คอตตอน ยูเอสเอ ฉลองความสำเร็จครบรอบ 25 ปีผ่านการรีแบรนด์ดิ้งครั้งยิ่งใหญ่พร้อมกันทั่วโลก เปิดแผนการตลาด ทุ่มงบกว่า 21 ล้านบาท เดินหน้าตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์โดยการปรับเปลี่ยน สัญลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยขึ้น พร้อมเปิดตัวพาร์ทเนอร์ใหม่เพิ่มอีก 5 แบรนด์ชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ CADEAU, PJ Kids, EXCELLENCY, Khaki Bros และ LTD อีกทั้งเดินหน้าปรับภาพลักษณ์เพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์สะท้อนความเป็นตัวตนของแบรนด์ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ต่อสัญลักษณ์ใหม่ และยังคงให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของฝ้ายในฐานะเส้นใยธรรมชาติแท้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นส่วนสร้างสรรค์แฟชั่น โดยในการรีแบรนด์ครั้งนี้ได้มีการปรับฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบแฟชั่น ผู้ที่รักสิ่งแวดล้อม หลงใหลในฝ้าย และครอบครัวรุ่นใหม่ พร้อมตั้งเป้าขยายการรับรู้สัญลักษณ์ COTTON USA เพิ่ม 10%

นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า คอตตอน ยูเอสเอ มุ่งสร้างการรับรู้ ทัศนคติที่ดีและความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากฝ้ายให้แก่ผู้บริโภคผ่านสัญลักษณ์ COTTON USA มาตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา นับถึงปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ติดสัญลักษณ์ COTTON USA มากถึงกว่า 3,000 ล้านชิ้น ในกว่า 50,000 กลุ่มผลิตภัณฑ์ครอบคลุมใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยปัจจัยความสำเร็จของคอตตอน ยูเอสเอมาจากการสร้างการรับรู้ต่อสัญลักษณ์ COTTON USA ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของเส้นใยฝ้ายธรรมชาติแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์​จากฝ้ายมากขึ้น รวมทั้งการทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับแบรนด์พาร์ทเนอร์เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา คอตตอน ยูเอสเอได้ร่วมกับแบรนด์พาร์ทเนอร์ทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ เช่น จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าร่วมกัน เป็นต้น ในขณะเดียวกันคอตตอน ยูเอสเอยังมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงผู้ผลิตในกลุ่มซัพพลาย เชนฝ้ายโดยการเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าคอตตอน ยูเอสเอ ไลเซนซี่ และซัพพลายเออร์จะได้รู้จักกับคู่ค้ามากขึ้น และจากคู่ค้ากลายเป็นคู่มิตรทางธุรกิจร่วมผลิตสินค้าจากฝ้ายออกสู่ตลาด”

นายไกรภพ กล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่าทัศนคติของผู้บริโภคคนไทยที่มีต่อคุณสมบัติของเส้นใยฝ้ายสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติ ไม่มีการสังเคราะห์ เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น จากผลสำรวจของ 2013 COTTON USA Mark Tracking Survey พบว่าผู้บริโภคไทยมีทัศนคติด้านคุณภาพต่อฝ้ายสหรัฐอเมริกามากกว่าฝ้ายจากแหล่งผลิตอื่นถึง 47% นอกจากนี้ทัศนคติต่อความสวมใส่สบายยังเป็นอีกคุณสมบัติเด่นของฝ้ายสหรัฐอเมริกาที่มีมากกว่าฝ้ายจากแหล่งผลิตอื่นถึง 40%”

นายไกรภพ กล่าวต่อว่า “ในการเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 25 ปี ของสัญลักษณ์ COTTON USA เราได้มีการรีแบรนด์ดิ้งเพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยให้เป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ (Lifestyle brand) เพื่อสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย โดยเราได้มีการปรับขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจแฟชั่น สิ่งแวดล้อม และชื่นชอบผ้าฝ้าย รวมไปถึงกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ ซึ่งเรายังยึดมั่นในจุดยืนทางการตลาดที่ตอกย้ำถึงความบริสุทธิ์ของเส้นใยฝ้ายสหรัฐอเมริกาที่คัดสรรมาผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น การผลิตที่ลดการใช้น้ำและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการปลูกฝ้าย ยิ่งไปกว่านั้นฝ้ายยังมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย”

“เพื่อเป็นการสนับสนุนการรีแบรนด์ดิ้งในครั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน เราได้มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ COTTON USA ใหม่พร้อมเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย คอตตอน ยูเอสเอได้เตรียมงบการตลาดไว้ที่ 21 ล้านบาท สำหรับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ และการสร้างการรับรู้ต่อ​แบรนด์​ COTTON USA พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว 5 คอตตอน ยูเอสเอพาร์ทเนอร์ใหม่ โดยเป็นกลุ่มเสื้อผ้าเด็ก 2 แบรนด์ ได้แก่ กาโด้ (CAEAU) แบรนด์เสื้อผ้าเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ที่การดีไซน์เน้นไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ทันสมัยตามแนวสไตล์แคชชวลแวร์,​ พีเจ คิดส์ ​(PJ Kids) แบรนด์เสื้อผ้าเด็กโตอายุ 4-10 ปี ในเครือของเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ที่เน้นดีไซน์ที่มีสีสันลวดลายสดใสแต่แฝงความเรียบหรู ทันสมัยตามสไตล์คุณหนูรุ่นใหม่ และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 3 แบรนด์ ได้แก่ เอ็กเซอเลนซี่​(EXCELLENCY) แบรนด์เสื้อผ้าสุภาพบุรุษที่เรียบหรู ดีไซน์เนี้ยบและเลือกสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม คาคิ บรอส (Khaki Bros) แบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายสไตล์นิวยอร์กโมเดิร์นวินเทจ เน้นการตัดเย็บที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ สวมใส่สบาย เรียบง่าย แต่มีความเท่ห์และมีสไตล์ และ แอลทีดี (LTD) แบรนด์เสื้อผ้าสุภาพบุรุษในกลุ่มยังก์ เอ็กเซคคิวทีฟ ที่เน้นความเรียบหรู แต่มีดีเทลที่น่าสนใจ ตามสไตล์ คลาสสิก ลักชัวรี่” นายไกรภพกล่าว

