Films – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 01 Jul 2016 08:18:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป คว้ารางวัล Superbrands Thailand ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อน https://positioningmag.com/1096169 Fri, 01 Jul 2016 08:17:14 +0000 http://positioningmag.com/?p=1096169 วิชัย กุลธวัชชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล Superbrands Thailand 2016จาก ปรีชา แก่นพรหม ผู้อำนวยการ ซุปเปอร์แบรนด์ ประเทศไทย ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2008-2016 ตามเป้าหมายและนโยบายของ เมเจอร์   ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ซึ่งเป็นผู้นำในการสรรหาสุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาให้คุณสัมผัสก่อนใคร เพื่อคนรักหนังทุกคนจะได้เต็มอิ่มกับประสบการณ์บันเทิงเหนือความฝัน ตามสโลแกน“ร่วมสร้างฝันบันเทิงระดับโลก หรือSharing the world’s best entertainment dreamsโดยได้รับการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของซุปเปอร์แบรนด์ 3 ด้าน คือ คุณภาพของแบรนด์ (Brand Quality), ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค (Brand Affinity) และ เอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Personality)

 

]]>
1096169
“อยู่ที่เรา” มินิซีรี่ส์เรื่องแรกที่สร้างมาเพื่อชาวไบเกอร์ตัวจริง https://positioningmag.com/1091608 Fri, 13 May 2016 04:17:13 +0000 http://positioningmag.com/?p=1091608 ความสุขของการได้ควบสองล้อออกทริปเที่ยวต่างจังหวัด คือการได้สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติที่เรียงรายอยู่โดยรอบ สายลมที่พัดมาปะทะจากทางเบื้องหน้า เปรียบเสมือนระบบหล่อเย็นไหลเวียนสู่หัวใจ ให้ขับขี่ไปด้วยสุนทรียภาพทางอารมณ์อันเสรี อาจจะฟังดูโอหังปนอินดี้ แต่นี่ก็คือ “วิถีแห่งไบเกอร์” ที่คนขับรถยนต์ไม่น่าจะเข้าใจ

เทรนด์การขับขี่เพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ในวันว่างนี้ กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักขี่สองล้อบ้านเรา ไม่ว่าจะเดินทางแบบชิลชิลไปแวะชิมอาหารตามร้านดัง รึว่าจะออกทริปเป็นกลุ่มใหญ่ไปค้างแรมตามจังหวัดใกล้เคียง กำลังกลายเป็นกระแสที่สามารถพบเจอได้โดยง่าย ทั้งในท้องถนนและบนโลกโซเชียลมีเดีย

20160513-ym-02

เมื่อ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับมากความสามารถ มีความฝันอยากจะสร้างหนังแนว Road Trip ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจมาตั้งแต่วัยรุ่น จึงเป็นความบังเอิญที่ลงตัวกับยามาฮ่าที่ได้เปิดตัวYamaha M-SLAZ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยและได้รับความสนใจจากตลาดเป็นอย่างมาก

คุณบี๋-สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ได้เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของการร่วมงานกับคุณย้งและนาดาวเป็นครั้งแรกว่า “ตั้งแต่มีการเปิดตัวรถ Yahama M-SLAZ ที่งาน Motor Expo เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา M-SLAZ ได้รับการตอบรับที่เหนือความคาดหมาย โดยมียอดจองในงานเป็นอันดับ 1 ซึ่งเมื่อรวมกับยอดจองจากทั่วประเทศแล้ว ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก เนื่องจากรถมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ผู้ที่ขับขี่รถรุ่นนี้ก็จะมีคาแรกเตอร์เดียวกับรถคือเท่ๆ เป็นตัวของตัวเองสูง ต้องการความแตกต่างจากกรอบการใช้ชีวิตเดิมๆ

ดังนั้นยามาฮ่าจึงได้มาคิดกลยุทธ์เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่มนี้ ประจวบกับในช่วงนั้นที่คุณย้งได้มาเล่าให้ฟังถึงความต้องการสร้างมินิซีรี่ส์แบบ Road trip ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครต่างเพศต่างวัย ที่มีใจรักมอเตอร์ไซค์และการเดินทาง พวกเขาตั้งใจจะเดินทางออกทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ หวังเพียงแค่ได้ขี่รถเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนคอเดียวกัน แต่ที่สุดแล้ว ทุกๆ คนก็ได้ผ่านประสบการณ์ที่จะสอนให้ตัวเองเติบโต ได้เรียนรู้อะไรมากมาย พอยามาฮ่าได้ฟัง ทางเราก็มีความเห็นตรงกันว่านี่แหละใช่เลย เป็นสิ่งที่ตอกย้ำภาพคาแรกเตอร์และไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ Yamaha M-Slaz ได้ชัดเจนที่สุด ทำให้โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นมา

20160513-ym-03

 

20160513-ym-04

หลังจากที่มีการออกอากาศผ่านทาง LINE TV แล้วก็ได้รับผลการตอบรับที่ดีมาก ทั้ง 4 ตอน มียอดวิวรวมกันกว่า 16 ล้านวิว ทั้ง MV และมินิซีรี่ส์เอง ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน สร้างกระแสในกลุ่มไบเกอร์ และถูกพูดถึงในโลกโซเชียล มีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับซีรี่ส์เรื่องนี้ในหลากหลายแง่มุม ทั้งอยากให้มีภาคต่อ และต้องการออกทริปแบบในมินิซีรี่ส์ ทาง Yamaha จึงได้นำคอมเมนต์เหล่านั้นมาพัฒนาและต่อยอดเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ โดยจะจัดกิจกรรม Exclusive Trip ตามรอยมินิซีรี่ส์ “อยู่ที่เรา” โดยให้ลูกค้ายามาฮ่า M-SLAZ ได้ร่วมสนุกทางเฟซบุ๊ก เพื่อได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมเป็น 1 ใน 90 ผู้โชคดีได้ออกทริป 2 วัน 1 คืนร่วมกับโตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์,โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ และนางเอกน้องใหม่ แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช ซึ่งเป็นนักแสดงนำในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นการตอบแทนลูกค้าซึ่งถือว่า Exclusive มากจริงๆ”

ยอดขายและแนวโน้มตลาดมอเตอร์ไซค์ปัจจุบัน

แม้ว่าช่วงเริ่มต้น 3 เดือนแรกของปี 2016 ที่เพิ่งผ่านมานี้ ยอดขายโดยรวมของรถจักรยานยนต์ในประเทศจะหดตัวลงบ้างเล็กน้อย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ, ปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ ฯลฯ ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีการจำกัดการใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น แต่ในส่วนของรถสปอร์ตไบค์ของทางค่ายอย่าง M-Slaz นั้น กลับมียอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 400 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับยอดจำหน่ายของมอเตอร์ไซค์สไตล์อื่นอย่างน่าสนใจ

