Cryptocurrency – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 10 Jul 2024 04:03:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่มีอะไรปลอดภัย! ครึ่งปีแรก ‘เงินดิจิทัล’ ถูกแฮกเกอร์โจรกรรมรวมกว่า 1.38 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 2 เท่า https://positioningmag.com/1481998 Tue, 09 Jul 2024 10:43:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481998 อย่างที่รู้ ๆ กันว่ามิจฉาชีพเดี๋ยวนี้เก่งมาก ๆ พร้อมจะใช้เทคโนโลยีและเล่ห์กลสารพัดเพื่อดูดเงินของเรา และแม้แต่ คริปโตเคอร์เรนซี หรือ เงินดิจิทัล ก็ไม่รอด เพราะแค่ช่วงครึ่งปีแรก ก็มีเงินดิจิทัลถูกขโมยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

รายงานจากบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน TRM Labs เปิดเผยว่า มีการขโมยคริปโตฯ มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 24 มิถุนายน ซึ่ง มากขึ้นกว่าสองเท่า ของจำนวน 657 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไปในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวสังเกตว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉลี่ยสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยสูงขึ้น

เช่นเดียวกับปีที่แล้ว การโจมตีครั้งใหญ่เพียงไม่กี่ครั้งส่งผลให้การขโมยคริปโตเพิ่มขึ้น โดย แฮกเกอร์ 5 อันดับแรก คิดเป็น 70% ของจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเวกเตอร์การโจมตีอันดับต้น ๆ ในปี 2024 ได้แก่ Private key และ Seed Phrase ซึ่งเป็นลำดับคำแบบสุ่มที่จัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึงหรือกู้คืน Crypto Wallet

โดยการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้คือการ ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ จากเว็บแลกเปลี่ยนคริปโต DMM Bitcoin ของญี่ปุ่น โดยแฮกเกอร์ใช้ Private key ที่ขโมยมาหรือ การปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าเงิน (address poisoning) โดยผู้โจมตีจะส่งสกุลเงินดิจิทัลจำนวนเล็กน้อยจากกระเป๋าเงินที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบที่อยู่ของคุณหรือผู้รับของคุณโดยมีจุดประสงค์เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ส่งเงินไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่ถูกต้อง

TRM Labs กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานใด ๆ ในระบบรักษาความปลอดภัยของระบบนิเวศคริปโตที่อาจส่งผลให้มูลค่าการขโมยเพิ่มขึ้น โดยระบุว่าจำนวนการโจมตีและเวกเตอร์การโจมตี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี

ทั้งนี้ บริษัท Crypto มักตกเป็นเป้าหมายของการแฮกและการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Mt.Gox ยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2014 หลังจากถูกแฮกหลายครั้งจนขโมย Bitcoin ไปได้ถึง 950,000 Bitcoin ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบัน

หรือในเดือนพฤศจิกายนมีการขโมยเงินไปประมาณ 115 ล้านเหรียญ จากการแลกเปลี่ยน HTX และ Heco Chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโต 2 แห่งที่เชื่อมโยงกับ Justin Sun ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง

Source

]]>
1481998
ประเมินขาขึ้น ‘คริปโต’ คาดปีนี้มูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โตขึ้น 2 เท่า! https://positioningmag.com/1469425 Mon, 08 Apr 2024 06:31:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469425 ถือเป็นปีที่ตลาด คริปโตเคอเรนซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล กลับมาขาขึ้นอีกครั้ง เฉพาะแค่ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด ได้ทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ขึ้นไปทะลุ 73,000 ดอลลาร์/BTC ไปเมื่อช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการประเมินว่าปีนี้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จะโตขึ้น 2 เท่า

Brad Garlinghouse CEO จาก Ripple ประเมินว่า มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น สองเท่า หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากมูลค่า ณ วันที่ 4 เมษายน ที่ตลาดคมีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการมาถึงของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETFs) แห่งแรกของสหรัฐฯ

Bitcoin ETF กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบิตคอยน์ ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พวกเขาซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอนุญาตให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้รับความเสี่ยงจาก บิตคอยน์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง

