Educatio – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 15 Mar 2005 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ครูพันธุ์ใหม่เพื่อ Brand Relationship https://positioningmag.com/7204 Tue, 15 Mar 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7204

มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีด้วยสไตล์การสอนแบบเอนเตอร์เทน หรือที่เรียกว่า Edutainer ของสถาบันภาษาเอ็นคอนเซ็ปท์ อี แอคเคเดมี่ ซึ่งต้นตำรับอย่าง ครูแนน-อริสรา ธนาปกิจ ต้องรับบทหนักเพราะมีความต้องการเรียนกับครูแนนมากจนล้นห้อง

แม้นักเรียนส่วนหนึ่งยอมรับการเรียนกับวิดีโอ ซึ่งเอ็นคอนเซ็ปท์ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการบันทึกเทปด้วยกล้อง 360 องศา ทำให้ภาพชัดเจนและได้บรรยากาศเสมือนจริงมากกว่าการถ่ายทำด้วยกล้องธรรมดา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีนักเรียนอีกกลุ่มที่ต้องการเรียนกับครูแบบสอนสดและเป็นแบบห้องเล็ก เพื่อมีโอกาสโต้ตอบกับครูผู้สอนให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ล่าสุดเอ็นคอนเซ็ปท์จึงรีครูต Edutainer รุ่นใหม่เข้ามาเสริมทีม เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ครบด้าน

ธเนศ เอื้ออภิธร ผู้อำนวยการ สถาบันภาษาเอ็นคอนเซ็ปท์ อี แอคเคเดมี่ กล่าวว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการไทย และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกันคือนักเรียนมัธยมและนักศึกษา ความสำเร็จทางการตลาดของโรงเรียนกวดวิชาอยู่ที่ความเชื่อมั่นในตัวผู้สอน ความสำเร็จของนักเรียนที่จบออกไป และการบอกต่อ ส่วนรูปแบบการเรียนนั้นโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นห้องเรียนจากวิดีโอคล้ายกัน

“ถามความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครองเองแล้ว ได้คำตอบว่าการตัดสินใจเรียน มาจากชื่อเสียงเป็นหลัก แต่ก็มีบางส่วนที่คิดว่าวิดีโออาจไม่เพียงพอ การรีครูตเอ็ดดูเทนเนอร์ใหม่จึงเข้ามารองรับการเพิ่มสัดส่วนห้องเรียนแบบสอนสดที่เราจัดให้มีคอร์สกว่า 50% ของคอร์สเรียนทั้งหมด เพื่อมาเติมเต็มกลยุทธ์การสร้างเอกลักษณ์ Friendship ของโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดต่างของเราจากที่อื่น เป็นส่วนหนึ่งของ CRM กับนักเรียน จุดหมายไม่ใช่การขาย แต่เป็นการสร้าง Value” ธเนศกล่าว

แผนขยายงานของ Enconcept ในปี 2548

1. เปิดโรงเรียนสอนภาษาสำหรับเด็กเล็ก ภายใต้แบรนด์ใหม่ เน้นการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ กระตุ้นแรงจูงใจและทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้ภาษาที่สอง เป็นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเมื่อเด็กโตขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 3
2. สร้างอาคารสาขาอนุสาวรีย์ บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS พื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2549 ซึ่งจะทำให้สาขานี้กลายเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุด จากปัจจุบันสาขาที่สยามสแควร์รองรับจำนวนนักเรียนมากสุด ปริมาณนักเรียนต่อสาขาประมาณ 2,000 ที่นั่ง/ปี

Website

www.enconcept.com

]]>
7204
แผนดีมีรางวัล https://positioningmag.com/7205 Tue, 15 Mar 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7205

เมื่อปีที่แล้วนักศึกษาหลักสูตร MIM คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ไปคว้ารางวัลมาจากเวที Moot Corp ถึง 2 รางวัล คือ ทีม Nutri-Loc อุตสาหกรรมถนอมอาหาร ซึ่งได้รางวัลที่ 3 จากแข่งขัน Moot Corp เวทีระดับโลกที่มหาวิทยาลัย Texas at Austin เป็นเจ้าภาพ และอีกทีมคือ คุณนายสะอาด ธุรกิจรีไซเคิล ที่ไปคว้ารางวัลที่ 1 จากเวที Asia Moot Corp จัดโดยมหาวิทยาลัยฮาวาย