“คอตตอน ยูเอสเอรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ทั้ง 5 แบรนด์เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรา ซึ่งในความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจใน COTTON USA แบรนด์ที่บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย 100% ที่มีส่วนผสมของฝ้ายสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และให้ความมั่นใจได้ถึงคุณภาพ ความนุ่มสบาย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ แบรนด์พาร์ทเนอร์ดังกล่าวนี้จะเริ่มติดสัญลักษณ์ใหม่ของ COTTON USA ภายในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ และทางคอตตอน ยูเอสเอจะเริ่มทยอยเปลี่ยนสัญลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์พาร์ทเนอร์ทั้งหมดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 โดยท่านที่สนใจสามารถแวะชมสินค้าได้ที่ร้านและเคาน์เตอร์ของคอตตอน ยูเอสเอ พาร์ทเนอร์ทุกแบรนด์ได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ” นายไกรภพ กล่าว

“ปัจจุบันคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย มีแบรนด์พาร์ทเนอร์ 33 แบรนด์ ไลเซนซี่ และซัพพลายเออร์โรงงานสิ่งทอ 15 บริษัท โดยคอตตอน ยูเอสเอ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มแบรนด์พาร์ทเนอร์โดยการเชิญแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยเข้าร่วมเป็นคอตตอน ยูเอสเอพาร์ทเนอร์ อย่างน้อย 4 แบรนด์ภายในสิ้นปี 2558 ทำให้เชื่อมั่นว่าการเข้าร่วมพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยจะช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่กลุ่มแฟชั่นได้มากขึ้น รวมทั้งแผนการจัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มการรับรู้และจดจำต่อแบรนด์ COTTON USA อีกทั้งแคมเปญการตลาดใหญ่ทั่วโลกที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มการรับรู้สูงขึ้นอีก 10%” นายไกรภพ กล่าวทิ้งท้าย

ลีวายส์® สัญลักษณ์แฟชั่นยีนส์ระดับโลก เอาใจผู้ที่รักการปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจด้วย “LEVI’S® COMMUTER” คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่จะช่วยแต่งแต้มไลฟ์สไตล์ของนักปั่นให้มีสีสันและสนุกยิ่งขึ้น

หลังจากที่ลีวายส์® เพิ่งเปิดตัวคอลเลคชั่น Levi’s® Commuter ในเมืองไทยได้ไม่นาน นักปั่นจักรยานและแฟชั่นนิสต้าต่างให้การตอบรับกับกางเกงยีนส์และเสื้อคอลเลคชั่นนี้เป็นอย่างดี ลีวายส์® จึงนำ Levi’s® Commuter คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดเข้ามาเพื่อเพิ่มตัวเลือกในการแต่งตัวสำหรับนักปั่นและแฟชั่นนิสต้าให้หลากหลายมากขึ้น โดยคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดนี้มีเสื้อยืดสุดฮิป 4 ลาย เสื้อแจ๊คเก็ต 1 ตัวและกางเกงอีก 3 รุ่น ให้คุณสนุกกับการแต่งตัวไปพร้อมๆ กับการปั่นจักรยานอย่างลงตัว

Levi’s® Commuter ยังคงคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปั่นจักรยานและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของนักปั่นโดยเฉพาะ ทั้งการเลือกใช้เนื้อผ้าที่ผสมผสานเทคโนโลยี Nanosphere® ที่ช่วยป้องกันละอองน้ำทำให้ไม่เกิดกลิ่นอับจากเหงื่อ  ป้องกันแบคทีเรีย มีช่องสำหรับสวมใส่ U-lock เพื่อสามารถจอดจักรยานได้ทุกที่อย่างสะดวกสบาย และยังมีแถบผ้าหุ้มบริเวณปลายขากางเกงด้วยเทปสะท้อนเเสง 3M^TM Scotchlite^TM ซึ่งเมื่อมีแสงไฟส่องมาในยามกลางคืนหรือสะท้อนกับเเสงอาทิตย์ก็จะมีเส้นสะท้อนเเสงเกิดขึ้นเพื่อความปลอดภัยของนักปั่นเวลาขับขี่

ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่างๆของลีวายส์®ได้ที่ Instagram: @levis_thailand, www.facebook.com/levis และ www.levisthailand.com

เกี่ยวกับแบรนด์ลีวายส์®

แบรนด์ลีวายส์® แสดงความเป็นคลาสสิคในสไตล์อเมริกันที่มีความเท่ห์ในตัว ตั้งแต่เริ่ม บริษัท ลีวายส์® สเตราส์ แอนด์ โค ในปี 2416 กางเกงยีนส์ลีวายส์® กลายเป็น แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกซึ่งสะกดจินตนาการและความภักดีกับผู้คนมาหลายยุคหลายสมัย ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ยีนส์และเครื่องประดับของลีวายส์® ถูกแพร่กระจายไปกว่า 110 ประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการในการแสดงออกถึงสไตล์ของตนเองต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ลีวายส์® และสินค้าลีวายส์® กรุณาเข้าชม www.levis.com