สำหรับยามาฮ่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 มียอดขายรวม 63,000 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นับว่าเติบโตสวนทางตลาดรวมที่ซบเซา นอกจากนี้ส่วนแบ่งตลาดก็เพิ่มขึ้น 3.1% จากเดิมมีส่วนแบ่ง 11% เพิ่มเป็น 14 %

ปัจจัยแรกมาจากยามาฮ่า มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี. ทำให้ยอดขายยามาฮ่าเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วน 27.7 % ของยอดขายยามาฮ่า ส่วนในกลุ่มออโตเมติก ก็มียอดขายเติบโต 8% รถในกลุ่มโมแพ็ด กลุ่มราคาย่อมเยา ยอดขายลดลง เนื่องจากยามาฮ่ายังไม่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่สู่ตลาด

ปัจจัยต่อมา เกิดขึ้นจากเทรนด์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปของนักขี่ชาวไทย ผู้คนหันมาขี่มอไซค์เป็นงานอดิเรก การตัดสินใจซื้อรถจักรยานต์ยนต์ที่แต่เดิมเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก ก็เริ่มแปรเปลี่ยนมาใช้ “อารมณ์” ในการพิจารณามากขึ้น เพราะลูกค้าในยุคปัจจุบัน มองหาความแตกต่าง และต้องการแสดงออกถึงตัวตนที่ไม่เหมือนใคร

M-Slaz ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยนักออกแบบชาวไทย เพื่อให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่จัดเต็มตั้งแต่หัวจดท้าย โฉบเฉี่ยวในแบบที่ไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่ม บวกกับขนาดเครื่องยนต์ที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางทั้งในเมืองและการออกทริปต่างจังหวัด ขับขี่ได้ง่ายทั้งชายและหญิง จากปัจจัยทั้งหลายที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นเหตุผลที่สนับสนุนให้ M-Slaz ได้รับความนิยมในเหล่า “ไบเกอร์” ชาวไทยนั่นเอง

20160513-ym-05

ติดตามรายละเอียดข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ ของยามาฮ่าได้ที่

Website: www.yamaha-motor.co.th
Facebook: http://bit.ly/Yamaha_Society_FB_
Instagram: http://bit.ly/Yamaha_Society_IG
Youtube: http://bit.ly/Yamaha_Society_Youtube_

]]>
1091608
“เมเจอร์” เปิดโรงหนัง 5 ปี 1,000 โรง https://positioningmag.com/58856 Wed, 03 Dec 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58856

แม้พฤติกรรมการดูภาพยนตร์ของคนไทยจะสูงขึ้นตามไลฟ์สไตล์คนเมืองก็ตาม แต่เมื่อเทียบอัตราการดูภาพยนตร์ของคนไทยต่อคนต่อปีแล้วมีเพียง 1 เรื่องเท่านั้น และโรงภาพยนตร์ในเมืองไทยยังมีอยู่แค่ 800 โรง

นี่คือ โอกาสทางธุรกิจ คุณวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)มองว่า ธุรกิจโรงภาพยตร์ยังเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีก ทั้งห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นทำเลหลักของเมเจอร์ต่อจากนี้ และเป็นที่มาของการประกาศยุทธศาสตร์ ขยายโรงภาพยนตร์ให้ครบ 1,000 โรง ภายใน 5 ปีข้างหน้า เน้นพื้นที่ต่างจังหวัด และในการปักธง และเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไป

สอดรับกับธุรกิจผลิตภาพยนตร์ในเครือ 4 บริษัท ที่วางแผนผลิตหนังไทยป้อนเข้าโรงหนังได้ปีละ 12-15 เรื่อง รองรับตลาดต่างจังหวัดที่นิยมหนังไทยมากกว่าคนในเมือง

]]>
58856
เอส เอฟ จับมือ โออิชิ กรีนที เอาใจคอการ์ตูนญี่ปุ่นรับปิดเทอม ส่งตรง 3 อนิเมชั่นสุดฮิตตลอดกาล พร้อมแจกตั๋วฟรี 25,000 ที่นั่ง https://positioningmag.com/57329 Fri, 11 Oct 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57329

“โออิชิ กรีนที” ผู้นำชาพร้อมดื่มของประเทศไทย จับมือ “โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ” ผุดไอเดียเก๋เปิดแคมเปญ “Anime Lover 2013” เอาใจคอการ์ตูนและเด็กๆ ทั่วประเทศให้สนุกเต็มจังหวะชีวิต รับปิดเทอมตลอดเดือนตุลาคม สั่งตรงภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นยอดนิยมระดับโลก 3 เรื่องดัง “โคนัน-โดราเอมอน-ดราก้อนบอล” ตอนพิเศษที่ยังไม่เคยฉายที่ไหนมาก่อน พร้อมจัดหนักแจกตั๋วหนังฟรีครั้งประวัติการณ์มากถึง 25,000 ที่นั่ง รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ได้แล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟทุกสาขา

คุณสุธี ธรรมสิทธิ์บูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “โออิชิ กรีนที ในฐานะชาเขียวแท้ต้นตำรับญี่ปุ่น มุ่งมั่นมอบความสนุกสดชื่นเต็มจังหวะชีวิตให้กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องๆ นักเรียนที่ต้องเรียนอย่างหนักตลอดภาคการศึกษาที่ผ่านมา ให้น้องๆ ได้ผ่อนคลายในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคมนี้ โออิชิ กรีนที จึงจับมือกับโรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เปิดแคมเปญ “Anime Lover 2013″ เลือกสรรภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิตติดอันดับเป็นการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาลถึง 3 เรื่องที่สั่งตรงเป็นพิเศษ ณ โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ที่เดียวเท่านั้น พร้อมกิจกรรมพิเศษแจกบัตรชมภาพยนตร์ฟรีถึง 25,000 ที่นั่ง รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท สำหรับแฟนโออิชิเท่านั้น เพียงนำกล่องเปล่าโออิชิ กรีนที ยูเอชที รสชาติใดก็ได้ 5 กล่อง มาแลกรับตั๋วหนังฟรี 2 ที่นั่งทันที ณ โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ทุกสาขา”

