Donki – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 09 Sep 2025 09:59:59 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ดองกิ’ ร้านที่ฉีกกฎวงการรีเทล กับเส้นทางธุรกิจใน ‘ไทย’ หลังปิดไป 2 สาขา https://positioningmag.com/1537326 Tue, 09 Sep 2025 08:41:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1537326 ‘ดองกิ’ ร้านที่แจ้งเกิดจากการฉีกกฎวงการรีเทล กับเส้นทางการดำเนินธุรกิจใน ‘ไทย’ และการปักหมุดเปิดตลาดกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกครั้งแรกที่สาขาล่าสุด ‘เซ็นทรัล เวสต์เกต’ หลังจากปิดไป 2 สาขา

 

‘ดองกิโฮเต้’ (Don Quijote) หรือหลายคนเรียกติดปากว่า ‘ดองกิ’ (Donki) เป็นร้านดิสเคาน์สโตร์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่แจ้งเกิดและประสบความสำเร็จได้จากการกล้าฉีกกฎวงการค้าปลีก ซึ่งนอกจากจะมีเสน่ห์ในเรื่องสินค้าราคาถูก มีความหลากหลายทั้งประเภทและจำนวนแล้ว กลยุทธ์สำคัญ ก็คือ เปิดให้บริการดึกกว่าห้างปกติทั่วไป และบางสาขาให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

 

โดยร้านแห่งนี้ได้เข้ามาปักหมุดธุรกิจในประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 ด้วยการเปิดสาขาแรกในชื่อ Donki Mall Thonglor และวันนี้ได้ใช้วันฤกษ์ดี ‘วันที่ 9 เดือน 9’ เปิดสาขาล่าสุด ณ ‘เซ็นทรัล เวสต์เกต’ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการปักหมุดเพื่อเปิดตลาดกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก และเป็นสาขาแรกที่ดองกิมีความร่วมมือกับ ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)’

สำหรับ ดองกิ สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต มีพื้นที่ประมาณ 1,100 ตร.ม. แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนอาหารสด โซนอาหารแห้ง และ โซนของใช้ในชีวิตประจำวัน

 

หากดูขนาดพื้นที่แล้ว สาขาแห่งนี้ถือเป็นสาขา ‘ขนาดเล็ก’ เมื่อเทียบกับสาขาใจกลางเมือง แต่ได้มีการจัดสรรพื้นที่และคัดเลือกรายการสินค้ามาอย่างครบถ้วนตรงความต้องการของคนนนทบุรี ตามกลยุทธ์หลักของดองกิที่พยายามคัดสรรสินค้าให้ตอบโจทย์คนในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น

 

และอย่าลืมว่า เซ็นทรัล เวสต์เกต ถูกวางเป็น ‘ซุปเปอร์รีจินอล มอลล์ แห่งเอเชีย’ และเป็นสาขาเรือธงของเซ็นทรัลในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก ดังนั้น ความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ในวงการรีเทลต้องมีอะไรน่าสนใจ

 

ยกตัวอย่างเช่น ดองกิสาขานี้ จะเป็นครั้งแรกที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ ‘อร่อย น่ารัก สนุกสนาน’ เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ร่วม เช่น การจัดโซนจำหน่ายซูชิหลากหลายหน้าและเค้กสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Self-pick ในช่วงเสาร์อาทิตย์

รวมถึงนำเสนอสินค้าที่ผสมผสานกับวิถีชาวไทยเข้ากับความเป็นญี่ปุ่น อาทิเช่น เมนูข้าวกระเพราะเนื้อปลาไหลญี่ปุ่น เป็นต้น

ร้านที่ฉีกกฎวงการค้าปลีก

 

สำหรับจุดเริ่มต้นของดองกิ เกิดขึ้นในปี 2523 จากผู้ก่อตั้งอย่าง ‘ทาคาโอะ ยาสุดะ’ (Takao Yasuda) เปิดร้านขายของเล็ก ๆ ในย่านโตเกียวขายสินค้าหลากหลายตั้งแต่ของกิน ของใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงของชำในชื่อ Dorobou Ichiba และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thieves Market หรือ ‘ร้านหัวขโมย’ สื่อให้เห็นว่า ‘ร้านนี้ขายของถูกเหมือนไปขโมยมา’