เกี่ยวกับ ดีเคเอสเอช

ดีเคเอสเอช เป็นผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เมื่อกล่าวถึง “บริการด้านการขยายตลาด” ดีเคเอสเอช ทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้าในการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่หรือตลาดที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มขึ้น

ดีเคเอสเอชได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SIX Swiss Exchange ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนมีนาคม 2555 จัดเป็นบริษัทระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซูริค มีสำนักงานครอบคลุมถึง 680 แห่ง ใน 35 ประเทศ ซึ่ง 660 แห่งตั้งอยู่ในเอเชีย รวมทั้งมีพนักงานผู้ชำนาญการอีก 26,300 คน โดยในปี 2555 ดีเคเอสเอช มียอดขายสุทธิ 8,800 ล้านสวิสฟรังก์

เกี่ยวกับ ดีเคเอสเอช ประเทศไทย

ก่อตั้งในประเทศไทยเมื่อปี 2449 ดีเคเอสเอช เป็นผู้นำทางการบริการด้านการขยายตลาดให้กับธุรกิจผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม ธุรกิจเทคโนโลยี แม้ว่า ดีเคเอสเอช จะเป็นบริษัทสัญชาติสวิส แต่กลับหยั่งรากลึกอยู่ในชุมชนท้องถิ่น เนื่องจากบริษัทสามารถดึงความสามารถจากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในพื้นที่ที่ยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เหนือกว่าในด้านการให้บริการด้านการขยายตลาดที่ออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของคู่ค้า ประเทศไทยถือเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดในเครือข่ายการทำธุรกิจของ ดีเคเอสเอช ในภูมิภาคและถือเป็นแบบอย่างในการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องให้กับประเทศอื่นๆ

ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และ ลีวายส์® ไอคอนยีนส์ระดับโลก ชวนเหล่าสาวกยีนส์ที่มีใจรักในเสียงเพลงและมีความสามารถทางดนตรี มาปล่อยของแบบไม่มีขีดจำกัดในสไตล์ของตัวเอง ให้ดนตรีเล่าเรื่องชีวิตของคุณบนเวที กับ “Live in Levi’s® Live on Stage” ลุ้นเป็นผู้ชนะผลิตเพลงของตนเองพร้อมบินลัดฟ้าไปเปิดประสบการณ์ทางดนตรี ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตร่วมกับศิลปินชื่อดัง

ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจัดจำหน่ายและเฟรนไชส์ของลีวายส์® เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เชิญชวนชาวยีนส์ผู้ชื่นชอบเสียงเพลงและมีความสามารถทางด้านดนตรีมาตามล่าหาฝันร่วมกันกับโครงการ “Live in Levi’s® Live on Stage” การแข่งขันดนตรีรูปแบบใหม่ที่เปิดเสรีภาพทางดนตรีอย่างเต็มที่ ไม่จำกัดแนวเพลงและเครื่องดนตรี ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดจำนวนสมาชิก เพียงแค่ไม่มีสัญญาผูกมัดกับค่ายเพลงใดๆเท่านั้น พร้อมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับการประกวดดนตรีด้วยการร่วมกันกำหนดกติกา ร่วมให้คะแนนและร่วมตัดสินหาผู้ชนะกันเอง

เพียงจัดกลุ่มกับก๊วนเพื่อนแล้วส่งกติกาที่อยากให้ใช้ในการตัดสิน 1 ข้อ จากนั้นอัพโหลดคลิปวีดีโอบันทึกการแสดงขณะกำลังสวมใส่ลีวายส์® ตัวเก่ง พร้อมกับแนะนำวงและสมาชิกในวงบน YouTube แล้วลงทะเบียนแนบลิงค์ทางเว็บไซต์ www.levisthailand.com/liveinlevis/liveonstage ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 31 ตุลาคมนี้ ประกาศผลวงดนตรีผู้เข้ารอบแรก 15วง ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 บน www.levisthailand.com/liveinlevis/liveonstage และ www.facebook.com/levis

วงดนตรีผู้เข้ารอบ Live Audition ทั้ง 15 วง จะได้ร่วมขึ้นคอนเสิร์ตกับคนดนตรีมืออาชีพอย่างฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ และวงฟลัวร์ ณ Levi’s® Pop-up Live House ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดรถไฟ เจเจกรีน และลานสกายวอล์ค BTS ช่องนนทรี ในวันที่ 8, 15 และ 21 พฤศจิกายน เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะ 6 วงสุดท้ายโดยมีผู้ชมภายในงานและผู้เข้าแข่งขันเป็นผู้ตัดสิน

สำหรับผู้เข้ารอบ 6 วงสุดท้ายจะได้ขึ้นเล่นดนตรีบนคอนเสิร์ตใหญ่กับวงดนตรีรุ่นพี่ทั้ง 3 วง ณ มงคลสตูดิโอ อาร์ซีเอ ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะที่ทุกคนยอมรับโดยการคัดเลือกของวงดนตรีทั้ง 6 วง เอง

