Civic – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 07 Mar 2019 03:06:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING)” https://positioningmag.com/1218171 Wed, 06 Mar 2019 08:49:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1218171 ทุกวันนี้ รถยนต์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้ นอกจากพิจารณาประเภทของรถยนต์ ฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยต่างๆ

ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นสิ่งที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักและให้ความสำคัญมาโดยตลอด นอกจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานต่างๆ ที่ติดตั้งมาในรถยนต์ ฮอนด้า ทุกรุ่น ซี่งในปัจจุบัน ฮอนด้า ได้ยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ได้รับการติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ที่เปิดตัวไปเมื่อปี พ.ศ. 2559 เป็นครั้งแรก และล่าสุดได้ส่งต่อเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงไปยังรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งนับเป็นการยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยของตลาดรถยนต์ในระดับ C-segment

เพื่อสร้างความมั่นใจในการขับขี่แก่กลุ่มลูกค้าเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขัน ลองมาดูรายละเอียดการทำงานของ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ว่าจะช่วยสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างไรบ้าง

ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) จะใช้กล้องและเรดาร์ตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนนแล้วแจ้งเตือนไปยังผู้ขับขี่ พร้อมทั้งช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ให้ทั้งตัวผู้ขับขี่ ไปจนถึงผู้โดยสาร คนเดินถนน และรถยนต์ที่อยู่รอบข้าง สัญจรได้อย่างปลอดภัย เปรียบเสมือนเซนเซอร์ที่คอยส่งสัญญาณเตือนให้เรารับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในเส้นทาง ประกอบด้วย

  1. ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

  1. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow – ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

  2. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่

  1. ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย  และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

  1. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam – AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

ดังนั้น ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) จึงเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่เป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ฮอนด้าสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและอุ่นใจในทุกเส้นทาง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างและก้าวสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ (Collision Free Society) อีกด้วย

ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เพื่อสัมผัสสมรรถนะและการทำงานของ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนทดลองขับผ่านแคมเปญ Happy Day Happy Drive ทาง http://bit.ly/2M92auY เพื่อรับ Happy Box* จากฮอนด้า เมื่อทดลองขับรถยนต์ฮอนด้า
รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2562

*รายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

]]>
1218171
ขายแล้ว… “ซีวิค” โฉมใหม่ในไทยแห่งแรกนอกอเมริกา https://positioningmag.com/62744 Fri, 11 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62744
มาเร็วทันใจแฟนๆ “ฮอนด้า ซีวิค” โฉมใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ประเดิมขายในไทยแห่งแรกนอกทวีปอเมริกาเหนือ หรือห่างกันเพียง 6 เดือนเท่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอก-ภายใน ตอกย้ำสปอร์ตซีดานดีเอ็นเอ แต่แฝงความหรูหราโดยเฉพาะอุปกรณ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเพิ่มทางเลือกกับเครื่องยนต์ VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร 173 แรงม้า ทำตลาดควบคู่กับบล็อกเดิม 1.8 ลิตร วางจำหน่ายราคาเริ่มต้นที่ 869,000 -1,199,000 บาท
 
 

All new Civic 1.8 EL
 
โนริอากิ อาเบะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย
 
“ดังนั้ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกนอกทวีปอเมริกาเหนือ ที่ได้ทำการเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ซึ่งยังจะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตขึ้น ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยได้นำเอานวัตกรรมการผลิตอันล้ำสมัยของโรงงานผลิตรถยนต์ที่โยริอิ ประเทศญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ ณ โรงงานใหม่แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงพันธะสัญญาของฮอนด้าที่มีต่อประเทศไทยในการเป็นยุทธศาสตร์ฐานการผลิตที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปทั่วโลก”
 
 
 
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้า ซีวิค เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยได้เข้าไปนั่งในใจ และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทยเสมอมา พิสูจน์ได้ด้วยยอดขายสะสมจนถึงปัจจุบันเกือบ 460,000 คัน นับได้ว่า ฮอนด้า ซีวิค ได้เติบโตควบคู่กับฮอนด้าในประเทศไทยมาโดยตลอด และยังเป็นเสมือนตัวแทนที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของฮอนด้า เพราะเมื่อพูดถึงฮอนด้าผู้คนจะนึกถึงรุ่นซีวิค และสปอร์ตดีเอ็นเอที่มาคู่กันเป็นอันดับแรกเสมอ
 
“ในครั้งนี้ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 10 จะเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับซีวิคให้ก้าวล้ำไปกว่าเดิม ซึ่งหลังจากการเปิดตัวในทวีปอเมริกาเหนือเพียง 6 เดือน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สามารถคว้ารางวัลยนตรกรรมยอดเยี่ยมถึง 14 รางวัล จาก 10 สถาบันชั้นนำ สะท้อนถึงความเป็นยนตรกรรมระดับโลกที่ทุกคนรอคอยอย่างแท้จริง”
 
 
 
โดยฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการจัดวางโครงสร้าง โดยเน้นการออกแบบตัวรถที่ดูสปอร์ต และล้ำสมัยด้วยตัวถังที่กว้าง และมีความสูงของตัวรถที่ลดลง เพื่อสร้างอารมณ์การขับขี่ที่สปอร์ต และมั่นใจ รวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และหรูหรา ด้วยเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด สปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรูปร่างคล้ายปีกที่วางตัวเป็นแนวยาวเต็มกรอบกระจังหน้า เชื่อมต่อกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทั้งยังโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED
 
การออกแบบภายใน เน้นการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม รวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับ D-Segment ทั้งนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย โดยสามารถสลับเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะนั้นประตูรถยังคง ล็อกอยู่เช่นเดิม และรถจะไม่สามารถออกตัวได้ จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติ
 

All new Civic TURBO RS
 

All new Civic 1.8 EL
 
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าว ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85
 
นอกจากนี้ซีวิค โฉมใหม่ ยังก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน เพื่อช่วยเติมเต็มทุกการเดินทางให้สมบูรณ์แบบที่สุด อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
 
 
 
สมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดทุกเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของฮอนด้า ได้ถูกถ่ายทอดสู่การพัฒนา ฮอนด้า ซีวิค จากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ ซีวิค ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยการนำเสนอคุณค่าใหม่ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ในแต่ละยุคสมัย จนก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการแข่งขันอยู่เสมอ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า “มีเพียง ‘ซีวิค’ เท่านั้น ที่จะสามารถก้าวล้ำเหนือ ‘ซีวิค’ เองได้”
 
“จากความเป็นยนตรกรรมระดับโลกของซีวิคที่ผ่านมา ผสานกับการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นในทุกมิติ การสื่อสารทางการตลาดในครั้งนี้ จึงไม่มีการใช้คำนิยาม หรือคำจำกัดความเพื่ออธิบายความเป็นซีวิค เพราะสิ่งที่สามารถบอกเล่าตัวตนได้ดีที่สุด คือ ชื่อ ที่ทุกคนยอมรับ และความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตาของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ โดยฮอนด้าได้ตั้งเป้าการจำหน่าย 25,000 คัน ภายใน 1 ปี”
 
สำหรับฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS ราคา 1,199,000 บาท รุ่น TURBO ราคา 1,099,000 บาท รุ่น 1.8 EL ราคา 959,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 869,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)
 
 
 

]]>
62744