ผลแห่งความสำเร็จอันนี้มีนัยสำคัญต่อ Brand Recognition ของธรรมศาสตร์อย่างยิ่ง ในภาวะที่หลักสูตรปริญญาโทด้านธุรกิจในเมืองไทย แข่งขันกันสูง และยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ รศ.ดร.นริศ ไชยสูตร อธิการบดีคนปัจจุบันที่วางแผนให้ มธ. ยุคนี้ ก้าวสู่ยุคแห่งความเป็นนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรีหรือบัณฑิตศึกษาก็ตาม

ในปีนี้ มธ. จึงกล้าทุ่ม รับเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Asia Moot Corp โดยในฐานะเจ้าภาพ ก็ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งเงินรางวัล (มีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 1.3 ล้านบาท) และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินงาน ทั้งในการแข่งขันและการจัดสัมมนาย่อยก่อนวันประกาศผล โดยมี 4 องค์กร คือ ธนาคารกรุงเทพ กระดาษดั๊บเบิ้ลเอ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ให้การสนับสนุนหลักเป็นเงินรายละ 1 ล้านบาท

แม้จะเหนื่อยยาก แต่งานนี้จะเป็นแรงส่งให้หลักสูตรบริหารธุรกิจของ มธ. ขึ้นทำเนียบสถาบันชั้นนำระดับเอเชียทันที ซึ่งยุทธศาสตร์นี้ดูจะเป็นทิศทางที่ถูกต้องในยุคการแข่งขันเสรีของธุรกิจการศึกษาเช่นปัจจุบัน ที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่นต้องแข่งขันกับมหาวิทยาลัยต่างชาติที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งในตลาดให้ได้ การสร้าง Recognition ในตลาดต่างชาติ ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดหลักสูตรอินเตอร์เท่านั้น การสร้าง value ของสถาบันก็ยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมคลายไม่ว่าจะชนชาติไหนก็ตาม

Profile

ความเป็นมาของการประกวดแผนธุรกิจ Moot Corp เริ่มโดยบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจของมหาวิทยาลัย Texas at Austin เมื่อปี 2527 ที่ต้องการกระตุ้นการเปิดธุรกิจใหม่ และพัฒนาหลักสูตรการศึกษาด้านธุรกิจ การแข่งขันจัดขึ้นทุกเดือนพฤษภาคมของทุกปี มีทีมนักศึกษาจากหลักสูตรธุรกิจของมหาวิทยาลัยทั่วโลกเข้าร่วม เพื่อชิงตำแหน่ง Global Champion รับเงินรางวัลสูงสุด 150,000 เหรียญสหรัฐ

การประกวด Asia Moot Corp ครั้งแรกจัดขึ้นโดย Chinese University of Hongkong เมื่อปี 2541-2544 และต่อมาในปี 2545-2547 มี University of Hawaii at Manoa เป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 โดยเจ้าภาพคือคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มประกวดแผนธุรกิจในวันที่ 15-17 มีนาคม 2548

อีกส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้ที่น่าสนใจ คือ Opening Enterpreneurial Forum : Meet Asia Shakers and Mover ในวันที่ 15 มีนาคม 2548 เป็นการเชิญนักลงทุนที่สนใจใน Venture Capital Fund ซึ่งมีความเสี่ยงสูง แต่ให้ผลตอบแทนสูง มาบรรยายในฐานะของนักลงทุน และมีเจ้าของแผนธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการเสนอขาย มาเปิดเผยเคล็ดลับ

โครงการประกวดแผนธุรกิจใหม่แห่งชาติ (Moot Biz)
นอกเหนือจาก Asia Moot Corp ยังมีโครงการประกวดแผนธุรกิจใหม่แหงชาติ (Moot Biz) ซึ่งจัดโดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นการแข่งขันประกวดแผนธุรกิจที่นำเสนอเป็นภาษาไทย สำหรับนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาโท สรุปจำนวนทีมที่เข้าร่วมประกวด มีกว่า 35 ทีมจาก 12 สถาบันทั่วประเทศ

การตัดสินรอบสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 8-9 เมษายน 2548 ทีมที่ชนะนอกจากจะได้รับรางวัลพระราชทานและเงิน 1 แสนบาทแล้ว ทาง สสว.ซึ่งมีเงินกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital Fund) ก็จะพิจารณาร่วมลงทุนในโครงการของแผนที่ชนะเลิศ หรือเข้ารอบสุดท้าย และผลักดันให้เกิดเป็นธุรกิจจริงต่อไป รวมทั้งส่งเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ด้วย

Website

http://www.mootbiz.com
http://www.asiamootcorp.org

]]>
7205
Lifestyle Learning Center https://positioningmag.com/7047 Tue, 18 Jan 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7047