ทางด้าน คุณสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เราได้คัดสรรภาพยนตร์ซึ่งนับว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นยอดฮิตติดอันดับความนิยม 3 เรื่องเด็ด มาให้น้องๆ หนูๆ ได้ชมกันในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคมนี้ โดยเป็นภาพยนตร์ในโปรแกรม SF Exclusive Movie หนังดีที่จัดฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เท่านั้น และที่พิเศษเพิ่มขึ้นคือการได้รับการสนับสนุนหลักจาก โออิชิ กรีนที ในการเข้ามาสร้างสรรค์โดยมอบสิทธิ์ถึง 25,000 ที่นั่ง นับเป็นประวัติการณ์สำหรับคอภาพยนตร์อนิเมชั่นครั้งนี้ และนอกจากนี้เรายังร่วมจัดกิจกรรมพิเศษในภาพยนตร์แต่ละเรื่อง ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่องโดราเอมอน ที่จะจัดให้น้องๆ ได้สัมผัสโดราเอมอนที่บินตรงมาจากญี่ปุ่น โดยจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม ต่อด้วยกิจกรรมภาพยนตร์เรื่องโคนัน โดยเราจะจัดให้มีรอบพิเศษมอบความสุขให้กับเด็กด้อยโอกาสจากบ้านราชวิถี และจะมีแมสคอตตัวโคนันมาให้น้องๆ ได้เจอและทำกิจกรรมตลอดทั้งวันในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม และกิจกรรมสุดท้ายกับภาพยนตร์เรื่องดราก้อนบอล กับการปรากฏตัวของตัวการ์ตูนพร้อมกิจกรรมเด็ดๆ อีกมากมายในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม ซึ่งทั้ง 3 กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เรียกว่าเป็นการร่วมกันมอบความสุขให้กับคอหนังอนิเมชั่นได้ชมภาพยนตร์เรื่องโปรดและร่วมกิจกรรมกันอย่างจุใจแน่นอน”

แคมเปญ ‘Anime Lover 2013’ ให้น้องๆ และแฟนโออิชิได้ดูหนังฟรี 25,000 ที่นั่ง รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท เพียงนำกล่องเปล่าชาเขียวพร้อมดื่ม โออิชิ กรีนที ยูเอชที รสใดก็ได้ จำนวน 5 กล่อง ใช้เป็นสิทธิ์แลกรับตั๋วหนังฟรี 2 ที่นั่ง เพื่อชมภาพยนตร์อนิเมชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิต 3 เรื่องดัง ได้แก่ “โคนัน ตอน ฝ่าวิกฤตเรือรบมรณะ” “โดราเอมอน ตอนล่าโจรปริศนา เมืองวิเศษ” และ “ดราก้อนบอล ตอนศึกสงครามเทพเจ้า” ได้ ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงตลอดโปรแกรมฉาย หรือจนครบจำนวนสิทธิ์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SF Call Center 02-268-8888 และ www.sfcinemacity.com หรือ www.facebook.com/Welovesf หรือทาง www.facebook.com/OishiDrinkStation

ข้อมูลการฉาย :

• “โคนัน ตอน ฝ่าวิกฤตเรือรบมรณะ” เข้าฉายในวันที่ 10 ตุลาคม 2556
• “โดราเอมอน ตอน ล่าโจรปริศนา เมืองวิเศษ” เข้าฉายในวันที่ 17 ตุลาคม 2556
• “ดราก้อนบอล ตอน ศึกสงครามเทพเจ้า” เข้าฉายในวันที่ 23 ตุลาคม 2556

]]>
57329
ผ่าสูตรปั้น “ฮอร์โมน” สร้างโมเดลใหม่ ธุรกิจทีวี https://positioningmag.com/56000 Wed, 24 Jul 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56000

เผยสูตรปั้น “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ซีรีส์ไทยแนวใหม่ สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการทีวีด้วยเนื้อหาตีแผ่ชีวิตวัยรุ่นที่หาดูไม่ได้จากฟรีทีวีทั่วไป และออกอากาศในรูปแบบของ “มัลติแพลตฟอร์ม” แบบไม่แคร์สื่อหลัก และการใช้ “โซเชียลมีเดีย” สร้างกระแสและการหารายได้ ทำให้ซีรีส์ชุดนี้กลายเป็นโมเดลให้กับผู้ผลิตรายการที่ต้องจับตา

ยอดบน “ยูทิวบ์” เฉลี่ย 4 ล้านวิวต่อตอน หรือ Episode และดูสดพร้อมกันเกือบ 2 แสนคน และเฉพาะคลิปตัวอย่างของตอนหน้ามียอดคนดู 1 ล้านคน คือตัวเลขล่าสุดของคนดูซีรีส์ “ฮอร์โมน” ที่ออกอากาศมาจนถึงวันนี้ ยังไม่รวมกระแสบนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ที่พูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ ในวันเสาร์อาทิตย์ที่เป็นช่วงออกอากาศ ทำให้แฮชแท็ก #HormonesTheSeries ติดอันดับแรกของ Thaitrend เว็บจัดอันดับทวิตเตอร์ของไทย เป็นตัวเลขที่ยืนยันกระแสความแรงของ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ที่คนดูบอกต่อกันจนกลายเป็นซีรีส์ฮิตติดทั่วบ้านทั่วเมือง

ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับผลิตละคร ทั้ง “เนื้อหา” แตกต่าง และรูปแบบของการออกอากาศผ่านสื่อ และการสร้างกระแสผ่าน “โซเชียลมีเดีย” มาใช้เป็นส่วนผสมได้ลงตัว ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับจากค่ายจีทีเอช และบริษัทนาดาว บางกอก บอกกับ POSITIONING ว่า การตอบรับที่ได้มาจาก “เนื้อหา” ที่นำชีวิตวัยรุ่นยุคนี้มาตีแผ่ให้เห็นทุกแง่มุม ที่แตกต่างหาไม่ได้จากการดูในฟรีทีวีทั่วไป เพื่อมาออนแอร์ในช่องจีเอ็มเอ็ม วัน ให้ช่องรายการในทีวีดาวเทียมของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

โดยมีนักแสดงวัยรุ่นในสังกัดจีทีเอช และนาดาวบางกอก ที่ย้งดูแลอยู่ ทั้งที่คุ้นเคยดี พีช พชร, แพตตี้ อังศุมาลิน และนักแสดงใหม่ ทั้ง 9 คน เป็นตัวแทนของวัยรุ่นหลากหลายรูปแบบ ใช้วิธีสัมภาษณ์นักแสดง ดูการใช้ชีวิต เพื่อน ครอบครัว เพื่อพัฒนามาเป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละคร ย้งบอกว่า วิธีนี้ ให้นักแสดงได้บทที่ใกล้เคียงกับตัวเอง แสดงแล้วจึงไม่ฝืน หรือต้อง “จูน” กันมาก คนดูรู้สึกอินไปกับตัวละครได้ไม่ยาก