 

ช่วงแรกร้านแห่งนี้เปิดปิดตามเวลาปกติของร้านค้าทั่วไป แต่ในช่วงดึกของค่ำคืนหนึ่งระหว่างทาคาโอะ ยาสุดะกำลังเติมสต๊อกสินค้าช่วงร้านปิด มีลูกค้าเดินมาถามว่า “ร้านยังเปิดให้บริการอยู่หรือไม่?” และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้เขาเห็นโอกาสทางธุรกิจว่า ‘ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนคนก็ยังต้องการซื้อของอยู่’ จึงขยายเวลาเปิดร้านจนถึงหลังเที่ยงคืน

 

จากนั้นเขาได้เปลี่ยนชื่อร้านมาเป็นดองกิ ซึ่งนอกจาก ‘ราคาถูก’ แล้ว เสน่ห์ของที่นี้ คือ การมีสินค้าให้เลือกมากมายและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค , เครื่องเขียน , สินค้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า แบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องกีฬา ของเล่น ของกินที่มีทั้งขนม อาหารสด และอาหารแช่แข็ง ฯลฯ รวมถึงพยายามเปิดให้บริการดึกกว่าห้างอื่นๆ และบางสาขาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง

ด้วยการวางจุดยืนชัดเจนและมีกลยุทธ์ที่ฉีกกฎวงการรีเทล ทำให้ดองกิเติบโตและกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านรีเทลของญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสาขารวมมากกว่า 667 สาขาในญี่ปุ่น และในอีก 6 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง และไทย ฯลฯ

 

สำหรับในบ้านเรา การเข้าทำธุรกิจของดองกิ เริ่มต้นในปี 2562 จากการลงทุนร่วมกันระหว่าง ‘แพน แปซิฟิค รีเทล แมเนจเมนท์ (สิงคโปร์) จำกัด’ บริษัทลูกของ ‘แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งคอร์ป’ เจ้าของดองกิ กับผู้ร่วมลงทุนไทยอย่าง ‘บริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด’

 

ต่อมาในปี 2563 ได้ ‘บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)’ เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทในไทยจาก ‘บริษัท ดองกิ ทองหล่อ จำกัด’ เป็น ‘บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด’

 

เดิมทีการขยายธุรกิจในไทย ดองกิวางเป้าหมายระยะ 5 ปี หรือภายในสิ้นปี 2568 จะมีสาขาครบ  20 สาขา แต่เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 บวกกับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมาย และต้องปรับกลยุทธ์หันมาเปิดสาขาในขนาดเล็กลง

 

รวมถึง ‘ปิดสาขา’ ที่มียอดขายไม่เป็นไปตามคาดหวัง เช่น ‘ดองกิ สาขา The Market Bangkok ราชประสงค์’ ที่ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2565 หลังจากเปิดให้บริการตั้งแต่ 31 มี.ค. 2563 และ ‘ดองกิ สาขาเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ’ ซึ่งเป็นการเปิดตลาดในโซนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 และปิดตัวไปเมื่อ 12 พ.ค. 2568

 

ปัจจุบันดองกิมีสาขาในไทย 8 สาขา โดยเซ็นทรัล เวสต์เกต คือ สาขาล่าสุด เปิดบริการ 10.00 – 22.00 น. ส่วนสาขาอื่น ประกอบด้วย

 

สาขาทองหล่อ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง

สาขาธนิยะ สีลม เปิดบริการ 24 ชั่วโมง

สาขา MBK Center เปิดบริการ 24 ชั่วโมง

สาขาซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เปิด 9.00 – 21.30 น.

สาขา เจพาร์ค ศรีราชา เปิด 8:00 – 23:00 น.

สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ เปิด 10.00 – 21.00 น.

สาขาซีคอน บางแค เปิด 09.00-00.00 น.

