% และเป็นรายได้จากช่องทางเทรดดิชันนอลเทรด 75% โมเดิร์นเทรด 25%
 
 
เปิดแผน “อาเจ” ยกเครื่อง “บิ๊กโคล่า”ครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปี
 
-ปรับรสชาติใหม่ด้วยการใส่ “กาเฟอีน” เพื่อเพิ่มความสดชื่นมากขึ้น 
 
-เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ทั้งรูปทรงขวด ฉลากเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และฝาที่ตัวอักษรด้านบนจะเป็นสีเดียวกับน้ำ เพื่อในการหยิบจากถังแช่ได้ง่าย
 
-เพิ่มขนาด และปรับราคา ออกขนาดใหม่ 300 มล. ในราคา 8 บาท เพื่อตีตลาดกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง-น้อย และในตลาดยังไม่มีน้ำอัดลมในราคา 8 บาทด้วย
 
-ขนาดอื่นๆ จะเป็นการเพิ่มขนาด หรือปรับลดราคา ได้แก่ ขนาด 465 มล. ปรับจาก 425 มล. ราคา 10 บาท, ขนาด 1.3 ลิตร ราคา 22 บาท ปรับลงจาก 24 บาท, 1.8 ลิตร ปรับเพิ่มจาก 1.5 ลิตร ราคา 25 บาท และ 3.1 ลิตร ลดราคา 5 บาทเหลือ 39 บาท
 
-อัดโปรโมชั่นในช่วงหน้าร้อนด้วยโปรโมชั่นชิงตั๋วไปดูฟุตบอลยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่เป็นนัดที่ทีมชาติอังกฤษแข่งกกับรัสเซีย ต่อยอดจากการเป็นผู้สนับสนุนทีมชาติอังกฤษ ใช้งบการตลาด 55 ล้านบาท
 
-ออกสินค้าใหม่ 1 ตัว ในตระกูลน้ำสี คือ รสชาติ “สละ”
 
-ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต 15% มีส่วนแบ่งตลาด 10% เพิ่มขึ้นจาก 7.6%
 
 
ภาพรวมช่องทางการจำหน่ายน้ำอัดลมของบิ๊กโคล่า
 
64% ร้านค้าปลีก แบ่งเป็น 
 
-64% เทรดดิชันนอลเทรด (เติบโต 7%)
 
-21% ร้านสะดวกซื้อ (เติบโต 10%)
 
-15% โมเดิร์นเทรด (เติบโต 14%)
 
36% ร้านอาหาร
 
ที่มา : บริษัท อาเจไทย จำกัด
 
 
สัดส่วนบรรจุภัณฑ์ของตลาดน้ำอัดลมของบิ๊กโคล่า 
 
-80% ขวดพลาสติก PET
 
-10% ขวดแก้วแบบคืน
 
-10% ขวดแก้วแบบไม่คืน/กระป๋อง
 
ที่มา : บริษัท อาเจไทย จำกัด
 
 
สัดส่วนขนาดของน้ำอัดลมของบิ๊กโคล่า 
 
-52% ขวดใหญ่ (1 ลิตรขึ้นไป)
 
-48% ขวดเล็ก (น้อยกว่า 1 ลิตร)
 
ที่มา : บริษัท อาเจไทย จำกัด
 

]]>
62736
“เป๊ปซี่” อัพสเกลศึกลูกหนัง จากแมนยูสู่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” https://positioningmag.com/62670 Mon, 07 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62670
ในช่วงนี้เรียกว่าอยู่ในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นช่วงที่จะได้เห็นแคมเปญของตลาดน้ำดื่มที่กระหน่ำอัดโปรโมชั่นเพื่อเป็นสีสัน และกระตุ้นตลาดกันอย่างเต็มที่ นอกจากตลาดชาพร้อมดื่มที่มีการระเบิดศึกกันไปแล้วทั้งสองแบรนด์ ตลาด “น้ำดำ” ในช่วงซัมเมอร์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
 