ปัจจุบัน บิตคอยน์คิดเป็นประมาณ 49% ของตลาดคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 เมษายน ซึ่งนับจากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า +140% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 73,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อีกปัจจัยที่ Garlinghouse มองว่าจะผลักดันตลาดคริปโตฯ ไปสู่จุดสูงสุดใหม่คือความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมด้านกฎระเบียบเชิงบวกในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างมองในแง่ดีว่า ฝ่ายบริหารครั้งต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“ฉันคิดว่าเราจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่อเมริกากลับไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม ปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก”

นอกจากนี้ Marshall Beard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gemini บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ของสหรัฐฯ คาดว่า ราคาบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ดอลลาร์ ในปลายปีนี้ เนื่องจากครบรอบ บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือการที่รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง 

Source

]]>
1469425
พิษเศรษฐกิจและ FTX ล่มสลาย Crypto.com ต้องปลดพนักงานถึง 20% เพื่อลดต้นทุน https://positioningmag.com/1415494 Sun, 15 Jan 2023 18:40:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415494 แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชื่อดังอย่าง Crypto.com ต้องปลดพนักงานมากกว่า 2,000 ราย คิดเป็นสัดส่วน 20% ของบริษัท โดย CEO ของบริษัทได้กล่าวถึงสาเหตุสำคัญนั้นมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ขณะเดียวกันยังรวมถึงกรณีของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่อย่าง FTX ที่ล้มละลายได้สร้างผลกระทบต่อแวดวงคริปโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับ Crypto.com การปลดพนักงานครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้ปลดพนักงานไป 250 ราย คิดเป็นสัดส่วน 5% ของพนักงานทั้งหมดเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา โดยพนักงานที่ค้นพบว่าตัวเองโดนปลดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจะไม่สามารถเข้าถึงระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตดังกล่าวได้

Kris Marszalek ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวถึงการปลดพนักงานจำนวนมากครั้งนี้ว่า บริษัทได้เติบโตอย่างทะเยอทะยานเมื่อต้นปี 2022 นั้นได้สร้างจากแรงผลักดันที่น่าทึ่งและสอดคล้องกับอุตสาหกรรมในวงกว้าง อย่างไรก็ดีเส้นทางนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยการบรรจบกันของการพัฒนาทางเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวว่าการล่มสลายของ FTX ยังทำลายความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมอย่างมาก และมองว่าการปลดพนักงานครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่ง แต่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในระยะยาว

ไม่เพียงแค่ Crypto.com ที่ปลดพนักงาน แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่าง Huobi ก็ได้มีการปลดพนักงานมากถึง 20% รวมถึง Genesis บริษัทที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายคริปโตให้กับนักลงทุนรายใหญ่เองก็ต้องปลดพนักงานถึง 30% หลังจากตลาดคริปโตไม่เป็นใจในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าราคาของ Bitcoin จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงกี่วันไม่ผ่านมาก็ตาม

ที่มา – Fox Business, TechCrunch

]]>
1415494
ตลาดคริปโตร่วงยกแผง! หลัง ‘Binance’ ยกเลิกแผนซื้อกิจการ ‘FTX’ https://positioningmag.com/1407617 Thu, 10 Nov 2022 02:59:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1407617 ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตฯ มีความผันผวนอย่างมาก เนื่องจาก Binance ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด ได้ประกาศว่าจะซื้อกิจการของ FTX คู่แข่งทางธุรกิจที่กำลังประสบวิกฤตใกล้ล่มสลาย

ล่าสุด Binance ได้ประกาศว่าได้ ยกเลิกแผนการซื้อ FTX ของ Sam Bankman-Fried เพื่อหวังว่าจะเข้าไปช่วยเพิ่มสภาพคล่อง แต่หลังจากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะและรายงานล่าสุดเกี่ยวกับปัญหา ซึ่งพบว่ามันเกินกว่าที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขได้