การเลือกนำเสนอชีวิตของวัยรุ่นที่เป็นชนชั้นกลางในซีรีส์นี้ ย้งมองว่า เป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคม เขาตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมของวัยรุ่นยุคนี้ ไม่ได้ “สุดโต่ง” ไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ได้อินดี้จ๋า วัยรุ่นยุคนี้ ดูละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ และดูฮอร์โมนได้ในเวลาเดียวกัน “ปัญหาเด็กในชุมชนแออัดที่ติดยาเสพติดเวลานี้ ไม่ใช่กลุ่มใหญ่ของคนในสังคมอีกต่อไปแล้ว กลุ่มวัยรุ่นชั้นกลางที่ถูกล่อลวงให้เสพยาไอซ์ เพื่อให้ผอม คือเด็กกลุ่มใหญ่ที่กำลังประสบปัญหา หรือวัยรุ่นตีกันก็ไม่ได้มีแต่เด็กช่างกล แต่เป็นเด็กโรงเรียนเอกชนของลูกคนรวยตามสยามสแควร์ กลุ่มคนชั้นกลางเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงในสังคม นั่นคือสิ่งที่ผมอยากเล่าเรื่องปัญหาของวัยรุ่นกลุ่มนี้”

นอกจาก “เนื้อหา” การเล่าเรื่องที่เสนอชีวิตวัยรุ่นแบบตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อน การเรียน ความรัก ผ่านตัวละครที่แตกต่างกัน9 คน โดยไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก แต่ให้ไปคิดต่อ ทำให้วัยรุ่นรู้สึกใกล้ตัว จนเกิดการบอกต่อและขยายในวงกว้าง ผู้ปกครอง ครู และยังขยายไปสู่คนทั่วไป

ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ การใช้สื่อโซเชียลมีเดียมาใช้โปรโมตอย่างเป็นระบบ ย้งบอกที่มาว่า ทั้งจีทีเอชและจีเอ็มเอ็ม วัน ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำซีรีส์มาก่อน งบโปรโมตก็ไม่มี ก่อนซีรีส์ออนแอร์ เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการใช้ “โซเชียลมีเดีย” เพราะใช้เงินไม่มาก ซึ่งตัวย้ง ทีมนักแสดง ล้วนแต่มีอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ไว้คุยกับแฟนประจำอยู่แล้ว มาผสมกับสื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ของจีทีเอช การร่วมมือกันโปรโมต

ด้วยคอนเทนต์ในแนวทางเดียวกัน ภาพนักแสดง ออกคลิปทีเซอร์ เกิดเป็น “พลัง” จุดติดกระแส “ฮอร์โมน” ขึ้นในโซเชียลมีเดียต่อเนื่อง “พอถึงช่วงออนแอร์ พอดีกับมี Episode 0 แนะนำตัวนักแสดง ที่เน้นให้ดูสนุก และแปลกใหม่ ทำให้คนรอดู กระแสตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอเริ่มออนแอร์ในช่องจีเอ็มเอ็ม วัน เราก็เริ่มวัดเรตติ้งกัน จากช่องที่ไม่เคยติดอันดับท็อป 20 กับเขามาก่อน ออก Episode แรกก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 7 พอEpisode 2 ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 และขึ้นมาเป็นอันดับ3 ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็เริ่มเห็นทาง” การใช้สื่ออนไลน์ คุยกับแฟนๆ ทั้งตัวย้งและนักแสดง จึงถูกนำมาใช้ต่อเนื่อง เกิดกระแสบอกต่อ จากที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเริ่มกระจายสู่คนข้างนอกให้มาสนใจ

ส่วนการออกอากาศช่วงแรก มีเฉพาะช่องจีเอ็มเอ็ม วัน และเว็บไซต์ ย้งบอกว่า ไม่คิดจะออนแอร์บนยูทิวบ์ จนมาเจอปัญหาเว็บล่ม เพราะรองรับได้แค่ 4,000 คน พอเว็บล่ม คนดูเริ่มด่า จีเอ็มเอ็ม วันจึงต้องเจรจาเพื่อถ่ายทอดสดบน “ยูทิวบ์” “ตอนแรกคิดจะบล็อกด้วยซ้ำ แต่เราคิดกันใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เราน่าจะโปรโมตให้คนมาดู และจากที่ผมเคยทำซีรีส์คอฟฟี่ปรินซ์ให้กับทรูวิชั่นส์มาแล้ว รู้ว่าคนที่เขาไม่ได้ดูตั้งแต่ตอนแรก พอมีคนบอกต่อ เขาย้อนกลับไปดูตอนที่ผ่านมา” ปรากฏว่ากระแสคนดูใน “ยูทิวบ์” แรงมาก ผลตอบรับไม่เพียงแค่คนดู แต่ยังรวมไปถึงโฆษณา พอ Episode 3 ที่ได้รับความสนใจจากสินค้าและเอเยนซี่ มาซื้อเวลาช่วงถ่ายทอดสดบน ยูทิวบ์ ทำให้มีโฆษณา 8 ชิ้น เต็มทั้ง 8 สลอต ตลอดไปถึง 2 สัปดาห์ รวมถึงโฆษณาในช่อง ทั้งในช่อง จีเอ็มเอ็น วัน และในเพลย์ชาแนล ที่เป็นการฉายรีรัน

 

 