ปลายเดือนพฤศจิกายน 2547 มีการแถลงข่าวเปิดตัวอุทยานการเรียนรู้ Thailand Knowledge Park ที่จะเปิดบริการบนชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ซึ่ง ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานโครงการ บอกว่า ตั้งเป้าให้เป็นสวนสนุกทางปัญญาของเยาวชน

แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพียงการเร่งสร้างผลงานก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 นี้ แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าแนวคิดนี้ไม่มีอะไรเสียหาย จากตัวอย่างของ Lifestyle Learning Center ที่มีแล้วในสิงคโปร์ หรือที่ George Pompiduo ประเทศฝรั่งเศส พิสูจน์ให้เห็นประโยชน์และผลพลอยได้ที่จะเกิดจากการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้นำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้

ณรงค์ศักดิ์ ตามสุนทรพานิช สถาปนิกและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ARCHIPLAN จำกัด ผู้ออกแบบตกแต่งอุทยานการเรียนรู้ และร่วมศึกษาจัดทำแผนแม่บท เล่าให้ฟังว่า เนื้อที่ 1,096 ตร.ม. แห่งนี้จะเป็นเสมือนโครงการนำร่องเพื่อการศึกษาการใช้งาน และต่อยอดไปสู่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยในโครงการจริงที่คาดหวังไว้ว่าจะได้เนื้อที่ขนาดใหญ่ เช่น บริเวณอุเทนถวาย มาทำให้เต็มรูปแบบอย่างที่ได้ไปศึกษาดูงานมาจากต่างประเทศ ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า อุทยานการเรียนรู้ต้นแบบ ที่จะเปิดบริการจริงในวันที่ 20 มกราคมนี้ จะกลายเป็น Lifestyle Learning Center ของเมืองไทย ที่เทรนดี้สุดๆ ไม่ไปไม่ได้แล้ว และเป็นแหล่งรวมตัวของเด็กแนวทั้งหลาย ทั้งกลุ่มรักการอ่าน รักการร้องเต้นเล่นละคร หรือกลุ่มนักทำหนัง ตั้งแต่วัยมัธยมไปจนถึงมหาวิทยาลัย ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายกันไว้หรือไม่

Did you know?

George Pompidou Center

ในปี พ.ศ. 2520 อาคารชื่อ จอร์จ ปอมปิดู เซ็นเตอร์ ถือกำเนิดขึ้นจากความใฝ่ฝันของประธานาธิบดี จอร์จ ปอมปิดู เมื่อปี ค.ศ.1969 ที่ต้องการให้ปารีสมี “ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่เป็นทั้ง พิพิธภัณฑ์ และศูนย์สร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ ที่ซึ่งดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือและสื่อเรียนรู้ มาอยู่รวมกันและเป็นที่ซึ่งประชาชนสามารถสัมผัส และรับรู้งานวัฒนธรรม และงานศิลปะทุกรูปแบบ”

ตัวเซ็นเตอร์มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ล้ำยุค “เปลือยโครงสร้าง” หรือ Inside Out จากความคิดของประธานาธิบดี จอร์จ ปอมปิดู ที่ต้องการจัดห้องสมุด อยู่เคียงข้างพิพิธภัณฑ์ ศูนย์วัฒนธรรมร่วมสมัย โรงภาพยนตร์ ศูนย์วิจัย ร้านอาหาร ลานกิจกรรมอเนกประสงค์

ความสำเร็จของห้องสมุด จอร์จ ปอมปิดู มาจากการนำหนังสือ ไปอยู่ร่วมกับกิจกรรม ศิลปวัฒนธรรม ดนตรี และภาพยนตร์ และการผ่อนคลายระเบียบ เช่น การหยิบหนังสือจากชั้นได้เอง การพูดคุยในห้องสมุดได้ หรือเวลาเปิด-ปิดที่ยืดหยุ่น (โดยเปิดตั้งแต่ 12.00 – 22.00 น. วันธรรมดา และ 10.00-22.00 น.ในวันเสาร์และอาทิตย์) วันนี้ จอร์จ ปอมปิดู เซ็นเตอร์ กลายเป็น 1 ใน 10 ของสถานที่ที่นักท่องเที่ยวควรไป

Website

http://www.tkpark.or.th/
http://www.centrepompidou.fr/

]]>
7047
Bangkok Fashion Institute ศศินทร์ภาคแฟชั่น https://positioningmag.com/6692 Fri, 08 Oct 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=6692