จากการล้มดีลดังกล่าว ส่งผลให้ราคาเหรียญร่วงยกแผง โดยจากข้อมูลของ CoinMarketCap ระบุว่า มูลค่าตลาดของคริปโตลดลงมากกว่า 15% ภายในเวลา 24 ชั่วโมง สู่ระดับ 8.6 แสนล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ โดยเหรียญดัง ๆ อย่าง Bitcoin ลดลง 12% เหลือเพียง 16,000 ดอลลาร์ ซึ่งแตะระดับต่ำสุดที่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ในขณะเดียวกัน Ether ร่วงลง 14% สู่ 1,128.87 ดอลลาร์

Changpeng Zhao หรือ CZ ซีอีโอของ Binance ประกาศผ่าน Twitter ว่า แพลตฟอร์มของเขากำลังขายโทเคน FTX ทั้งหมดในบัญชีของตน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยกับการล่มสลายของ Terra ส่งผลให้ราคาเหรียญ FTX ดิ่งลงทันทีกว่า 10% รวมถึงการแห่ถอนเงินออกจากเว็บเทรด FTX จากนั้น มูลค่าของเหรียญ FTT ร่วงลงอีก 63% ในวันพุธ (9 พ.ย.) ที่ผ่านมา หลังจากที่มูลค่าร่วงลงมากกว่า 75% เมื่อวันก่อน

จนในที่สุด Binance ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงที่ไม่มีผลผูกพันสำหรับการเข้าซื้อกิจการของ FTX แต่สุดท้าย ดีลดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น

Source

]]>
1407617
มูลค่า ‘Dogecoin’ พุ่ง 35% เด้งรับ ‘อีลอน มัสก์’ ปิดดีล ‘Twitter’ https://positioningmag.com/1405888 Fri, 28 Oct 2022 06:51:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405888 หนึ่งในเหรียญที่ ‘อีลอน มัสก์’ ให้การสนับสนุนจน ‘Dogecoin’ กลายเป็นที่รู้จัก ล่าสุด มูลค่าของเหรียญมีมดังกล่าวก็เด้งรับการที่มัสก์ปิดดีล Twitter ได้สำเร็จ ทำให้เหรียญดังกล่าวติดท็อป 20 สกุลเงินดิจิทัลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสัปดาห์เลยทีเดียว

Dogecoin ถือกำเนิดในปี 2013 พร้อมกับถูกนิยามว่าเป็น ‘เหรียญมีม’ และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโดย อีลอน มัสก์ หลังจากที่เขาเคยระบุว่า สามารถใช้เหรียญ Dogecoin ซื้อของที่ระลึกของ Tesla ได้ นอกจากนี้ เขายังเคยทวิตในช่วงเดือนเมษายนที่เขากำลังจะเข้าซื้อ Twitter โดยระบุว่า จะใช้ Dogecoin เป็นวิธีการชำระเงินสำหรับบริการสมัครสมาชิกของ Twitter

โดยหลังจากที่ อีลอน มัสก์ ได้เพิ่มการระบุตัวตนบนโปรไฟล์ทวิตเตอร์ว่า Chief of Twit ส่งผลให้มูลค่าของ Dogecoin เพิ่มขึ้นทันที 10% ในช่วง 24 ชั่วโมง และนับตั้งแต่วันจันทร์ มูลค่าของเหรียญเพิ่มขึ้น 35% ที่น่าสนใจคือ Jane Manchun Wong บล็อกเกอร์ด้านเทคโนโลยี ได้ทวีตว่า “Twitter กำลังทำ ต้นแบบกระเป๋าสตางค์ ที่รองรับการฝากและถอนเงินคริปโต แต่ยังไม่รู้ว่าสกุลเงินดิจิทัลชนิดใดจะรองรับ หรือเครือข่ายใด”

ที่ผ่านมา ทวิตของมัสก์ที่พูดถึง Dogecoin มักจะทำให้มูลค่าของมันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และโพสต์เหล่านี้ยังช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนรายย่อยอีกด้วย และนอกจากมัสก์แล้ว ยังมีเซเลปอีกหลายคนที่สนับสนุน Dogecoin อาทิ Mark Cuban เจ้าของ Dallas Mavericks , Snoop Dogg และมือเบส Kiss Gene Simmons