วงดนตรีชนะเลิศจะได้ทำอัลบั้มเพลงของตัวเอง พร้อมโอกาสเดินทางไปเปิดประสบการณ์ทางดนตรี ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งการเปิดคอนเสิร์ต เข้าห้องอัดเพลงกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพ เลือกช้อปเสื้อผ้าสุดแนวในร้านลีวายส์® โตเกียว เล่นดนตรีของตัวเองใน Live house ถ่ายภาพวงเท่ๆ สำหรับทำปกอัลบั้มที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทย และถ่ายทำมิวสิควีดีโอที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย

วงดนตรีที่ได้รางวัลรองชนะเลิศและรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง จะได้รับ Levi’s® Gift Voucher มูลค่า 50,000 บาท และ 30,000 บาท นอกจากนี้ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 15 วง ยังมีสิทธิลุ้นรับรางวัล Popular Vote สำหรับผู้ที่มียอดจำนวนคนดู รวมทั้งยอดกดไลค์และแชร์ในมากที่สุด รับ Levi’s® Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท

มร.ปีเตอร์ ฮอร์นบี ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องแต่งกายและยีนส์แบรนด์ลีวายส์® ประเทศไทย กล่าวว่า “ไม่ใช่แค่ลีวายส์® เท่านั้นที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน แต่ดนตรีก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายๆคนเช่นกัน เราได้เห็นศักยภาพด้านดนตรีของคนไทย และดนตรีก็เป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่มีเส้นขีดกั้นพรมแดน ลีวายส์® จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับลูกค้าด้วยโอกาสในการผลิตเพลงและทำ MV ของพวกเขาเอง เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์และความประทับใจตลอดไป”

ดูกติกาและข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.levisthailand.com/liveinlevis/liveonthestage

อย่าปล่อยให้โอกาสการใช้ชีวิตของคุณหลุดลอยไปง่ายๆ ใส่ลีวายส์® ตัวโปรดของคุณออกมาแสดงฝีมือ ปล่อยของอย่างไม่มีลิมิต แล้วให้ชีวิตและตัวตนของคุณไปโลดแล่นอยู่บนเวทีกับ Live in Levi’s® Live on Stage เพราะยีนส์คือลีวายส์®

ลีวายส์® สร้างความฮือฮาให้กับวงการแฟชั่นอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวซีรี่ส์ภาพยนตร์สั้นเป็นโปรเจ็คแรกในแคมเปญใหม่ระดับโลกอย่าง “Live in Levi’s®” ที่นำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกว่าล้านเรื่องราว มาผสมผสานกับแนวความคิดดีๆ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม แล้วถ่ายทอดผ่านเรื่องราวบนจอคอมพิวเตอร์ และจออุปกรณ์มือถือบนโลกออนไลน์

แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความเป็นตำนานของลีวายส์® ที่ได้แทรกซึมเข้าไปในเรื่องราวต่างๆ ของชีวิตคนอย่างไม่น่าเชื่อ กว่าร้อยปีกับหลายล้านเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันจนเกิดเป็นภาพยนตร์สั้นภายใต้แคมเปญ “Live in Levi’s®” แสดงให้เห็นว่าทุกเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านแคมเปญนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของคนเรา และสิ่งที่พิเศษคือลีวายส์® ได้ถูกเลือกขึ้นมาสวมใส่ในแต่ละช่วงจังหวะของชีวิต จนเป็นที่มาของเรื่องเล่าผ่านชีวิตจริงคนจากลีวายส์® นั่นเอง

นอกจากนี้ลีวายส์® ไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อสร้างเรื่องเล่าผ่านเรื่องราวจริงในชีวิตคนเท่านั้น หากแต่ยังต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคน และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมอีกด้วย โจทย์ของ Live in Levi’s® ที่ลีวายส์® ทั่วโลกได้รับ จึงถูกตีความไปในทิศทางเดียวกันว่า เราจะถ่ายทอดเรื่องราวจริงในทุกช่วงเวลาชีวิตของคนที่มีลีวายส์® เข้าไปเกี่ยวข้อง และเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อคนดูชมภาพยนตร์จบแล้ว ต้องได้รับพลังงานดีๆที่จะนำไปขับเคลื่อนชีวิต

สำหรับภาพยนตร์ที่ถูกคิดและจัดทำขึ้นภายใต้แคมเปญ Live in Levi’s® จึงถูกวางเนื้อเรื่องโดยเลือกจากช่วงโอกาสต่างๆในชีวิต ช่วงความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างสวมใส่ลีวายส์® จึงไม่แปลกหากเมื่อคนดูชมภาพยนตร์จากแคมเปญ Live in Levi’s® จบแล้วจะเห็นสายใยที่เชื่อมโยงลีวายส์® เข้ากับช่วงเวลาต่างๆของชีวิตได้อย่างลงตัว

คุณชาติฉกาจ ไวกวี ผู้รับหน้าที่ครีเอทีฟและผู้กำกับให้กับแคมเปญนี้ในประเทศไทยได้เล่าว่า “ภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องนี้อาจจะต่างไปจากนิยามคำว่า “ภาพยนตร์” ที่คนทั่วไปนึกถึง เพราะภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้จะไม่ถูกฉายในโรงภาพยนต์ผ่านจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ที่คนดูต้องเสียเงินซื้อตั๋วเข้าไปดู แต่จะเป็นภาพยนตร์ที่ฉายผ่านจอเล็กๆ อาจจะเป็นจอแท็บเล็ต หรือจอมือถือ แต่สิ่งที่ผมและลีวายส์® เห็นตรงกันคือภาพยนตร์ที่เราทำ แม้อาจจะฉายผ่านจอที่เล็กที่สุด แต่ต้องสร้างประโยชน์ให้กับคนดูและสังคมมากที่สุด ซึ่งการวัดผลของภาพยนตร์ซีรี่ส์นี้ ก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่แค่ยอดจำนวนครั้งที่ดู หรือยอดการกดไลค์ แต่อยู่ที่คุณค่าที่คนดูและสังคมรู้สึกจากการดูซีรี่ส์ภาพยนตร์นี้ เพราะผมและลีวายส์® รู้ว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า และเราไม่ต้องการขโมยเวลา 30 นาทีที่มีค่าของทุกคนมาโดยที่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรกลับไป”