เมื่อปี 2525 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเริ่มก่อตั้งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ ด้วยแรงผลักดันจากภาคธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บัญชา ล่ำซำ แห่งธนาคารกสิกรไทย และได้รับความสนับสนุนทั้งด้านการเงินและความร่วมมือจากหลายองค์กรที่บริจาคเงินให้รายละ 6 แสนบาท/ปี ส่วนด้านวิชาการก็มี Wharton และ Kellogg School of Management โรงเรียน MBA ชื่อดังมาเสริมทัพ ประกอบกับมีผู้นำที่มากด้วยบารมีอย่าง ศ.เติมศักดิ์ กฤษณามระ จึงทำให้ศศินทร์เป็นโมเดลแห่งความสำเร็จที่จุฬาฯ ใช้เป็นแบบอย่างเล็งผลเลิศในการแตกหน่อสถาบันต่อไป

ในปี 2547 แรงผลักดันจากภาคธุรกิจ ทำให้จุฬาฯ ต้องตั้งสถาบันขึ้นมาผลิตบุคลากรรองรับตลาดอีกครั้ง แต่คราวนี้ในมาดนักบริหารที่โฟกัสด้านธุรกิจสินค้าแฟชั่น ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่น จุฬาฯ ได้เงินก้นประเป๋า 263 ล้านบาท เพื่อเปิดสถาบันผลิตบุคลากรด้านแฟชั่น ซึ่งต้องเริ่มทำการภายในเดือนธันวาคม 2547 นี้ และหลังจาก 18 เดือน จะกลายเป็นสถาบันเอกชนเต็มตัวที่มีระบบบริหารจัดการของตัวเอง คล้ายศศินทร์

รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น ของจุฬาฯ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังทำสัญญาเช่าและเข้าปรับปรุงพื้นที่ที่จะตั้งสถาบันบนชั้น 20 สยามทาวเวอร์ คาดว่าจะพร้อมใช้งานได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะทำงานกำลังกำหนดรายละเอียด Module แต่ละหลักสูตร และจะเดินทางไปเจรจากับสถาบันแฟชั่นในต่างประเทศเพื่อความร่วมมือในการส่งอาจารย์มาสอน

“จะเลือกจับมือกับบางสถาบันที่มีชื่อเสียงแข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น ซึ่งอาจเป็น Central Saint Martins College of Art & Design ที่ London, FIT ที่ New York, Paris Fashion Institute หรือ Bunka Fashion Institute ที่โตเกียว โดยการบริหารจัดการจะใช้โมเดลเดียวกับการก่อตั้งศศินทร์ ซึ่งในช่วงแรกจะขอให้ภาคธุรกิจบริจาคเงินสนับสนุน และใช้เป็น Deposit เพื่อส่งบุคลากรมาเรียนได้ ขณะเดียวกันเราก็ประสานกระทรวงการคลัง ให้บริษัทสามารถนำใบเสร็จไปหักลดค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ 200% เป็น incentive ให้เขา”

โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการ Bangkok Fashion Institute ในราวเดือนพฤศจิกายน 2547 นี้ ซึ่งจะประกาศรายละเอียดหลักสูตร และเปิดรับสมัครในเดือนตุลาคม

โครงการนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นความหวังของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมเลยทีเดียว ถึงกับออกปากเตรียมจัดเวทีแสดงงานให้ที่ปักกิ่งในปีหน้า ทั้งที่สถาบันยังไม่เกิดอย่างเป็นรูปธรรม จุฬาฯ เองก็รู้ว่างานนี้อาจเป็นเผือกร้อน ถ้าปล่อยให้โต้โผในวงการแฟชั่นทั้งหลายต้องผิดหวัง จุฬาฯ อาจต้องตกที่นั่งลำบาก แต่ขณะเดียวกันจุฬาฯ เองก็มีความคาดหวังกับโครงการนี้เช่นกัน ว่าจะเป็น Business Unit ที่มีประสิทธิภาพ เหมือนเป็นศศินทร์ที่แปลงกายมาในภาคแฟชั่น