Source

]]>
1405888
ความสนใจลงทุน ‘คริปโต’ ของคน ‘มิลเลนเนียล’ ลดเหลือ 30% หลังราคาผันผวนหนัก https://positioningmag.com/1402857 Mon, 03 Oct 2022 05:36:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402857 ก็ดูไม่น่แปลกใจหากพิจารณาจากข่าวที่ร้าย ๆ ในวงการคริปโต รวมไปถึงมูลค่าที่ดิ่งฮวบ ๆ ลงจะทำให้ นักลงทุน เริ่มที่จะลดความสนใจในการลงทุนกับคริปโต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ Bankrate ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกไม่สบายใจหากต้องลงทุนในคริปโต

จากผลสำรวจของ Bankrate ในเดือนกันยายนพบว่า ความนิยมของ คริปโตเคอร์เรนซี ของนักลงทุนชาวอเมริกันกำลังลดลง โดยในปี 2022 มีชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จากปีที่ผ่านมาที่มี 35% ขณะที่กลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียล (อายุ 26-41 ปี) ก็ลดลงจาก 50% เหลือ 30% เท่านั้น ที่สบายใจในการลงทุนในคริปโต ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในทุกเจน

การลดลงนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าสูงสุดของตลาดคริปโตที่เคยมีมูลเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงพฤศจิกายนปี 2021 ปัจจุบันนี้เหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

“มูลค่าของสกุลเงินดัง ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดตลอดกาล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสนใจของเหรียญจะหายไป ยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” James Royal ผู้อำนวยการที่ Bankrate กล่าว

ในขั้นต้น ความสนใจของนักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากในคริปโตนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความรู้สึก อยากถูกลอตเตอรี่ หรือการที่จะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างรวดเร็ว แม้ว่านักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังซื้อ แต่พวกเขาเห็นราคาที่ขึ้นและพวกเขาต้องการเข้าไป

วิธีเดียวที่คุณสามารถสร้างรายได้จากมันคือ การขายให้กับคนที่มองโลกในแง่ดีหรือโง่มากกว่าคุณ ด้วยเหตุผลนี้ คริปโตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเงินในสกุลเงินดิจิทัล หากทำใจไม่ได้ที่จะขาดทุน เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลกำไร

อย่างไรก็ตาม หากว่ากำลังค้นหาการลงทุนที่ได้กำไรน้อยลง แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้บนพื้นฐานความเป็น กองทุนดัชนี S&P 500 ถือเป็นอีกตัวเลือก เพราะหากซื้อเป็นประจำ แล้วถือต่อไปอย่างเหนียวแน่น มีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่ง อย่างเช่นตัวอย่างของเศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมาก

“แน่นอนว่าบางคนถูกลอตเตอรี่ แต่ความมั่งคั่งถูกสร้างขึ้นได้เอง และสามารถไปถึงเป้าหมายได้สำหรับผู้ที่สามารถเป็นนักลงทุนที่มีวินัยได้”

Source

]]>
1402857
ตลาด ‘คริปโตฯ’ ร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่ ‘เทขาย’ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง https://positioningmag.com/1399334 Wed, 07 Sep 2022 11:20:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399334 หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ส่งผลให้ราคาของ ‘Bitcoin’ ร่วงลงเหลือต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดก็ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งกระดาน

Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 18,812.36 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 5% ตามข้อมูลของ CoinDesk Ether ซึ่งการซื้อขายของ Bitcoin นั้นจะสัมพันธ์กับหุ้น ดังนั้น หากหุ้นตกสกุลเงินดิจิทัลก็เช่นกัน ส่งผลให้เกิดการเทขายในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ปัจจุบัน Bitcoin ลดลงประมาณ 60% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68,990.90 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดคริปโตฯ จากที่เคยมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมูลค่าตลาดเหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับสาเหตุที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตก มาจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเป็นจำนวนรวม 2.25% และด้วยนโยบายที่เข้มงวด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