 

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า

 

ปี 2564 ทำรายได้ 1,067 ล้านบาท ขาดทุน 113 ล้านบาท

ปี 2565 ทำรายได้ 1,614.8 ล้านบาท กำไร 2.6 ล้านบาท

ปี 2566 ทำรายได้ 2,119 ล้านบาท ขาดทุน 53.17 ล้านบาท

ปี 2567 ทำรายได้ 2,171.7 ล้านบาท กำไร 21.7 ล้านบาท

 

สำหรับดองกิแล้ว ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพและยังต้องการลงทุนในระยะยาว หนึ่งในนั้นคือ การเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต และจากนี้เราจะได้เห็นการขยายสาขาของดองกิอย่างต่อเนื่องในอนาคต

]]>
1537326
สำรวจพื้นที่สาขา 2 “ดอง ดอง ดองกิ” ยึดทำเล The Market ราชประสงค์ เปิดไตรมาสแรกปี 63 https://positioningmag.com/1245914 Tue, 10 Sep 2019 09:59:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1245914 หลังเชนดิสเคาน์สโตร์ ดองกิ โฮเต้ (Don Quijote) ที่นักช้อปไทยรู้จักดีในนามดองกิค้าปลีกดังจากญี่ปุ่น เข้ามาประเดิมเปิดสาขาแรกในไทย ที่ศูนย์การค้าดองกิ มอลล์ ทองหล่อ (Donki Mall Thonglor) ย่านทองหล่อ ซอย 10 หรือ เอกมัยซอย 5 เมื่อเดือน .. 2562 ผ่านมาครึ่งปีก็ได้ฤกษ์ประกาศทำเลสาขา 2 คราวนี้ยึดใจกลางเมืองย่านราชประสงค์

ล่าสุด สุรชัย โชติจุฬางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT ผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์ค้าส่งและค้าปลีกเพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจโรงแรม และ ซาโตชิ มะจิดะ ประธาน บริษัท ดองกิ ทองหล่อ จำกัด กลุ่มบริษัท แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ คอร์ปอเรชั่น ได้ลงนามสัญญา เตรียมเปิด “ดอง ดอง ดองกิ” สาขาที่ 2 ในประเทศไทย บนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร บริเวณ ชั้น 1 ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ คาดว่าจะเปิดบริการในไตรมาส 1 ปี 2563

เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ บริหารงานโดย บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่ตั้งอยู่ย่านราชประสงค์ขนาดพื้นที่ 21 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคาร ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ มีมูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท อาคารสำนักงาน

สำหรับพื้นที่ ชั้น 1 ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ “ดอง ดอง ดองกิ” สาขาที่ 2 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่าง ที่มีการกั้นห้องเป็นร้านค้าไว้แล้ว ซึ่งจะปรับพื้นที่ใหม่เป็นห้างสรรพสินค้าราคาประหยัด “ดอง ดอง ดองกิ” จำหน่ายทั้งอาหารสดหลากหลายประเภท เช่น ผลไม้ ผัก ปลา เนื้อสัตว์ อาหารในครัวเรือน รวมถึงของใช้ประจำวันอื่นๆ

]]>
1245914
“Donki” เตรียมเขย่าค้าปลีกอเมริกัน ตั้งเป้าสยายปีก 100 สาขาชน e-commerce https://positioningmag.com/1243796 Sat, 24 Aug 2019 09:57:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1243796 บริษัทแม่ Don Quijote หรือ Donki แบรนด์ค้าปลีกสินค้าลดราคาสัญชาติญี่ปุ่นมั่นใจพร้อมบุกตลาดสหรัฐฯครั้งใหญ่ วางเป้าหมายเพิ่มจำนวนร้านเป็น 100 สาขาจากที่มีอยู่ 38 สาขาในระยะยาว ลุยพัฒนารูปแบบค้าปลีกแนวใหม่ดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่นให้มากขึ้น ยกระดับสร้างจุดต่างจากธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปที่มีอยู่แล้วในตลาด 