อย่าปล่อยให้โอกาสการใช้ชีวิตของคุณหลุดลอยไปง่ายๆ ใส่ลีวายส์® ตัวโปรดของคุณออกไปผจญโลกกว้างและใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในทุกๆวันกับ Live in Levi’s® เพราะยีนส์คือลีวายส์® มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าจากยุคสมัยปัจจุบันทั้ง 5 เรื่อง ที่จะเปลี่ยนมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับชีวิตของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ ทาง Youtube: Levi’s ในเพลย์ลิสต์ Levi’s Thailand (http://bit.ly/LILThaiYoutube), Facebook Page: Levi’s และเว็บไซต์ www.levisthailand.com/liveinlevis ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ “Live in Levi’s®” ได้ที่ www.levisthailand.com/liveinlevis

“แรงเลอร์” แบรนด์ยีนส์สัญชาติอเมริกัน เดินหน้าสานต่อแคมเปญเพื่อสังคมครั้งยิ่งใหญ่ “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์ (Wrangler Give a Life) กล้าทำในสิ่งที่ดี ปี 5” แคมเปญที่รณรงค์ให้คนไทยร่วมทำความดีด้วยวิธีง่ายๆ โดยในปีนี้แรงเลอร์ได้เชิญชวนให้คนไทยร่วมทำความดี ช่วยเหลือผู้ป่วยด้านสายตาด้วยการสมทบทุนซื้อเสื้อยืดสกรีนลายดีไซน์พิเศษ เพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้กับโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปใช้ในกิจการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบปัญหาทางการมองเห็นในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ภายในงานยังมีศิลปินมากความสามารถอย่าง “แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” พร้อมด้วย ปุ๊กลุ๊ก – ฝนทิพย์ วัชรตระกูล เดี่ยว – สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล และเหล่าเซเลบริตี้ระดับแถวหน้า ตบเท้าเข้ามาร่วมทำความดีกันอย่างคับคั่ง ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายวิสิฐ ผรณาปิติ ผู้อำนวยการอาวุโส เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า “แคมเปญ “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์ กล้าทำในสิ่งที่ดี” ได้ดำเนินมาสู่ปีที่ 5 แล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แรงเลอร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อแนวคิดของแคมเปญคือ การรณรงค์ให้คนไทยกล้าทำในสิ่งที่ดี โดยเริ่มจากวิธีง่ายๆ ด้วย “การให้” เพื่อคืนสิ่งดีๆ กลับสู่สังคม สำหรับในปีนี้ แรงเลอร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับ “ดวงตา” ซึ่งเป็นอวัยวะเล็กๆ ของร่างกาย แต่มีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างมากมาย หากสูญเสียการมองเห็นย่อมก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางร่างกาย จิตใจ และหากมีปัญหาโรคตาในถิ่นทุรกันดาร ขาดแคลนจักษุแพทย์ หรือมีปัญหาด้านการเดินทางและปัญหาด้านการเงิน ก็จะยิ่งทำให้พวกเขาขาดโอกาสในการรักษาอย่างถูกวิธีและรวดเร็วทันท่วงทีได้”

“จากแนวคิดดังกล่าว แรงเลอร์จึงอยากเชิญชวนคนไทยร่วมทำความดีไปพร้อมกัน ด้วยการร่วมบริจาคเงินซื้อเสื้อยืดสกรีนลายดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “รูปดวงตา” ซึ่งรายได้แบบไม่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด แรงเลอร์จะส่งมอบให้กับ “โครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” เพื่อนำไปใช้ในกิจการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบปัญหาทางการมองเห็นในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นการหยิบยื่นโอกาสในการมองเห็นให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสายตาได้อย่างมาก” นายวิสิฐ กล่าว

พญ. อุไรวัลย์  ตินนังวัฒนะ ประธานหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม กล่าวว่า “โครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2538 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายบริการทางการแพทย์เฉพาะทางตาให้กับผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการให้บริการตรวจ วินิจฉัย ให้คำแนะนำอย่างถูกวิธี ตลอดจนการผ่าตัดทั้งต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ และการเปลี่ยนเลนส์ตา รวมไปถึงการดูแลหลังการผ่าตัดและติดตามผลการรักษา และยังเพื่อเป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงให้ครอบคลุมมากขึ้น ทางโครงการฯ ยังได้จัดทำโครงงานคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ลงพื้นที่ไปยัง   ถิ่นทุรกันดารผ่านรถจักษุคลินิกที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบครัน เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการผ่าตัดให้เป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ที่โครงการฯ ได้ดำเนินกิจการมาอย่างต่อเนื่อง และได้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ป่วยกว่า 10,000 รายต่อปี”

“อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีผู้ประสบปัญหาในการมองเห็นที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และอยู่ห่างไกลบริการทางการแพทย์กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ในพื้นที่ทุรกันดารอีกจำนวนมาก ซึ่งบุคคลเหล่านี้กำลังรอคอยความช่วยเหลือทางการแพทย์ ในขณะที่บุคลากรและทรัพยากรที่ทางโครงการฯ มีอยู่อย่างจำกัด จึงไม่อาจสามารถกระจายความช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง ฉะนั้นธารน้ำใจเพียงเล็กน้อยของจิตอาสาผู้กล้า ผ่านการบริจาคทุกบาททุกสตางค์ในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานของโครงการฯ ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่การช่วยเหลือได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งยังผลไปสู่การคืนการมองเห็นให้กับผู้ป่วยอีกหลายราย ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขอีกครั้ง” พญ. อุไรวัลย์ กล่าว

แสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข กล่าวว่า “ดวงตา” เป็นอวัยวะสำคัญที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งของทุกคน หากวันใดที่การมองเห็นของเราเลือนรางลง วันนั้นก็คงจะเป็นวันที่เราดำเนินชีวิตได้อย่างยากลำบากเป็นอย่างมาก ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าวันนี้คุณจะสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมทำความดีผ่านการบริจาคเงินซื้อเสื้อยืดดีไซน์พิเศษเพื่อนำเงินไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางการมองเห็นต่อไป เพียงเท่านี้คุณก็ได้ร่วมคืนสิ่งดีๆ กลับสู่สังคมแล้วครับ”

มาร่วม “กล้าทำในสิ่งที่ดี” ด้วยการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสายตาในถิ่นทุรกันดาร ในแคมเปญ “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์ กล้าทำในสิ่งที่ดี ปี 5” ง่ายๆ เพียงซื้อสินค้าครบ 2,200 บาท และร่วมบริจาคเงินอีก 200 บาท ที่เคาน์เตอร์และช็อปแรงเลอร์ทุกสาขา รับเสื้อยืด “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์” สกรีนดีไซน์สุดพิเศษ มูลค่า 790 บาท ฟรีทันที! ตั้งแต่วันที่ 15สิงหาคม – 15 ตุลาคม 2557 และพิเศษ! สำหรับเหล่าผู้กล้าสาวกแรงเลอร์ตัวจริง เพียงท่านมาร่วมแสดงความกล้าด้วยการบริจาคเงินเพียง 200 บาท ในกิจกรรมโร้ดโชว์จากแรงเลอร์ ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 3สิงหาคม โรบินสัน เชียงใหม่ ในวันที่ 10 สิงหาคม และเดอะมอลล์ โคราช ในวันที่ 28 กันยายน รับเสื้อยืด “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์” ฟรีทันทีอีกเช่นกัน ซึ่งรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย แรงเลอร์จะนำไปส่งมอบให้แก่โครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปใช้ในกิจการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบปัญหาทางการมองเห็นในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.wranglerthailand.com หรือ Facebook: WranglerThailandFanpage

ยูนิโคล่ ผู้นำตลาดเสื้อผ้าและแฟชั่นระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น เฉลิมฉลองการดำเนินธุรกิจในเมืองไทยเป็นปีที่สาม โดยเตรียมเปิดสาขาใหม่อีกสามแห่งตลอดครึ่งปีหลัง พร้อมแต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ใหม่ “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” และ “เบลล่า-ราณี แคมเปน” เพื่อสร้างเสริมการรับรู้ของแบรนด์ยิ่งขึ้น

ทาคาชิโร นิชิมูระ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ยูนิโคล่ ประเทศไทย กล่าวว่า “นับจากการเปิดสาขาแรกในปี พ.ศ. 2554 ยูนิโคล่ได้นำเสนอสินค้าคุณภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคไทยมาโดยตลอด สำหรับยูนิโคล่ ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญและมีศักยภาพสูง ที่เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในระยะยาว ดังนั้นยูนิโคล่จึงเดินหน้าเปิดสาขาอีกสามแห่งในเขตกรุงเทพและต่างจังหวัดตลอดครึ่งปีหลัง เพื่อนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลายและคุ้มค่า คุ้มราคา ตลอดจนตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”

พร้อมกันนี้ ยูนิโคล่ได้แต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ใหม่ “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” และ “เบลล่า-ราณี แคมเปน” เพื่อสร้างเสริมการรับรู้ของแบรนด์ “เรามั่นใจว่าแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ใหม่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของยูนิโคล่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้แก่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฏาคมนี้เป็นต้นไป ยูนิโคล่ได้เตรียมกิจกรรมทางการตลาดมากมายร่วมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองครบรอบสามปีของยูนิโคล่ประเทศไทยในเดือนกันยายนนี้”

สำหรับยูนิโคล่สาขาใหม่ที่จะเปิดได้แก่ ซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ในเดือนกรกฏาคม เซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายาในเดือนสิงหาคม และเซ็นทรัล เฟสติวัล สุราษฎร์ธานีในเดือนตุลาคม 2557

ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และ ลีวายส์® นำสาวกเสื้อผ้าวินเทจร่วมเดินทางย้อนเวลาไปยังต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคตื่นทองกับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ยีนส์อเมริกันอันล้ำค่า Levi’s^® Vintage Clothing (LVC) และสินค้ารุ่นพรีเมี่ยม Levi’s^® Made and Crafted (LMC) ที่ออกแบบตัดเย็บด้วยกรรมวิธีพิเศษอย่างพิถีพิถัน มาให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ร้านลีวายส์® สาขาโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพฯ

Levi’s^® Vintage Clothing (LVC)

ลีวายส์® คัดสรรกางเกงยีนส์ยอดฮิตสุดเก๋าจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 124 ปีของลีวายส์® 501® มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่เคยทำเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในแบบย้อนยุคให้เหมือนเก่าทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยคุณภาพการผลิตและเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยลีวายส์® เลือกหยิบกางเกงยีนส์ 501® ในตำนานที่ผลิตในช่วงยุคสมัยคริสตศักราชต่างๆ มาผลิตใหม่ทั้งสิ้น 10 รุ่นคริสตศักราช

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1890 เป็นปีแรกที่ลีวายส์®ใช้ตัวเลข “501” เป็นรหัสรุ่นของกางเกงยีนส์ โดยในยุคนั้นตัวเลข “5” จะถูกใช้เป็นรหัสนำหน้าของสินค้าลีวายส์® ที่ผลิตจากวัสดุที่ดีที่สุด

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1922 เพิ่มรูร้อยเข็มขัดตรงขอบกางเกงยีนส์ครั้งแรก แต่ยังคงมีกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) และสายปรับกระชับ (Back buckle belt)

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1933 เป็นรุ่นสุดท้ายที่มีสายปรับประชับ (back buckle belt) และกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) จุดสำคัญที่สุดของรุ่นนี้ คือ ป้ายสีขาวเล็กๆ พิมพ์รูปนกอินทรีสีฟ้าและตัวอักษร  “NRA” (National Recovery Act) ที่อยู่บริเวณป้ายหนัง นอกจากนี้ป้าย Guarantee Ticket ได้ถูกเปลี่ยนจากคำว่า ‘This is a pair of them’ เป็น ‘This is a pair of Levi’s®’  ทรงกระบอกใหญ่ ขาตรง

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1937 มีการเย็บป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) เข้ากับกระเป๋าหลังด้านขวาของกางเกงเป็นครั้งแรกเพื่อสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นให้แบรนด์ลีวายส์® และซ่อนหมุดย้ำโลหะในการเย็บกระเป๋าหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนเวลานั่ง

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1944 (World War II) ในสถานการณ์ขาดแคลนในสภาวะสงคราม ลีวายส์® ต้องตัดการตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยได้ตัดหมุดย้ำโลหะตรงเป้าด้านหน้าและสายปรับกระชับ  (back buckle belt) ออก เส้นโค้งปีกนกบนกระเป๋าหลังถูกใช้วิธีการเพ้นท์สีแทนการเย็บด้วยเส้นด้าย กระดุมหน้าแบบโดนัท และกระดุมด้านบนเป็นรูปช่อมะกอก

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1947 เป็นแม่แบบของกางเกงยีนส์ 501® ในปัจจุบัน ด้วยการตัดเย็บที่มีรูปทรงแบบสลิมเข้ารูปยิ่งขึ้น ใช้การเดินเส้นด้ายตรงกระเป๋าหลังแบบโค้งปีกนกด้วยจักรเป็นเส้นคู่ และเป็นช่วงที่คนยุคใหม่เริ่มหันมาใส่ยีนส์

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1954 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ใช้ซิปที่เป้ากางเกง และป้ายหนังมีการพิมพ์รหัส “501Z”

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1955 เริ่มใช้ป้ายปะเก็นกระดาษแบบยุคปัจจุบันครั้งแรก โดยเป็นช่วงที่มีการใช้คำว่า Jeans แทนคำว่า Overall

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1966 เริ่มใช้ Bar Tack แทนการตอกหมุดโลหะบนกระเป๋าหลังด้วยตะขอยึด เนื่องจากเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน หมุดโลหะมักจะทะลุเนื้อผ้ายีนส์ออกมา และนี่เป็นช่วงปลายของการใช้ Big E บนป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) ส่วนกระเป๋าหลังโค้งคู่ปีกนกมีความโค้งน้อยกว่าปกติ

กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1978 มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโลโก้สัญลักษณ์ลีวายส์® บนป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) จาก LEVI’S® เป็น Levi’s® ทำให้เกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ของความเป็น ‘Big E’ และ ‘Little e’

พิเศษกับคอลเลคชั่น LVC ออเร้นแท็ป (Orange Tab) รุ่นปี 1960  ที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในสหรัฐฯ เป็นการใช้ป้ายออเร้นแท็ป (Orange Tab) บ่งบอกสัญลักษณ์ลีวายส์® แทนการใช้ป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) สำหรับไอเท็มต่างๆ ทั้งกางเกงยีนส์เข้ารูป เสื้อสวมหัว เสื้อยืด เสื้อเชิ้ตเดนิม และเสื้อแจ็คเก็ตเดนิม ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ถือเป็นการปฏิวัติยีนส์คลาสสิคอเมริกันสู่ยุคเจเนเรชั่นใหม่ ทุกวันนี้ ออเร้นแท็ป (Orange Tab) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคเสรีอันแสนจะเรียบง่าย

Levi’s® Made and Crafted (LMC)

เมื่อ 141 ปีที่แล้ว นายลีวายส์ สเตร้าส์ ได้คิดค้นกางเกงยีนส์เฉดสีครามเข้มที่พลิกโฉมการแต่งตัวของชาวอเมริกาและคนทั่วโลกไปตลอดกาลมาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ลีวายส์® ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับวงการยีนส์ ทั้งเทคนิคการฟอก งานฝีมือตัดเย็บที่พิถีพิถันที่ต้องอาศัยความชำนาญในการทอและเลือกสรรวัสดุที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เพื่อให้ Levi’s® Made and Crafted (LMC) กลายเป็นไอเท็มดีไซน์สุดล้ำที่จะมาสร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ในอนาคต อีกทั้งให้ความรู้สึกในการสวมใส่ที่เบาสบายยิ่งขึ้น ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อแจ็คเก็ต กระโปรง ชุดเดรส กางเกงยีนส์ และกางเกงสกินนี่ เป็นต้น