ฉีกโมเดลทีวีแบบเดิม ก่อนหน้านี้ “ย้ง” เคยถูกตั้งคำถามว่า การออกอากาศแค่ 45 นาที ตอน 4 ทุ่ม แค่ครั้งเดียวใน 1สัปดาห์ จะไปรอดได้อย่างไร ในเมื่อศาสตร์ของการทำละครไทยในฟรีทีวีทุกวันนี้ ที่ต้องออกอากาศวันละ 2-2.30 ชั่วโมง 3 วันติดต่อกัน จึงจะดึงคนดูไว้ได้ ย้ง คิดต่าง เขาเลือกแนวเดียวกับ “ซีรีส์” ต่างประเทศ เล่าเรื่องให้เร็วและเข้มข้น เมื่อเนื้อหาเข้มข้น บวกกับการทิ้งค้างเพื่อเปิดปมในตอนหน้า ทำให้คนดูไปพูดต่อ ส่งต่อไปถึงสัปดาห์หน้า พฤติกรรมคนดูในยุคโซเชียลมีเดียก็สำคัญ ยุคนี้คนดูละครไปก็เมนต์บนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ย้งและเหล่านักแสดงจึงมีหน้าที่ ร่วม “เมนต์” กับคนดู กระแสก็ยิ่งแพร่กระจาย จากเดิมที่ยอดแฮชแท็ก #HormonesTheSeries สูงมากตอนสี่ทุ่ม แต่ยอดสูงพุ่งมาตั้งแต่เช้าวันเสาร์ หลังจากออนแอร์สดคืนวันเสาร์ และนำมารีรันต่อในวันอาทิตย์ พอถึงวันจันทร์กระแสเมาท์ “ฮอร์โมน” ถูก “เมาท์” ต่อในโรงเรียน กระแสถูกเลี้ยงต่อด้วยการปล่อย “ทีเซอร์” Episode ตอนถัดไป วัยรุ่นที่ดูฮอร์โมน ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ แต่ทุกพื้นที่ที่ออนไลน์ได้ และเมื่อฮอร์โมนถูกพูดถึงมากขึ้น การบอกต่อยิ่งกระจาย จากวัยรุ่นมาสู่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู นักศึกษา และคนทำงาน “อิน” ซีรีส์นี้ เพราะทำให้ย้อนยุคนึกถึงอดีต เมื่อกระแสถูกส่งไป นักเขียน ศิลปิน นักการตลาด ที่จัดเป็น “อินฟลูเอ็นเซอร์” กระแสฮอร์โมน ก็เลยเข้าสู่แมสแบบเต็มตัว เมื่อก่อนฟรีทีวีเป็นชาแนลใหญ่ ที่จะทำโปรดักชั่น แต่ดาวเทียมไม่มีงบให้ทำ แต่ฮอร์โมน พิสูจน์แล้ว่าไม่เสมอไป “ถ้าเนื้อเรื่องดี โปรดักชั่นถึง” สู้ฟรีทีวีได้สบาย ฮอร์โมนซีรีส์นี้ใช้งบลงทุนตอนละ 1 ล้าน ตัวเลขนี้ถือว่าเยอะสำหรับรายการในทีวี แต่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการผลิตภาพยนตร์ ที่ใช้พลังน้อยกว่า และไม่ยากเท่า “ซีรีส์สอง จึงอยู่ระหว่างพูดคุยกันว่าจะทำต่อ และจะเพิ่มงบผลิตได้แค่ไหน โฆษณาเองก็ไม่ได้เป็นปัญหา มีรายได้ทั้งจากไทร์อิน ช่วงออนแอร์สดในยูทิวบ์” เพราะผลตอบรับที่ได้จากซีรีส์แรก ทั้งแบรนด์อะแวร์เนสของช่องจีเอ็มเอ็ม วัน รายได้โฆษณาจากถ่ายทอดสดบนยูทิวบ์ จากรีรันในช่องเพลย์ชาแนล ตัวนักแสดงที่มีแบรนด์ติดต่อให้เป็น “พรีเซนเตอร์” คาแร็กเตอร์ งานละคร อีเวนต์ อีกเพียบ ผ่าสูตรสำเร็จ ในขณะที่ธาม เชื้อสถาปนสิริ นักวิชาการ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) มองว่า จีเอ็มเอ็ม เป็น “นิวคัมเมอร์” ที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการทีวี ด้วยโมเดลใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในฟรีทีวี จากคอนเทนต์ที่แตกต่าง รูปแบบ การออกอากาศ และใช้สื่อโปรโมต ความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้มาจากยุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ 1.เนื้อหา ถือว่าเป็น King เนื้อหาเป็นซีรีส์ หาดูไม่ได้ในฟรีทีวี และในเคเบิลทีวี ซึ่งยังไม่มีใครกล้าทำแนวนี้ ผู้ชมที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นชอบเนื้อหาภาพยนตร์ที่เป็นซีรีส์ และเนื้อหาไม่สอนตรงๆ อย่างที่เคยมีมาก่อน นำเสนอผ่านตัวละคร และให้วัยรุ่นคิดเอาเองจากบทบาทของตัวละครแต่ละตัว ทำให้โดนใจเด็กวัยรุ่น และ ผู้ชมที่เคยเป็นวัยรุ่น รวมทั้งมีการจบเรื่องที่เหมือนกับภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่ไม่สรุปตอนจบ 2.ใช้กลยุทธ์ Multi Platform ออกอากาศทั้งในออนไลน์ (Online), ออนแอร์ (On Air), ออน อีเวนต์ (On Event) เริ่มตั้งแต่ 1.พรีออนแอร์ (Pre On-Air) 2.ออนแอร์ (On-Air) 3.โพสต์ออนแอร์ (Post On-Air) 3.ช่วงเวลาออกอากาศ กลางคืนหลัง 4 ทุ่ม เป็นเวลาที่ดี เลี่ยงเวลาไพรม์ไทม์ (Prime time) คือ ในช่วงละครของฟรีทีวี 4.วางแผนการตลาด สร้างการรับรู้ให้กับผู้ชมในโลกโซเชียลมีเดีย ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อในการสร้างกระแสไวรัล ตั้งแต่ก่อนออกอากาศ ปล่อยคลิปหลังออกอากาศไปแล้ว ให้คนดูย้อนหลัง ดึงความสนใจให้ดูย้อนหลัง ก็ให้ผู้ชมรอตอนออกอากาศจริง ในช่องจีเอ็มเอ็ม แซท จากนั้นสร้างกระแสการพูดคุยในระหว่างการออกอากาศให้เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดีย ปรากฏการณ์ฮอร์โมน จึงเป็นการกลยุทธ์การตลาด “มัลติแพลตฟอร์ม มาร์เก็ตติ้ง (Multi Platform Marketing) คือใช้การตลาดแบบไม่ต้องแคร์สื่อ ไม่ต้องสนใจสื่อกระแสหลัก แต่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อในการสร้างกระแส มาช่วยสร้างเรตติ้งเมื่อถึงเวลาที่ฮอร์โมนออกอากาศจริงในจีเอ็มเอ็ม แซท”

 

 