หลักสูตร :
Bangkok Fashion Institute จะแบ่งออกเป็น
1. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
2. อัญมณีและเครื่องประดับ
3. เครื่องหนัง
ผู้เรียน : เป้าหมายรับ 600 คน แยกเป็น ด้านออกแบบ 150 คน ด้านการบริหารจัดการ 240 คน ด้านการจัดการเทคโนโลยี 210 คน
รูปแบบการเรียน : เป็นโมดูลๆ ละ 4-6 สัปดาห์ คอร์สในช่วงแรกเปิด 2 แบบคือ ระยะสั้น 6 เดือน และระยาว 1 ปี อนาคตจะปรับเป็นหลักสูตรปริญญาโท (เรียน 8 โมดูล ซึ่งเท่ากับ 24 หน่วยกิต และทำวิทยานิพนธ์อีก 12 หน่วยกิต)
อาจารย์ผู้สอน : สถาบันฯ จะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาสอนเป็นรายโมดูลไป เช่น ด้านเครื่องหนัง อาจเชิญอาจารย์จาก Polimoda ประเทศอิตาลี ด้านการออกแบบเชิญอาจารย์จาก Central Saint Martins College of Art & Design ที่ London
ค่าเรียน : ประมาณการณ์ว่าจะใช้อัตราเดียวกับโรงเรียน MBA คือประมาณ 2-4 แสนบาท/ปี

]]>
6692
ถึงเวลาที่ใครๆ ก็ (เป็นนัก) บินได้ https://positioningmag.com/6693 Fri, 08 Oct 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=6693

นอกเหนือจากคุณสมบัติด้านสติปัญญา ร่างกายและจิตใจ ค่าใช้จ่ายการเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเป็นนักบิน ที่สูงถึง 1.765 ล้านบาท/คน ก็เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้ขาดบุคลากรด้านนี้ในตลาด สวนทางกับการเติบโตของธุรกิจสายการบินในประเทศที่นับวันเริ่มแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดสายการบินต้นทุนต่ำ (Low cost Airline) เช่น นกแอร์ และแอร์เอเชีย เข้ามาแข่งกับรายเดิมที่มีในตลาด คือ บางกอกแอร์ และการบินไทย

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับการที่รัฐบาลอนุมัติให้มีสายการบินต้นทุนต่ำขึ้น กระทรวงคมนาคมก็มีการประกาศนโยบายให้สถาบันการบินพลเรือน ทำโครงการ “นักบินและแอร์โฮสเตสเอื้ออาทร” ด้วยเหตุผลเพื่อสร้างโอกาสให้กับคนจำนวนมากที่ใฝ่ฝันอยากทำอาชีพนี้

ผลการคัดเลือกรุ่นที่ 1 จากผู้สมัครรวม 4,084 คน (ในจำนวนนี้ 32.5% มีผู้ได้รับทุนเรียนหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรี 10 ทุน เป็นทุนจากบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด 8 คน (ชาย 6 หญิง 2) เป็นทุนจากบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด 2 ทุน และมี 28 คนได้รับทุนหลักสูตรพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้ทุน (ค่าเรียนคนละ 60,000 บาท) รุ่นที่ 1 นี้จะเริ่มการอบรมในเดือนกันยายน 2547 ใช้เวลา 1 ปีสำหรับหลักสูตรนักบิน และ 3 เดือนสำหรับแอร์โฮสเตส และเมื่อจบหลักสูตรแล้วแต่ละคนต้องไปทำงานใช้ทุนให้กับสปอนเซอร์ของตน

นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จของโครงการ ที่วิน-วินกันทั้ง 3 ฝ่าย สถาบันฯมีลูกค้ามาเข้าเรียน สายการบินได้คนฝึกบุคลากรป้อน ตัวผู้สมัครก็สมหวังได้เรียนฟรีแถมมีอาชีพที่ใฝ่ฝัน คาดว่ารุ่น 2 ที่กำลังเปิดรับจะยิ่งมีใบสมัครมากขึ้นอีก

Did you know?

โครงการนักบินเอื้ออาทร ตั้งเป้าไว้ที่ 115 ทุน/ปี มีระยะเวลาดำเนินการถึงปี 2549 สำหรับการสมัครรุ่น 2 (ปี 2548) เริ่มรับสมัคร 1 กันยายน – 30 ธันวาคม 2547 ส่วนหลักสูตรแอร์โฮสเตส รุ่นที่ 2 เริ่มรับสมัคร 1 พฤศจิกายน-24 ธันวาคม 2547 การคัดเลือกพิจารณาเรียงความ การสัมภาษณ์ การตรวจร่างกายและจิตเวช ผู้สนใจรับใบสมัครได้ที่ โครงการนักบินเอื้ออาทร สถาบันการบินพลเรือน 1032/355 ถนนพหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2272-5741-4, 0-2272-4210-7 ต่อ 205, 261

Website

www.catc.or.th

]]>
6693
Young Science Ambassador https://positioningmag.com/6613 Thu, 02 Sep 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=6613