ผ้าเดนิมสีฟ้าครามยังคงเป็นตัวเอกดังเดิมด้วยการนำผ้าเดนิมสีครามจากแหล่งที่ดีที่สุดของโลก มาตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีตให้คุณได้สัมผัสถึงความนุ่มนวล นอกจากนี้ ในแต่ละซีซั่น ลีวายส์® ร่วมกับโรงทอผ้าที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอิตาลี่ ค้นคว้าและพัฒนาผ้าเดนิมคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ตลอดจนวัสดุอย่างหนังแว็กซ์มือจากอิตาลี่ ผ้าขนสัตว์และผ้าไหมที่ถักทอกับฝ้ายและวูลล์เพื่อผืนผ้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม พร้อมให้ความรู้สึกบางเบาสวมใส่สบายยิ่งขึ้น

เสื้อผ้าทุกชิ้นตัดเย็บด้วยกรรมวิธีที่ดีที่สุด นอกจากความประณีตพิถีพิถัน ยังต้องอาศัยความชำนาญของช่าง ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เสื้อผ้าบางชิ้นอาศัยระยะเวลาในการตัดเย็บกว่า 2-3 วัน แม้กระทั่งดีเทลการตัดเย็บด้านในก็สวยงามเหมือนด้านนอกอย่างไม่มีที่ติ เช่นการตัดเย็บเสื้อเชิ้ตด้วยมือโดยเทคนิคการเดินเข็มเดียวอย่างประณีตพร้อมเก็บรายละเอียดด้านในอย่างเรียบร้อย

การคัดสรรวัสดุสุดพิเศษเพื่อสัมผัสที่เหนือกว่า เช่น กระดุมผ้าฝ้ายอัด กระดุมกระดูก และกระดุมไม้ ใช้สีย้อมผ้าสีฟ้าครามและสีอื่นๆ จากธรรมชาติ ตลอดจนการปักลายปีกนกบนด้านหลังกระเป๋าซึ่งจะค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นเวลาสวมใส่ ถือเป็นซิกเนเจอร์ที่จะรู้ทันทีว่านี่คือลีวายส์®

เพื่อต้อนรับลีวายส์® รุ่น LVC และ LMC สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย ลีวายส์® นำไอเท็มระดับตำนานมาให้ทุกคนได้สัมผัส คือ เสื้อทักซิโด้ในตำนาน ‘Crosby Tuxedo’ อันมีประวัติยาวนานที่ได้ปฏิวัติการสวมใส่ยีนส์ในปี 1951 จากเรื่องราวของ บิง ครอสบี้ (Bing Crosby) ศิลปินผู้โด่งดังของอเมริกา ที่ไม่สามารถใส่ยีนส์เข้าโรงแรมได้ จนในที่สุดลีวายส์® ได้พัฒนารูปแบบทำให้เขาสามารถสวมใส่ยีนส์ตัวเก่งก้าวเข้าสู่โรงแรมได้อย่างภาคภูมิและนั่นคือตำนานความเป็นมาของเสื้อทักซิโด้ ‘Crosby Tuxedo’ นั่นเอง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.levisthailand.com

กลับมาอีกครั้งกับเวทีการประกวดเสื้อยืดยูทีระดับโลก ยูนิโคล่ กรังด์ปรีซ์ 2015 (UNIQLO Grand Prix 2015) กับธีม “สตาร์ วอร์ส” เพื่อตอบรับการกลับมาของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 7 (Star Wars Episode VII) ในปี 2015 สำหรับสุดยอดลายกราฟฟิคที่ได้รับรางวัล ยูนิโคล่จะนำไปผลิตเป็นเสื้อยืดยูทีในคอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2015 และวางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่ใน 16 ประเทศทั่วโลก

สำหรับผู้ชนะอันดับหนึ่งจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 320,000 บาท) และรองอันดับหนึ่งจะได้รับรางวัล 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,000 บาท) และผู้ชนะทั้งสองจะได้รับรางวัลสุดพิเศษเพิ่มเติมกับทริปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของลูคัสฟิล์ม ณ กรุงซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีรางวัลรองชนะเลิศอันดับสองเป็นเงินสดมูลค่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,000 บาท)

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าประกวด สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฏาคม – 31 สิงหาคม 2557 ผ่านทางเว็บไซด์ ยูนิโคล่ กรังด์ปรีซ์ 2015 http://www.uniqlo.com/utgp/2015/th

ยูนิโคล่ กรังด์ปรีซ์ เป็นกิจกรรมระดับโลกเพื่อเฟ้นหาสุดยอดลายกราฟฟิคสำหรับเสื้อยืดยูที โดยได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 สำหรับธีมการประกวดที่ผ่านมาได้แก่ ธีมศิลปินระดับโลกที่รวบรวม 6 ซุปเปอร์สตาร์อย่างมาดอนน่า (Madonna) และคิส (KISS) ในปี 2556 ธีมโคคา-โคล่าในปี 2555 และธีมมิกกี้เม้าส์และมินนี่เม้าส์ในปี 2554