บทเรียน “เสือหลับ” ฟรีทีวี ธามมองว่า ความสำเร็จของซีรีส์ฮอร์โมนจะส่งผลให้ เสือหลับอย่าง ช่อง 7 จะลำบาก หากยังไม่ปรับยุทธศาสตร์ เพราะกลุ่มคนดูช่อง 7 เป็นคนต่างจังหวัด อายุ 40-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชมที่ไม่ถนัดใช้โซเชียลมีเดีย ทำให้การปรับเนื้อหาเข้าสู่โซเชียลมีเดียทำได้ยาก แม้ว่าช่อง 7 จะมีเว็บไซต์ แบงกะบู www.bangaboo.tv แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ติดตลาด เพราะเน้นรายได้มากกว่าคนดู ซึ่งจะดูได้ก็ต้องเสียเงินเข้าไป และ มีโฆษณาคั่น เรียกว่า เป็นรูปแบบที่ไม่เหมาะกับกลุ่มผู้ชมในโลกโซเชียลมีเดีย ฟรีทีวีต้องปรับตัว ซีรีส์ฮอร์โมนยังสะท้อนว่า การสร้างเนื้อหาให้ออกอากาศได้เฉพาะในทีวีเพียงอย่างเดียว หรือ Single Format เหมือนในอดีตคงไม่ได้แล้ว ต้องคำนึงถึงการออกในออน์ไลน์ หรือ “เสพเรื่องเดียวกัน แต่ต่างแพลตฟอร์ม” ในต่างประเทศ การทำทีวีจะมีสูตร คือ ผลิตเนื้อหาให้ได้ 120% โดย 100% นำไปออกอากาศในช่องทีวี และ อีก 20% พร้อมออกออนไลน์ และใช้กลยุทธ์การตลาด Viral มาใช้กับ Content โดยช่วงแรกจะต้องปล่อยเบื้องหลังการถ่ายทำ,คำหลุดๆ เพื่อเรียกน้ำย่อย และทำให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก หรือเวิร์ด ออฟ เมาท์ (Word of Mouth) “ฮอร์โมน” จึงเป็นภาพยนตร์ที่เดินตามสูตรความสำเร็จการตลาด ที่เนื้อหาผลิตออกมาเพื่อออกอากาศในช่องทีวี 100% และอีก 20% มีเนื้อหาพร้อมออกออนไลน์ และนี่คือ ปรากฏการณ์ “ฮอร์โมน” ที่สะท้อนถึง โมเดลใหม่ของการผลิตรายการทีวี ในรูปแบบใหม่ การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการออกอากาศ การโปรโมต ตลอดจนการสร้างรูปแบบของรายได้ใหม่ ที่ต้องจับตา

]]>
56000
GTH 1 แบรนด์ 2 คนบน LINE https://positioningmag.com/14946 Fri, 12 Oct 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14946

ค่ายหนัง GTH ตัดสินใจเป็น 1 ในสมาชิก Official LINE  หลังจากได้รับการติดต่อจากผู้บริหารชาวเกาหลีของ LINE ด้วยเหตุผลว่า ทำให้ GTH มีช่องทางสื่อสารกับผู้ชมของ GTH ส่วน LINE ก็เลือก GTH ค่ายหนังอันดับ 1 ของวัยรุ่นไทย จากการเสิร์ชแล้วพบว่าเรื่อง กวน มึน โฮ ได้รับความนิยมอย่างมาก
 
นอกจากค่าย GTH แล้ว LINE ยังขอให้ค่ายเลือกดาราชายและหญิงอย่างละ 1 คน มาทำ Official LINE ซึ่งทางค่ายก็เลือก เต๋อ-ฉันทวิชช์ กับ โอปอล์-ปาณิสรา ด้วยเหตุผลว่าทั้งสองคนเป็นดาราชาย-หญิงที่แทบจะเป็นโลโก้ของ GTH อีกทั้งยังเป็นคนที่มีฐานแฟนคลับในโซเชี่ยลมีเดีย และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทำให้คอนเทนต์ที่ปรากฏในโซเชี่ยลมีเดียมีความน่าสนใจ

เบื้องหลังดีลนี้เกิดขึ้นจากการที่ทีมของ LINE ต้องการให้กลุ่มแฟนคลับของ GTH หันมารู้จัก LINE มากขึ้น ไพโรจน์ เทวินบุรานุวงศ์ Head of Marketing & Communication, GTH เล่าว่า “LINE ต้องการศิลปิน ดารา หรือค่ายหนังที่มีฐานแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่คนที่ทำการตลาดแบบ Mass ตอนที่ GTH ทำก็มีบริษัทอื่นที่สนิทกันในเครือแกรมมี่ติดต่อไป แต่ LINE ยังขอไม่ทำด้วย เพราะ LINE มองตัวเองว่าเป็น Media แล้วบริษัทนั้นก็เป็น Media เหมือนกัน ถึงจะเป็นสื่อคนละประเภทก็เถอะ แต่ LINE ก็ไม่เอา นี่เป็นวิธีคิดของเขา”

“GTH ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร LINE เองก็ไม่ได้จ่ายอะไรให้เรา ข้อตกลงถือว่า Win-Win หมายถึง LINE เองก็ใช้ฐานแฟนของ GTH ให้มารู้จักและใช้ LINE มากขึ้น ส่วนเราเองก็มองว่า LINE เป็นช่องทางที่น่าสนใจ ก็เป็นสื่อที่คนใช้เยอะมาก เพื่อนๆ ที่อยู่ในคอนแทคเราก็ใช้กันหมด” 

และหลังจากที่ใช้ Official LINE ได้ 2 เดือนยอดสมาชิกของโอปอล์ก็กลายเป็น Official LINE ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศไทย มีสมาชิกประมาณ 2.6 แสนคน และจากการวางระบบภายในของ LINE ทำให้ LINE และ GTH ทราบถึงข้อมูลของผู้ที่มาเป็นสมาชิก Official LINE เท่าที่ผู้เล่นคนนั้นกรอกข้อมูลไว้กับ LINE ไปด้วย ทำให้ GTH ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นของสมาชิก ซึ่งตอนนี้การใช้ Official LINE ยังอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้ ว่าจะเอามาใช้ประโยชน์สูงสุดได้ด้วยวิธีไหน โดย GTH มองว่า LINE น่าจะเป็นอีก 1 มีเดียที่ทำหน้าที่ต่างจากแฟนเพจหรือทวิตเตอร์ที่ GTH จะใช้ทั้งหมดให้เป็นประโยชน์ในเวลาเดียวกัน