“การที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดตามที่เราเห็น แต่ถ้าค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง Bitcoin ก็จะกลับมาอีกครั้ง” Vijay Ayyar รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรและระดับนานาชาติที่การแลกเปลี่ยน crypto Luno กล่าว

]]>
1399334
ผลสำรวจชี้ 53% ของการขาย NFT นั้น ‘ขาดทุน’ และนักลงทุนเน้น ‘ถือระยะยาว’ มากขึ้น https://positioningmag.com/1396775 Thu, 18 Aug 2022 11:32:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396775 จากที่ปี 2021 ตลาด NFT มีมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตกว่า 21,000% จากปี 2020 ที่มีมูลค่าเพียง 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาแค่ 1 ปี ตลาด NFT ก็ร่วงตามตลาดคริปโตไปติด ๆ

จากการรายงานของ OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT รายใหญ่ระบุว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มูลค่าการขายผ่านแพลตฟอร์มลดลงเหลือ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเมื่อเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง 73%

ล่าสุด รายงานจาก Cointelegraph ระบุว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา นักลงทุนกว่า 53% ขาดทุนจากการซื้อ-ขาย NFT โดยสาเหตุมาจากราคาที่ร่วงอย่างแรงของ CyberKongz และ CyberKongzBabies ขณะที่ตลาด Blue-Chip หรือ คอลเลกชั่น NFT ที่มีความผันผวนน้อย และมีมูลค่าถึงหรือสูงกว่าระดับ 10 Ether ยังไม่ฟื้นตัว

ไม่ใช่มูลค่าที่ลดลงอย่างเดียว แต่จำนวนผู้ซื้อขายลดลงค่อนข้างมาก จากประมาณ 37,843 คนในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 10,571 คนเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ นักลงทุนที่เลือกจะถือครอง NFT แบบ ระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลชี้ว่า ในช่องเดือนมิถุนายนเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ถือระยะยาวของเพิ่มกว่า 500,000 คน ทำให้ตอนนี้มีมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

โดยหมวดหมู่ที่มีการถือครองแบบระยะยาวมากที่สุด คือ กลุ่ม PFP (proof of profile) เป็นหมวดที่คนถือมากสุดและมีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดถึง 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5 แสนล้านบาท ส่วน NFT ในกลุ่มของสะสม เกม และศิลปะ ที่เคยเป็นผู้นำตลาด แต่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 6.7 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น

Source

]]>
1396775
FTC พบ ยอดตุ๋นลงทุน ‘คริปโต’ ปี 64 เสียหายกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท วัย 25-40 ปี เสี่ยงโดนโกงสูง 3 เท่า https://positioningmag.com/1391841 Fri, 08 Jul 2022 06:27:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391841 แค่ตลาดคริปโตติดดอยก็ปวดใจแล้ว ยังต้องมาเจอกับ ‘มิจฉาชีพ’ ที่มาหลอกเอาเงินจากคริปโตอีก โดยจากรายงานของ Federal Trade Commission (FTC) พบว่า ทุก ๆ จำนวนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีเงินสูญหายประมาณ 4 ดอลลาร์ จากการฉ้อโกง ซึ่งมากกว่าวิธีการชำระเงินอื่น ๆ

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ FTC เปิดเผยว่า ในปี 2021 มีผู้ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกหลวงในตลาดคริปโตถึง 4.5 หมื่นราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดย 70% ใช้ Bitcoin เพื่อจ่ายให้กับมิจฉาชีพ ตามด้วยเหรียญสกุล Tether และ Ether ขณะที่ เหยื่อมักจะมีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินเนื่องจากการฉ้อโกงถึง สามเท่า

ขณะที่ เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ออกมาแจ้งความว่าสูญเสียเงินจากการหลอกลวงคริปโตในปี2021 ระบุว่า พวกเขาถูกหลอกผ่านโพสต์ออนไลน์หรือข้อความโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์มากกว่าครึ่งถูกเห็นบน Facebook หรือ Instagram