British Council ยังคงเดินแผนอย่างต่อเนื่องในการสร้าง Brand Awareness และ Brand Loyalty ด้านการศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ และการยอมรับประเทศอังกฤษในฐานะผู้นำนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ล่าสุดจับมือกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จัดแข่งขันรางวัลเยาวชนทูตวิทยาศาสตร์ เพื่อคัดเลือกตัวแทน 2 คนไปร่วมงาน London International Youth Science Forum ที่กรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2547

ตัวแทน 2 คนที่ได้รับรางวัลนี้คือ ภูวดล ธนเกียรติไกล อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปี 3 ภาควิชา Biomedical Science คณะวิทยาศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติ มหิดล และ พีร์ดา จิตนุยานนท์ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คัดเลือกจากผู้สมัครที่ส่งวิดีโอเข้ามาให้กรรมการพิจารณาจากการนำเสนอความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษใน 3 ประเด็นคำถาม คือ 1. สาเหตุที่เลือกเรียนวิทยาศาสตร์ 2. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีผลต่อชีวิตอย่างไร และ 3. ชอบนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนใดเพราะอะไร ซึ่งมี 21 คนที่ผ่านการพิจารณา ได้ไปเข้าค่ายร่วมกันที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เมื่อวันที่ 26-29 เมษายน 2547ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมา British Council ยังได้จัดเสวนา @ the Bar ในหัวข้อ The Successful of Scientist: Sense and Sensibility โดยเชิญ พญ. คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และดร. เอเดรียน ลินาเครอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสเตราทไคลด์ ประเทศอังกฤษ ที่เคยสร้างความฮือฮาเรื่องการพิสูจน์เงื่อนงำคดีฆาตกรรมนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ มาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานและการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ซึ่งนอกเหนือจากการจัดกิจกรรมด้านการศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์แล้ว british Council ยังมีแผนจะจัดกิจกรรมด้านกฎหมายด้วย โดยได้จัดโครงการ Young Thai IP Law Ambassador: Experience Ideas and Creativity in UK Law! โครงการทูตเยาวชนนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาไทย เปิดให้นักศึกษานิติศาสตร์ อายุไม่เกิน 25 ปี ส่งเรียงความภาษอังกฤษในหัวข้อ The Role of the IP Professional in a Competitive Economy ให้คณะกรรมการพิจารณาภายใน 31 สิงหาคม 2547 ก่อนที่จะคัดเลือก Young Thai IP Law Ambassador ไปศึกษาดูงานที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ในเดือนมีนาคม 2548

Website

www.britishcouncil.or.th

]]>
6613
130 ปี วัฒนา สู่วิทยาลัย https://positioningmag.com/7237 Sat, 31 Jul 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7237

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีนับเป็นผลพวงประการหนึ่งจากการที่คณะมิชชันนารีนิกาย Presbyterian จากอเมริกาได้เข้ามาสู่ประเทศสยามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โดยริเริ่มระบบการศึกษาสมัยใหม่ให้เด็กผู้หญิงมีโอกาสได้รับการศึกษาเท่าเทียมกับเด็กชาย

ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 เป็นวาระครบรอบ 130 ปีการก่อตั้ง ท่านผู้หญิง สุมาลี จาติกวณิช ศิษย์เก่าโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง – วัฒนา ในฐานะประธานจัดงานฉลอง 130 ปี ได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ตลอดปีการศึกษา 2547 อาทิ ละครเพลง The Sound of Music ซึ่งขอซื้อลิขสิทธิ์บทละครจากอังกฤษ มาจัดแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 18-25 กรกฎาคม 2547 งานกาลาดินเนอร์ ในวันที่ 4 กันยายน และ 25 ธันวาคม 2547 ละครเวทีการกุศล “ชีวิตวังหลัง-วัฒนา” ในวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2547 รวมไปถึงแรลลี่ในวันที่ 12-13 มีนาคม 2547 ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการฉลองอย่างยิ่งใหญ่กว่าโอกาสครบรอบปีที่ผ่านๆ มา

ความก้าวหน้าของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยนั้น ด้านการเรียนการสอนได้พัฒนามาเป็นระยะ โดยมี ดร.โสภา ชูพิกุลชัย ชปีลมันน์ ศิษย์เก่าและประธานกรรมการบริหารโรงเรียน ริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนกับโรงเรียน Niagara Christian Collegiate, Ontario ประเทศแคนาดา เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ปัจจุบันโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มีนักเรียนชั้นอนุบาล ประถมศึกษา เป็นแบบไป-กลับ และชั้นมัธยม ซึ่งเป็นแบบประจำ มีนักเรียน 1,030 คน ในอนาคตมีโครงการเปิดระดับวิทยาลัย (College) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามแนวคิดของท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์ เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งโรงเรียนมีที่ดินที่ได้รับบริจาค ที่ อ. ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมหลักสูตร สถานที่ และขออนุญาตจากสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย

Did you know?