การบริหารคอนเทนต์บน LINE ของ GTH ถือว่าอยู่ในขั้นเรียนรู้ ทีมงานออนไลน์ของ GTH ที่มีอยู่ 5 คน กำลังศึกษาว่าจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ตอนนี้ใช้เป็นเหมือนการส่งข้อความประชาสัมพันธ์ไปก่อน โดยพยายามจะจำกัดข้อความที่ส่งไม่เกินวันละ 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม การใช้ Official LINE ในเบื้องต้นนี้ ตรงกับเวลาโปรโมตหนังฟอร์มยักษ์ของค่ายเรื่อง “รัก 7 ปี ดี 7 หน” ทำให้เวลาที่ดาราในเรื่องเดินสายโปรโมตหนังกับรายการบันเทิงใด GTH ก็ประชาสัมพันธ์รายการนั้นไปด้วย ทำให้ข้อความใน Official LINE ของ GTH มีมากกว่า Official LINE อื่นๆ

พัฒนาการขั้นต่อไปของ LINE กับ GTH คือการนำเอาคาแร็กเตอร์ของดาราในสังกัดมาทำเป็นสติ๊กเกอร์ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคาแร็กเตอร์ของ เต๋อ-ฉันทวิชช์ ที่มีความกวนแบบน่ารัก นอกจากนี้ก็จะเอาวลีเด็ดจากหนังของค่ายที่ผู้ชมประทับใจมาออกแบบสติ๊กเกอร์เช่นกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ฟรีหรือว่าสร้างรายได้จากค่าดาวน์โหลด แต่รับรองว่าแฟน GTH ต้องได้เห็นสติ๊กเกอร์จากค่ายหนังรายนี้แน่ๆ

นอกจากนี้ยังมีความพยายามของแบรนด์อื่นๆ ที่อยากเข้ามาใช้พื้นที่บน Official LINE ของ GTH ไพโรจน์ยังมองว่าจะไม่ใช้พื้นที่นี้ น่าจะให้เพื่อกิจกรรมของ GTH เท่านั้น ถ้าหากว่าจะพูดถึงแบรนด์อื่นก็จำกัดแค่เพียงแบรนด์ที่เป็นสปอนเซฮร์ของหนังอยู่แล้ว และมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหนังของ GTH ที่เข้าฉายในช่วงเวลานั้นเท่านั้น จะไม่ใช้เป็นช่องทางโปรโมตหรือรับ Tie-in ให้กับแบรนด์อื่นเด็ดขาด เพราะจะทำให้สมาชิก Official LINE ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรง

]]>
14946
เอส เอฟ เอาใจสาวก GTH เสิร์ฟแคมเปญใหญ่ต้อนรับหนังรักแห่งปี “รัก 7 ปีดี 7 หน” ซื้อ 1 ที่นั่งฟรี 1 https://positioningmag.com/55450 Fri, 03 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55450

โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ร่วมกับค่ายหนังอารมณ์ดี “จีทีเอช” เอาใจคอหนังรักมอบความพิเศษเพื่อร่วมฉลอง 7 ปี GTH พร้อมเสิร์ฟแคมปญใหญ่ เพียงนำบัตรประชาชนที่มีเลขประจำตัวลงท้ายด้วยเลข “7” สามารถแลกรับสิทธิ์ซื้อบัตรชมภาพยนตร์เรื่อง “รัก 7 ปีดี 7 หน” 1 ที่นั่ง รับฟรี 1 ที่นั่งทันที! (จำกัด 7,000 สิทธิ์) ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า, เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า และ เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่ www.sfcinemacity.com และ SF Call Center 02-268-8888 ช้าหมดอดรับสิทธิ์นะจ๊ะ!!!

]]>
55450
ปาร์ตี้สุดฮอตเอาใจหนุ่มโสดในงาน “SF-Chang Bachelor Valentine Party” https://positioningmag.com/55216 Fri, 17 Feb 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55216

เอส เอฟ สไตร์ค โบว์ล และเครื่องดื่มตราช้าง โดย ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรักด้วยการจัดปาร์ตี้สุดฮอต “SF-Chang Bachelor Valentine Party” คัดเฉพาะหนุ่มโสด 100 คนที่จะได้เข้ามาร่วมงานและลุ้นเป็นผู้โชคดีที่จะได้ไปดินเนอร์กับสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ได้รับการโหวตมากที่สุด ในค่ำคืนวันวาเลนไทน์แบบสุดเอ็กคลูซีฟ งานเริ่มต้นขึ้นเมื่อพิธีกรสุดฮา แจ๊ค ไรเดอร์ ออกมาพร้อมกับการแนะนำตัวเหล่าบรรดาสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เราคัดสรรมาแล้วทั้ง 10 คน สร้างความตื่นเต้นในช่วงแรก ก่อนเข้าช่วงแห่งความร้อนแรงกับสองสาวตัวแม่แห่งความเซ็กซี่ แนนนี่และเบล์ลแห่งวง Girly Berry ออกมาโชว์ลีลา ท่าเต้น และเสียงร้อง ทำให้หนุ่มๆนั่งมองตาค้างกันเลยทีเดียว 

หลังจากจบมินิคอนเสิร์ตพิธีกรอารมณ์ดีเดินเครื่องสร้างความตื่นเต้นไปอีกขึ้นด้วยเกมส์เพื่อให้หนุ่มๆได้มีโอกาสใกล้ชิดกับสิบสาวสุดเซ็กซี่มากขึ้น กับเกมส์ “ชีวิตโสด ดื่มซะ” โดยที่หนุ่มๆไม่ต้องถือแก้วเบียร์เพราะสาวสวยของเราจะเป็นคนป้อนให้เอง เล่นเอาหนุ่มๆ ถึงกับอ้างปากค้าง ไฮไลท์ของงานนี้เห็นจะเป็นการลุ้นว่าใครจะได้เป็นสาวสุดฮอตที่สุดของงานและจะมีเพียงหนุ่มโสดหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ไปดินเนอร์สุดพิเศษด้วยกันในคืนวันวาเลนไทน์ ที่ Red Sky ชั้น 55 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด งานนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับหนุ่มผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลไป สำหรับหนุ่มๆ ที่พลาดก็ไม่ต้องเสียใจ ครั้งหน้าเอส เอฟ สไตรค์ โบว์ล จะจัดกิจกรรมดีดีอย่างนี้มาให้หนุ่มๆ ได้ร่วมสนุกกันอีกแน่นอน

]]>
55216
เอส เอฟ กวาดหนังเข้าชิงออสการ์มาฉายให้ชมมากที่สุดตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 55 https://positioningmag.com/55100 Thu, 02 Feb 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55100

โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เดินหน้าที่คัดสรรและรวบรวมหนังดีมีคุณภาพมากำนัลให้ลูกค้าคอหนังได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด! เป็นโรงภาพยนตร์แห่งเดียวที่รวบรวมภาพยนตร์คุณภาพรางวัลระดับโลกที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 84 มาฉายให้ได้ชมกันอย่างจุใจมากที่สุดถึง 7 เรื่อง ได้แก่ 

ภาพยนตร์เรื่อง “Tinker Tailor Soldier Spy” ฝีมือการกำกับของ โทมัส  อัลเฟรดสัน ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัสออสการ์ 3 รางวัล เข้าฉายเมื่อวันที่ 5 มกราคม 55 

ภาพยนตร์เรื่อง “Moneyball”  ที่ได้ แบรด พิทท์  มาเป็นนักแสดงนำ และได้เสนอชื่อเช้าชิงรางวัลออสการ์ 6 รางวัล เข้าฉายเมื่อวันที่ 26 มกราคม 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Warhorse” ผลงานการกำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 6 รางวัล เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “W.E.” หยุดโลกไว้ที่รักเธอ ผลงานของ มาดอนน่า นักร้องชื่อดัง ที่คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำปี 69 มาครอง และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขา Best Achievement in Costume Design กำหนดเข้าฉายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Descendants” ที่เพิ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีและรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม โดยจอร์จ คลูนี่ ในงานประกาศผลลูกโลกทองคำครั้งที่ 69 (2012 Golden Globe Awards) ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพนย์ และถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ 5 รางวัล กำหนดเข้าฉายวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Hugo” ผลงานโดยมาร์ติน สกอร์เซซี่ ที่เพิ่งคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากที่สุดในงานถึง 11 รางวัล กำหนดเข้าฉายวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “The Artist”  หนังเงียบขาวดำจากประเทศฝรั่งเศส ที่สามารถคว้า 3 รางวัลลูกโลกทองคำคือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์เพลงและตลก ดารานำชายยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์เพลงและตลก และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  และยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 10 รางวัล  กำหนดเข้าฉายวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 55

ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง “Tinker Tailor Soldier Spy”, “Moneyball”, “Descendants” และ “The Artist” จัดเป็น SF Exclusive Movie ที่มีฉายเฉพาะที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เท่านั้น ลูกค้าคอหนังคุณภาพสามารถติดตามพร้อมสอบถามข้อมูลรอบฉายภาพยนตร์ดีการันตีด้วยรางวัลทั้ง 7 เรื่องนี้ได้ที่ www.sfcinemacity.com และ SF Call Center 02-268-8888 

 

]]>
55100
GTH ได้เวลาเล่าเรื่องด้วยภาพนิ่ง https://positioningmag.com/14435 Mon, 23 Jan 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14435

ตอนนี้ Instagram กำลังเป็นของเล่นฮิตในกลุ่มคนทำงานของ GTH เพราะว่าทรัพยากรภายในค่ายหนังวัยรุ่นแห่งนี้ ประกอบไปด้วยดาราที่ผู้เล่น Instagram สนใจ เช่น เต๋อ-ฉันวิชช์, โอปอลล์ หรือแม้แต่ผู้กำกับ GTH ที่มีแฟนคลับเช่นเดียวกัน   

ไพโรจน์ เทวินบุรานุวงศ์ Head of Marketing & Communication, GTH เล่าถึงการใช้ Instagram ของคนในค่าย และการปรับเอา Instagram มาใช้เป็นไอเดีย สร้างหนัง เอาไว้ว่า ผู้กำกับของจีทีเอชแต่ละคนเล่นเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และผู้กำกับแต่ละคนก็จะมีมุมมองของตัวเอง รวมทั้งคนในแกรมมี่เองก็นิยมเล่นกัน จนกลายเป็นคอมมูนิตี้ ที่มีทั้งการตั้งโจทย์ แล้วแข่งกันนำเสนอภาพ จากความ “อิน” ภายในองค์กร และกระแสของสังคม ทำให้เรื่องราวของ Instagram กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหนังฟอร์มยักษ์ของ GTH ในปี 2555 ที่มีนิชคุณ จาก 2PM ร่วมแสดง 

“ปี 2555 GTH จะครบ 7 ปี เราจะทำหนังฉลอง เป็นหนัง 3 ตอนในเรื่องเดียว 1 ในนั้นจะเล่าเรื่องของวัยรุ่น พลอตเรื่องจะตั้งคำถามว่า ระหว่าง Follower กับแฟนที่อยู่ตรงหน้า จะเลือกอะไร” ในหนังจึงเลือกหยิบเอาโซเชี่ยลมีเดียยอดฮิตทั้งหมดมาอยู่ในฉาก พฤติกรรมเช็กอินตลอดเวลา ถ่ายรูป Instagram ก่อนกินข้าว จะมีให้เห็นในหนัง ตอกย้ำว่า Instagram เป็นแอพฯ ที่วัยรุ่นสนใจ

ส่วนการนำเอา Instagram มาใช้ในการตลาด ไพโรจน์ใช้วิธีโพสต์รูป สแตนดี้, โปสเตอร์หนังใหม่ๆ หรือถ่ายรูปดาราในสังกัดแอคชั่นแปลกๆ ที่ไม่มีใครเคยเห็นแล้วโพสต์ลงในเครือข่ายของตัวเอง ซึ่งช่วยวัดฟีดแบ็กหรือเข้าใจพฤติกรรมของแฟนหนัง GTH ได้ในระดับหนึ่ง   

“เวลาที่มีสื่ออะไรออกมาใหม่ ผมก็ใช้วิธีโพสต์ลง Instagram อย่างเช่นมีโปสเตอร์หนังออกใหม่ 3 แบบ ก็โพสต์วันละแบบ แล้วดูว่าแบบไหนใครชอบมากที่สุด แต่ธรรมชาติของโซเชี่ยลมีเดียแบบนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า คนจะตื่นเต้นกับสิ่งของที่เขาเห็นเป็นครั้งแรกเสมอ เช่น มีโปสเตอร์ 3 แบบ คนจะชอบแบบแรกมากกว่าอยู่แล้ว แต่มันก็ช่วยให้เข้าถึงคนดูได้มากขึ้น ตอนนี้ GTH คงยังไม่มีแอคเคานต์ Instagram ต่างหาก เพราะถ้าแอคเคานต์ของแบรนด์มาเพื่อการโปรโมตเลย ทำแบบนั้นคนก็จะไม่ Follow มันไม่ธรรมชาติ คนจะคิดว่าเข้ามาตามแล้วก็มีแต่ยิงโฆษณาไปหาเขา”  

]]>
14435