ในปีนี้ “เป๊ปซี่” ได้ชิงระเบิดศึกซัมเมอร์ก่อนใครเพื่อน ด้วยการเปิดแคมเปญสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง “UEFA Champions League” 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2015/2016 – 2017/2018 โดยได้ทำการต่อยอดแคมเปญเป๊ปซี่โมจิที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วด้วยแพ็กเกจจิ้งลายฟุตบอลยูฟ่า พร้อมทั้งโปรโมชั่นแจกทอง และชิงตั๋วยูฟ่าไปดูนัดชิงที่มิลาน
 
 
สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเรียกว่าเป็นกลยุทธ์โกลบอลที่หลายแบรนด์เลือกใช้มาเป็นอาวุธสำคัญ โดยเฉพาะฟุตบอลเพราะมีความเป็นสากลที่คนทั่วโลกสนใจ ไม่ว่าจะรายการแข่งขันไหนก็พร้อมที่จะมีแบรนด์รีบเข้าเป็นผู้สนับสนุนในทันที 
 
ซี่งเป๊ปซี่ก็ได้ใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งควบคู่กับมิวสิคมาร์เก็ตติ้งมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เป๊ปซี่ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี เพราะเป็นทีมดัง ทีมในดวงใจของแฟนๆ หลายคน ตอนนั้นก็มีการออกแพ็กเกจจิ้งลายแมนยูฯ ด้วยเช่นกัน 
 
ในปีนี้เป๊ปซี่จึงขยับสเกลให้เป็นภาพใหญ่มากขึ้นด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง UEFA Champions League การแข่งขันฟุตบอลประจำปีของสโมสรจากยุโรป ถือว่าเป็นถ้วยใบใหญ่ที่สุดสำหรับการแข่งขันของสโมสรฟุตบอลในยุโรป สามารถดึงแฟนๆ จากหลายสโมสรได้ และถือว่าเป็นอีกทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยิ่งใหญ่รองจากฟุตบอลโลก ที่โค้กได้จองเป็นสปอนเซอร์ไปแล้ว
 
 
จา-ครูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าในทุกๆ ปี ทางเป๊ปซี่ได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลมาตลอด ก่อนหน้านี้มีแคมเปญใหญ่ที่เป็นพันธมิตรกับสโมสรแมนยูเมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นแค่ทีมเดียวเท่านั้น ปีนี้เราเป็นสปอนเซอร์ฟุตบอลยูฟ่าฯ มันมีความแมสกว่า เพราะมีหลายทีมเข้าร่วมแข่งขัน สามารถเข้าถึงคนดูได้ทั่วโลก และแฟนๆ ของหลายทีม ไม่ใช่แค่ทีมเดียวอีกต่อไป”
 
สำหรับในประเทศไทยได้ทุ่มงบการตลาด 300 ล้านบาท นอกจากจะมีแพ็กเกจจิ้งคอลเลกชั่นพิเศษ และโปรโมชั่นอื่นๆ แล้ว เป๊ปซี่ยังคว้าตัว 2 นักฟุตบอลทีมชาติไทย “เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” และ “ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการทำตลาดระดับโลคอลในประเทศ
 
 
 
ทิศทางการตลาดในปีนี้ของเป๊ปซี่ จะมีแคมเปญใหญ่ทั้งหมด 2-3 แคมเปญ ซึ่งแคมเปญนี้ก็เป็นหนึ่งในแคมเปญใหญ่แห่งปีเหมือนกันในการสู้ศึกซัมเมอร์ เป๊ปซี่ได้ตั้งเป้าในการเติบโตช่วงซัมเมอร์ราว 15-20% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม แต่ประเมินการเติบโตของตลาดน้ำดำทั้งปีอาจจะเติบโตเพียง 5-6% เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
 
ในปี 2558 ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่า 50,000 ล้านบาท มีการเติบโต 5-6% แบ่งสัดส่วนแพ็กเกจจิ้งเป็น Non-returnable (ขวด PET และกระป๋อง) 78% และ Returnable (ขวดแก้ว) 22% ซึ่งเป๊ปซี่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม Non-returnable ได้ 44% เติบโตจาก 41% ในปี 2014
 
เปิดแผน “เป๊ปซี่” อัพสเกลศึกลูกหนัง จากแมนยูสู่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก”
 
– เป็นโกลบอลแคมเปญในการเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันฟุตบอล UEFA Champions League 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2015/2016 – 2017/2018
 
– ต่อยอดแคมเปญเป๊ปซี่โมจิในการออกแพ็กเกจจิ้งคอลเลกชั่นพิเศษดีไซน์ฟุตบอลยูฟ่าฯ ทั้งหมด 12 ลาย
 
– เอาใจทั้งคอบอล และคอแมสด้วยโปรโมชั่นชิงตั๋วยูฟ่า นัดชิงที่มิลาน 60 รางวัล และลูกฟุตบอลทองคำหนัก 1 บาท 600 รางวัล รวมมูลค่า 30 ล้านบาท
 
– ก่อนหน้านี้เป๊ปซี่ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี
 
– ใช้งบการตลาดสำหรับแคมเปญนี้ 300 ล้านบาท
 
– คว้าตัว 2 นักฟุตบอลทีมชาติไทย “เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” และ “ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการทำตลาดระดับโลคอลในประเทศ
 
– ตั้งเป้าในการเติบโตช่วงซัมเมอร์ราว 15-20% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม
 
 

]]>
62670
เป๊ปซี่ ปรับแพ็กเกจข้าวเกรียบ “ตะวัน” คว้า “แก๊งสามช่า” พรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/62600 Fri, 26 Feb 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62600
ได้เวลาปรับโฉมแบรนด์ข้าวเกรียบ “ตะวัน” ครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อรุกตลาดขนมขึ้นรูปมูลค่า 8,500 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ตะวัน อร่อยใช่ ถูกปากคนไทย” 
 
วิชาล คาอูล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหาร และนางสาววัชรนันทน์ ธนิสรธเนศ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขึ้นรูป บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า(ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า ได้ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ใน 3 รสชาติ คือ รสกุ้งกรอบ รสหมึกสามรส และรสสาหร่ายทรงเครื่อง พร้อมเปิดตัวสามพรีเซ็นเตอร์ “หม่ำ – เท่ง – โหน่ง แห่งแก๊งสามช่า” ในแคมเปญใหม่ล่าสุด ด้วยภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ที่เรียกเสียงฮา เพื่อให้โดนใจคนไทย
 
ภายใต้แคมเปญใหม่นี้ “ตะวัน” ยังเน้นรุกตลาดภูธรด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่ง โดยเตรียมจัดเต็มด้วยการใช้สื่อท้องถิ่น กิจกรรมการตลาดบีโลว์ เดอะ ไลน์ ทั้งการแจกผลิตภัณฑ์ทดลองชิม (Sampling) และกิจกรรมออนกราวน์ในช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ การร่วมเป็นสปอนเซอร์งานสงกรานต์ที่ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น กับเทศกาล “ตะวัน เถิดเทิงเฟสติวัล” เล็งกระตุ้นยอดขายในช่วงซัมเมอร์นี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยว
 

]]>
62600
เทียบโปร 4 G จาก 3 ค่ายมือถือ https://positioningmag.com/62606 Fri, 26 Feb 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62606
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เปรียบเทียบโปรโมชั่นบริการ 4 G ของโทรศัพท์มือถือ 3 ค่าย เอไอเอส ดีแทค และทรู ที่ออกมา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559
 
วิธีเปรียบเทียบราคา คำนวณจากอัตราค่าโทรขั้นสูง โดยเฉลี่ยต่อนาที ตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ผู้ให้บริการรายนั้นได้รับอนุญาต และอัตราค่าบริการที่หักจากค่าโทรแล้วคิดเป็นอัตราค่าบริการข้อมูลในอัตรา บาท/MB 
 
ผลปรากฎว่า แพคเกเกจราคาของ AIS ถูกสุด โดยมีค่าโทรต่ำกว่า 0.69 บาท /นาที ค่าใช้อินเทอร์เน็ต ต่ำกว่า 0.26 บาท/MB  ส่วนแพคเกจของ DTAC และTRUE มีค่าโทรไม่เกิน 0.82 บาท/นาที และค่าใช้อินเทอร์เน็ต 0.28บาท/ นาที
 

]]>
62606