13 พฤษภาคม พ.ศ. 2417 คือวันก่อตั้งโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (School for Girls) อย่างเป็นทางการ โดย Mrs. Harriet M. House ภรรยาของนายแพทย์ Sammuel R. House แพทย์ประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

นักเรียนรุ่นแรกมี 17 คน วิชาที่เปิดสอนในสมัยนั้น ได้แก่ คำนวณ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คัมภีร์ไบเบิ้ล การถักลูกไม้ มารยาทและการฝีมือ การตัดเสื้อผ้า และการเย็บผ้าด้วยจักร โดย Mrs. House มีแนวคิดว่าการให้สตรีได้มีวิชาความรู้ เป็นการยกสถานภาพสตรีให้เสมอภาคกับบุรุษ

เดิมโรงเรียนตั้งอยู่ที่ตำบลวังหลัง เมื่อเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นยุค Modernization บรรดาเชื้อพระวงศ์และเจ้านายจึงนิยมส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลังกันมาก Ms. Edna Sara Cole ผู้บริหารโรงเรียนในขณะนั้น จึงตัดสินใจซื้อที่ดิน 25 ไร่ บริเวณทุ่งบางกะปิ (ซึ่งปัจจุบันคือซอยสุขุมวิท 19) และได้รับบริจาคเพิ่มเติมจากพระอาจวิทยาคม รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ แล้วย้ายโรงเรียนมาเมื่อปี พ.ศ. 2463 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น วัฒนาวิทยาลัย

Website

www.wattana.ac.th

]]>
7237
เทรนด์เรียนที่ New Zealand https://positioningmag.com/7238 Sat, 31 Jul 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7238

เมื่อวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2547 สถานทูตนิวซีแลนด์ ได้จัดนิทรรศการการศึกษานิวซีแลนด์ ครั้งที่ 11 ขึ้นที่ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด โดยมี ร.ต.อ. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด ซึ่งปัจจุบัน ร.ต.อ. ปุระชัย มีบุตร 2 คนศึกษาระดับมัธยมอยู่ที่โรงเรียน Cashmere High School เมืองไครซ์เซิรส์

ในงานนี้มีสถาบันการศึกษาระดับต่างๆ จากนิวซีแลนด์มาร่วมออกบูธหลายแห่งด้วยกัน มีโรงเรียนมัธยม 28 แห่ง โรงเรียนภาษา 6 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษา 13 แห่ง ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ www.educationnz.org.nz ระบุจำนวน นักเรียนที่ถือวีซ่าและใบอนุญาต (permit) เมื่อเดือนมีนาคม 2547 มีนักเรียนไทยรวมทุกระดับชั้นเรียน 1,714 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนระดับมัธยม (year 9-15) ซึ่งมีจำนวน 605 คน ทั้งนี้ ตัวเลขล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2547 มีจำนวนนักเรียนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1,893 คน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจไปเรียนด้วย

ปิโยรจน์ งามวิไลกร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ-การศึกษา สำนักงานพาณิชย์นิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ให้ภาพรวมว่า ปัจจุบันแนวนิยมในการเรียนระดับอุดมศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ นอกเหนือจากการเรียนด้าน MBA และวิชาการด้านต่างๆ อาทิ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แล้ว ปัจจุบันเริ่มมีคนไทยไปเรียนหลักสูตรใหม่ๆ ที่เป็นความรู้เพื่อการประกอบธุรกิจด้วยตนเองมากขึ้น อาทิ Design, Culinary Art, Travel and Tourism, และ Aromatherapy School

Website

www.mynzed.com
www.nzte.govt.nz

]]>
7238
NWO Project ของ AIS https://positioningmag.com/7239 Sat, 31 Jul 2004 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=7239

ภายหลังเปิดตัวโครงการ New World Order (NWO) มาตั้งแต่เดือนเมษายน และได้รับความสนใจจากนักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมสมัครกว่า 4,000 คน ในการคัดเลือกรอบตัดสินเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา AIS ก็ได้นักศึกษา 4 คนมาเข้าโครงการฝึกงาน 1 ปี เพื่อสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ให้ธุรกิจ และร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กร อย่าง สมประสงค์ บุณยะชัย บุญคลี ปลั่งศิริ กฤษณัน งามผาติพงศ์ และคนอื่นๆ