ทั้งนี้ การต้มตุ๋นหลอกลวงในตลาดคริปโตกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยอัตราการก่ออาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น 60 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 เนื่องจากนักต้มตุ๋นมีข้อได้เปรียบตรงที่ธนาคารจะไม่สามารถตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยได้เหมือนกับการเงินปกติ อีกทั้งระบบการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และนักลงทุนมือใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของคริปโต

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในซานดิเอโกได้ฟ้องร้องผู้ก่อตั้ง BitConnect เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับ โปรแกรมการให้กู้ยืมเงินของสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่าเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะนำผลตอบแทนที่สำคัญมาสู่นักลงทุนโดยการติดตามตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

หรืออย่างในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Mining Capital Coin ถูกฟ้องในข้อหา “เตรียมแผนฉ้อโกงการลงทุนทั่วโลกมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์” ซึ่งให้คำมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ โดยในทั้งสองกรณี นักต้มตุ๋นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่นักลงทุน แต่กลับเอาเงินใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลของพวกเขาเอง

ดังนั้น FTC เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนกับใครก็ตามที่สัญญาว่าจะ รับประกันผลตอบแทน

“ไม่มีการรับประกันว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะสร้างรายได้ การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือหากมีการขอให้ส่งคริปโตให้แทนการบอกรักกับคนที่เจอผ่านแอปหาคู่ นั่นถือเป็นการหลอกลวง” FTC กล่าว

Source

]]>
1391841
นักวิเคราะห์เตือน ‘Bitcoin’ อาจดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ หาก ‘ฟองสบู่คริปโตฯ’ แตก https://positioningmag.com/1389714 Wed, 22 Jun 2022 12:26:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389714 จากที่ ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) เคยทำสถิติสูงสุดที่ 6.9 หมื่นดอลลาร์ หรือว่า 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ราว ๆ 2 หมื่นดอลลาร์ หรือราว 7.2 แสนบาท ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2020 แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด แต่มีแนวโน้มจะดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์เลยทีเดียว

เอียน ฮาร์เน็ต ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนของบริษัท แอบโซลูท สตราเทจี รีเสิร์ช (Absolute Strategy Research) คาดว่า หาก ฟองสบู่ของคริปโตฯ แตก มูลค่าของ บิตคอยน์ อาจต่ำลงอีกมาก โดยมีแนวโน้มว่าอาจแตะที่ 1.3 หมื่นดอลลาร์ หรือลดลงเกือบ 40% จากระดับปัจจุบัน

“คนจะยังเทขายคริปโตฯ และขึ้นอยู่กับสภาพคล่องจริง ๆ โดยสิ่งที่เราพบคือ คริปโตฯไม่ใช่ทั้งสกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์ และแน่นอนว่ามันไม่มีมูลค่าอะไร”

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโตฯ ในอดีตแสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วง ขาลง โดยมูลค่าของบิตคอยน์มีแนวโน้มที่จะลดลงถึง 80% จากระดับสูงสุดตลอดกาล อย่างในปี 2018 สกุลเงินดิจิทัลร่วงลงเกือบ 3,000 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเกือบ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2017

และการลดลงดังกล่าวในปี 2022 จะพาบิตคอยน์ย้อนกลับไปที่มูลค่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ เนื่องจากบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ต้อง พึ่งพาสภาพคล่องในโลก เมื่อสภาพคล่องถูกระบายออก เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกพากันคุมเข้มนโยบายการเงิน และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บิตคอยน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับสินทรัพย์ในตลาดอื่น ๆ

“ช่วงที่โลกมีสภาพคล่องสูง Bitcoins จะเติบโตด้ดี เมื่อสภาพคล่องนั้นหายไป จะเห็นว่าตลาดกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรง”

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Fed ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ลังจากนั้นธนาคารกลางอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี บราซิล ไต้หวัน ฮ่องกง และอาร์เจนตินา ต่างก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับผลกระทบ มูลค่ารวมของคริปโตฯ ทั้งหมดลดลงมากกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed แต่ตลาดคริปโตฯ นั้นเริ่มระท่อนกระแท่นตั้งแต่การล่มสลายของ terraUSD เหรียญ stablecoin และเหรียญ Luna

]]>
1389714