ความมั่นใจใน Don Quijote มาจากบริษัทแม่ Pan Pacific International Holdings (PPIH) ที่ระบุว่ากำลังพัฒนารูปแบบค้าปลีกใหม่ให้โดนใจคนอเมริกัน เป้าหมายคือการดึงดูดผู้บริโภคคนพื้นที่ด้วยจุดยืนที่แตกต่างจากธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตซึ่งปัจจุบัน PPIH ให้บริการอยู่แล้วผ่าน Marukai ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตที่ PPIH นำร่องให้สหรัฐอเมริกามาก่อนหน้านี้

Koji Ohara ซีอีโอ PPIH ยอมรับว่าความที่ Marukai มีภาพเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ตลาดมีความจำกัดในการขยายตัว เพื่อทลายข้อจำกัดและเดินหน้าขยายตลาดในสหรัฐอเมริกาให้โดดเด่น PPIH จะพัฒนารูปแบบร้านค้าใหม่ที่จะมีธีมหลักเหมือนร้าน Don Quijote การโกยสินค้าหลากหลายมาโชว์จนเหมือนลูกค้าเดินอยู่ท่ามกลางป่าที่น่าค้นหานั้นจะเป็นอาวุธที่บริษัทเชื่อว่าสามารถต้านแรงกดดันจากอีคอมเมิร์ซในแดนลุงแซมได้

สินค้าแน่นสีสันจัดเต็ม

Ohara ผู้ที่จะขึ้นเป็นประธาน Pan Pacific Retail Management บริษัทลูกในสหรัฐอเมริกาของ PPIH อธิบายว่าที่ตัดสินใจเลือกธีมร้าน Donki มาเปิดตลาดอเมริกันเป็นเพราะชื่อเสียงเรื่องการแสดงสินค้าแนว jungle ซึ่งเน้นเครื่องแน่นบนความวุ่นวายหลากหลายอัดแน่นในพื้นที่ร้านขนาดเล็ก ทำให้การเดินช็อปปิ้งใน Donki ให้อารมณ์ที่ต่างจากร้านทั่วไปแถมยังมีโซนส่วนลด และการโฆษณา จุดขายที่มีสีสันจดจำได้ง่าย

การเปลี่ยนไปหาสไตล์ Donki นี้แสดงว่า PPIH ต้องการปรับกลยุทธ์ธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการขยายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านการซื้อกิจการร้านค้าปลีกในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2006 โดย Ohara จะพ้นตำแหน่ง CEO ในเดือนกันยายนนี้เพื่อหันมารับผิดชอบในตลาดสหรัฐอเมริกาเต็มตัว บนเป้าหมายเพิ่มร้านค้าจาก 38 สาขาในปัจจุบันเป็น 100 สาขาในอนาคต

ปัจจุบัน ร้านค้าในสหรัฐฯ ที่ PPIH มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ส่วนร้านค้า Don Quijote มีจำนวน 3 แห่งในฮาวาย ซึ่งขณะนี้ใช้วิธีขยายประเภทสินค้าให้หลากหลายขึ้นในแต่ละสาขา

เน้นเจาะตลาดคนเอเชียในสหรัฐฯ

แม้จะยืนยันว่าหวังเจาะตลาดคนพื้นที่ แต่นักวิเคราะห์มองว่า PPIH ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยพึ่งพาลูกค้าชาวญี่ปุ่นและเอเชียสัญชาติอื่นในท้องถิ่น ทำให้การเติบโตมีความจำกัดและไม่ดึงให้ PPIH เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

ความน่าสนใจคือ Ohara ย้ำว่า Donki เป็นผู้ค้าปลีกรายเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถรับมือกับยุคดิจิทัล โดยที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้ค้าปลีกรายใดที่สามารถแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ได้ บริษัทจึงตั้งเป้าเปิด Donki สาขาใหม่โดยเน้นเติมในพื้นที่ว่างที่ร้านค้าปลีกอื่นปิดตัวลง

รายงานระบุว่า ธุรกิจของ PPIH ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การดูแลของผู้ก่อตั้ง PPIH และผู้อำนวยการ Takao Yasuda ซึ่งประจำอยู่ที่สิงคโปร์ ขณะที่ผู้สืบทอดตำแหน่ง CEO แทน Ohara คือ Naoki Yoshida โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนปรับโครงสร้าง PPIH ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า.

Source

]]>
1243796