แม้ปากจะบอกว่าโครงการนี้ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการตลาด แต่ กฤษณัน งามผาติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด AIS และหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า หลังการเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา นักศึกษาทั้ง 4 คนนี้ จะเข้ามามีส่วนร่วมในงานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือนำเสนอไอเดียในการทำตลาดการให้บริการต่างๆ ของ AIS ในอนาคต และจะมีประชุมร่วมกับผู้บริหารเป็นครั้งคราวด้วย

กระแสตอบรับของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ ทำให้ AIS มั่นใจว่ากำลังเดินมาถูกทาง และจะจัดโครงการนี้ต่อไปเป็นประจำทุกปี และอาจเพิ่มจำนวนผู้ที่จะมีโอกาสได้ฝึกงานกับ AIS มากขึ้นในอนาคต เป้าหมายส่วนหนึ่งของโครงการนี้ AIS คาดว่า ผลของการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้สัมผัสและเรียนรู้ประสบการณ์จริงในการทำงาน จะช่วยสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม เมื่อพวกเขาฝึกงานเสร็จแล้วกลับไปเรียนปี 4 ต่อ จะได้นำประสบการณ์ไปประยุกต์กับทฤษฎีในห้องเรียนให้เข้าใจชัดเจนขึ้น และเมื่อเรียนจบก็พร้อมทำงานในสนามธุรกิจจริงได้ทันที เรียกว่าสร้างฐานได้ทั้งด้าน marketing และ HR เลยทีเดียว

นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือก

1. นายวรพล เทศนา
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (International Program) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าของไอเดียทำรีสอร์ตบนดาวอังคาร และจัดทัวร์ชมดวงจันทร์และปล่องภูเขาไฟ

2. สิงหพงษ์ สุคันโธ
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอไอเดียทำธุรกิจจัดสรรที่ดิน เพื่อรองรับการขยายตัวของมนุษย์บนโลก

3. ปราโมทย์ ไทยเพชร์กุล
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหาร (โฆษณา) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เจ้าของบุคลิกแร็ปสเตอร์ ชนะใจกรรมการด้วยไอเดียทำรองเท้าขาย ใส่ท่องบนพื้นผิวดาวอังคาร เคลื่อนไหวอย่างอิสระในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ

4. อรณัฐ วงษ์ทองดี
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของไอเดียแปลกแหวกแนว โครงการความบันเทิง 3 มิติ เพื่ออนาคตของโลกใบใหม่ หรือ EMFON

Project : New World Order Project

Company: บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านการสื่อสาร ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ one-2-call, GSM1800, GSMAdvance, Mobilelife, และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

Official Launch : เปิดรับสมัครนักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือนเมษายน 2547 คัดเลือกโดยการสอบข้อเขียนเพื่อวัดไอคิว อีคิว และสัมภาษณ์ จนเหลือ 10 คน แข่งขันรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2547 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์

Positioning: ตอบสนอง และมองหาไอเดียของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นช่วงวัยเดียวกันกับกลุ่มลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์วันทูคอล เป็นกิจกรรมการตลาดเชิงสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่สามารถสร้าง Brand Awareness และ Brand Loyalty ได้ในขณะเดียวกัน

Target : วัยรุ่น กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ทุกเพศ ที่ชอบการแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ มีเป้าหมายในชีวิต ต้องการมีส่วนร่วมกับการทำงานของ AIS

Product Detail : นักศึกษาที่เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 10 คน เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้ว หากมายื่นใบสมัครที่ AIS จะได้รับพิจารณาเข้าทำงานทันที ส่วนนักศึกษา 4 คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไป ฝึกงานเป็นเวลา 1 ปี นับจาก 1 มิถุนายน 2547 เป็นต้นไป จะต้องดร็อปการเรียนไว้เพื่อมาทำงานเต็มเวลา โดยได้รับเงินเดือน 8,000 บาท มีห้องทำงานส่วนตัวบนชั้น 16 อาคารชินวัตร 1 มีหน้าที่นำเสนอไอเดีย สร้างสรรค์โครงการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตามแต่ได้รับมอบหมาย ทั้งโดยรูปแบบการทำงานเป็นทีม และการนำเสนอเดี่ยว และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยตรงกับผู้บริหารระดับสูงด้วย

]]>
7239